“ท่านพี่ ไม่อย่างนั้น...ท่านไปเกลี้ยกล่อมพี่หญิงเหมยเถอะ นางต้องเชื่อคำพูดของท่านแน่นอน”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคว้าแขนของเฮ่อยวนเฮ่อยวนยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าคิดว่านางจะฟังคำพูดข้างั้นหรือ ไว้ค่อยคุยหลังการประลองยุทธ์ก่อนดีกว่า”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถอนหายใจ“พี่หญิงเหมยต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี อุปนิสัยย่อมต้องเปลี่ยนไปบ้าง ข้าหวังว่าท่านพี่จะเข้าใจนาง อดทนต่อนาง”เฮ่อยวนก้มศีรษะมองไปที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง ประกายในดวงตาสั่นไหว จากนั้นก็จับมือนางทันที“ได้มีภรรยาที่มีคุณธรรมเช่นนี้ เฮ่อยวนโชคดีอย่างยิ่งจริงๆ!”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม“เราเป็นคู่สามีภรรยากันมายาวนานแล้ว พูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน รีบกลับกันเถิด”ในอีกด้านหนึ่ง อินชิงเสวียนก็มาส่งเฮ่อฉางเฟิงกลับเช่นกันเมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจว่า “พี่เจ้าเป็นคนดีจริงๆ แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ”อินชิงเสวียนถามว่า “เรื่องใดงั้นหรือ”เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสับสนว่า “ถ้าเราคำนวณตามเวลาการครองรักกัน เสวียนเอ๋อร์ก็ควรเป็นพี่สาวสิ ทำไมฉางเฟิงถึงกลายเป็นพี่ชายของเสวียนเอ๋อร์ไปได้”อินชิงเสวียนกลอกตามอง
หลังจากที่กลับจากตงหลิวตั้งแต่ตอนแรก หวังซุ่นสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นอกจากฆ่าชาวยุทธ์ชั่วสามคนนั้นที่รังแกเฉิงเฟิ่งโหลวในโรงเตี๊ยมแล้ว เย่จิ่งหลานไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นที่เกินขอบเขตเลยแต่วันนี้ กลับทำให้หวังซุ่นขนหัวลุกนี่คือการฆ่าอย่างทารุณที่แท้จริง!ด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเย่จิ่งหลาน การจัดการกับเศษสวะของยุทธภพนั้นทำได้ง่ายราวกับการดีดนิ้ว ไม่จำเป็นต้อนทรมานขนาดนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์หญิงคนนั้นเลยขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานก็หันกลับมา ดวงตามืดมนส่องประกายวาวในความมืด จู่ๆ หวังซุ่นก็ตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ผงะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“นายท่าน...”เย่จิ่งหลานแยกเขี้ยวแสยะยิ้ม“กลัวอะไรเล่า เศษสวะแบบนี้ ไม่ควรสั่งสอนให้ดีหรอกหรือ”เขายกมือขึ้นคว้าคนผู้นั้น แล้วโยนอัดเข้ากับกำแพงหินอย่างแรงคนผู้นั้นพ่นเลือดออกมา ชีวิตดับลงในพริบตา จากนั้นเย่จิ่งหลานก็ลอยตามไป และเตะคนผู้นั้นลงจากหน้าผาราวกับเตะบอลหวังซุ่นพูดตะกุกตะกัก “อันที่จริง...ควรต้องสั่งสอนแล้ว!”เย่จิ่งหลานคำรามเสียงดัง ในใจรู้สึกมีความสุขท่วมท้น สะบัดแข
สิบห้านาทีต่อมาเหมยชิงเกอปรากฏตัวที่ประตูถ้ำหินที่พักชั่วคราวของอิ๋นเฉิง นางมองเห็นเฮ่อยวนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไกลๆเขายืนไพล่หลัง มองขึ้นไปบนยอดต้นไม้ คิ้วทั้งคู่ขมวดเล็กน้อย สีหน้าเศร้าสร้อยเหมยชิงเกอไอเบาๆ“ดึกมากแล้ว ท่านยังไม่นอนหรือ”เมื่อได้ยินเสียงของเหมยชิงเกอ เฮ่อยวนก็ตัวชา หันขวับกลับมาทันที“ชิงเกอ เจ้ามาได้อย่างไร”เหมยชิงเกอหยุดเดิน น้ำเสียงเปลี่ยนจากความรุนแรงครั้งก่อน เป็นอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย“ข้านอนไม่หลับ เลยแวะมาดู”นางก้าวไปข้างหน้า ถอนหายใจเบาๆ “เฮ่อยวน บางที...ข้าผิดเองที่ไปโทษท่าน”เมื่อเห็นสีหน้าอันนุ่มนวลของเหมยชิงเกอ และท่าทางอ่อนโยน หัวใจของเฮ่อยวนก็เต้นรัว ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กอดเหมยชิงเกอไว้ในอ้อมแขน“ขอบใจนะชิงเกอ ในฐานะเจ้าแห่งอิ๋นเฉิง ข้าไม่สามารถหนีความผิดของเหตุการณ์นี้ได้ ยามนี้ศิษย์คนนั้นได้หลบหนีไปแล้ว คงอยู่เฉยไม่ได้นานนักหรอก ข้าได้คิดแผนล่องูออกจากรูแล้ว อีกไม่นาน เหตุการณ์นี้จะคลี่คลายความจริงจะปรากฏ”เมื่อพิงท่อนอกที่มั่นคงของเฮ่อยวน ร่างกายอันตึงเครียดของเหมยชิงเกอก็ค่อยๆ ผ่อนคลายนางมาที่นี่เพราะลูกสาวเกลี้ยกล่อม เมื่อได้ฟังเส
บนต้นไม้ อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้สบตากัน มีคำถามเกิดขึ้นในใจพร้อมกันคนนี้เป็นใครประตูเปิดออกดังเอี๊ยด กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเดินออกจากประตูแล้วถามด้วยน้ำเสียงสงบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ามีธุระอะไรหรือ”คนผู้นั้นโค้งคำนับ พูดด้วยสีหน้านอบน้อม “บ่าวพบสมุนไพรบนภูเขา ไม่รู้ว่าจะเก็บมันได้หรือไม่”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเหลือบมองเขา“สมุนไพรอะไร แล้วยาอยู่ที่ไหน”คนผู้นั้นชี้ไปทางทิศเหนือ“บนภูเขาลูกนั้น”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูดนิ่งๆ “ถึงแม้จะบอกว่าเป็นของป่า แต่ก็ยังต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าตำหนักเหมย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะถามดูให้ ถ้านางอนุญาต ค่อยขุด”คนผู้นั้นรีบพูดว่า “รบกวนฮูหยินแล้ว บ่าวขอตัวก่อน”หลังจากพูดจบก็เดินกะโผลกกะเผลกออกไป หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เรียกเขาอีก“เดี๋ยวก่อน ถึงอย่างไรข้าก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว ข้าจะไปดูกับเจ้าหน่อย สมุนไพรชนิดใดกันถึงทำให้เจ้าดีใจมากขนาดนี้”คนผู้นั้นไม่สามารถซ่อนความสุขได้ รีบยื่นแขนออกไปให้กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจับเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนกลั้นหายใจทันที เก็บงำกลิ่นอายทั้งหมด จากนั้นสองคนนั้นก็เดินช้าๆ ผ่านพวกเขาไปราวกับกำลังเด
ริมฝีปากของเย่จิ่งอวี้กดลงมาแล้ว“ข้าน่ะ คิดถึงเสวียนเอ๋อร์”กลิ่นที่คุ้นเคยหอมกรุ่นตีขึ้นจมูกทันที ราวกับว่าตัวเองกำลังถูกดูดเข้าไปในท้องของเขาอินชิงเสวียนหายใจหอบเล็กน้อย เรียวมืออ่อนนุ่มไร้กระดูกนั้นคว้าสาบเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว“อาอวี้...ระวัง...ลูก...”“ข้าจะอ่อนโยนนะ...”เย่จิ่งอวี้ตระกองกอดร่างอ่อนนุ่มมีกลิ่นหอมของอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขนของเขา สูดกลิ่นหอมแรงๆ และการสัมผัสที่เหมือนผ้าแพรไหมบนปลายนิ้วทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงจนแทบคลั่งความปรารถนาที่สะสมหลายวันทะลักล้นออกมา เพลิงแห่งความรักไม่อาจควบคุมได้...ค่ำคืนแห่งความรักทำให้อินชิงเสวียนเหนื่อยล้า เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ปกติฮ่องเต้หนุ่มควบคุมได้ตลอด หลายคืนที่ผ่านมาก็แค่นอนกอดตัวเองแล้วหลับไป ไม่เคยฝืนใจ แต่เพราะเหตุใดทำไมเมื่อวานถึงสูญเสียการควบคุมกะทันหัน?“เสวียนเอ๋อร์ แค่กๆ เมื่อคืนเจ้านอนหลับสบายไหม”เย่จิ่งอวี้แต่งตัวเรียบร้อย เดินเข้ามาจากประตูด้วยแววตารู้สึกผิดอินชิงเสวียนจ้องมองเขาอย่างงอนๆ“ท่านยังกล้าถามอีกนะ”นางโบกมือหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมา ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายขอ
“ข้าไว้ใจอยู่แล้ว แต่เฟิงเอ๋อร์ไม่เคยต่อสู้กับใครเลย...”ก่อนที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจะพูดจบ เฮ่อฉางเฟิงก็ลุกขึ้นยืน“ไม่ต้องกังวลหรอกท่านแม่ ลูกเคยไปเป่ยไห่มาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามอย่างเป็นทางการ แต่ก็เคยต่อสู้กับผู้อื่น”เขายิ้มอย่างมั่นใจ แล้วกระโดดขึ้นไปบนแท่นประลองอินชิงเสวียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน“ท่านแม่ รอบนี้ ให้ลูกสู้นะเจ้าคะ”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดอีก อินชิงเสวียนตัดสินใจลงสนามต่อสู้ด้วยตัวเอง เพื่อทดสอบด้วยว่าเฮ่อฉางเฟิงมีเจตนาใดหรือไม่“นี่...”เดิมทีเหมยชิงเกออยากจะบอกว่านางไม่ใช่คนของตำหนักเทพ แต่อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าเบาๆ และจรดปลายเท้าลงที่แท่นประลองอย่างสง่างามแล้วเฮ่อฉางเฟิงยังคงสุภาพอ่อนโยน ประกบมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเล็กสบายดีหรือไม่ พี่ชายขอคำนับแล้ว”อินชิงเสวียนประกบมือคารวะกลับ สีหน้าอ่อนโยน“พี่ชายเกรงใจไปแล้ว ได้ประลองยุทธ์กับพี่ชาย เป็นความโชคดีของน้องเล็กแล้ว”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็พูดเสียงดังว่า “วรยุทธ์ของแม่นางอินนั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าเคยสัมผัสมาแล้วที่เป่ยไห่ ข้ารู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางอิน ต้องขอยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้”
เมื่อเห็นเฮ่อฉางเฟิงใช้วิชากระบี่นี้ สีหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เปลี่ยนไปทันที“ฉางเฟิง!”เฮ่อฉางเฟิงคิดว่าแม่จะกลัวตัวเองทำร้ายอินชิงเสวียน จึงแสดงท่าเคลื่อนไหวครึ่งหนึ่ง และดึงพลังกลับมาครึ่งหนึ่งฝ่ามือของอินชิงเสวียนไปถึงหน้าอกของเฮ่อฉางเฟิงแล้ว แสงสีม่วงบนมือก็หายไปในทันที ตบหน้าอกของเฮ่อฉางเฟิงเบาๆ เท่านั้นเฮ่อฉางเฟิงเข้าใจ แกล้งเซถลาเล็กน้อย แล้วล้มลงกับพื้น เขาพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น แล้วประกบมือคำนับเป็นมารยาทว่า “แม่นางอินมีวรยุทธ์สูงส่ง ข้าไม่อาจเทียบได้ ขอบคุณแม่นางที่ออมมือ”ฉุยอวี้กระโดดขึ้นไปบนแท่นประลอง พูดกับทุกคนว่า “ในการต่อสู้รอบนี้ ตำหนักเทพหอทองคำเป็นผู้ชนะ ในการต่อสู้ครั้งต่อไป เชิญเจ้าตำหนักเทพ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชาวยุทธ์ที่ชมการต่อสู้อยู่ก็รู้สึกตื่นเต้น เหตุผลที่ทุกคนยอมจ่ายเงินเพื่อดูการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ก็เพราะจุดเด่นของวันนี้การประลองยุทธ์เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา และหลายคนถึงกับสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นในใจ หากพวกเขาขึ้นแท่นประลอง เกรงว่าพวกเขาคงต้องล้มพับไปภายในไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่าอายุยังน้อยแต่โดดเด่นมากขนาดนี้ แล้วเจ้าตำหนักกับเ
การประลองระหว่างเจ้าสำนักทั้งสองนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการประลองระหว่างผู้เยาว์มากแม้ว่าเหมยชิงเกอจะถูกจองจำคุกมานานกว่าสิบปี แต่มีอินชิงเสวียนเป็นผู้ช่วยขั้นสูง สามารถดื่มน้ำพุวิญญาณและแช่น้ำได้ตามต้องการ ทักษะวรยุทธ์ของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปทั้งสองระดมหมัดมือปะทะกัน ลมแรงพัดโหมกระหน่ำ ทุกครั้งที่ต่อสู้กันจะเกิดลมพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ชายเสื้อคลุมของทั้งสองพลิ้วไหว พัดลอยขึ้นไป แม้จะเป็นพลังที่ต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่สูญเสียความงดงามและท่วงท่าของสำนักใหญ่ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่กล้าพูดอะไร สถานที่แห่งนั้นเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใดๆฉุยอวี้และลูกศิษย์หลายคนต่างก็อยู่ในอารมณ์ตึงเครียด ทุกคนรอมานานหลายปีกว่า ก็เพื่อสิทธิ์ในการครอบครองทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ซึ่งในจำนวนรวมถึงอาคันตุกะจากตำหนักเทพทุกคนต่างจินตนาการว่าตนเป็นผู้โชคดีที่สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้ มีชื่อเสียงในยุทธจักรในชั่วพริบตาดังนั้นการประลองรอบสุดท้ายนี้ สามารถกล่าวได้ว่าได้รับความสนใจอย่างมากในขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แสงดาวก็ลอยออกมาจากป่า มุ่งหน้าตรงไปหาเหมยชิงเกอความเร็วของแสงดาวนั้นเ