Home / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1375 เห็นความไม่ยุติธรรม

Share

บทที่ 1375 เห็นความไม่ยุติธรรม

Author: ม่อเยี่ยน
ลั่วสุ่ยชิงไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน และไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เย่จิ่งหลานคุ้นเคยกับสีหน้าของคนในยุคโบราณที่เห็นของแปลกๆ เขาจึงโบกมือหยิบอีกขวดสำหรับตัวเอง จากนั้นเปิดหลอดในถุงใบเล็ก แล้วแทงหลอดเข้าไปในกระดาษที่ปิดปากขวด

“อันนี้เรียกว่านมเปรี้ยว จะลองกินดูไหม?”

เย่จิ่งหลานจิบตัวเอง แล้วทำหน้าเปรี้ยว

นี่เป็นความปรารถนาในวัยเด็กของเขา หลังจากใช้ชีวิตมาเกือบสามสิบปี ความปรารถนาเดียวที่เป็นจริงก็คือกินนมเปรี้ยวย่างเป็นอิสระชั่วคราว เพราะสิ่งนี้อินชิงเสวียนเป็นผู้มอบให้

เมื่อเจ้ามีคะแนนมาก นั่นคืออิสรภาพที่แท้จริง

ลั่วสุ่ยชิงไม่ตอบ ดวงตายังคงจ้องมองที่ขวดพลาสติกสีขาว

นางไม่เคยเห็นอะไรที่ทำจากวัสดุประเภทนี้มาก่อน และนางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเครื่องปรุงรสแปลกๆ ที่พวกเขาใช้ในการปรุงอาหารด้วย

เย่จิ่งหลานมองดูนางแล้วยิ้ม “กลัวว่าจะมีพิษหรือ งั้นก็ดื่มจากขวดที่ข้าดื่มแล้วนี่สิ”

เย่จิ่งหลานยื่นนมเปรี้ยวของเขาให้ โดยที่มียังมีหยดนมเปรี้ยวติดอยู่ที่ปลายหลอด

ลั่วสุ่ยชิงจ้องมองเขาอย่างดุเดือด หยิบอีกขวดหนึ่งแล้วก็ยกขึ้นจิบไป รสหวานอมเปรี้ยวไหลเข้าสู่ลำคอ อารมณ์ที่หด
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1376 ดูเหมือนเขาจะเก่งกาจมาก

    ชายคนนั้นพูดว่า “ทุกคนในต้าโจวสมควรตาย”เย่จิ่งหลานตบปากไปหนึ่งที“ในเมื่อเจ้าเกลียดชาวต้าโจวมาก ทำไมถึงต้องไปเป็นทหารอารักขาในวังอีก”ชายคนนั้นอาเจียนลมออกมา ฟันส่วนใหญ่แทบจะร่วงหมดปากเขายังแข็งใจ เค้นเสียงพูดว่า “นั่นเพราะข้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นผู้สืบเชื้อสายของแคว้นเฟยเหยา”“เจ้าเป็นลูกหลานใคร เกี่ยวอะไรกับการที่มาฆ่าชาวบ้าน พวกเขาบุกรุกแคว้นของพวกเจ้า หรือว่าอุ้มลูกเจ้าโยนลงไปในบ่อน้ำ เจ้าอ้างว่าทำในนามของความยุติธรรม ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าน่ะสิ”เย่จิ่งหลานยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ฟาดฝ่ามือตบไปอีกครั้ง สมองของผู้พูดก็ระเบิด และก็ล้มลงกับพื้นลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้พูดอะไรมากนางมองไปที่คนอื่นๆ“พวกเจ้าด้วย?”พวกเขากระจุกรวมตัวกันอยู่มุมหนึ่งเหมือนนกกระทา ไม่กล้าพูดอะไรสักคำทันใดนั้นลั่วสุ่ยชิงก็ยกมือขึ้น พลังอันทรงพลังก็เหมือนกับร่มขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ส่องแสงไปที่หัวของคนเหล่านั้น หลังจากตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง“สวรรค์ทรงเมตตาเจ้า ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้า แต่จะทำลายวรยุทธ์ของพวกเจ้า เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเจ้ากระทำการเลวทรามต่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1377 การผ่าตัดสำเร็จ

    ลั่วสุ่ยชิงมีสีหน้ายินดี ตราบใดที่เด็กยังร้องไห้ได้ นั่นหมายความว่าเขาปลอดภัยแล้วเย่จิ่งหลานอุ้มขึ้นมาดู“เป็นเด็กผู้ชาย ครอบครัวนี้นับว่าโชคดี”เขาเช็ดเลือดบนตัวเด็กจนสะอาดเรียบร้อย และห่อตัวเด็กด้วยผ้าห่มที่สะอาดเด็กน้อยถูกพันแน่น จึงหยุดร้องไห้ทันทีลั่วสุ่ยชิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะมองเย่จิ่งหลานด้วยความชื่นชมเย่จิ่งหลานส่งเด็กให้นาง“ช่วยอุ้มไว้หน่อยนะ”เขากลับไปที่โต๊ะผ่าตัด เย็บแผลของผู้หญิงคนนั้นอย่างประณีต รอให้ยาชาหมดฤทธิ์ ลั่วสุ่ยชิงค่อนข้างตกใจ“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”เย่จิ่งหลานกระตุกยิ้มมุมปาก“เพราะข้าเป็นหมอ แต่ก็ไม่เหมือนกับที่เจ้าคิด ข้าเป็นหมอผ่าตัดที่ทำหน้าที่ตัดเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินที่ขึ้นมาในร่างกายออก แม้ว่าข้าจะไม่ใช่มืออาชีพด้านสูตินรีเวชมากนัก แต่ก็พอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง”ทันทีที่พูดจบ เสียงพูดจากระบบที่น่าพึงพอใจก็ดังขึ้นในหัวของเขาการผ่าตัดสำเร็จ ระดับ S+ ผู้ครองมิติช่วยชีวิตคนได้สำเร็จ 2 คน ได้รับคะแนน 3,000 คะแนนเมื่อได้ยินเสียงนี้ เย่จิ่งหลานก็ยิ้มกว้างจนปากแทบฉีกถึงหูจำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่คะแนนของเข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1378 คนเหี้ยมไม่พูดมาก

    ลั่วสุ่ยชิงขมวดคิ้ว เดินตามไปติดๆ“เมื่อกี้สถานที่แห่งนั้น อยู่ที่ไหน”เย่จิ่งหลานเหลือมองไปด้านข้างแล้วยิ้ม “เจ้าเดาดูสิ?”เมื่อเห็นท่าทางที่เอื่อยเฉื่อยของเขา ลั่วสุ่ยชิงก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่นางก็สะกดกลั้นอารมณ์ไว้“หรือจะเป็นของวิเศษอย่างแหวนพระสุเมรุ ที่มีถ้ำอยู่ข้างใน?”เย่จิ่งหลานพยักหน้า“เดาได้ใกล้เคียง”หลังจากที่เขาพูดจบ ก็พูดด้วยรอยยิ้มกึ่งจริงจัง “เจ้าคงไม่โลภอยากได้ของรักของข้ากระมัง เจ้ากำลังคิดที่จะฆ่าคนขโมยของอยู่แล้ว?”ลั่วสุ่ยชิงแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา“คุ้มค่าหรือ”“ก็ไม่ถึงขนาดนั้น ผู้หญิงที่มีคุณธรรมอย่างแม่นางชิงจะทำแบบนั้นได้อย่างไร ล้อเล่นน่า อย่าสนใจเลย”เย่จิ่งหลานหัวเราะอย่างมีความสุข เดินไปข้างหน้าลั่วสุ่ยชิงเหลือบมองเขา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น เม้มริมฝีปากอย่างแรง ท่าทางแบบเด็กสาวเช่นนั้น ไม่ควรปรากฏในตัวของนางทันใดนั้นก็นึกถึงสองครั้งที่นางใช้คาถาล่อลวงเย่จิ่งหลาน สีหน้าของนางก็ดูจะไม่เป็นธรรมชาติชอบกลแม้ว่านางจะไม่ได้รับผลกระทบจากมโนภาพ แต่พฤติกรรมในมโนภาพ ก็ถูกกำหนดโดยนางเองศาสตร์เงาฝันแบบนี้ไม่มีใครหยุดยั้งได้ เชื่อว่าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1379 ผู้หญิงขี้ใจอ่อน

    เมื่อได้ยินเขาพูดจาสกปรก เย่จิ่งหลานก็รู้สึกเกรี้ยวกราดทันที“ชาติสุนัขอย่างเจ้า แค่ทำลายวรยุทธ์ยังไม่รู้จักพอใจ งั้นให้ข้าส่งเจ้าไปยังสถานที่ที่ดีก็แล้วกัน”เย่จิ่งหลานคว้าผมของเขา แล้วลากเขาออกไปนอกลานบ้าน หลังจากเดินไปหลายร้อยเมตร เขาก็พบคูน้ำที่มีกลิ่นเหม็นเมื่อเห็นสีหน้าที่ไร้ความกรุณาของเขา ชายคนนั้นก็เริ่มกลัวแล้ว“ปล่อยข้านะ เจ้าต้องการทำอะไร”เย่จิ่งหลานปล่อยมือ แล้วหัวเราะเยาะ “ข้าจะส่งเจ้าไปพบโคตรเหง้าศักราชของพ่อเจ้าอย่างไรล่ะ”ชายคนนั้นไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่ง ขนาดย่าของเขายังไม่อยู่แล้ว นับประสาอะไรกับโคตรเหง้าศักราชของพ่อแต่เขารู้สึกว่าศีรษะจมน้ำ รู้สึกแสบร้อนจากด้านบนของศีรษะ ชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาก็สั่นเหมือนเจ้าเข้าทรง“ชาติหน้าอย่าลืมรักษาปากให้สะอาดล่ะ โดยเฉพาะกับสาวๆ”เย่จิ่งหลานปล่อยพลังออกมาจากฝ่ามือ ชายคนนั้นก็กระอักเลือดออกมา และล้มลงกับพื้นเย่จิ่งหลานมองเขาอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองหลังจากเดินออกไปสิบก้าว ก็รู้สึกแสบร้อนระหว่างคิ้ว จึงหยุดชะงักทันทีเมื่อคิดถึงการฆ่าคนหลายคนในช่วงสองวันที่ผ่านมา เย่จิ่งหล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1380 แม้แต่ฮ่องเต้ ก็ต้องรู้จักขอบคุณ

    เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงอินชิงเสวียนได้เห็นข้อความที่เย่จิ่งหลานทิ้งไว้ นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลน่าเสียดายที่แม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่ก็ไม่สามารถส่งเสียงถึงกันได้ไกลเป็นพันลี้เหมือนที่กล่าวไว้ในหนังสือได้ ไม่ต้องพูดถึงการติดต่อทางโทรศัพท์ ทำได้เพียงอธิษฐานให้เขาอยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างเชื่อฟัง ไม่ก่อให้ปัญหาใดๆเย่จิ่งอวี้ปลอบใจอยู่ข้างๆ “เสวียนเอ๋อร์ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าจิ่งหลานจะยังเด็ก แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเขาก็ได้สั่งสมประสบการณ์มากมายในโลกนี้ เขารู้ถึงความสำคัญ จะไม่กระทำการโดยประมาทแน่”“ข้าก็หวังอย่างนั้น ไม่รู้ว่าท่านแม่อยู่ที่นี่ คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตบ้างหรือไม่”ท่านแม่อินชิงเสวียนกล่าวถึง คือเซี่ยวอิ๋นหวนอยู่แล้วเย่จิ่งอวี้เหยียดแขนออก โอบกอดอินชิงเสวียนจากด้านหลัง“ได้มาพบกับเจ้าสำนักใหญ่ทั้งสองท่าน ท่านแม่ย่อมดีใจอยู่แล้ว ข้ายังไม่ได้ไปขอบคุณพ่อตาและแม่ยายเลย ที่จัดงานใหญ่เช่นนี้ให้กับแม่ของข้า”อินชิงเสวียนเม้มปากเป็นรอยยิ้ม“ทำไมจู่ๆ อาอวี้ถึงทำเหมือนเป็นคนอื่นล่ะ”เย่จิ่งอวี้ก้มหน้าลง ฝังไว้ที่ซอกคอของอินชิงเสวียน“แม้เป็นฮ่องเต้ เมื่อต้องเผชิ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1381 อินสิงอวิ๋นกลับเมืองหลวง

    คนเหล่านี้ดูดุร้าย ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ส่งเสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าอินชิงเสวียนพิจารณาดูแวบหนึ่ง แล้วก็คิดในใจว่า ดูเหมือนซอมบี้ในภาพยนตร์จริงๆ ราชาแคว้นเฟยเหยาสามารถทำให้คนเป็นขนาดนี้ได้ด้วยการล่อลวงเพียงไม่กี่คำ ช่างเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริงๆจากก้นบึ้งของหัวใจ นางไม่อยากให้คนผู้นี้เป็นลั่วสุ่ยชิง อินชิงเสวียนชื่นชมผู้หญิงคนนี้จริงๆ เมื่อคิดว่านางอาจจะอายุกว่าสหัสวรรษ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา บางทีอาจเรียดชกนางว่าคุณย่าทวดน่าจะเหมาะกว่าเย่จิ่งอวี้กล่าวว่า “ทางเรามีวิธีที่จะแก้ไขได้จริงๆ เชิญทุกท่านไปพักก่อน มอบศิษย์เหล่านี้ให้เราจัดการก็พอ”ขณะที่พูด เฮ่อยวนก็ออกมาแล้วเช่นกันเมื่อรู้ว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นสหายชาวยุทธ์ในยุทธจักร จึงสั่งให้คนจัดงานเลี้ยงต้อนรับพวกเขาทันทีหลี่เซิ่งเทียนและคนอื่นๆ ได้รับการต้อนรับอย่างกระตือรือร้นก็รู้สึกตกใจ นี่เป็นถึงสำนักสันโดษที่ดำรงอยู่ในอันดับต้นๆ ของยุทธจักร ในความเห็นของพวกเขา เจ้าเมืองแห่งอิ๋นเฉิงย่อมต้องเป็นคนที่ไม่เข้าใจความทุกข์ยากของชาวบ้านสามัญชน อยู่สูงส่งเหนือผู้อื่น แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าจะเข้าถึงง่ายขนาดนี้ เมื่อเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1382 นี่ถือว่าเป็นการแทรกแซงหรือไม่

    ทันทีที่มาถึงประตูตำหนัก ก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมุมริมฝีปากของเย่จั้นก็ยกยิ้มขึ้น จากนั้นก็เร่งฝีเท้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวในห้องโถง เย่ไห่ถังกับหญิงสาวรูปโฉมสะคราญนางหนึ่ง กำลังเล่นเกมกันอย่างสนุกสนาน ทุกครั้งที่ผ่านด่าน ทั้งสองก็จะระเบิดเสียงหัวเราะสดใสราวกับระฆังเงินตั้งแต่พี่สะใภ้ออกจากวัง เย่ไห่ถังก็ไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานแล้ว โชคดีที่เสด็จอาพาคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้กลับมา ซึ่งไม่เพียงแต่เล่าเรื่องต่างๆ ให้นางฟังเท่านั้น แต่ยังเต็มใจที่จะเล่นกับนางด้วยเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เย่ไห่ถังเดาว่าเสด็จอาคงมาที่นี่ จึงรีบซ่อนโทรศัพท์ไว้เย่จั้นถือเสื้อคลุมเดินเข้ามา โบกมือให้ขันทีนางกำนัล ทั้งหมดต่างก็ถอยออกไปอย่างรู้สถานการณ์เย่จั้นถอดหน้ากากออกด้วย เขาไม่ต้องการใช้รูปลักษณ์ของหลานชายปรากฏตัวต่อหน้าอินหลี“ทำไมวันนี้ท่านถึงมีเวลาว่างได้”โดยปกติตอนที่เย่จั้นมาหานาง เขาจะแอบย่องเข้ามากลางดึก เนื่องจากเย่จั้นปลอมตัวอยู่ การทำเช่นนี้จึงเหมือนกับการลอบพบชู้หากคนในวังเห็นว่าฮ่องเต้รักผู้หญิงคนอื่นมากเช่นนี้ เมื่ออินชิงเสวียนกลับมา จะอธิบายอย่างไรเล่าเดิมทีอินหลีต้องการกลับไปยัง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1383 รวมกันเราเป็นดั่งกองไฟที่โชติช่วง

    ใบหน้าของเย่จั้นเต็มไปด้วยความสุข กล่าวชมเชยอย่างเต็มปากเต็มคำ “สมแล้วที่เป็นสตรีจากตระกูลอิน ฉลาดหลักแหลมเกินคนจริงๆ”อินหลีหน้าแดงเล็กน้อย“ข้าไม่หลักแหลมเท่าชิงเสวียน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับกิจการบ้านเมือง ทุกอย่างต้องทำด้วยความระมัดระวัง ท่านถือเสียว่าเป็นข้อเสนอแนะเท่านั้นก็พอ แล้วค่อยหารือกับจอมพลกวนกับพี่ใหญ่ของข้าก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”เย่จั้นยืนขึ้นและพูดว่า “ไม่มีใครมีความคิดที่ดีไปกว่าอาหลีแล้วล่ะ ข้าจะกลับไปที่ห้องหนังสือแล้ว”“อืม”อินหลีมองส่งเย่จั้นออกไปด้วยสายตาหวานซึ้ง รู้สึกมีความสุขที่สามารถช่วยเขาแก้ปัญหาได้จากนั้นถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่าฮ่องเต้กับชิงเสวียนจะปลอดภัยดีหรือไม่ แค่หวังว่าเรื่องนี้จะจบลงในไม่ช้า ผู้คนในใต้หล้าจะมีความสงบสุข...วันรุ่งขึ้นเย่จั้นสวมหน้ากากของเย่จิ่งอวี้ไปประชุมเช้าในราชสำนัก สองอาหลานมีสัดส่วนเท่ากัน มีรูปร่างคล้ายกันมาก นอกจากนี้ทั้งสองยังกำเนิดในราชสกุล บารมีแห่งราชสกุลนี้ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งแกล้งทำเลยตอนนี้เมื่อสวมใส่ใบหน้านี้ ยิ่งยากที่จะแยกแยะว่าเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม นอกจากกวนฮั่นหลินกับอินจ้งแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่า

Latest chapter

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status