เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงหึในลำคอ"เจ้ารู้จักพูดจริงๆ"อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่ใช่ว่ากระหม่อมรู้จักพูด แต่เป็นเพราะนับตั้งแต่สมัยโบราณ ขุนนางและแม่ทัพผู้ภักดีมักจะถูกผู้อื่นอิจฉาริษยา กระหม่อมแค่พูดตามความรู้สึก"เย่จิ่งอวี้พ่นลมหายใจยาว"แล้วเรื่องของอินสิงอวิ๋นล่ะ จะอธิบายว่าอย่างไร"เขากำลังพูดถึงตระกูลอินจริงๆอินชิงเสวียนรีบจัดระเบียบคำพูดของนางอย่างรวดเร็ว"กระหม่อมอยู่กับฝ่าบาทมานานแล้ว ได้ยินเรื่องของตระกูลอินมาบ้าง ถ้าตระกูลอินสมรู้ร่วมคิดกับกบฏเจียงวูจริงๆ พวกเขาจะซ่อนหลักฐานการทรยศไว้ที่บ้านได้อย่างไร เชื่อว่าฝ่าบาททรงปรีชา คงคิดถึงข้อนี้แต่แรกแล้ว"อินชิงเสวียนกล่าวประจบ แล้วพูดต่อว่า "กระหม่อมคิดว่าตระกูลอินต้องถูกคนใส่ร้าย"เย่จิ่งอวี้ถามเบาๆ "แล้วผู้ใดอยากใส่ร้ายตระกูลอินล่ะ""เอ่อ...เรื่องนี้กระหม่อมก็ไม่ทราบ"เย่จิ่งอวี้มองไปข้างหน้าและพูดว่า "ตระกูลอินไม่เคยเป็นศัตรูกับผู้ใดเลย แม้ว่าจะถูกใส่ร้าย แต่ก็ต้องมีเหตุผลอ้าง""ถ้าจะเอ่ยถึงเหตุผลอ้าง เช่นนั้นก็มีมากมาย"อินชิงเสวียนพูดพร้อมกับแยกนิ้ววิเคราะห์ "บางทีอาจไม่ชอบใต้เท้าอินที่โดดเด่นในด้านการรบ
ทันทีที่อินชิงเสวียนเข้ามาก็บังเอิญเห็นฉากนี้ความรู้สึกเหมือนถูกทรยศได้อุบัติขึ้น ในใจรู้สึกอิจฉายิ่งนักเสี่ยวหนานเฟิงแนบแก้มกับใบหน้าของเย่จิ่งอวี้ ทำให้ใบหน้าของเขาเปียกด้วยน้ำลายอินชิงเสวียนรีบกล่าวทันที "ฝ่าบาท ท่านส่งลูกให้กระหม่อมเถอะ ประเดี๋ยวถูกเขากัดเอา"เย่จิ่งอวี้พูดด้วยรอยยิ้มละไม "เขาไม่กัดข้าหรอก"อินชิงเสวียนกลอกตา ลืมตอนที่เขาชกพระองค์ไม่ได้แล้วหรือ สำคัญตัวเองจริงๆเย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงนั่งบนตัก จับมือเล็กๆ ของเขาแล้วพูดอย่างอบอุ่น "ในอีกไม่กี่วัน เจ้าจะเป็นอ๋องแล้ว เป็นอ๋องคนแรกที่ข้าแต่งตั้ง เสี่ยวหนานเฟิงเจ้าดีใจหรือไม่"อินชิงเสวียนอยากจะบอกว่าแม่ของเขาไม่ดีใจเลย แต่นางไม่มีความกล้า ดังนั้นนางจึงต้องหุบปากและแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสี่ยวหนานเฟิงดูเหมือนจะเข้าใจ แล้วมือเล็กๆ อันจ้ำม่ำของเขาก็โบกไหวๆ อย่างมีความสุขอินชิงเสวียนแอบมองเย่จิ่งอวี้แวบหนึ่ง เป็นอ๋องดีอย่างไร เป็นฮ่องเต้ยังจะดีเสียกว่า ถ้านางเป็นไทเฮาออกว่าราชการผ่านหลังม่านได้ คงจะดีไม่น้อยชั่วพริบตา ค่ำคืนก็มืดสนิทลงเสียงกลองดังขึ้นในยามสอง และในที่สุดเย่จิ่งอวี้ก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่
"นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรอีก"เสียงของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ฟังไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใดเจวี๋ยอิงที่คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวต่อว่า "บอกว่าฝ่าบาทไม่ยอมรับอันผิงอ๋อง ต้องการจะสังหารกันเอง"เย่จิ่งอวี้หัวเราะเยาะ และพูดว่า "ในที่สุดเรื่องดาวมงคล ก็ทำให้คนนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้"เจวี๋ยอิงกล่าวเสริมอีกว่า "ตามรายงานจากสายลับที่ซ่อนอยู่ในเมือง ดูเหมือนจะมีชาวยุทธ์จำนวนมากปะปนอยู่ในเมืองหลวง"เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขึ้น ถามอย่างเย็นชา "สืบได้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด"เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความเคารพ "เวลานี้ยังไม่ทราบ กระหม่อมได้สั่งให้พวกเขาเร่งตรวจสอบแล้ว"กระแสเสียงของเย่จิ่งอวี้เริ่มกระด้างขึ้น"เจ้าถอยไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น!""กระหม่อมเข้าใจแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"หลังจากที่เจวี๋ยอิงจากไปแล้ว เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงอีกครั้งนับตั้งแต่อันผิงอ๋องออกจากสุสานหลวง เรื่องราวหลายอย่างในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเขาต้องการดูว่าคนเหล่านี้จะทำอะไรได้อีกบ้างหลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "หลี
เมื่อมองดูดวงตาที่ใสกระจ่างของเย่จั้นแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในใจ"ข้าจะจัดการสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ผิดต่อความไว้วางใจของเสด็จอา"เย่จั้นยิ้มอย่างสง่างามและพูดอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ต้าโจวมีความอดอยากไปทั่วแคว้น มีคนตายด้วยความหิวโหยอยู่ทุกแห่งหน ทั้งยังมีคนชั่วจงใจที่จะสร้างปัญหา ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้"เมื่อดูจากกิริยาและวาจาของเย่จั้นแล้ว อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้จะเป็นคนเดียวกับนักรบที่แสนเยือกเย็นผู้นั้นได้นี่คงเป็นแม่ทัพที่คนโบราณบรรยายไว้กระมังท่วงท่าสง่างามของเย่จั้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน แต่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนสง่างาม แต่กลับทำให้คนไม่อาจเพิกเฉยต่อความเฉียบคมในดวงตาที่ฉายแววออกมาเป็นครั้งคราวของเขาได้อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการจ้องมองของอินชิงเสวียน เย่จั้นจึงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนรู้สึกประดักประเดิด จึงเบือนหน้าหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็วเย่จิ่งอวี้ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ "ตอนนี้มีมาตรการตอบโต้สำหรับทุกสิ่งแล้ว เชื
อินชิงเสวียนรีบเข้าไปช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ทันที เมื่อได้กลิ่นสุราจางๆ บนร่างกายของเขา ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวหมอนี่กับเย่จั้นดื่มสุราไปถึงสามไห ไม่เมาก็แปลกแล้วแต่ก็เห็นได้ว่าเขามีความสุขจริงๆ เขาผ่อนคลายมากเมื่ออยู่กับเย่จั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจริงๆนางกับเย่จั้นช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ซ้ายขวา และเดินลงไปตามขั้นบันไดหยกขาวทีละขั้นฉินเทียนและผู้อื่นก็รีบเดินเข้ามาทันที"ฝ่าบาท!"แต่เย่จิ่งอวี้โบกมือให้เขาหลบไป"ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าทุกคนถอยไป"ขณะที่พูด คนก็เดินมาถึงประตูแล้วเย่จั้นกำชับเสียงเบา "ฝ่าบาทเมาแล้ว พวกเจ้าขับรถม้าช้าหน่อย""พ่ะย่ะค่ะ"ทุกคนขานรับ และช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ขึ้นรถม้าอินชิงเสวียนก็ขึ้นรถตาม เห็นเย่จิ่งอวี้พิงเบาะอยู่ ใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าผาก ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาดูไม่สบายตัวอย่างมาก อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ในเมื่อฝ่าบาททรงทราบว่าการดื่มมากเกินไปทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เหตุใดถึงยังดื่มหนักเช่นนี้"เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงสับสน "ข้าดีใจมาก จึงดื่มมากไปหน่อย เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"อินชิงเสวียนมองดูเขาแล้วพูดว่า "ไม่เคยได้ยิน
กลิ่นสุราอ่อนๆ โชยมาจากคนข้างๆ อินชิงเสวียนไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ที่อุ้มนางออกมาในนาทีชีวิตความเป็นความตายเช่นนี้ จะมีแก่ใจมาโวยวายได้อย่างไร อินชิงเสวียนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย จับเสื้อผ้าของเย่จิ่งอวี้ไว้แน่น"มีนักฆ่าอยู่ข้างนอก จะถอยกลับไปที่ไหนได้"เสียงหัวเราะขันๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ"เจ้าเก่งกล้ามากไม่ใช่หรือ คราวนี้เจ้ากลัวแล้วรึ"ทันทีที่เย่จิ่งอวี้หมุนแขน เขาก็พาอินชิงเสวียนไปหลบข้างหลังตัวเองทันที เพียงขยับข้อมือ มีดสิ้นอันแสนประณีตก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแทงไปยังหน้าอกของคนถือมีดในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มแทงมาจากด้านนอกรถ เย่จิ่งอวี้วางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบกระบี่ของศัตรู เตะเท้าขวาโดนมือของชายผู้นั้น แล้วพับแขนเสื้อขึ้น และแย่งกระบี่ยาวของชายผู้นั้นไปชุดการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายน้ำไหล และจบในคราวเดียวอินชิงเสวียนอยู่ในอาการตกตะลึงโดยสมบูรณ์ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถแสดงฝีมือด้านวรยุทธ์ที่ทรงพลังและมั่นคง ทว่าแต่เป็นอิสระและสง่างามขนาดนี้ได้เย่จิ่งอวี้ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ ครั้นแล้วท่วงท่าของเขาก็แข็งแกร
คุณธรรมบ้าบออะไร นางแค่พูดความจริงอินชิงเสวียนเอียงร่างของตัวเองไปด้านข้างไอแห้งๆ แล้วพูดว่า "ฝ่าบาท เราใกล้กันเกินไปแล้วกระมัง"ขนพองสยองเกล้าไปหมดแล้วเย่จิ่งอวี้หัวเราะ และเร่งม้าของเขาอีกครั้งอินชิงเสวียนตกใจ รีบคว้าแผงคอม้า แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้ดึงมือนางลง"ถ้าเจ้าไม่อยากให้ม้าสะบัดพวกเราลงทั้งคู่ ก็หาที่อื่นจับซะ"อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกุมบังเหียนกับเขา หวังว่าจะเข้าไปในวังเร็วๆ รีบยุติการเดินทางที่น่าอับอายนี้ด่วนๆหลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็เห็นประตูวังอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ"ฝ่าบาท ให้กระหม่อมลงเดินเถอะ"เย่จิ่งอวี้ไม่พูดอะไร ขาทั้งคู่กระตุ้นท้องม้า ขี่ม้าเข้าไปในวังจนกระทั่งมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้จึงลงจากหลังม้าบางทีเขาอาจจะยังเมาอยู่นิดหน่อย ตอนที่ก้าวเดินตัวโซเซเล็กน้อยอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปประคองเย่จิ่งอวี้ถือเสียว่าเห็นแก่ที่เขาช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครู่หลี่เต๋อฝูได้ถือตะเกียงวิ่งออกมาแล้ว"ฝ่าบาท พระองค์กลับมาแล้ว!"จากนั้นดวงตาอันคมกริบของเขามองเห็นเลือดบนร่างกายของเย่จิ่งอ
ในตอนนี้ อินชิงเสวียนได้กลับมาที่ตำหนักจินหวูแล้วเมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของนาง ยายหลี่ อวิ๋นฉ่าย และเสี่ยวอานจื่อก็ตกใจไปตามๆ กัน"เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าได้รับบาดเจ็บรึ ได้รับบาดเจ็บที่ใด"อินชิงเสวียนสงบสติอารมณ์ได้แล้วในตอนนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขาอ่อนอยู่บ้างนางนั่งบนเก้าอี้ หยิบน้ำขึ้นมาจิบ"ไม่เป็นไร เป็นเลือดของคนอื่น"แล้วจึงเล่าเรื่องการลอบสังหารฮ่องเต้ให้พวกเราฟังเสี่ยวอานจื่อปิดปากด้วยความตกใจ"ผู้ใดกล้าลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท"อินชิงเสวียนยักไหล่"ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ไม่มีอันตรายใดๆ ท่านอ๋องสิบสามจับตัวนักฆ่าได้แล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ออกไปได้แล้ว ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ"เมื่อเห็นใบหน้าของอินชิงเสวียนซีดลง ทุกคนก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์อินชิงเสวียนสงบจิตใจ เดินไปที่เตียงเมื่อเห็นเสี่ยวหนานเฟิงยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้น กำลังนอนหลับสนิท นางก็อดยิ้มไม่ได้นางก้มศีรษะลงและจูบใบหน้าเล็กๆ ของลูก ถอดผ้าคาดเอว และถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออกในตอนนี้เองนี้ กล่องเล็กๆ อันประณีตก็ร่วงจากอกเสื้อของนาง ซึ่งนั่นก็คือกล่องชาชื่อหั่วที่เย่จั้นมอบให้นางอินชิงเสวียนทิ้งเ
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง
“แต่ตอนนี้เราไม่ยังตามหาตัวเย่จิ่งหลานไม่พบ ยังมีวิธีอื่นใดที่จะสามารถล่อให้ศิลาตอบสวรรค์ปรากฏตัวได้หรือไม่”อินชิงเสวียนลูบคาง ปัญหาดูเหมือนจะกลับมาที่จุดเดิมนักพรตเทียนชิงกล่าวว่า “ไม่มี ศิลาตอบสวรรค์จะลงโทษคนที่ชั่วร้ายอย่างยิ่งเท่านั้น ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์”ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วเช่นกัน“นี่เป็นปัญหาที่แก้ไขยากจริงๆ”อินชิงเสวียนถามอย่างสงสัย “ศิลาตอบสวรรค์จะมีประโยชน์อะไรกับชิงฮุย”ลั่วสุ่ยชิงกล่าวว่า “เขาต้องการเป็นเซียน”“อ๋า?”อินชิงเสวียนมองไปที่ลั่วสุ่ยชิงด้วยความประหลาดใจลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างใจเย็น “ในแคว้นเฟยเหยา มีตำนานเล่าขานมาตลอด ตราบใดที่ได้รับศิลาตอบสวรรค์ ก็สามารถหลุดพ้นจากปัญจธาตุได้ สามารถข้ามผ่านวิบากกรรมและบรรลุขั้นสูงสุด บรรลุเป็นเซียน เสด็จพ่อของข้ามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ตามหาที่อยู่ของศิลาตอบสวรรค์มาโดยตลอด เมื่อแคว้นเฟยเหยาถูกบุกโจมตี เคยมีคนกระตุ้นศิลาตอบสวรรค์ แต่ถึงกระนั้น หินก้อนนั้นก็ยังคงหายไป พ่อของข้าติดตามกลิ่นอายนั้นไป จนพบแดนศักดิ์สิทธิ์ และได้สรุปว่าศิลาตอบสวรรค์อยู่ที่นั่น”“ผู้ที่เป็นคนกระตุ้นคือใคร เป็นชิ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะทำนายดูอีกครั้ง”นักพรตเทียนชิงหยิบเหรียญอีแปะและกระดองเต่าออกมา เขย่าหกครั้ง ค่อยๆ จัดเรียงเหรียญทีละเหรียญ เขามองดูพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง ลูบหนวดเคราแล้วพูดว่า “ภาพทำนายไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลย คุณชายน้อยเย่...”“เป็นอย่างไรบ้าง เขากลับมาไม่ได้กระนั้นหรือ”อินชิงเสวียนถามด้วยความประหลาดใจ“พูดยาก ทุกสิ่งในตัวเขาไม่แน่นอนมาก ดอกไม้ไม่ใช่ดอกไม้ หมอกก็ไม่ใช่หมอก เหมือนมองดอกไม้ในสายหมอก ยากที่จะเห็นภาพที่แท้จริง ข้าไม่เคยเห็นภาพทำนายเช่นนี้มาก่อน”นักพรตเทียนชิงมองดูเหรียญอีแปะด้วยสีหน้าประหลาดใจมากอินชิงเสวียนถอนหายใจ“เอาเถอะ ถ้าเขาสามารถกลับไปยังที่ที่เขาอยู่ได้จริงๆ ก็คงจะดี”เดิมทีเย่จิ่งหลานไม่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของยุคนี้มากนัก แทนที่จะเป็นแบบนี้ ไม่สู้ปล่อยให้เขาไปในที่ที่เขาต้องการไปดีกว่าเขาเป็นคนดี ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสร้างประโยชน์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้นักพรตเทียนชิงไม่ได้พูด บรรยากาศอึมครึมอยู่พักหนึ่งอินชิงเสวียนรู้สึกเศร้า จากนั้นทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาและถามว่า “ท่านนักพรตสามารถทำนายได้หรือไม่ว่าชิงฮุยอยู่ที่ไหน”นัก
เมื่อเห็นชายคนนั้นอารมณ์ดีขึ้นมาทันที อินชิงเสวียนก็ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“คุณบอกว่า...คุณชื่อเย่จิ่งหลานไม่ใช่เหรอ”ชายคนนั้นพูดเหมือนกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา “ใช่น่ะสิ ผมชื่อเย่จิ่งหลานแล้วมันขัดแย้งอะไรกับเรื่องที่ผมเป็นหมอล่ะ”เสี่ยวหลานหลานที่อยู่ข้างๆ สั่นศีรษะ พูดอย่างน่ารัก “ก็ไม่ขัดแย้ง”เย่จิ่งหลานยักไหล่“งั้นก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือไง ในช่วงสองวันที่ผ่านมาผมอาจเกิดภาวะขาดสารอาหาร ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ขอบคุณสาวสวยคนนี้ที่ช่วยเหลือ เพิ่มเพื่อนในไลน์ได้ไหม”เย่จิ่งหลานสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แต่มันก็ว่างเปล่าเขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง โทรศัพท์หายไปไหน“แล้วคุณรู้ไหมว่าคุณมาจากโรงพยาบาลไหน”“รู้...”เย่จิ่งหลานพูดขึ้นมาคำหนึ่ง และทันใดนั้นก็รู้สึกปวดหัวอีกครั้งเขาจำได้ว่าตัวเองถูกไล่ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะไปคลินิกเล็กๆ แห่งหนึ่ง ต่อมาก็ฝันอะไรตั้งมากมาย ในฝันเหมือนเขาจะกลายเป็นอ๋อง แล้วต่อมาก็ได้เป็นจอมยุทธ์เมื่อมองดูเตียงในโรงพยาบาลตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงขึ้นมาทันทีเขายกนิ้วขึ้นแตะหัวเตียง ผิวสัมผัสเย็นๆ บอกเขาว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเรื่องจริง แต