เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงอินชิงเสวียนได้เห็นข้อความที่เย่จิ่งหลานทิ้งไว้ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลน่าเสียดายที่แม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงถึงกันได้ไกลเป็นพันลี้เหมือนที่กล่าวไว้ในหนังสือได้ ไม่ต้องพูดถึงการติดต่อทางโทรศัพท์ ทำได้เพียงอธิษฐานให้เขาอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างเชื่อฟัง ไม่ก่อให้ปัญหาใดๆเย่จิ่งอวี้ปลอบใจอยู่ข้างๆ “เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าจิ่งหลานจะยังเด็ก แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาก็ได้สั่งสมประสบการณ์มากมายในโลกนี้ เขารู้ถึงความสำคัญ จะไม่กระทำการโดยประมาทแน่”“ข้าก็หวังอย่างนั้น ไม่รู้ว่าท่านแม่อยู่ที่นี่ คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตบ้างหรือไม่”ท่านแม่อินชิงเสวียนกล่าวถึง คือเซี่ยวอิ๋นหวนอยู่แล้วเย่จิ่งอวี้เหยียดแขนออก โอบกอดอินชิงเสวียนจากด้านหลัง“ได้มาพบกับเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสองท่าน ท่านแม่ย่อมดีใจอยู่แล้ว ข้ายังไม่ได้ไปขอบคุณพ่อตาและแม่ยายเลย ที่จัดงานใหญ่เช่นนี้ให้กับแม่ของข้า”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“ทำไมจู่ๆ อาอวี้ถึงทำเหมือนเป็นคนอื่นล่ะ”เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าลง ฝังไว้ที่ซอกคอของอินชิงเสวียน“แม้เป็นฮ่องเต้ เมื่อต้องเผชิ
คนเหล่านี้ดูดุร้าย ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าอินชิงเสวียนพิจารณาดูแวบหนึ่ง แล้วก็คิดในใจว่า ดูเหมือนซอมบี้ในภาพยนตร์จริงๆ ราชาแคว้นเฟยเหยาสามารถทำให้คนเป็นขนาดนี้ได้ด้วยการล่อลวงเพียงไม่กี่คำ ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริงๆจากก้นบึ้งของหัวใจ นางไม่อยากให้คนผู้นี้เป็นลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนชื่นชมผู้หญิงคนนี้จริงๆ เมื่อคิดว่านางอาจจะอายุกว่าสหัสวรรษ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา บางทีอาจเรียดชกนางว่าคุณย่าทวดน่าจะเหมาะกว่าเย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “ทางเรามีวิธีที่จะแก้ไขได้จริงๆ เชิญทุกท่านไปพักก่อน มอบศิษย์เหล่านี้ให้เราจัดการก็พอ”ขณะที่พูด เฮ่อยวนก็ออกมาแล้วเช่นกันเมื่อรู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นสหายชาวยุทธ์ในยุทธจักร จึงสั่งให้คนจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขาทันทีหลี่เซิ่งเทียนและคนอื่นๆ ได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นก็รู้สึกตกใจ นี่เป็นถึงสำนักสันโดษที่ดำรงอยู่ในอันดับต้นๆ ของยุทธจักร ในความเห็นของพวกเขา เจ้าเมืองแห่งอิ๋นเฉิงย่อมต้องเป็นคนที่ไม่เข้าใจความทุกข์ยากของชาวบ้านสามัญชน อยู่สูงส่งเหนือผู้อื่น แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าจะเข้าถึงง่ายขนาดนี้ เมื่อเ
ทันทีที่มาถึงประตูตำหนัก ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมุมริมฝีปากของเย่จั้นก็ยกยิ้มขึ้น จากนั้นก็เร่งฝีเท้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวในห้องโถง เย่ไห่ถังกับหญิงสาวรูปโฉมสะคราญนางหนึ่ง กำลังเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน ทุกครั้งที่ผ่านด่าน ทั้งสองก็จะระเบิดเสียงหัวเราะสดใสราวกับระฆังเงินตั้งแต่พี่สะใภ้ออกจากวัง เย่ไห่ถังก็ไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว โชคดีที่เสด็จอาพาคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้กลับมา ซึ่งไม่เพียงแต่เล่าเรื่องต่างๆ ให้นางฟังเท่านั้น แต่ยังเต็มใจที่จะเล่นกับนางด้วยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เย่ไห่ถังเดาว่าเสด็จอาคงมาที่นี่ จึงรีบซ่อนโทรศัพท์ไว้เย่จั้นถือเสื้อคลุมเดินเข้ามา โบกมือให้ขันทีนางกำนัล ทั้งหมดต่างก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์เย่จั้นถอดหน้ากากออกด้วย เขาไม่ต้องการใช้รูปลักษณ์ของหลานชายปรากฏตัวต่อหน้าอินหลี“ทำไมวันนี้ท่านถึงมีเวลาว่างได้”โดยปกติตอนที่เย่จั้นมาหานาง เขาจะแอบย่องเข้ามากลางดึก เนื่องจากเย่จั้นปลอมตัวอยู่ การทำเช่นนี้จึงเหมือนกับการลอบพบชู้หากคนในวังเห็นว่าฮ่องเต้รักผู้หญิงคนอื่นมากเช่นนี้ เมื่ออินชิงเสวียนกลับมา จะอธิบายอย่างไรเล่าเดิมทีอินหลีต้องการกลับไปยัง
ใบหน้าของเย่จั้นเต็มไปด้วยความสุข กล่าวชมเชยอย่างเต็มปากเต็มคำ “สมแล้วที่เป็นสตรีจากตระกูลอิน ฉลาดหลักแหลมเกินคนจริงๆ”อินหลีหน้าแดงเล็กน้อย“ข้าไม่หลักแหลมเท่าชิงเสวียน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับกิจการบ้านเมือง ทุกอย่างต้องทำด้วยความระมัดระวัง ท่านถือเสียว่าเป็นข้อเสนอแนะเท่านั้นก็พอ แล้วค่อยหารือกับจอมพลกวนกับพี่ใหญ่ของข้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”เย่จั้นยืนขึ้นและพูดว่า “ไม่มีใครมีความคิดที่ดีไปกว่าอาหลีแล้วล่ะ ข้าจะกลับไปที่ห้องหนังสือแล้ว”“อืม”อินหลีมองส่งเย่จั้นออกไปด้วยสายตาหวานซึ้ง รู้สึกมีความสุขที่สามารถช่วยเขาแก้ปัญหาได้จากนั้นถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้กับชิงเสวียนจะปลอดภัยดีหรือไม่ แค่หวังว่าเรื่องนี้จะจบลงในไม่ช้า ผู้คนในใต้หล้าจะมีความสงบสุข...วันรุ่งขึ้นเย่จั้นสวมหน้ากากของเย่จิ่งอวี้ไปประชุมเช้าในราชสำนัก สองอาหลานมีสัดส่วนเท่ากัน มีรูปร่างคล้ายกันมาก นอกจากนี้ทั้งสองยังกำเนิดในราชสกุล บารมีแห่งราชสกุลนี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำเลยตอนนี้เมื่อสวมใส่ใบหน้านี้ ยิ่งยากที่จะแยกแยะว่าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม นอกจากกวนฮั่นหลินกับอินจ้งแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า
ณ เทือกเขาเชื่อมเมฆาทหารม้าจำนวนมากมุ่งหน้ามาที่นี่ชิงฮุยอยู่ข้างๆ นักพรตเทียนชิง กำลังมองดูดวงดาวบนท้องฟ้านักนักพรตเทียนชิงลูบเคราแล้วพูดว่า “ดวงดาวเคลื่อนย้าย อันเป็นสัญญาณของความสับสนวุ่นวายครั้งใหญ่ในโลก เกรงว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้น ชิงฮุย เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้”ชิงฮุยละสายตาที่จ้องมองไปยังท้องฟ้า ดวงตาทั้งคู่นั้นชัดเจนและสงบราวกับธารน้ำใสที่ส่องประกายเข้าไปในหัวใจคนเขาโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ศิษย์คิดว่า สถานการณ์ของโลกมักเป็นเช่นนี้เสมอ เมื่อแยกกันมานานแล้วก็จะต้องรวมกัน และถ้ารวมกันเป็นเวลานานก็ต้องแตกแยก เช่นเดียวกับสุริยันจันทราเปลี่ยนผัน ขึ้นทิศบูรพาตกทิศประจิม เฉกเช่นอำนาจแห่งราชวงศ์ ผู้คนมักพูดว่าความมั่งคั่งจะอยู่ได้ไม่เกินสามชั่วอายุคน เกรงว่าจะเป็นหลักการเช่นนี้”นักพรตเทียนชิงพยักหน้า“ที่เจ้ากล่าวมานั้นก็ถูกต้อง แต่ถ้าเกิดสงคราม ผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานคือราษฎร”ชิงฮุยถอนหายใจเบาๆ และพูดอย่างรู้สึกเห็นใจ “เจ็บปวดนานมิสู้เจ็บปวดระยะสั้น ความเจ็บปวดชั่วคราว แลกกับความสงบสุขชั่วนิรันดร์ได้ ก็คุ้มค่าแล้ว”นักพรตเทียนชิงยิ้มและพูดว่า “ผู้ใดเล่
“เสวียนเอ๋อร์กำลังคิดอะไรอยู่”เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังอยู่ข้างๆ กระแสเสียงที่อ่อนโยนและมั่นคงนั้น ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมากอินชิงเสวียนหันกลับมาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน“ความเงียบกะทันหัน กลับทำให้รู้สึกไม่สบายใจ”เย่จิ่งอวี้ก้มมองนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความรัก“เสวียนเอ๋อร์หมายถึงแคว้นเฟยเหยา?”อินชิงเสวียนพยักหน้า“ถูกต้อง ตั้งแต่มีคนจำนวนมากมาที่อิ๋นเฉิง พวกเขาก็เงียบไป พวกเขาวางแผนมานานมาก แล้วจู่ๆ จะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้อย่างไร พวกเขาต้องมีแผนอื่นแน่ๆ ข้ากังวล ว่านี่อาจจะเป็นกลอุบายอะไรบางอย่างหรือเปล่า”“แผนล่อท่านเข้าไปในหม้อดิน? ข้าคิดว่าเสวียนเอ๋อร์กังวลมากเกินไป ลูกหลานของชาวเฟยเหยา ไม่เหมือนกับชาวเฟยเหยาที่แท้จริง เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมีความปรารถนาที่จะฟื้นฟูแคว้น ความสามารถด้านวรยุทธ์ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสูงกว่าราชาแห่งแคว้นเฟยเหยา ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพียงฝูงชนที่ไร้สติ อีกทั้งชาวยุทธ์ทุกคนในยุทธจักรก็มารวมกันที่นี่ สำนักใหญ่ๆ หลายสิบสำนักร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู ผู้ใดจะสามารถต้านทานได้ หรือว่าคนเหล่านั้นแข็งแกร่งมากกว่าผีแคระตงหลิวที่เคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างนั้นหรือ”คำพ
เฮ่อยวนกับเหมยชิงเกอผ่านความยากลำบากและอันตรายมากมาย ถึงจะกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้งในวันนี้ อินชิงเสวียนไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถูกทำลายโดยเด็กสาวคนนี้แม้ว่านางจะเชื่อว่าเฮ่อยวนเป็นผู้ชายที่ดี แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อผู้หญิงตามจีบผู้ชายมักจะสำเร็จง่ายราวกับกั้นด้วยผ้าบางๆ เท่านั้น ตราบใดที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายรุกมาก แถมยังเป็นเด็กสาวขนาดนี้ เฮ่อยวนจะสามารถทนไหวหรือไม่นั้นก็ยังไม่สามารถบอกได้นางหลบไปที่ทางเดินเล็กข้างๆ แกล้งทำเป็นพบกันโดยบังเอิญ“คุณชายหลิว ดึกมากขนาดนี้ ยังไม่พักผ่อนหรือ”หลิวซือจวินพูดอย่างเป็นมิตร “ข้ายังไม่ง่วง เมื่อครู่เพิ่งทำอาหารบำรุงสุขภาพไปมอบให้เจ้าเมือง หลายวันนี้เขาดื่มสุราหนักมาก อาจทำร้ายตับได้”“คุณชายหลิวเป็นคนเอาใจใส่มาก ข้าในฐานะลูกสาวรู้สึกละอายใจจริงๆ ต้องขอขอบคุณแล้ว”อินชิงเสวียนประกบมือคำนับและกล่าวขอบคุณ หลิวซือจวินก็ยิ้มอย่างไม่เป็นธรรมชาติ“แม่นางอินอย่าขอบคุณข้าเลย ที่เจ้าเมืองยอมรับข้าเข้ามา หลิวซือจวินก็รู้สึกซาบซึ้งยิ่งนัก ทำได้เพียงเท่าที่สามารถทำได้”อินชิงเสวียนนั่งลงบนทางเดินด้านหนึ่ง และตบเก้าอี้ข้างๆ“คิ
สีหน้าท่าทางของนางไม่ได้ดูเสแสร้งจอมปลอม อินชิงเสวียนก็ไม่รู้สึกถึงความอาฆาตพยาบาทใดๆ หรือว่าตัวเองคิดมากไป?แต่กลับพูดด้วยรอยยิ้ม “ย่อมเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าคุณชายหลิวเต็มใจ ข้าจะไปคุยกับท่านแม่พรุ่งนี้”หลิวซือจวินคุกเข่าลงอย่างตื่นเต้น“หากได้คำนับท่านเจ้าเมืองและฮูหยินเป็นพ่อแม่ ซือจวินจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสานต่อทักษะทางการแพทย์ของอิ๋นเฉิง”อินชิงเสวียนรีบคว้าตัวนางไว้“เจ้าคุกเข่าก็อย่ามาคุกเข่าให้ข้าสิ ข้าเชื่อในความสามารถของเจ้า นี่ก็ดึกมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด!”“ได้ พรุ่งนี้เจอกัน”หลิวซือจวินกล่าวลาอินชิงเสวียนด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น อินชิงเสวียนพิจารณาดูนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็นึกในใจว่า แม่นางน้อยคนนี้ดูจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ บางทีตั้งแต่ข้ามภพมาก็ต้องประสบพบเจอกับการหลอกลวงแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันมากเกินไป จนทำให้นางรู้สึกน่าสงสัยทุกคนที่เจอ คงใช้ความคิดของคนเลวไปคาดการณ์ความคิดของคนดีแล้วกระมังถ้านางมีเจตนาชั่วร้ายจริงๆ คงไม่สวมเสื้อผ้าปลอมตัวผู้ชายตลอดเวลาแม้ว่าหลิวซือจวินจะเป็นศิษย์ของนักพรตเทียนจี แต่ก็ไม่ได้มีภูมิหลังเดียวกับชาวเฟยเหยา นางได้รักษาคน