อินชิงเสวียนรู้ว่าในสมัยโบราณเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น ทว่าในใจก็ยังรู้สึกเช่นนั้นล้วนสูญเสียสติสัมปชัญญะเช่นกัน รู้แค่ว่าต้องฆ่าคนเท่านั้นเหมือนกัน ส่วนแตกต่างก็คือ ซอมบี้หลังจากตายแล้วก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่หากชาวยุทธ์เหล่านี้ตายลง ก็เท่ากับดับสิ้นไปโดยสิ้นเชิงแม้ว่าคนเหล่านี้ต่างก็คิดไม่ซื่อ แต่ก็ไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้จริงๆ เช่นนั้นจะขัดต่อความกลมกลืนของสวรรค์ อินชิงเสวียนเคยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ แต่ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ นิสัยของก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป นางมักจะรู้สึกเสมอว่าถ้าสะสมบุญบารมีมากขึ้น ก็จะสามารถปกป้องลูกๆ ได้“ท่านพ่อกับท่านแม่ได้บอกไว้หรือไม่ ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร”เย่จิ่งอวี้ช่วยประคองอินชิงเสวียนให้นั่งบนแท่นหินข้างๆ“ท่านพ่อให้ผู้อาวุโสหลายท่านจากอิ๋นเฉิงช่วยวินิจฉัยรักษาให้พวกเขา แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้”อินชิงเสวียนเหลือบมองกำแพงหินที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆ“คิดว่าคนเหล่านี้คงถูกทำให้จิตใจสับสน ไม่รู้ว่าน้ำพุวิญญาณจะได้ผลหรือไม่”นางโบกมือและหยิบขวดน้ำออกมา พูดกับเย่จิ่งอวี้ว่า “อาอวี้ลองเอาไปให้ใครสักคนดื่มดู”เย่จิ่งอวี้รับไว้ด้วยคว
เหมยชิงเกอขมวดคิ้ว“คนเหล่านี้ล้วนคลุ้มคลั่งเสียสติเพราะเข้ามาทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ หากสามารถทำลายสิ่งนี้ได้ บางทีคนเหล่านี้อาจจะฟื้นคืนสติขึ้นมา”อาคันตุกะกู่เทียนกลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป“นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าตำหนักเหมย หากหินก้อนนี้ก่อความวุ่นวายจริงๆ ทำไมตั้งแต่อิ๋นเฉิงเข้ามาดูแลตั้งนานหลายปีขนาดนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในความคิดของข้า เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง”เขาหยุดแล้วกล่าวว่า “ข้าบังอาจคาดเดาว่า อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นจุดเริ่มต้น หรืออาจมีอุปสรรคบางอย่างเกิดขึ้น จึงนำไปทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อีกด้านหนึ่งก็เป็นได้ สิ่งของนี้อาจจะทำให้ความเกลียดชังและความอยากได้ของมนุษย์เพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเสียสติ”ดวงตาของเหมยชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อยสิ่งที่ผู้อาวุโสกู่พูด ค่อนข้างมีเหตุผลอยู่บ้าง อย่างน้อยกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็ไม่เป็นอะไร ความโกรธแค้นชิงในใจของนาง เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดมีความรู้สึกเหล่านี้มากกว่านางอีกแล้วเฮ่อยวนพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อาวุโสฉางและกู่เทียนพูดหากมีวิธีการกำจัดวิญญาณชั่วร้ายนี้ เฮ่อยวนย่อม
ทุกคนตกตะลึง ความสำเร็จด้านกระบี่ของลิ่นเซียวสูงส่งมากเพียง สมแล้วที่ได้รับฉายาว่าปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวหมุนข้อมือ แล้วตะโกน “ไป!”กระบี่ยาวเกือบร้อยเล่มราวกับจะมีดวงตา ทั้งหมดพุ่งแทงไปยังวิถีแห่งสวรรค์ฉางชิวเฟิงและกู่เทียนต้องการที่จะหยุดยั้ง แต่ก็สายเกินไปแล้ว ต่างอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง ด้วยมิอาจทนมองต่อไปได้ด้วยกำลังภายในของลิ่นเซียว ด้วยกระบี่จำนวนมากที่แทงพุ่งออกไปพร้อมกัน แม้แต่ยอดเขาก็ยังราบเป็นหน้ากลองได้ เช่นนั้นวิถีแห่งสวรรค์ก็คงไม่รอดแล้วแน่ๆอย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาได้ยินกลับไม่ใช่เสียงระเบิดดังสนั่น หากแต่เป็นเสียงอาวุธที่แตกหักกระบี่ยาวทั้งหมดทยอยหักพังไป แต่หินประหลาดนั้นยังคงมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซาน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยลิ่นเซียวหันหน้ากลับมา เมื่อเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจหินยังไม่แตก หรือว่าวรยุทธ์ของตัวเองถดถอยลง?สีหน้าของลิ่นเซียวเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าหินหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยขีดข่วน ซึ่งถือว่าแปลกจริงๆ“เปล่าประโยชน์ แม้แต่สว่านไฟฟ้าก็เจาะไม่ได้ ของสิ่งนี้แปลกมากจริงๆ”เย่จิ่งหลา
อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ปิดบังสายตาของหลิวซือจวิน และหันไปมองที่เฉิงเฟิ่งโหลวกล่าวปลอบโยนเบาๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อมาถึงแล้ว ก็อยู่กับพวกเราเถอะ อีกสักพักข้าจะไปตั้งกระโจมพัก เจ้าก็ไปพักผ่อนข้างในก่อนได้”เฉิงเฟิ่งโหลวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พูดอย่างกังวลว่า “แต่...หนังสือที่บ้าน...”“ไม่ต้องห่วง คนพวกนั้นไม่แย่งชิงหนังสือหรอก”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หันไปหาเฮ่อฉางเฟิง“พี่ชายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ”เฮ่อฉางเฟิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่ได้ออกไปไหน เดิมทีอยากรอดูผลของวิถีแห่งสวรรค์ก่อน นึกว่าจะได้เจอกับชาวยุทธ์ที่บ้าคลั่งจำนวนหนึ่งแทน ในระหว่างการสอบสวนได้ช่วยชีวิตพวกเขาทั้งสองไว้ คิดไม่ถึงน้องเล็กกับน้องชายเฉิงคนนี้จะรู้จักกัน ในที่สุดพี่ชายก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายเคยทำอะไรผิดที่ไหนกัน ไม่ว่าจะที่เป่ยไห่ หรือว่าที่นี่ เรียกว่าเป็นเหมือนฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล”หลิวซือจวินที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเฮ่อ นี่คือน้องสาวของเจ้าหรือ ครอบครัวของเจ้าหน้าตาดีจัง งั้นนั่นก็เป็นพี่น้องชายของเจ้าด้วยหร
“ทำไมล่ะ”เฮ่อยวนหันศีรษะไปมองอย่างเคร่งขรึมองครักษ์ส่วนตัวโค้งคำนับและพูดว่า “คนในเมืองดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ มีบางคนก็บ้าคลั่งไปแล้ว”สีหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย“แพร่กระจายเร็วขนาดนี้เชียวหรือ”องครักษ์พยักหน้า“เราควบคุมชาวบ้านไว้ได้บางส่วนแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีผู้ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “ข้าก็บอกแล้ว เมื่อควรตัดสินใจกลับไม่ตัดสินใจ สุดท้ายย่อมได้รับความวุ่นวาย หากไม่ทำลายหินเส็งเคร็งนี่ จะต้องมีคนเข้ามาข้องเกี่ยวแน่นอน”เหล่าศิษย์ของตำหนักเทพก็ตามมารายงานต่อ“เจ้าตำหนัก ชาวยุทธ์จำนวนมากได้หนีออกจากเมืองไปแล้ว ต้องการให้ไล่ตามตัวกลับมาหรือไม่”ใบหน้าของเหมยชิงเกอพลันอึมครึมมืดมน“ไล่ตาม ต้องจับพวกเขากลับมาให้หมด”จากนั้นก็มองไปที่เฮ่อยวน“สิ่งที่คุณชายน้อยเย่พูดมาก็มีเหตุผล หากเราร่วมมือกัน บางทีอาจจะสามารถทำลายมันได้”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ฉางชิวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน ดูว่าจะสามารถดึงสิ่งชั่วร้ายออกมาโดยไม่สร้างความเสียหายได้หรือไม่ จากนั้นค่อยๆ ไขปริศนาวิถีแห่งสวรรค์”เข
ชาวยุทธ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเลือกใครมาคนหนึ่งก็ล้วนมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับหงายหลัง ล้มลงกับพื้นโดยที่เสียภาพลักษณ์ไปหมดลิ่นเซียวกระโดดขึ้นจากพื้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ”เขาโคจรกำลังภายในร่างกายทั้งหมดไปที่ฝ่ามือขวา ลมแรงที่พัดโหมอยู่รอบตัวนั้น กลายเป็นของแข็งขึ้นมาในทันที เกิดเป็นกระบี่ลมนับสิบเล่มที่ล้อมรอบแขนของเขา ราวกับรอคำสั่งจากเจ้าของเย่จิ่งอวี้เลิกคิ้ว สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์กระบี่ของใต้หล้า กำลังภายในของผู้อาวุโสลิ่นนั้นแข็งแกร่งมาก ที่เขาพ่ายแพ้ในเมืองหลวงวันนั้น ก็ไม่นับว่าเสียหน้ามากนักการดำรงอยู่ของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ในวังเลย แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะมาด้วยตัวเอง แต่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาในบรรดาชาวยุทธ์ที่เขาเคยเจอมา วรยุทธ์ของเฮ่อยวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้มากที่สุด จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าตำหนักเหมยได้รับการเลื่อนขั้นจากน้ำพุวิญญาณ หากต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ก็เกรงว่าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลิ่นเซียว เจ้าสำนักเซี่ยวกับเจ้าตำหนักเหมยคงมีพ
หลิวซือจวินดึงเข็มเงินออกมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “อันที่จริงข้ามาที่นี่เพื่อขอเรียนวิชาแพทย์จากคนในอิ๋นเฉิง ข้าไม่ใช่ยอดฝีมืออะไร”เมื่อครู่นี้นางก็ได้ยินคำเรียกขานระหว่างพวกเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าตำหนักหรือเจ้าเมือง หรือผู้อาวุโสหรือเจ้าสำนัก ทั้งหมดล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่ตนเองไม่สามารถล่วงเกินได้เฮ่อยวนพยักหน้า และถามว่า “เจ้า...คงไม่ใช่คนจากเมืองใกล้ๆ นี้กระมัง แล้วทำไมถึงรู้จักอิ๋นเฉิง”หลิวซือจวินประกบมือคารวะแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินมาจากแม่ นางบอกว่าวิชาแพทย์ที่สุดยอดที่สุดในโลกอยู่ที่อิ๋นเฉิง ก่อนตายนางได้กำชับข้าไว้ ว่าต้องมาดูให้ได้”เขาเงยหน้าขึ้นมองเฮ่อยวน นัยน์ตาฉายแววเคารพชื่นชม และอารมณ์อื่นๆ แวบขึ้นมาในดวงตาของเขา แต่ใช้เวลาเพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะกลับไปมีท่าทางร่าเริงอีกครั้ง“โชคดีที่คุณชายเฮ่อช่วยชีวิตไว้ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่สามารถมาพบเจ้าเมืองเฮ่อได้”เฮ่อยวนยิ้ม“ท่ามกลางผู้คนมากล้น การได้มาพบกันนับเป็นวาสนา หากเจ้าชื่นชอบทักษะทางการแพทย์ วันหน้าก็สามารถรั้งอยู่ในอิ๋นเฉิงเพื่อตั้งใจศึกษาได้”หลิวซือจวินแสดงสีหน้ายินดีทันที“ขอบคุณเจ้าเมืองเฮ่อ”“ด้วยความย
ใบมีดดำทะมึนแห่งมิติได้พัดพาลมอันรุนแรงประหนึ่งจะฉีกท้องฟ้า ลอยสูงขึ้น ทรงพลังราวกับฟ้าร้อง และหมอกสีดำที่พุ่งออกมาดูเหมือนจะมีพลังทำลายล้างทั้งฟ้าดินทุกคนมองดูท้องฟ้าด้วยความสยดสยอง ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้วรยุทธ์แบบใด ถึงสามารถฝึกฝนปราณกระบี่ที่ครอบงำเช่นนี้ออกมาได้แม้แต่กระบี่ของปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวก็อาจเทียบไม่ติดกับสิ่งนี้แม้เพียงกระผีกเดียว แม้แต่เย่จิ่งหลานก็อ้าปากกว้างเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเคยเห็นมาก่อน แต่ตอนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูในห้องโถงจื่อชี่ตงไหล ท้องฟ้ามืดมิด จึงไม่อาจได้ชื่นชมอย่างละเอียดเลยตอนนี้มีเพียงสองคำในใจของเขาโคตรเจ๋ง!มีเพียงเย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อย มองอินชิงเสวียนอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งท่าทางภาคภูมิใจชนิดนั้น แทบจะสลักคำว่า นี่คือภรรยาของข้า ไว้บนใบหน้าของเขาได้เลยในชั่วพริบตา ใบมีดดำทะมึนก็ได้ฟาดฟันลงบนก้อนหินแล้ว ในเวลาเดียวกัน เย่จิ่งหลานก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดและน่ากลัว“ทำได้ดี!”จู่ๆ หัวใจก็สะดุ้ง ทันใดนั้นก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีหรือจะเป็นจริงอย่างที่อินชิงเสวียนพูดไว้ ว่าหากกำแพงหินพังทลาย สิ่งเลวร้ายก็จะหลุดพ้นออกมา?