Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 164 นั่งรถม้าพระที่นั่งมังกร

Share

บทที่ 164 นั่งรถม้าพระที่นั่งมังกร

Author: ม่อเยี่ยน
"นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีอะไรอีก"

เสียงของเย่จิ่งอวี้ราบเรียบ ฟังไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใด

เจวี๋ยอิงที่คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวต่อว่า "บอกว่าฝ่าบาทไม่ยอมรับอันผิงอ๋อง ต้องการจะสังหารกันเอง"

เย่จิ่งอวี้หัวเราะเยาะ และพูดว่า "ในที่สุดเรื่องดาวมงคล ก็ทำให้คนนั่งไม่ติดเก้าอี้ได้"

เจวี๋ยอิงกล่าวเสริมอีกว่า "ตามรายงานจากสายลับที่ซ่อนอยู่ในเมือง ดูเหมือนจะมีชาวยุทธ์จำนวนมากปะปนอยู่ในเมืองหลวง"

เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เลิกขึ้น ถามอย่างเย็นชา "สืบได้หรือไม่ว่าคนเหล่านี้มาจากที่ใด"

เจวี๋ยอิงกล่าวด้วยความเคารพ "เวลานี้ยังไม่ทราบ กระหม่อมได้สั่งให้พวกเขาเร่งตรวจสอบแล้ว"

กระแสเสียงของเย่จิ่งอวี้เริ่มกระด้างขึ้น

"เจ้าถอยไปก่อน อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม เพื่อไม่ให้เป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น!"

"กระหม่อมเข้าใจแล้ว ทูลลาพ่ะย่ะค่ะ"

หลังจากที่เจวี๋ยอิงจากไปแล้ว เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงอีกครั้ง

นับตั้งแต่อันผิงอ๋องออกจากสุสานหลวง เรื่องราวหลายอย่างในเมืองหลวงก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาต้องการดูว่าคนเหล่านี้จะทำอะไรได้อีกบ้าง

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "หลี
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Nattharinee Chotvaratsakul
ขออัปเดตวันละ10บท จะได้ไหมน๊าาาๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 165 คนงานชั่วคราว

    เมื่อมองดูดวงตาที่ใสกระจ่างของเย่จั้นแล้ว เย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในใจ"ข้าจะจัดการสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้ผิดต่อความไว้วางใจของเสด็จอา"เย่จั้นยิ้มอย่างสง่างามและพูดอย่างอ่อนโยน "ตอนนี้ต้าโจวมีความอดอยากไปทั่วแคว้น มีคนตายด้วยความหิวโหยอยู่ทุกแห่งหน ทั้งยังมีคนชั่วจงใจที่จะสร้างปัญหา ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้"เมื่อดูจากกิริยาและวาจาของเย่จั้นแล้ว อินชิงเสวียนก็ไม่สามารถเชื่อมโยงได้ว่าชายหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้จะเป็นคนเดียวกับนักรบที่แสนเยือกเย็นผู้นั้นได้นี่คงเป็นแม่ทัพที่คนโบราณบรรยายไว้กระมังท่วงท่าสง่างามของเย่จั้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงผิวเผิน แต่ฝังอยู่ในกระดูกของเขา แม้ว่าเขาจะอ่อนโยนสง่างาม แต่กลับทำให้คนไม่อาจเพิกเฉยต่อความเฉียบคมในดวงตาที่ฉายแววออกมาเป็นครั้งคราวของเขาได้อาจเป็นเพราะรู้สึกถึงการจ้องมองของอินชิงเสวียน เย่จั้นจึงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง อินชิงเสวียนรู้สึกประดักประเดิด จึงเบือนหน้าหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็วเย่จิ่งอวี้ยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและหัวเราะเบาๆ "ตอนนี้มีมาตรการตอบโต้สำหรับทุกสิ่งแล้ว เชื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 166 นักฆ่า

    อินชิงเสวียนรีบเข้าไปช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ทันที เมื่อได้กลิ่นสุราจางๆ บนร่างกายของเขา ก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวหมอนี่กับเย่จั้นดื่มสุราไปถึงสามไห ไม่เมาก็แปลกแล้วแต่ก็เห็นได้ว่าเขามีความสุขจริงๆ เขาผ่อนคลายมากเมื่ออยู่กับเย่จั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากจริงๆนางกับเย่จั้นช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ซ้ายขวา และเดินลงไปตามขั้นบันไดหยกขาวทีละขั้นฉินเทียนและผู้อื่นก็รีบเดินเข้ามาทันที"ฝ่าบาท!"แต่เย่จิ่งอวี้โบกมือให้เขาหลบไป"ข้าไม่เป็นไร พวกเจ้าทุกคนถอยไป"ขณะที่พูด คนก็เดินมาถึงประตูแล้วเย่จั้นกำชับเสียงเบา "ฝ่าบาทเมาแล้ว พวกเจ้าขับรถม้าช้าหน่อย""พ่ะย่ะค่ะ"ทุกคนขานรับ และช่วยประคองเย่จิ่งอวี้ขึ้นรถม้าอินชิงเสวียนก็ขึ้นรถตาม เห็นเย่จิ่งอวี้พิงเบาะอยู่ ใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าผาก ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาดูไม่สบายตัวอย่างมาก อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ในเมื่อฝ่าบาททรงทราบว่าการดื่มมากเกินไปทำให้รู้สึกไม่สบายตัว เหตุใดถึงยังดื่มหนักเช่นนี้"เย่จิ่งอวี้พูดด้วยน้ำเสียงสับสน "ข้าดีใจมาก จึงดื่มมากไปหน่อย เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว"อินชิงเสวียนมองดูเขาแล้วพูดว่า "ไม่เคยได้ยิน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 167 รู้จักกลัวแล้วรึ

    กลิ่นสุราอ่อนๆ โชยมาจากคนข้างๆ อินชิงเสวียนไม่ต้องมองก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเย่จิ่งอวี้ที่อุ้มนางออกมาในนาทีชีวิตความเป็นความตายเช่นนี้ จะมีแก่ใจมาโวยวายได้อย่างไร อินชิงเสวียนคว้าฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย จับเสื้อผ้าของเย่จิ่งอวี้ไว้แน่น"มีนักฆ่าอยู่ข้างนอก จะถอยกลับไปที่ไหนได้"เสียงหัวเราะขันๆ ดังขึ้นเหนือศีรษะ"เจ้าเก่งกล้ามากไม่ใช่หรือ คราวนี้เจ้ากลัวแล้วรึ"ทันทีที่เย่จิ่งอวี้หมุนแขน เขาก็พาอินชิงเสวียนไปหลบข้างหลังตัวเองทันที เพียงขยับข้อมือ มีดสิ้นอันแสนประณีตก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ แล้วแทงไปยังหน้าอกของคนถือมีดในเวลานี้ มีกระบี่อีกเล่มแทงมาจากด้านนอกรถ เย่จิ่งอวี้วางมือข้างหนึ่งลงบนพื้นและเอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบกระบี่ของศัตรู เตะเท้าขวาโดนมือของชายผู้นั้น แล้วพับแขนเสื้อขึ้น และแย่งกระบี่ยาวของชายผู้นั้นไปชุดการเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายน้ำไหล และจบในคราวเดียวอินชิงเสวียนอยู่ในอาการตกตะลึงโดยสมบูรณ์ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครที่สามารถแสดงฝีมือด้านวรยุทธ์ที่ทรงพลังและมั่นคง ทว่าแต่เป็นอิสระและสง่างามขนาดนี้ได้เย่จิ่งอวี้ถือกระบี่ยาวอยู่ในมือ ครั้นแล้วท่วงท่าของเขาก็แข็งแกร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 168 เราใกล้กันเกินไปแล้วกระมัง

    คุณธรรมบ้าบออะไร นางแค่พูดความจริงอินชิงเสวียนเอียงร่างของตัวเองไปด้านข้างไอแห้งๆ แล้วพูดว่า "ฝ่าบาท เราใกล้กันเกินไปแล้วกระมัง"ขนพองสยองเกล้าไปหมดแล้วเย่จิ่งอวี้หัวเราะ และเร่งม้าของเขาอีกครั้งอินชิงเสวียนตกใจ รีบคว้าแผงคอม้า แต่กลับถูกเย่จิ่งอวี้ดึงมือนางลง"ถ้าเจ้าไม่อยากให้ม้าสะบัดพวกเราลงทั้งคู่ ก็หาที่อื่นจับซะ"อินชิงเสวียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกุมบังเหียนกับเขา หวังว่าจะเข้าไปในวังเร็วๆ รีบยุติการเดินทางที่น่าอับอายนี้ด่วนๆหลังจากเงียบไปสักพัก ในที่สุดก็เห็นประตูวังอินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ"ฝ่าบาท ให้กระหม่อมลงเดินเถอะ"เย่จิ่งอวี้ไม่พูดอะไร ขาทั้งคู่กระตุ้นท้องม้า ขี่ม้าเข้าไปในวังจนกระทั่งมาถึงตำหนักเฉิงเทียน เย่จิ่งอวี้จึงลงจากหลังม้าบางทีเขาอาจจะยังเมาอยู่นิดหน่อย ตอนที่ก้าวเดินตัวโซเซเล็กน้อยอินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอื้อมมือไปประคองเย่จิ่งอวี้ถือเสียว่าเห็นแก่ที่เขาช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครู่หลี่เต๋อฝูได้ถือตะเกียงวิ่งออกมาแล้ว"ฝ่าบาท พระองค์กลับมาแล้ว!"จากนั้นดวงตาอันคมกริบของเขามองเห็นเลือดบนร่างกายของเย่จิ่งอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 169 เทวดาตัวน้อย

    ในตอนนี้ อินชิงเสวียนได้กลับมาที่ตำหนักจินหวูแล้วเมื่อเห็นคราบเลือดบนเสื้อผ้าของนาง ยายหลี่ อวิ๋นฉ่าย และเสี่ยวอานจื่อก็ตกใจไปตามๆ กัน"เสี่ยวเสวียนจื่อ เจ้าได้รับบาดเจ็บรึ ได้รับบาดเจ็บที่ใด"อินชิงเสวียนสงบสติอารมณ์ได้แล้วในตอนนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขาอ่อนอยู่บ้างนางนั่งบนเก้าอี้ หยิบน้ำขึ้นมาจิบ"ไม่เป็นไร เป็นเลือดของคนอื่น"แล้วจึงเล่าเรื่องการลอบสังหารฮ่องเต้ให้พวกเราฟังเสี่ยวอานจื่อปิดปากด้วยความตกใจ"ผู้ใดกล้าลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท"อินชิงเสวียนยักไหล่"ข้าจะรู้ได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ไม่มีอันตรายใดๆ ท่านอ๋องสิบสามจับตัวนักฆ่าได้แล้ว พวกเจ้าทุกคนก็ออกไปได้แล้ว ข้าอยากจะอยู่เงียบๆ"เมื่อเห็นใบหน้าของอินชิงเสวียนซีดลง ทุกคนก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์อินชิงเสวียนสงบจิตใจ เดินไปที่เตียงเมื่อเห็นเสี่ยวหนานเฟิงยกกำปั้นเล็กๆ ขึ้น กำลังนอนหลับสนิท นางก็อดยิ้มไม่ได้นางก้มศีรษะลงและจูบใบหน้าเล็กๆ ของลูก ถอดผ้าคาดเอว และถอดเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออกในตอนนี้เองนี้ กล่องเล็กๆ อันประณีตก็ร่วงจากอกเสื้อของนาง ซึ่งนั่นก็คือกล่องชาชื่อหั่วที่เย่จั้นมอบให้นางอินชิงเสวียนทิ้งเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 170 ลูกกตัญญู

    บุรุษผู้นั้นยิ้มเยาะ"อย่างเจ้าน่ะหรือ จะเข้าไปในจวนจิ้งอ๋องได้"ฟางรั่วกัดริมฝีปาก และไม่พูดอะไรอีกบุรุษผู้นั้นมองไปข้างหน้า พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "คนเหล่านั้นล้วนเป็นชาวยุทธ์ พวกเขาไม่รู้จักตัวตนของเจ้าและข้า แม้ว่าพวกเขาจะถูกจับได้ แต่ก็ให้ปากคำไม่ได้ ไม่ต้องกังวล"ฟางรั่วโค้งคำนับเล็กน้อย "ข้านอยทราบแล้ว"นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า "น่าเสียดายที่โอกาสในการกำจัดเย่จิ่งอวี้นั้นสูญเปล่า เรามีนักธนูพิษหลายสิบคน หากเราใช้กำลังเต็มที่ บางที..."ใบหน้าของบุรุษผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เจ้าอยากให้ข้าเดิมพันด้วยชีวิตของชิงเสวียนงั้นรึ"ฟางรั่วก้าวถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก"ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว"บุรุษผู้นั้นตะคอกอย่างเย็นชา "ออกไป"หลังจากที่ฟางรั่วจากไป ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็ค่อยๆ สงบลงเขาแบมือขวาออก กลางฝ่ามือมีหยกสำชมพูชิ้นหนึ่งอยู่ ที่มุมจี้หยกสลักคำว่าเสวียนตัวเล็กๆเมื่อมองดูตัวอักษรน่ารักกระจิริด ดวงตาของบุรุษผู้นั้นก็แสดงความอ่อนโยนที่หาได้ยากหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เก็บจี้ไว้ในอ้อมแขน ดับเทียนแล้วเหาะลอยไปวันต่อมาอินชิง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 171 ข้าไม่มีทางไม่ชอบเจ้า

    จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็นึกถึงคำพูดของอินชิงเสวียน จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาพอเข้าใจที่พระสนมแต่ละตำหนักตัดเย็บเสื้อผ้าให้ลูก อย่างไรเสียพวกนางเหล่านี้มักออกอุบายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อแย่งชิงความโปรดปราน แต่เมื่อพวกนางมาตามคำสั่งของไทเฮา เย่จิ่งอวี้จึงอดคิดมากไม่ได้เมื่อเห็นฝ่าบาทนิ่งเงียบไม่พูดจา หลี่เต๋อฝูค้อมเอวลงและถามว่า "ฝ่าบาท ต้องการพบหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?"เย่จิ่งอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้น "ให้พวกนางเข้ามาทั้งหมด"ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอีกว่า "ช้าก่อน เรียกเสี่ยวเสวียนจื่อเข้ามาก่อน""พ่ะย่ะค่ะ"หลี่เต๋อฝูรีบส่งคนไปยังตำหนักจินหวูทันที พร้อมกับให้เหล่าพระสนมแต่ละตำหนักรออยู่ด้านนอกก่อนครู่หนึ่งแม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกร้อนเกินไป นี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้พบฝ่าบาท ดังนั้นจึงต้องคว้าทุกสิ่งทุกอย่างไว้ลู่จิ้งเสียนหยิบกระจกเล็กๆ ออกมา และหยิบลิปสติกออกมาเติมหน้าให้ตัวเองซูฉ่ายเวยก็ไม่ยอมแสดงให้เห็นว่าตนด้อยกว่า จึงตบแป้งคุชชั่นอีกชั้นหนึ่งให้ตัวเอง ทำให้คิ้วดอกท้อของนางดูละเอียดอ่อนและสวยงามยิ่งขึ้นเพื่อที่จะรักษาดอกท้อสีทองแห่งคว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 172 เจ้าชอบก็ดีแล้ว

    ซูฉ่ายเวยอึ้งไปชั่วขณะนางเพียงแค่อยากได้หน้า และนางคงจะมีความสุขไปหลายวันหากได้รับคำชมเพียงเล็กน้อย ไม่คิดว่าฝ่าบาทจะประทานตำแหน่งพระสนมให้นาง?ไม่ได้หูฝาดใช่ไหม?อินชิงเสวียนพูดขึ้นข้างๆ "พระนางสนม ยังไม่ก้มหัวแสดงความเคารพขอบพระทัยฝ่าบาทอีก"ซูฉ่ายเวยจึงได้สติขึ้นมา คุกเข่าลงพื้นด้วยความตื่นเต้น และก้มคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า"กระหม่อมขอบพระทัยในพระกรุณาธิคุณของฝ่าบาท กระหม่อมจะจัดการเรื่องวังหลังให้ดี เพื่อแบ่งเบาความกังวลของไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ""ลุกขึ้นเถอะ"เย่จิ่งอวี้พูดเสียงราบเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆถึงกระนั้น ลู่จิ้งเสียนยังคงโกรธมากจนกัดฟันกรอด แต่นางยังคงต้องอดกลั้นความโกรธไว้ในใจ พลางบิดเอวเพื่อส่งเสื้อผ้าที่เหล่าข้าหลวงหญิงตัดเย็บขึ้นถวาย"ฝ่าบาท นี่คือเสื้อผ้าที่กระหม่อมใช้ผ้าเจ็ดสีในการตัดเย็บ หากดาวมงคลได้สวมใส่ ก็จะมีโชคลาภและอายุยืนยาวอย่างแน่นอนเพคะ"เย่จิ่งอวี้กวาดตามองผ่านๆ"วางลงเถอะ"คนอื่นๆ ก็ทยอยกันนำเสื้อผ้ามาถวายเย่จิ่งอวี้ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจมากนัก จนกระทั่งมาถึงสวีจือย่วน เขาจึงก้มศีรษะมองดูสีสันเรียบง่าย อินชิงเสวียนน่าจะชอบเด

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status