หน้าหลัก / รักโบราณ / สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ / บทที่ 1292 การปล้นฆ่าเริ่มขึ้น

แชร์

บทที่ 1292 การปล้นฆ่าเริ่มขึ้น

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-24 19:17:58
เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังขึ้นในเมือง เฉิงเฟิ่งโหลวอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว ส่วนไป๋เสวี่ยและเจ้าหมาป่าน้อยสีขาวก็เห่าหอนอย่างวิตกเช่นกัน

กลิ่นคาวเลือดปลุกสัญชาตญาณอันดุร้ายของเจ้าหมาป่าน้อยสีขาว มันส่งเสียงคำรามต่ำๆ หมอบคลานไปบนพื้น ประกายสีเขียวที่รุนแรงวาววับในดวงตา

ไป๋เสวี่ยใช้อุ้งเท้าตรึงมันไว้กับพื้น เจ้าขาวพยายามอยู่หลายครั้ง แล้วจึงนอนลงบนพื้น

เฉิงเฟิ่งโหลวกระวนกระวายใจจะแย่แล้ว เขาถือหนังสือแสร้งทำเป็นสงบ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็อ่านไม่เข้าใจ

นายท่านและครอบครัวยังไม่กลับมา ขออย่าให้เจอคนชั่วเลย ชาวยุทธ์มากมายเหล่านั้น แต่ละคนฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา ยิ่งไม่พูดถึงเรื่องไร้เหตุผล

นอกจากนี้ยังมีนายน้อยอีก เขาเป็นห่วงยิ่งนัก

“ไป๋เสวี่ย เรา...ออกไปดูไหม”

เฉิงเฟิ่งโหลวไม่รู้ว่าสุนัขจะเข้าใจหรือเปล่า แต่ในใจเขากลัวมาก แม่ของเขาบอกว่าสัตว์เดรัจฉานเลี้ยงไม่เชื่องที่สุด แม้แต่สุนัขในบ้าน ก็ยังชักสีหน้าไม่ยอมรับเจ้าของ

ไป๋เสวี่ยจ้องมองที่เฉิงเฟิ่งโหลว แล้วส่ายหัวอันใหญ่โตของมัน ก่อนที่อินชิงเสวียนจะจากไปได้กำชับไว้เป็นพิเศษ บอกให้มันปกป้องเฉิงเฟิ่งโหลวกับเจ้าขาวโดยเฉพาะ

เฉิงเฟิ่งโหล
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1293 จะมาแล้วหรือ

    คุณชายคนนั้นทำหน้าตกใจ พูดเสียงหอบๆ “ข้าจะรู้ได้อย่างไร ข้าเพิ่งเดินทางมาถึงที่นี่ แต่กลับเห็นคนบ้ากลุ่มหนึ่ง หรือว่าเจ้าก็เป็นคนจากนอกพื้นที่เหมือนกัน?”คุณชายคนนั้นกะพริบตา ดวงตาทั้งคู่คล้ายจะมีน้ำคลออยู่ ซึ่งน่าดูเป็นพิเศษเฉิงเฟิ่งโหลวตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงรู้สึกตัว“จริงๆ แล้วข้าก็เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก”เฉิงเฟิ่งโหลวยังเด็ก ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรนัก เขาได้เล่าเรื่องราวที่ตัวเองขอทานมาจนถึงที่นี่ และเรื่องที่ได้รับการช่วยเหลือจากนายท่านกับนายหญิงอย่างย่อๆ คุณชายผู้นั้นตอบอ้อแล้วกล่าวต่อว่า “แล้วเจ้าไม่รู้หรือว่านายท่านกับนายหญิงของเจ้าหายไปไหน”เฉิงเฟิ่งโหลวส่ายหัวอย่างไม่รู้เรื่องชายหนุ่มเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ถ้าพวกเขาไม่ได้บอกเจ้า บางทีพวกเขาอาจจะจากไปแล้ว”เฉิงเฟิ่งโหลวหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที“ไม่ใช่หรอก นายท่านบอกว่าจะพาข้าไปเมืองหลวง พวกเขาไม่มีวันทอดทิ้งข้าแน่นอน”คุณชายคนนั้นเบ้ปาก ขู่ว่า “เจ้าเห็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีของพวกเขา แต่ใครจะรู้ว่าข้างในนั้นเป็นอย่างไร บางทีพวกเขาอาจเป็นคนค้ามนุษย์ คอยดูเจ้าจะถูกขายราคาได้ดีๆ”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1294 หลิวซือจวิน

    ณ บัดนี้ ที่เมืองถงหูเล็กๆ ด้านนอกทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้วุ่นวายอลหม่านไปหมด ในเวลาเพียงสามสิบนาที ผู้บริสุทธิ์หลายสิบคนถูกสังหารเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มควบคุมได้ยากขึ้น ตำหนักเทพและอิ๋นเฉิงจึงออกคำสั่งที่สองไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับกุมคนเหล่านี้ให้ได้ ใครก็ตามที่ฝ่าฝืน ต้องถูกฆ่าตายทันที!เมื่อเฮ่อฉางเฟิงทราบข่าวจากศิษย์อิ๋นเฉิง ก็ไม่ยั้งมืออีก หากไม่สามารถควบคุมได้ก็ฆ่าทันทีก่อนที่จะกลับมาที่เมืองถงหู เฮ่อฉางเฟิงตั้งใจจะออกไปท่องยุทธภพจริงๆ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างก็มีความอยากรู้เป็นนิสัย เขาอยากรู้ว่าคราวนี้จะสามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้หรือไม่ จึงไปหาบ้านที่ไม่เด่นสะดุดตา แวะพักก่อนชั่วคราวเพียงพริบตาเดียวก็ผ่านมาแล้วสามวัน เฮ่อฉางเฟิงยังไม่ได้ยินข่าวใดๆ กำลังจะไปหาโรงเตี๊ยมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ ทันทีที่มาถึงที่ประตูก็ได้กลิ่นคาวเลือดตีขึ้นจมูก จึงได้บังเอิญช่วยเฉิงเฟิ่งโหลวและหลิวซือจวิน“คุณชายเฮ่อ ได้ยินมาว่าคนในอิ๋นเฉิงล้วนมีทักษะทางการแพทย์ดี ท่านช่วยแสดงให้ข้าเห็นสักครั้งได้หรือไม่”เฮ่อฉางเฟิงลงมือตลอดทาง โดยที่มีหลิวซือจวินคอยเดินตามเซ้าซี้อยู่ไม่หยุด พร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1295 ความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

    อินชิงเสวียนรู้ว่าในสมัยโบราณเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น ทว่าในใจก็ยังรู้สึกเช่นนั้นล้วนสูญเสียสติสัมปชัญญะเช่นกัน รู้แค่ว่าต้องฆ่าคนเท่านั้นเหมือนกัน ส่วนแตกต่างก็คือ ซอมบี้หลังจากตายแล้วก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้ แต่หากชาวยุทธ์เหล่านี้ตายลง ก็เท่ากับดับสิ้นไปโดยสิ้นเชิงแม้ว่าคนเหล่านี้ต่างก็คิดไม่ซื่อ แต่ก็ไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้จริงๆ เช่นนั้นจะขัดต่อความกลมกลืนของสวรรค์ อินชิงเสวียนเคยเป็นคนไม่เชื่อเรื่องสวรรค์ แต่ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ นิสัยของก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป นางมักจะรู้สึกเสมอว่าถ้าสะสมบุญบารมีมากขึ้น ก็จะสามารถปกป้องลูกๆ ได้“ท่านพ่อกับท่านแม่ได้บอกไว้หรือไม่ ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร”เย่จิ่งอวี้ช่วยประคองอินชิงเสวียนให้นั่งบนแท่นหินข้างๆ“ท่านพ่อให้ผู้อาวุโสหลายท่านจากอิ๋นเฉิงช่วยวินิจฉัยรักษาให้พวกเขา แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุได้”อินชิงเสวียนเหลือบมองกำแพงหินที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆ“คิดว่าคนเหล่านี้คงถูกทำให้จิตใจสับสน ไม่รู้ว่าน้ำพุวิญญาณจะได้ผลหรือไม่”นางโบกมือและหยิบขวดน้ำออกมา พูดกับเย่จิ่งอวี้ว่า “อาอวี้ลองเอาไปให้ใครสักคนดื่มดู”เย่จิ่งอวี้รับไว้ด้วยคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1296 คนบ้า

    เหมยชิงเกอขมวดคิ้ว“คนเหล่านี้ล้วนคลุ้มคลั่งเสียสติเพราะเข้ามาทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ หากสามารถทำลายสิ่งนี้ได้ บางทีคนเหล่านี้อาจจะฟื้นคืนสติขึ้นมา”อาคันตุกะกู่เทียนกลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป“นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าตำหนักเหมย หากหินก้อนนี้ก่อความวุ่นวายจริงๆ ทำไมตั้งแต่อิ๋นเฉิงเข้ามาดูแลตั้งนานหลายปีขนาดนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในความคิดของข้า เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง”เขาหยุดแล้วกล่าวว่า “ข้าบังอาจคาดเดาว่า อาจมีเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นจุดเริ่มต้น หรืออาจมีอุปสรรคบางอย่างเกิดขึ้น จึงนำไปทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อีกด้านหนึ่งก็เป็นได้ สิ่งของนี้อาจจะทำให้ความเกลียดชังและความอยากได้ของมนุษย์เพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเสียสติ”ดวงตาของเหมยชิงเกอหรี่ลงเล็กน้อยสิ่งที่ผู้อาวุโสกู่พูด ค่อนข้างมีเหตุผลอยู่บ้าง อย่างน้อยกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็ไม่เป็นอะไร ความโกรธแค้นชิงในใจของนาง เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดมีความรู้สึกเหล่านี้มากกว่านางอีกแล้วเฮ่อยวนพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้อาวุโสฉางและกู่เทียนพูดหากมีวิธีการกำจัดวิญญาณชั่วร้ายนี้ เฮ่อยวนย่อม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-25
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1297 เป็นสตรี

    ทุกคนตกตะลึง ความสำเร็จด้านกระบี่ของลิ่นเซียวสูงส่งมากเพียง สมแล้วที่ได้รับฉายาว่าปรมาจารย์กระบี่ลิ่นเซียวหมุนข้อมือ แล้วตะโกน “ไป!”กระบี่ยาวเกือบร้อยเล่มราวกับจะมีดวงตา ทั้งหมดพุ่งแทงไปยังวิถีแห่งสวรรค์ฉางชิวเฟิงและกู่เทียนต้องการที่จะหยุดยั้ง แต่ก็สายเกินไปแล้ว ต่างอดไม่ได้ที่จะหลับตาลง ด้วยมิอาจทนมองต่อไปได้ด้วยกำลังภายในของลิ่นเซียว ด้วยกระบี่จำนวนมากที่แทงพุ่งออกไปพร้อมกัน แม้แต่ยอดเขาก็ยังราบเป็นหน้ากลองได้ เช่นนั้นวิถีแห่งสวรรค์ก็คงไม่รอดแล้วแน่ๆอย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาได้ยินกลับไม่ใช่เสียงระเบิดดังสนั่น หากแต่เป็นเสียงอาวุธที่แตกหักกระบี่ยาวทั้งหมดทยอยหักพังไป แต่หินประหลาดนั้นยังคงมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซาน ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยลิ่นเซียวหันหน้ากลับมา เมื่อเห็นฉากนี้ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจหินยังไม่แตก หรือว่าวรยุทธ์ของตัวเองถดถอยลง?สีหน้าของลิ่นเซียวเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นก็ไปปรากฏตัวต่อหน้าหินหลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ก็ไม่เห็นแม้แต่รอยขีดข่วน ซึ่งถือว่าแปลกจริงๆ“เปล่าประโยชน์ แม้แต่สว่านไฟฟ้าก็เจาะไม่ได้ ของสิ่งนี้แปลกมากจริงๆ”เย่จิ่งหลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1298 เป็นสามีของข้า

    อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ปิดบังสายตาของหลิวซือจวิน และหันไปมองที่เฉิงเฟิ่งโหลวกล่าวปลอบโยนเบาๆ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เมื่อมาถึงแล้ว ก็อยู่กับพวกเราเถอะ อีกสักพักข้าจะไปตั้งกระโจมพัก เจ้าก็ไปพักผ่อนข้างในก่อนได้”เฉิงเฟิ่งโหลวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง พูดอย่างกังวลว่า “แต่...หนังสือที่บ้าน...”“ไม่ต้องห่วง คนพวกนั้นไม่แย่งชิงหนังสือหรอก”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็หันไปหาเฮ่อฉางเฟิง“พี่ชายกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ”เฮ่อฉางเฟิงพูดอย่างกระอักกระอ่วนใจว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่ได้ออกไปไหน เดิมทีอยากรอดูผลของวิถีแห่งสวรรค์ก่อน นึกว่าจะได้เจอกับชาวยุทธ์ที่บ้าคลั่งจำนวนหนึ่งแทน ในระหว่างการสอบสวนได้ช่วยชีวิตพวกเขาทั้งสองไว้ คิดไม่ถึงน้องเล็กกับน้องชายเฉิงคนนี้จะรู้จักกัน ในที่สุดพี่ชายก็ได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”อินชิงเสวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชายเคยทำอะไรผิดที่ไหนกัน ไม่ว่าจะที่เป่ยไห่ หรือว่าที่นี่ เรียกว่าเป็นเหมือนฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล”หลิวซือจวินที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คุณชายเฮ่อ นี่คือน้องสาวของเจ้าหรือ ครอบครัวของเจ้าหน้าตาดีจัง งั้นนั่นก็เป็นพี่น้องชายของเจ้าด้วยหร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1299 เสียการควบคุม

    “ทำไมล่ะ”เฮ่อยวนหันศีรษะไปมองอย่างเคร่งขรึมองครักษ์ส่วนตัวโค้งคำนับและพูดว่า “คนในเมืองดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ มีบางคนก็บ้าคลั่งไปแล้ว”สีหน้าของเย่จิ่งอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย“แพร่กระจายเร็วขนาดนี้เชียวหรือ”องครักษ์พยักหน้า“เราควบคุมชาวบ้านไว้ได้บางส่วนแล้ว แต่ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีผู้ได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด”เย่จิ่งหลานกล่าวว่า “ข้าก็บอกแล้ว เมื่อควรตัดสินใจกลับไม่ตัดสินใจ สุดท้ายย่อมได้รับความวุ่นวาย หากไม่ทำลายหินเส็งเคร็งนี่ จะต้องมีคนเข้ามาข้องเกี่ยวแน่นอน”เหล่าศิษย์ของตำหนักเทพก็ตามมารายงานต่อ“เจ้าตำหนัก ชาวยุทธ์จำนวนมากได้หนีออกจากเมืองไปแล้ว ต้องการให้ไล่ตามตัวกลับมาหรือไม่”ใบหน้าของเหมยชิงเกอพลันอึมครึมมืดมน“ไล่ตาม ต้องจับพวกเขากลับมาให้หมด”จากนั้นก็มองไปที่เฮ่อยวน“สิ่งที่คุณชายน้อยเย่พูดมาก็มีเหตุผล หากเราร่วมมือกัน บางทีอาจจะสามารถทำลายมันได้”เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ฉางชิวเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ทำไมเราไม่ร่วมมือกัน ดูว่าจะสามารถดึงสิ่งชั่วร้ายออกมาโดยไม่สร้างความเสียหายได้หรือไม่ จากนั้นค่อยๆ ไขปริศนาวิถีแห่งสวรรค์”เข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26
  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1300 ลำดับในยุทธจักร

    ชาวยุทธ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเลือกใครมาคนหนึ่งก็ล้วนมีแต่ผู้ที่แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ทั้งหมดกลับหงายหลัง ล้มลงกับพื้นโดยที่เสียภาพลักษณ์ไปหมดลิ่นเซียวกระโดดขึ้นจากพื้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อ”เขาโคจรกำลังภายในร่างกายทั้งหมดไปที่ฝ่ามือขวา ลมแรงที่พัดโหมอยู่รอบตัวนั้น กลายเป็นของแข็งขึ้นมาในทันที เกิดเป็นกระบี่ลมนับสิบเล่มที่ล้อมรอบแขนของเขา ราวกับรอคำสั่งจากเจ้าของเย่จิ่งอวี้เลิกคิ้ว สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์กระบี่ของใต้หล้า กำลังภายในของผู้อาวุโสลิ่นนั้นแข็งแกร่งมาก ที่เขาพ่ายแพ้ในเมืองหลวงวันนั้น ก็ไม่นับว่าเสียหน้ามากนักการดำรงอยู่ของพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ในวังเลย แม้ว่าเจ้าสำนักเซี่ยวจะมาด้วยตัวเอง แต่ก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาในบรรดาชาวยุทธ์ที่เขาเคยเจอมา วรยุทธ์ของเฮ่อยวนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้มากที่สุด จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้แสดงความแข็งแกร่งอย่างเต็มที่ ส่วนเจ้าตำหนักเหมยได้รับการเลื่อนขั้นจากน้ำพุวิญญาณ หากต่อสู้อย่างสุดความสามารถ ก็เกรงว่าจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของลิ่นเซียว เจ้าสำนักเซี่ยวกับเจ้าตำหนักเหมยคงมีพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-26

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1529 การสอบฤดูใบไม้ผลิ

    เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเดือนสามนักเรียนฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊จำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเมืองหลวง ต้าโจวก็คึกคักครื้นเครงเป็นพิเศษ วันที่สิบแปดเดือนสาม กรมพิธีการเป็นประธานในการสอบอินชิงเสวียนปลอมตัวเป็นอาจารย์อินอีกครั้ง และแอบหนีไปที่หอตรวจ ท้องของนางเริ่มโตขึ้นมากแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกคนสังเกตเห็น จึงสวมชุดคลุมตัวใหญ่ อำพรางร่างกาย ไว้เย่จิ่งอวี้ไม่วางใจ ปลอมตัวเป็นองครักษ์ติดตามไปด้วย โดยมีหน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้า ริมฝีปากที่เม้มน้อยๆ ยังคงแสดงให้เห็นถึงอำนาจของผู้สูงศักดิ์เขาโค้งคำนับประสานมือคารวะ พูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ข้าน้อยคุ้มครองความปลอดภัยของ อาจารย์อิน ถ้าอาจารย์อินต้องการสิ่งใด เชิญสั่งมาได้เต็มที่”อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา วางท่าเหมือนเป็นผู้มีการศึกษา“ไปยืนอยู่ด้านหลัง หากไม่มีอะไรก็อย่าพูดมาก”“รับทราบ”เย่จิ่งอวี้ลดมือลง ยืนข้างหลังนางอย่างเชื่อฟัง โดยไม่พูดอะไรสักคำอินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากยิ้มๆ แล้วก้าวเข้าไปในห้องสอบเสนาบดีกรมพิธีการกำลังนั่งดื่มชาบนเก้าอี้ ท่าทางสบายอารมณ์มาก คนจากสำนักศึกษาหลวงถูกย้ายมาที่นี่แล้ว ไม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1528 ทำไมเสด็จพ่อถึงคลอดลูกไม่ได้

    วันรุ่งขึ้นในตอนเช้า เหล่าขุนนางได้รับข่าว สั่งให้ชาวเมืองเร่งไปที่พระนครในเวลาหนึ่งทุ่ม เพราะฝ่าบาทจะฉลองวันตรุษกับราษฎรทุกคนในอดีต ก็มีการเฉลิมฉลองวันตรุษกับราษฎร แต่พวกเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้ไปที่พระนครในสถานที่สำคัญอย่างเช่นวังหลวง จะให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้ได้อย่างไร แม้แต่การมองจากไกลๆ ก็มีโทษหนักถึงขั้นตัดศีรษะ หลังจากได้ทราบข่าวนี้ ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ และตั้งตารอคอยเพียงชั่วพริบตาก็ถึงเวลาหนึ่งทุ่ม เหล่าขุนนางก็ได้รับการต้อนรับเข้าสู่พระราชวังเพื่อร่วมงานเลี้ยง ด้านนอกประตูวังก็มีผู้คนมากมายขณะที่มองดูคบเพลิงที่โอ้อวด ทุกคนอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบ“อากาศหนาวมาก ให้เรามาทำอะไรที่นี่กัน”“ใช่ มืดสนิทอย่างนี้ หรือจะให้พวกเรานั่งฟังพวกขุนนางข้างในนั่นยกจอกดื่มกันอย่างสนุกสนาน?”“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ในเมื่อบอกให้เรามาก็มาเถอะ ครึ่งเดือนที่แล้วฮองเฮาประทานข้าว แป้งหมี่ ผักและผลไม้ให้เรามากมาย แม้ต้องทนหนาวก็สมควรแล้ว”“ไม่ใช่หรอกรึ ถึงอย่างไรคนก็มีคุณธรรม ในฤดูกาลนี้จะหาผลไม้และผักสดอร่อยๆ แบบนี้ได้ที่ไหน แม้ว่าฮองเฮาจะให้ทนหนาว ข้าก็ยอมรับได้”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1527 องค์หญิงซ่อนความคิดไม่มิด

    พริบตาก็ถึงวันสิ้นปี นับตั้งแต่พิธีเสกสมรสของท่านอ๋องสิบสามก็ผ่านไปสองเดือนแล้วท้องน้อยของอินชิงเสวียนนูนขึ้น คนทั้งคนเป็นเหมือนแมวขี้เกียจ สิ่งที่ชอบที่สุดคือการนอนอาบแดดบนเก้าอี้นวมยาวนุ่มๆ ในขณะนี้ นางหรี่ตาลงเล็กน้อย ฟังเสียงของสาวน้อยเย่ไห่ถังที่ดังก้องอยู่ในหูของนาง“เสด็จอาสิบสามแต่งงานมานานแล้ว ทำไมเสด็จพี่ถึงยังไม่พูดถึงการแต่งงานของข้าล่ะ เสด็จพี่สะใภ้ อินปู้อวี่เป็นพี่รองของท่านนะ ท่านไม่ร้อนใจหรือ”“เสด็จพี่สะใภ้ ท่านอย่าเพิ่งหลับนะ ลุกขึ้นมาคุยกับข้าหน่อยสิ”อินชิงเสวียนถูกนางรบกวนจนปวดหัว จำต้องลืมตาตื่น“การแต่งงานของเจ้ากับพี่รองจะจัดขึ้นในปีหลังจากนั้น ถึงอย่างไรเสด็จอาสิบสามของเจ้าก็เป็นผู้อาวุโส เจ้าแต่งงานพร้อมกับเขา มันไม่เหมาะสม”เย่ไห่ถังทำหน้าบูดบึ้งทันที“ไม่เหมาะสมอะไรกัน ข้าไม่ได้แต่งงานกับเขาเสียหน่อย”อินชิงเสวียนโกรธจนหัวเราะ“เรื่องนี้เจ้าก็ยังพูดออกมาได้นะ ถ้าเสด็จพี่เจ้าได้ยิน บางทีอาจส่งเจ้าไปแต่งงานเชื่อมไมตรีจริงๆ ก็ได้”เย่ไห่ถังสะดุ้ง รีบปิดหูของอินชิงเสวียนทันที พระราชโองการนั้นได้กลายเป็นเงาในใจของนางแล้ว แม้ว่าจะรู้ว่ามันเป็นเรื่องเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1526 ความฝันเป็นจริง

    “ไม่นาน”กระแสเสียงของอินหลีฟังดูอ่อนหวานและขี้อาย ทำให้คนอดเอ็นดูเสียมิได้เย่จั้นรับคำไม้มงคลจากสาวใช้ แล้วเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ประดับด้วยลูกปัดเปลือกหอยสีแดงขนาดใหญ่ออก ครั้นแล้วใบหน้างามสดใสฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ และท่าทางที่เขินอายก็ปรากฏสู่สายตาของเย่จั้นเมื่อคิดว่าสตรีที่งดงามเช่นนี้จะเป็นของตัวเองต่อจากนี้ไป นิ้วเรียวยาวของเย่จั้นก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย รู้สึกอิ่มเอมใจและซาบซึ้งอย่างบอกไม่ถูกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะพาอินหลีเข้าไปอยู่ในวัง แต่ทั้งสองก็ปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีอย่างเคร่งครัด ไม่เคยกล้าที่จะล้ำเส้นหรือทำเกินเลย เพียงเพื่อความสมบูรณ์แบบในวันนี้โชคดีที่สวรรค์ทรงเมตตาเขา แม้ว่าเขาจะสูญเสียสตรีที่รักที่สุดไป แต่หลังจากเฝ้าตามหามาหลายปี ในที่สุดก็ตามหานางจนเจอ เขาจะใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิต เพื่อชดเชยเวลาที่เสียไปในช่วงที่อินหลีติดอยู่บนภูเขา“อาหลี เจ้าในวันนี้ งามมาก!”เย่จั้นค่อยๆ ทรุดกายลงนั่ง คุกเข่าลงบนพื้น เงยหน้าขึ้นมองอินหลีบางทีในสายตาของคนนอก นางกับอินชิงเสวียนจะมีความคล้ายคลึงกัน นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงยอมเสี่ยงเพื่อตระกูล อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1525 พิธีเสกสมรสของท่านอ๋องจิ้ง

    ณ ตำหนักจินอู๋“เป็นอย่างไร ข้าดูคนออกไหม”เย่จิ่งอวี้นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมยาวนุ่มๆ ด้วยสีหน้าท่าทางพออกพอใจมากอินชิงเสวียนทำเสียงชิ“เห็นๆ อยู่ว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จบได้ด้วยคำพูดเดียว ท่านกลับข่มขู่จนพวกเขาเกือบตาย เอาเถอะ เห็นแก่อาอวี้ที่วางแผนเผื่อน้องสาว ข้าจะไม่ถือสาท่าน ได้ยินมาว่าเสด็จอาไปสู่ขอที่ตระกูลอินแล้ว ต้าโจวมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นติดต่อกันเลยทีเดียว”เย่จิ่งอวี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน“สิ่งที่ข้ารอคอยมากที่สุดคือเรื่องดีของเสวียนเอ๋อร์ ช่วงนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง องค์หญิงน้อยของเราดิ้นบ้างหรือไม่”อินชิงเสวียนลูบท้องน้อยโดยไม่รู้ตัว“ไม่มี ถึงอย่างไรก็เป็นลูกสาว ท่าทางว่าง่ายมาก”เย่จิ่งอวี้โน้มตัวลง เอาหน้าแนบกับท้องน้อยของอินชิงเสวียน“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เสวียนเอ๋อร์มีชื่อที่ชอบหรือเปล่า”อินชิงเสวียนหรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ชื่อของจ้าวเอ๋อร์ยิ่งใหญ่เกินไป ก็เลยไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อว่าอะไรถึงจะเข้ากับลูกสาวสุดที่รักของข้า”เย่จิ่งอวี้ยิ้มและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะตั้งชื่อเอง แม้ต้องเปิดตำราโบราณจนหมดวังหลวง ข้าก็จะตั้งชื่อที่โด่งดังที่สุดในโลกให้ลูกสาวของเรา”อินชิงเสวีย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1524 ไม่พอใจก็ต้องทน

    ทั้งสองสะดุ้งตกใจพร้อมกัน เย่ไห่ถังรีบเอาตัวมาบังให้อินปู้อวี่ทันที“เสด็จพี่ พวกเรา...ทั้งหมดเป็นความคิดของข้า เป็นข้าที่อยากหนีการแต่งงาน เป็นข้าที่บังคับเขา!”อินปู้อวี่รู้ว่าฝ่าบาทมีวรยุทธ์สูงส่ง สิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อครู่เขาจะต้องได้ยินอยู่แล้ว เขาก้าวไปข้างหน้า และคุกเข่าลงต่อหน้าฝ่าบาทด้วยสีหน้าซีดเซียว“ฝ่าบาททรงพระปรีชา ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับองค์หญิงเลย เป็นกระหม่อมที่เพ้อฝันในตัวองค์หญิง คิดฝันในสิ่งที่ไม่สมควร ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นแก่ตัวของกระหม่อมเพียงฝ่ายเดียว ไม่เกี่ยวอะไรกับองค์หญิง ไม่เกี่ยวกับฮองเฮา และยิ่งไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลอินเลย กระหม่อมยอมตายเพื่อชดใช้ความผิด ด้วยพระเมตตาของฝ่าบาท หวังว่าฝ่าบาทจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องกับองค์หญิง โปรดอย่าส่งนางไปแต่งงานกับเจียงวูเลยพ่ะย่ะค่ะ!”อินปู้อวี่สะบัดนิ้ว กระบี่ที่เอวก็หลุดออกมาจากฝักเสียงดัง เขาถือกระบี่จ่อที่ลำคอตัวเอง ทว่าเหมือนถูกพลังที่มองไม่เห็นขัดขวางไว้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใกล้ผิวหนังของเขาได้เลยใบหน้าของเย่ไห่ถังซีดลงด้วยความหวาดกลัว กระโจมเข้าไปหาเขาทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดปนสะอื้น

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1523 สารภาพความในใจ

    อินปู้อวี่ไม่กล้าสบตาคู่นั้นโดยตรง ก้มหน้าพูดว่า “กระหม่อมจะกล้าหัวเราะเยาะองค์หญิงได้อย่างไร กระหม่อมเป็นห่วงองค์หญิง ดังนั้น...จึงมาเยี่ยม”เย่ไห่ถังลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินไปหาเขาทีละก้าวถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้ากำลังจะไปจากวังหลวง จะไม่ได้รบกวนท่านอีกตลอดไป ท่านสมความปรารถนาแล้ว ยังต้องเป็นห่วงอะไรอีก”อินปู้อวี่ก้มศีรษะลง มองดูปลายรองเท้าแล้วพูดว่า “ไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงคิด กระหม่อมไม่เคยคิดเลยว่าองค์หญิงจะไปแต่งงานเชื่อมไมตรี”เย่ไห่ถังยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ยถากถาง“การแต่งงานเชื่อมไมตรีเพื่อเสริมสร้างอำนาจราชวงศ์ ทำให้ประชาชนมีความสุขสงบ เป็นเรื่องธรรมดาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วไม่ใช่หรือ จะไม่เคยคิดได้อย่างไร ท่านเคยไปทำศึกที่เจียงวู คงรู้สถานการณ์ที่นั่นดี ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ฟ้าดินกว้างขวาง สำหรับข้าคงเป็นสิ่งที่ดีมาก”ทันใดนั้นอินปู้อวี่ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าตื่นเต้นเล็กน้อย“ไม่ดี ที่นั่นไม่เหมาะกับองค์หญิงเลย ชาวเจียงวูส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในกระโจม อพยพตามฤดูกาล แม้แต่ตำหนักที่ประทับที่เป็นทางการก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ องค์หญิงสูงศักดิ์ล้ำค่า จะทนสิ่งนี้ได้อย่างไร”เย่ไห่ถังมองดู

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1522 ท่านมาหัวเราะเยาะข้างั้นหรือ

    ไม่ได้ เขาต้องไปพบกับเย่ไห่ถัง!อินปู้อวี่เปลี่ยนเป็นชุดพรางตัว ผลักเปิดหน้าต่างด้านข้าง กวาดสายตามองไปรอบๆ และร่างนั้นก็กระโดดออกจากพระที่นั่งเทียนเต๋ออย่างเงียบเชียบในเวลานี้ ตำหนักชิงฮว๋าได้ตกอยู่ในความโกลาหลหมอหลวงหลายคนช่วยกันตรวจชีพจร และในที่สุดก็สรุปได้ว่า องค์หญิงวิตกกังวลเกินเหตุ ไม่มีอะไรร้ายแรงอินชิงเสวียนเหลือบมองเย่จิ่งอวี้อย่างงอนๆ จากนั้นให้น้ำพุวิญญาณชงชามะนาวให้นางดื่มเย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ และพูดว่า “ในที่สุดน้องสาวของข้าก็โตขึ้นแล้ว รู้จักจะคิดแทนข้า แม้ว่าเจียงวูจะเป็นสถานที่เล็กๆ แต่ก็มีชนเผ่าอยู่ใกล้ๆ มากมาย เมื่อราชาเผ่ามีเจตนาเป็นกบฏ แล้วร่วมมือกัน นั่นจะเป็นขุมพลังที่ไม่อาจมองข้ามได้ เจ้าไปแต่งงานเชื่อมไมตรีในฐานะองค์หญิง ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงพระเมตตาของสวรรค์เท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจของชาวเจียงวูมั่นคงอีกด้วย เจ้าก็ถึงวัยที่จะแต่งงานพอดี ราชาเผ่าอายุมากกว่าเจ้าไปบ้าง ย่อมรักและทะนุถนอมเจ้าอย่างดีอยู่แล้ว ข้าออกคำสั่งให้เขาแต่งเจ้าเป็นภรรยาเอกแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวล”เย่ไห่ถังหน้าซีด นั่งฟังอยู่เงียบๆ ดวงตาว่างเปล่าอินชิงเสวียนทนไม่ไหว ตะโกนออกมาด้ว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1521 ศรัทธาพังทลาย

    อินปู้อวี่ตกตะลึงจนหน้าเผือดสีเขาอ่านจดหมายลับกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง คำต่อคำ บรรทัดต่อบรรทัด ไม่ผิด ฝ่าบาททรงหมายความตามนี้จริงๆปลายนิ้วสั่นเทาอย่างอดไม่ได้ พระราชโองการร่วงหล่นลงกับพื้น“ผู้บัญชาการ เกิดอะไรขึ้นขอรับ”รองแม่ทัพยืนอยู่ข้างๆ กำลังคิดจะหยิบพระราชโองการขึ้นมาดูอินปู้อวี่ยื่นมือออกไปห้ามเขา สีหน้ามืดลง“ถอยออกไป”รองแม่ทัพไม่กล้าพูดอะไร โค้งคำนับและถอยออกไปนอกพระที่นั่ง ทว่าในใจกลับเอาแต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นฝ่าบาทให้ความสำคัญกับตระกูลอินมากเพียงใดนั้น เจ้าหน้าที่ขุนนางทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้ดี เหตุใดผู้บังคับบัญชาจึงมีสีหน้าหวาดกลัว ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้?เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นานแต่ก็คิดไม่เข้าใจ จึงนำทหารออกไปลาดตระเวนอินปู้อวี่ยืนนิ่งงันอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่จะหยิบพระราชโองการขึ้นมา ดึงตะบันไฟออกมา และเริ่มเผามันด้วยสีหน้าด้านชาดังที่เย่จิ่งอวี้พูด เขาเข้าใจทุกอย่าง และรู้ทุกอย่างเขามีนิสัยตรงไปตรงมา ไม่ชอบอ้อมค้อม หัวสมองก็ไม่ฉลาดพอ ไม่เฉลียวฉลาดเหมือนพี่ใหญ่ และไม่ชอบทำตัวเหมือนน้ำกลิ้งบนใบบอนหัวช้าเรื่องความรัก แต่เ

DMCA.com Protection Status