Share

บทที่ 1471 ไสยศาสตร์

Author: ม่อเยี่ยน
อินชิงเสวียนออกมาจากมิติทันที และต่อสู้กับชายคนนี้พร้อมกับลั่วสุ่ยชิง อย่างไรก็ตาม พลังของชายคนนี้ก็เหมือนกับน้ำที่ไหลลงสู่แม่น้ำหลายร้อยสาย ที่มันไหลบ่าออกมาไม่หยุด ถึงแม้จะใช้กำลังของทั้งสองคนรวมกัน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้

เมื่อเห็นว่าต่อสู้มานานแล้วยังไม่สามารถเอาชนะได้ ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “หาทางโจมตีเขาบนที่นั่งนั้น ข้าเคยได้ยินเสด็จพ่อบอกว่าพิษนี้แพร่กระจายผ่านดอกไม้ พืช และต้นไม้บนภูเขา มีเถาวัลย์มากมายพันอยู่รอบตัวของเขา ต้องอาศัยการดูดซับพลังงานจากมันแน่ๆ”

อินชิงเสวียนมองไปที่คนผู้นั้นด้วยความตกใจ

“มีเรื่องแปลกๆ แบบนี้ด้วยรึ เป็นไปได้ไหมที่พิษจะซ่อนอยู่ในดอกไม้ ต้นไม้ และเถาวัลย์เหล่านี้”

“เจ้าพูดถูก วิชานี้สูญหายไปนานแล้ว ข้าเคยอ่านเรื่องนี้ในตำราของราชวงศ์เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะมีคนสามารถทำซ้ำได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

ลั่วสุ่ยชิงเคยเห็นวิชาต้องห้ามของเฟยเหยาหลายครั้ง ทำให้นางจำต้องคิดมาก ชาวเฟยเหยาที่สามารถอยู่รอดได้จนถึงทุกวันนี้ นอกจากเซี่ยอานซื่อและชิงฮุยแล้ว ก็มีแค่นาง

ตอนนี้เซี่ยอานซื่อเสียชีวิตแล้ว เช่นนั้นก็เหลือเพียงชิงฮุยเท่านั้น เขาไม่ใช่บุคคลสำคัญในราชว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1472 นี่มันอะไรกัน

    ลั่วสุ่ยชิงจับอินชิงเสวียน และหายวับไปที่ต้นไม้ได้ยินเสียงอึกทึก ขณะที่รากของต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากดิน ราวกับเป็นมือใหญ่โตรูปร่างประหลาด และกำลังเลื้อยเคลื่อนไปยังจุดที่ทั้งสองยืนอยู่“นี่ก็เป็นค่ายกลเหมือนกันหรือ”นับตั้งแต่รู้จักแคว้นเฟยเหยา ทัศนคติของอินชิงเสวียนที่มีต่อพวกเขาก็ถูกปรับปรุงใหม่หลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า นี่เป็นแคว้นที่มีอำนาจมากจริงๆ พวกเขาแต่ละคนล้วนมีวรยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เชี่ยวชาญวิชาค่ายกล ยังมีกลอุบายที่ชาญฉลาด โชคดีที่เหลือรอดกันมาไม่มาก หากมีหมื่นคนที่เป็นแบบนี้ ต้าโจวคงมีแต่ต้องรอให้ถูกทำลายเท่านั้นลั่วสุ่ยชิงสั่นศีรษะ“นี่เป็นวิชาที่เกี่ยวกับกลไก ถ้าชิงฮุยสร้างค่ายกลการต่อสู้ใหญ่ๆ ที่นี่ ตัวเขาก็ต้องอยู่ที่นี่ เราต้องตามหาเขาให้เจอโดยเร็ว เมื่อใดที่เขาช่วงชิงได้สำเร็จ ต้องกลับไปอยู่เบื้องหลังอีกครั้ง”“อื้ม แล้ว ต้องไปตามหาที่ไหนล่ะ”ที่นี่ก็เป็นยอดเขาแล้ว แต่อินชิงเสวียนกลับสัมผัสไม่ได้ถึงกลิ่นอายที่ชั่วร้ายใดๆลั่วสุ่ยชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เหยียดนิ้วออก และทันใดนั้น หมอกสีดำก็โผล่ออกมาจากฝ่ามือลั่วสุ่ยชิงมอบหมอกสีดำให้กับอินชิงเสว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1473 เศษเสี้ยวแก่นวิญญาณ

    ในเวลานี้ เย่จิ่งหลานได้มาถึงจุดที่เสี่ยวหลานหลานพบเขาแล้ว“ที่นี่แหละ ตอนที่เราเจอคุณ คุณก็นอนอยู่ที่นี่ สวมชุดดำ ดูเหมือนนักฆ่าไม่มีผิด แถมยังดูเจ๋งมาก”เสี่ยวหลานหลานยื่นมือเล็กๆ ออกมา แล้วชี้ไปที่พื้นเย่จิ่งหลานเดินไปที่นั่นทันที แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น?อินชิงเสวียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หรือว่า...ท่าทางที่คุณกำลังทำอยู่นี่มันไม่ถูกต้อง?”นางอยู่ที่นี่มานานแล้ว ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลามามากมาย โดยปกติแล้วไม่มีใครสามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่จากที่ข้ามภพมา ดูเหมือนจะสามารถเดินทางได้อย่างอิสระระหว่างสองโลกนางไม่รู้ว่าสิ่งที่เขียนในหนังสือเป็นนิยายที่แต่งขึ้น หรือว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ถ้ายังไงลองดูก็ไม่เสียหายเย่จิ่งหลานเกาหัว“เอ่อ...ตอนนั้น...ท่าทางของผมเป็นยังไง”อินชิงเสวียนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันที และวาดภาพง่ายๆ บนหน้าจอด้วยปากกาสัมผัสอย่างจริงจังเย่จิ่งหลานมองดู จากนั้นก็ยกมือขึ้นเป็นคำว่าโอเคจากนั้นยืดมือทั้งสองข้างขึ้นไปเหนือศีรษะ ขาข้างหนึ่งเหยียดตรง อีกข้างหนึ่งงอเข่าแนบกับพื้น แล้วนอนราบลงกับพื้น“แบบนี้เหรอ”อินชิงเสวียนก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1474 เขาตายแล้ว

    อินชิงเสวียนค้นหาไปรอบๆ แต่หมอกสีดำบนมือยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปแตะต้องกับดักโดยไม่รู้ตัว นางจึงไม่ได้เข้าไปลึกนัก และกลับออกมาตามหาลั่วสุ่ยชิงเมื่อถึงปากถ้ำแห่งหนึ่ง หมอกสีดำบนมือก็พุ่งขึ้นมาราวกับเปลวไฟอินชิงเสวียนถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างระมัดระวัง ใบมีดสีดำที่ลอยอยู่เหนือศีรษะเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความคิดของอินชิงเสวียน บรรยากาศที่มืดมนน่ากลัวก็เข้มข้นขึ้นในทันใด“ข้าเอง!”ลั่วสุ่ยชิงถือหมอกสีดำเดินออกจากถ้ำ เมื่อเห็นใบมีดดำทะมึนลอยอยู่เหนือศีรษะของอินชิงเสวียน ลั่วสุ่ยชิงก็ขมวดคิ้ว“เจ้าสิ่งนี้สามารถแยกแยะมิตรกับศัตรูได้หรือไม่”อินชิงเสวียนยิ้ม“มันเคลื่อนไหวตามใจข้า เจ้าไม่ต้องห่วง เจออะไรบ้างหรือไม่”ลั่วสุ่ยชิงเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย“เจออะไรบางอย่าง เจ้าเข้ามาดูก็จะรู้เอง”อินชิงเสวียนเดินไปหานาง และทันใดนั้นก็มองเห็นคนนอนอยู่บนพื้นร่างของคนผู้นี้เหมือนจะถูกตัดออกไปหนึ่งในสาม เหลือเพียงแถบแคบๆ ที่ปกคลุมไปด้วยรอยไหม้เกรียม“ชิงฮุย?”นางสลายหมอกสีดำบนมือ แล้วเดินไปที่ร่างนั้นอย่างรวดเร็ว พลิกตัวร่างนั้นขึ้น และแล้วก็เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1475 เขาต้องแอบเข้าไปในอิ๋นเฉิงอย่างแน่นอน

    อินชิงเสวียนจับมือของลั่วสุ่ยชิง และเห็นเส้นสีเขียวโผล่ออกมาจากกลางนิ้วของนางนางกวักมือเข้าไปหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมาหนึ่งขวด แล้วมอบให้ลั่วสุ่ยชิง“สิ่งนี้อาจช่วยแก้ไขได้ เจ้าลองดู”ลั่วสุ่ยชิงไม่สงสัยเลย เปิดฝาออก แล้วดื่มรวดเดียวสักพักเส้นสีเขียวก็ค่อยๆ หายไปนางโคจรลมปราณอยู่ครู่หนึ่ง ประกบมือคำนับพลางพูดว่า “ขอบคุณมาก”อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ไม่ต้องเกรงใจ เรารีบไปกันเถอะ”ลั่วสุ่ยชิงพยักหน้า จากนั้นก็ใช้วิชาตัวเบาติดตามอินชิงเสวียนตรงไปยังเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงในเวลาเดียวกัน ได้มีการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นในอิ๋นเฉิงคนที่มาก็เหมือนกับพวกคลุ้มคลั่งที่เคยเจอในวันที่เปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ดวงตาทั้งคู่เป็นสีแดงสด เจอใครก็ฆ่าคนนั้น พอสังเกตดูดีๆ ก็จะเห็นว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์ที่เฝ้าสำนักของสำนักใหญ่ต่างๆเฮ่อยวนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “คิดว่านี่คงเป็นจุดประสงค์หลักของการโจมตีสำนักต่างๆ ของชิงฮุย”เฮ่ออวิ๋นทงหยุดคนหนึ่งด้วยมือเดียว“การต่อสู้ครั้งนี้ เกรงว่าสู้ยาก”เก่อหงยวนกวัดแกว่งกระบี่บังคับให้สองคนล่าถอยกลับ พลางตะโกนด้วยความโกรธ “สู้ยากจริงๆ พวกเราไม่สามารถฆ่าพวกเขาได้ แต

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1476 ลูกดิ้น

    อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปยังลั่วสุ่ยชิง“เจ้าหมายความว่า เขาอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้งั้นหรือ”ลั่วสุ่ยชิงพยักหน้า“เป็นไปได้”อินชิงเสวียนถาม “แล้วจะตรวจสอบได้อย่างไร ใช้กำลังภายในของเจ้า สามารถตรวจจับได้หรือไม่”“ข้าสามารถลองดูได้ แต่เจ้าอย่าหวังมากเกินไป เมื่อพวกเขาทุกคนฟื้นแล้ว ให้เรียกรวมตัวพวกเขา!”เย่จิ่งอวี้พยักหน้า“ได้ แม่นางลั่วเดินทางมาไกล เชิญเดินตามศิษย์ไปยังที่พักก่อนเถิด”ลั่วสุ่ยชิงประกบมือคารวะและจากไปพร้อมกับศิษย์อิ๋นเฉิง หลังจากที่นางจากไปแล้ว เย่จิ่งอวี้ถามว่า “การเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างไรบ้าง พบข้อมูลเกี่ยวกับจิ่งหลานหรือไม่”“ไม่มีเลย”อินชิงเสวียนถอนหายใจ และบอกเรื่องที่ตัวเองกับลั่วสุ่ยชิงพบชิงฮุยให้เย่จิ่งอวี้รับรู้เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้ว“ในเมื่อเสวียนเอ๋อร์รู้สึกว่าลั่วสุ่ยชิงรู้สึกสงสารชิงฮุย ทำไมถึงยังเชื่อคำพูดของนางด้วยล่ะ”อินชิงเสวียนยักไหล่“ตอนที่พบชิงฮุย ลั่วสุ่ยชิงไม่ได้แสดงกิริยาอาการอะไรมากนัก อาจเป็นเพราะข้าใช้ความคิดที่ต่ำช้ามาคาดเดาจิตใจของวิญญูชน นับจากวันที่ลั่วสุ่ยชิงเลือกที่จะช่วยเรา ก็ปล่อยวางได้หมดแล้ว”เย่จิ่งอวี้นั่งลงบน

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1477 ช่วยด้วย

    ในยุคปัจจุบันเย่จิ่งหลานออกจากห้วงทะเลแห่งจิต เขายังคงนอนอยู่กลางถนนบนภูเขา เริ่มรู้สึกเย็นจับขั้วหัวใจอินชิงเสวียนกับเสี่ยวหลานหลานมองหน้ากัน แล้วถอนหายใจพร้อมกัน“ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผลนะ”“อื้ม เขาคงกลับไปไม่ได้แล้ว”เสี่ยวหลานหลานลูบคาง สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจ“ไม่งั้น คุณมาเป็นนักแสดงที่บ้านเราไหม ผมจะส่งผู้จัดการที่ยอดเยี่ยมที่สุดไปให้ รับรองว่าจะทำให้คุณเป็นซูเปอร์สตาร์ได้”เย่จิ่งหลานลุกขึ้นจากพื้นดิน“ถุย ผมเป็นหมอนะ ใช้วิชาความรู้หาเงิน ไม่พึ่งหน้าตา ตอนนี้ผมมีอย่างอื่นที่ต้องตรวจสอบ ถ้าพวกคุณเห็นผมเป็นเพื่อน งั้นก็ช่วยหาสถานที่เงียบสงบให้ผมพักได้ไหม พร้อมอาหารสามมื้อต่อวันด้วย”อินชิงเสวียนกับเสี่ยวหลานหลานมองหน้ากันอีกครั้ง จากนั้นก็พยักหน้าพร้อมกัน“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา”ครึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองเสี่ยวหลานหลานโบกมือ แล้วพูดอย่างใจป้ำ “ผมเช่าห้องชุดไว้ให้คุณหนึ่งเดือน คุณอยู่ที่นี่ได้ตามสบาย อีกไม่กี่วันพี่ชิงเสวียนก็ต้องไปถ่ายละคร ถ้ามีเรื่องอะไรคุณสามารถติดต่อผมได้เลย ยังไงซะพวกเราก็เป็นคนเดียวกันในคนละช่วงวัย เรื่องของคุณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1478 โบราณวัตถุสองคนในมิติ

    “จะช่วยได้อย่างไร”เย่จิ่งหลานทรุดกายนั่งลงอยู่ข้างนางแก่นวิญญาณของลั่วสุ่ยชิงตัวสั่นเทาอีกครั้ง แล้วเขียนคำว่า “กลับ” บนฝ่ามือของเขา“จะกลับไปได้ยังไง”เย่จิ่งหลานต้องการกลับไปที่ต้าโจวมากกว่าใคร ทุกสิ่งที่นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเขาเป็นแขกผู้มาเยือนจริงๆอย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถกลับไปได้!แก่วิญญาณของลั่วสุ่ยชิงไม่สามารถพูดได้ นางดูเหมือนจะประสบกับความเจ็บปวดอย่างมาก และเริ่มสลายไปอีกครั้ง“เกิดอะไรขึ้น ลั่วสุ่ยชิง มีอะไรเกิดขึ้นกับต้าโจวงั้นหรือ”เย่จิ่งหลานกังวลมาก แล้วโคจรลมปราณอีกครั้ง เพื่อช่วยให้แก่นวิญญาณของนางแข็งแกร่งขึ้นลั่วสุ่ยชิงอาจเป็นกุญแจสำคัญในการกลับมาของเขา!หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วสุ่ยชิงก็สามารถเพ่งรวมวิญญาณได้ สามารถโคจรลมปราณได้เองเย่จิ่งหลานนั่งอย่างร้อนรนเหมือนใจจะไหม้เป็นจุณ แต่ดันไม่มีวิธีอื่น และไม่มีวิธีที่จะสื่อสารได้ด้วยหรือว่าแก่นวิญญาณจะไม่สามารถพูดได้?แล้วที่นางบอกว่า “ช่วย” มันหมายถึงอะไรเย่จิ่งหลานตะโกนเรียกอีกสองครั้ง ลั่วสุ่ยชิงก็ยังไม่ลืมตาอีกเย่จิ่งหลานทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งรออยู่ข้างๆเพียงพริบตาก็ผ่านไปคืนหนึ่ง เ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1479 การคาดเดาของชิงผิง

    ชิงผิงนิ่งอึ้งเล็กน้อย“ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”ชิงอานชำเลืองมองดูสาวสวยบนถนน พลางพูดว่า “พูดตามหลักเหตุผลแล้ว สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ แต่ว่า ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้”เย่จิ่งหลานกลอกตามองบน“เจ้าถามข้า แล้วข้าจะไปถามใคร”จู่ๆ ชิงอานก็รู้สึกตื่นเต้น“โลกนี้ช่างน่าอยู่จริงๆ บ้านเรือนต่างสร้างสูงเสียดฟ้า”ชิงผิงก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจ ไม่รู้ว่าจะมองไปที่ไหน“คุณชายน้อยเย่ ช่วยให้เราได้ลองนั่งรถนั้นด้วยได้ไหม”เย่จิ่งหลานหยิบโทรศัพท์มือถือ แต่พบว่าตัวเองไม่มีเงินหลังจากลังเลซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็โทรหาเสี่ยวหลานหลานอย่างไม่อาย“โอนเงินให้ฉันได้ไหม”“ไม่มีปัญหา”หนึ่งนาทีต่อมา เงินจำนวน 250,000 บาทก็ถูกโอนเข้าบัญชีมา“หนึ่งวันมีงบแค่นี้ ถ้าไม่พอ พรุ่งนี้ผมจะโอนให้อีก”เย่จิ่งหลานดูอิจฉาตาร้อน“สมแล้วที่เป็นคุณชายน้อยแห่งตระกูลมหาเศรษฐี เจ๋งมาก!”“ยกย่องเกินไปแล้ว ผมยังต้องทำการบ้าน แค่นี้นะ”เสี่ยวหลานหลานตัดสายโทรศัพท์ โลกนี้ไม่ดีแค่ตรงนี้แหละ ไม่เพียงแต่ต้องทำการบ้านเท่านั้น แต่ยังต้องเรียนพิเศษด้วย ไม่อิสรเสรีเหมือนตอนที่เป็นท่านอ๋องเย่จิ่งหลานยกมือขึ้นเรียกแท็กซ

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status