“ลูกชายของข้า”อินชิงเสวียนโยนกุ้งมังกรน้อยลงในตะกร้า แล้วล้างมือถังเล็กๆ ใกล้ๆเสี่ยวหนานเฟิงไม่กลัวคนแปลกหน้า พูดด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “สวัสดีพี่สาว ข้าชื่อเย่จ้าวเอ๋อร์”เมื่อเห็นปากเล็กๆ ที่พูดปากหวานของลูกก อินชิงเสวียนก็ยิ้มด้วยความรัก“จ้าวเอ๋อร์เก่งมาก”เมื่อได้ยินคำชมของแม่ เสี่ยวหนานเฟิงก็มีความสุขมาก หน้าอกเล็กๆ ยืดสูงขึ้นเล็กน้อย เขากะพริบตาที่ดูเหมือนมณีสีดำขนาดใหญ่ มองดูลั่วสุ่ยชิงอย่างสงสัย“พี่สาวอยากจับกุ้งด้วยไหม ท่านแม่บอกว่าอันนี้อร่อย”ลั่วสุ่ยชิงชอบเด็กมาก โดยเฉพาะเด็กน่ารักน่าเอ็นดูอย่างเสี่ยวหนานเฟิง ใบหน้าดวงเล็กที่ขาวเนียนละเอียด คิ้วที่ยกขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นความสง่างาม และดวงตากลมโตที่สดใส คู่กับริมฝีปากทั้งสองที่เม้มเล็กน้อย ซึ่งปากเล็กๆ นั้นดูคล้ายกับเย่จิ่งอวี้มากนางค่อยๆ นั่งลงและพูดกับเสี่ยวหนานเฟิงอย่างอ่อนโยนว่า “พี่สาวไม่จับหรอก แม่ของเจ้าเป็นคนที่สุดยอดมากจริงๆ ทั้งยังทำอาหารอร่อย”เมื่อได้ยินลั่วสุ่ยชิงยกย่องแม่ของตัวเอง เสี่ยวหนานเฟิงก็ค่อนข้างภูมิใจ เขามองไปที่อินชิงเสวียน และพูดว่า “แม่ของข้าเป็นคนที่มีสุดยอดที่สุดในโลก”ลั
“โชคดี เมื่อวานพวกเราอยู่กันหลายคน”อินชิงเสวียนพูดเบาๆ นั่งลงบนก้อนหิน แล้วพูดในลักษณะปกติ “นับตั้งแต่ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์พังทลาย ยุทธจักรก็ไม่สงบ หลายคนถูกชาวยุทธ์เสียสติโจมตี ถึงกับเสียชีวิตไปมากมาย นี่ถือเป็นหายนะ ยังเป็นหายนะที่ไร้เหตุผล แม่นางชิงเดินทางคนเดียว รีบออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุดดีกว่า”ลั่วสุ่ยชิงมองไปที่นางแล้วถามว่า “แล้วทำไมเจ้าไม่ไปล่ะ”อินชิงเสวียนถอนหายใจเบาๆ“ข้ามีเรื่องกังวลมาก ออกไปไม่ได้”“มีญาติของเจ้าอยู่ที่นี่งั้นหรือ”ลั่วสุ่ยชิงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างที่อยู่ในวิถีแห่งสวรรค์ นางรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอินชิงเสวียนกับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพหอทองคำ อินชิงเสวียนพยักหน้า“มี ยังมีคนบริสุทธิ์อีกด้วย”ชิงลั่วพูดเรียบๆ ไม่เย็นชาหรืออบอุ่น “แม่นางอินใส่ใจผู้คน ใจดีมีเมตตาจริงๆ”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มบางๆ“คนเราควรมีจิตใจเมตตามิใช่หรือ ข้าเชื่อเสมอว่าความรักสามารถละลายความเกลียดชังได้ และความรักยิ่งใหญ่กว่าความเกลียดชัง”อินชิงเสวียนเกลียดคำคมสร้างกำลังใจประเภทนี้มาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจใหญ่ผู้มีชีวิตอยู่มานับพันปี นา
“สมแล้วที่เป็นลูกชายข้า มีวิสัยทัศน์”เสียงที่ชัดเจนของเย่จิ่งอวี้ดังมาแต่ไกล และในชั่วพริบตา เขาก็ใกล้เข้ามาแล้ว เสื้อผ้าที่ถูกลมพัดยังไม่สงบนิ่ง เขาก็ถือตะกร้าไม้ไผ่ที่บรรจุกุ้งมังกรน้อยไว้ในมือแล้วเสี่ยวหนานเฟิงได้รับการยอมรับจากพ่อ ทันใดนั้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างมีความสุขอินชิงเสวียนกลอกตามองเย่จิ่งอวี้ด้วยความโกรธ“ท่านคงเป็นคนสอนมา”เย่จิ่งอวี้อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้น แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แม่ของเจ้าโกรธอีกแล้ว เราหนีไปกันเถอะ”ลูกโตขนาดนี้ เป็นวัยที่กำลังชอบสนุก เขาโอบรอบคอของเย่จิ่งอวี้ ส่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับระฆังเงินเมื่อมองตามสองพ่อลูกที่เดินจากไปไกล อินชิงเสวียนก็ลูบหน้าท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัวอยากรู้ว่าลูกสาวของนางจะมีนิสัยแบบไหน นางจะซุกซนหรือเชื่อฟังทุกครั้งที่นางคิดถึงชีวิตน้อยๆ ที่กำลังอยู่ในครรภ์และเติบโตในท้องของนาง อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงความมหัศจรรย์มากสถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากโรงเตี๊ยม นางไม่ได้ใช้วิชาตัวเบา ค่อยๆ เดินกลับไปอย่างแช่มช้าเวลานี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว อุณหภูมิในเทือกเขาเชื่อมเมฆาก็เย็นกว่าในเมืองหลวงมาก จึงอดไม่ได้ที่จะเพลิด
“อีกฝ่ายมีกี่คน”เฮ่อยวนถามอย่างเร่งด่วนศิษย์อิ๋นเฉิงกล่าวว่า “มีประมาณห้าสิบคน ทุกคนเป็นยอดฝีมือ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องค่ายกลและกลอุบาย ทำให้ยากที่จะป้องกัน”เหมยชิงเกอก็ยืนขึ้นเช่นกัน“ข้าจะไปดูกับท่านด้วย”เซี่ยวอิ่นหวนพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าก็จะไปเหมือนกัน ยุทธจักรมีเชื้อสายเดียวกัน เราควรรวมเป็นหนึ่ง ต่อสู้กับศัตรูด้วยกัน”ศิษย์ของทั้งสองสำนักต่างพูดขึ้นว่า “ลมหายใจและรากเดียวกัน ต้านศัตรูภายนอก”เฮ่อยวนพยักหน้า ในขณะนี้ ไม่ควรกระจายกองกำลังออกไป เพื่อไม่ให้ถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ไปทีละกลุ่มอินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้น“ในเมืองนี้มีคนไม่มากนัก เราไม่จำเป็นต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ ไปที่อิ๋นเฉิงกันเถอะ”ทุกคนออกเดินทางทันที คนที่มีม้าก็ขี่ม้า ผู้ที่ไม่มีม้าก็ใช้วิชาตัวเบาเย่จิ่งหลานที่อยู่ข้างหลังร้องเฮ้อแล้วพูดว่า “ถ้ามีรถสักคันคงจะดี มองเห็นแต่สัมผัสไม่ได้ ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ”อินชิงเสวียนกลอกตามองเขาและพูดว่า “ใช่ ถ้ามีรถถังสักคันก็ยิ่งดีกว่า สามารถทำลายศัตรูทั้งหมดได้ แบบนั้นคงจะสิ้นเรื่องได้เลย เสียดายก็แต่ของพวกนั้นราคาแพงมาก อาศัยแค่ทำการเกษตร คาดว่าชาตินี้ค
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เหมยชิงเกอก็ดึงมือกลับแล้ว“ฉางเฟิง เจ้ารู้สึกดีขึ้นหรือยัง”เฮ่อฉางเฟิงหายใจเข้า บนใบหน้าที่ซีดเซียวเริ่มมีสีเลือดขึ้นเล็กน้อย“ขอบคุณท่านป้าเหมยมาก ข้าดีขึ้นมากแล้ว”“ดีแล้ว ชิงเสวียน ช่วยพยุงพี่ชายของเจ้าไปพักผ่อนตรงนั้นหน่อยนะ”เหมยชิงเกอก้าวออกไป ร่างนั้นก็กระโดดไปอยู่ข้างๆ เฮ่อยวนแล้ว ในมือเปล่งแสงสีม่วง โจมตีไปยังชายที่มีรอยกระเต็มใบหน้าอินชิงเสวียนช่วยประคองเฮ่อฉางเฟิงไปที่หินข้างๆ หลิวซือจวินก็วิ่งพลางกระโดดตามเข้ามาด้วยอาการร้อนใจ“น้องชาย...เอ้ย พี่เฮ่อ ขอข้าดูอาการบาดเจ็บหน่อยได้ไหม”นอกจากอาการบาดเจ็บภายในแล้ว เฮ่อฉางเฟิงยังได้รับบาดแผลจากการถูกแทงถูกฟันมากมายและยังมีเลือดออกอีกด้วยเฮ่อฉางเฟิงยกมือขึ้น“ต้องรบกวนแล้ว”“กับข้าไม่ต้องเกรงใจ”หลิวซือจวินรีบเปิดแขนเสื้อของเขาออก หยิบยาจินชวงที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา จากนั้นก็จัดการทำแผลให้เฮ่อฉางเฟิงอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของนาง อินชิงเสวียนก็นึกในใจว่า หลิวซือจวินวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม เหมาะสมที่จะอยู่ในอิ๋นเฉิง หากเฮ่อฉางเฟิงชอบนาง บางอาจเป็นคู่รักที่ดีอีกหนึ่งคู่ แต่ไม่รู้ว่าเ
เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้รู้ถึงพลังความร้ายกาจของพิณการเวก สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคนระวังด้วย พิณการเวกเป็นอาวุธที่ใช้โจมตีแบบกลุ่ม และมันจะเสริมกำลังให้แก่ฝ่ายตนตามความประสงค์ของผู้ดีด”อินชิงเสวียนกระตุกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเยาะ“ในเมื่อรู้แล้ว ยังไม่ยอมจำนนอีกรึ!”นิ้วเรียวแตะที่สายพิณ และทันใดนั้นเสียงที่คมชัดก็แพร่กระจายไปทั่วอิ๋นเฉิงเสียงพิณนั้นรวดเร็วและเร่งด่วน เสียงดนตรีจากเครื่องสายก็ดังราวกับฝนตกหนักตกลงมากระทบจานเงิน ทำให้หลายคนรู้สึกกระสับกระส่าย เลือดลมเดือดพล่าน อย่างไรก็ตามทุกคนในอิ๋นเฉิงรู้สึกสดชื่นและความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อได้ยินเสียงพิณที่คุ้นเคยอีกครั้ง ขวัญกำลังใจของเหล่าศิษย์ของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ก็สูงขึ้นไปอีก ทุกคนต่างตื่นเต้นฮึกเหิม มีเพียงดวงตาของเซี่ยวอิ่นหวนเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นสีแดงนางคิดถึงพ่อบุญธรรม ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ หากได้เห็นชิงเสวียนประสบความสำเร็จเช่นนี้ เขาคงจะมีความสุขมากกระมัง!ทักษะการเล่นพิณของอินชิงเสวียนนั้นเชี่ยวชาญขึ้นนานแล้ว มีแสงสีเงินและสีม่วงพุ่งออกมาที่ปลายนิ้วของนาง ซึ่งเป็นวรยุทธ์ขอ
เย่จิ่งอวี้แค่นเสียงอย่างเย็นชา“คนอวดดีเช่นนี้ คิดว่าต้าโจวไร้คนจริงๆ งั้นรึ!”“ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกัน ว่าเจ้าจะมีความสามารถที่จะรั้งข้าไว้ที่นี่ได้หรือไม่!”เงาสีดำพลิกฝ่ามือ กลุ่มหมอกสีดำก็กลายเป็นกระบี่อันแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วน ครอบคลุมจุดสำคัญของเย่จิ่งอวี้เย่จิ่งอวี้ได้กระโดดขึ้นมาเหนือเมฆแล้ว หลักการแห่งฟ้าดินที่อยู่รอบตัวเขา ได้สร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งขึ้นมาทันทีด้วยการระเบิดที่รุนแรงหลายครั้ง ใบหมอกสีดำก็กระจายไปทีละอันเย่จิ่งอวี้มาถึงเบื้องหน้าของเงาดำราวกับผี“วันนี้ข้าจะดูซิว่า ราชาแห่งแคว้นเฟยเหยา จะเก่งกาจสักแค่ไหน!”ฝ่ามือของเย่จิ่งอวี้เหมือนกับมีด ได้ทะลุผ่านหมอกสีดำไปอย่างรวดเร็ว เงาดำผงะถอยหลัง กระบี่ที่คมอีกหลายสิบเล่มก็ถูกซัดออกไป“รูปลักษณ์ที่แท้จริงของข้าใช่ว่าเจ้าจะมองเห็นได้!”บางทีอาจจะเป็นเพราะประหลาดใจมากเกินไป จู่ๆ เสียงที่ไม่ชัดเจนว่าเป็นชายหรือหญิงของหมอกสีดำก็ชัดขึ้น เป็นน็น เสียงผู้หญิงเด่นชัดอินชิงเสวียนเลิกคิ้ว การคาดเดาที่ว่าบุคคลนี้คือลั่วสุ่ยชิง โดยพื้นฐานก็ได้ยินการยืนยันแล้วแน่นอน นางจะเป็นใครนั้น ในเวลานี้ ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้
แม้ว่าจะมีเย่จั้นดูแลเมืองหลวง และยังมีอินจ้งกับลูกชายช่วยเหลือ แต่อย่างไรบ้านเมืองก็ยังคงเป็นของเย่จิ่งอวี้ มีบางเรื่องที่เย่จั้นไม่สามารถล้ำเส้นได้เป็นเวลาหลายเดือนแล้วตั้งแต่เย่จิ่งอวี้ออกมา หากจะยอมสละทั้งแคว้น เพื่อมุมหนึ่งของเทือกเขาเชื่อมเมฆานั้น เป็นสิ่งที่ไม่ฉลาดเลยเย่จิ่งอวี้จับมือเล็กนุ่มนิ่มของนาง ยกมุมริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม“เป็นความผิดของข้าเอง ข้าไม่ควรพูดเรื่องนี้ ทำให้เสวียนเอ๋อร์กังวลโดยไม่มีเหตุผล ในเมื่อได้มอบหมายให้เสด็จอากับแม่ทัพอินแล้ว เช่นนั้นจึงควรเชื่อในความสามารถของพวกเขา นี่คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่แท้จริง ในเมื่อราชาแห่งแคว้นเฟยเหยากำเนิดใหม่ที่นี่ เช่นนั้นสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสนามรบหลักอย่างแน่นอน เมื่อใดที่ยุทธจักรพ่ายแพ้ กองทัพหลวงในราชสำนักจะจัดการกับคนแปลกๆ ที่มีทักษะวรยุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้อย่างไร”เขาถอนหายใจเบาๆ และพูดว่า “จริงๆ แล้ว ก่อนที่ข้าจะไปเป่ยไห่ ข้าไม่เข้าใจตลอดว่าทำไมพวกเขาไม่ขอความช่วยเหลือจากราชสำนัก เป่ยไห่มีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการรบ ยังมีกองทหารประจำการอยู่ที่นั่น จนกระทั่งข้าเห็นคนตงหลิวเหล่านั้น ข้าถึงได้เข้าใจถึงความแตก