เมื่อเห็นเฮ่อฉางเฟิงใช้วิชากระบี่นี้ สีหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เปลี่ยนไปทันที“ฉางเฟิง!”เฮ่อฉางเฟิงคิดว่าแม่จะกลัวตัวเองทำร้ายอินชิงเสวียน จึงแสดงท่าเคลื่อนไหวครึ่งหนึ่ง และดึงพลังกลับมาครึ่งหนึ่งฝ่ามือของอินชิงเสวียนไปถึงหน้าอกของเฮ่อฉางเฟิงแล้ว แสงสีม่วงบนมือก็หายไปในทันที ตบหน้าอกของเฮ่อฉางเฟิงเบาๆ เท่านั้นเฮ่อฉางเฟิงเข้าใจ แกล้งเซถลาเล็กน้อย แล้วล้มลงกับพื้น เขาพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น แล้วประกบมือคำนับเป็นมารยาทว่า “แม่นางอินมีวรยุทธ์สูงส่ง ข้าไม่อาจเทียบได้ ขอบคุณแม่นางที่ออมมือ”ฉุยอวี้กระโดดขึ้นไปบนแท่นประลอง พูดกับทุกคนว่า “ในการต่อสู้รอบนี้ ตำหนักเทพหอทองคำเป็นผู้ชนะ ในการต่อสู้ครั้งต่อไป เชิญเจ้าตำหนักเทพ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชาวยุทธ์ที่ชมการต่อสู้อยู่ก็รู้สึกตื่นเต้น เหตุผลที่ทุกคนยอมจ่ายเงินเพื่อดูการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ก็เพราะจุดเด่นของวันนี้การประลองยุทธ์เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา และหลายคนถึงกับสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นในใจ หากพวกเขาขึ้นแท่นประลอง เกรงว่าพวกเขาคงต้องล้มพับไปภายในไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่าอายุยังน้อยแต่โดดเด่นมากขนาดนี้ แล้วเจ้าตำหนักกับเ
การประลองระหว่างเจ้าสำนักทั้งสองนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการประลองระหว่างผู้เยาว์มากแม้ว่าเหมยชิงเกอจะถูกจองจำคุกมานานกว่าสิบปี แต่มีอินชิงเสวียนเป็นผู้ช่วยขั้นสูง สามารถดื่มน้ำพุวิญญาณและแช่น้ำได้ตามต้องการ ทักษะวรยุทธ์ของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปทั้งสองระดมหมัดมือปะทะกัน ลมแรงพัดโหมกระหน่ำ ทุกครั้งที่ต่อสู้กันจะเกิดลมพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ชายเสื้อคลุมของทั้งสองพลิ้วไหว พัดลอยขึ้นไป แม้จะเป็นพลังที่ต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่สูญเสียความงดงามและท่วงท่าของสำนักใหญ่ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่กล้าพูดอะไร สถานที่แห่งนั้นเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใดๆฉุยอวี้และลูกศิษย์หลายคนต่างก็อยู่ในอารมณ์ตึงเครียด ทุกคนรอมานานหลายปีกว่า ก็เพื่อสิทธิ์ในการครอบครองทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ซึ่งในจำนวนรวมถึงอาคันตุกะจากตำหนักเทพทุกคนต่างจินตนาการว่าตนเป็นผู้โชคดีที่สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้ มีชื่อเสียงในยุทธจักรในชั่วพริบตาดังนั้นการประลองรอบสุดท้ายนี้ สามารถกล่าวได้ว่าได้รับความสนใจอย่างมากในขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แสงดาวก็ลอยออกมาจากป่า มุ่งหน้าตรงไปหาเหมยชิงเกอความเร็วของแสงดาวนั้นเ
เฮ่อฉางเฟิงมองคนเลี้ยงม้าด้วยความไม่เชื่อ“เป็นเจ้าจริงๆ งั้นหรือ”ดวงตาของคนเลี้ยงม้ามีความตื่นตระหนก แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็กลับมาสงบดังเดิมเขาทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเฮ่อยวน พูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ถูกต้อง ข้าวางแผนทุกอย่าง รวมถึงการตามล่าเจ้าตำหนักเหมยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วด้วย”เหมยชิงเกอมองไปที่คนเลี้ยงม้าอย่างเย็นชา“ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ ข้าเคยทำผิดต่อเจ้าหรือเปล่า”คนเลี้ยงม้าพูดอย่างสงบว่า “อิ๋นเฉิงและตำหนักเทพเป็นศัตรูกันมาตลอด ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเมืองแต่งงานกับลูกศิษย์ของตำหนักเทพเด็ดขาด”เหมยชิงเกอยิ้มเยาะ “เพียงเพราะความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเจ้าเอง ถึงทำให้แม่ลูกคนอื่นต้องพลัดพรากจากกัน ความคิดของเจ้าช่างเลวร้ายจริงๆ หากภายหน้าเจ้ามีลูกหลานบ้าง เจ้าจะต้องได้รับกรรมสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ”เมื่อได้ยินคำว่า “ลูกหลาน” สีหน้าของคนเลี้ยงม้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว“ข้าทำคนเดียวรับผิดคนเดียว”เหมยชิงเกอถามอีกครั้งว่า “หรือว่าฉีอวิ๋นจื่อก็เป็นเจ้าที่รับนางไว้”คนเลี้ยงม้าหยุดชะงักชั่วครู่“ข้าเอง”ทันทีที่พูดจบ ฉีอวิ๋นจื่อผู้ซึ่งต่อสู้กับเย่
เสียงของเฮ่อยวนเฉยชา“ไม่ใช่”ทันใดนั้นฉีอวิ๋นจื่อก็เสียสติ กรีดร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าว “เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร หลายปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ถึงวันระลึกถึงเหมยชิงเกอ ข้าจะทำให้เจ้ามัวเมา ทำไมจะไม่ใช่เจ้า ต้องเป็นเจ้าที่กำลังโกหกข้า เจ้ากลัวว่าเหมยชิงเกอจะตำหนิเจ้า เฮ่อยวน อินชิงเสวียนเป็นลูกสาวของเจ้า แล้วเลือดเนื้อที่อยู่ในท้องของข้า ไม่ใช่ลูกของเจ้างั้นหรือ”เสียงของเฮ่อยวนเย็นชา พูดจาไม่เหลือช่องว่างให้แก้ตัวเลย“ต้องโทษที่เจ้าไม่ได้จุดตะเกียงให้มองเห็นชัดเจน การได้ร่วมเพศกับหญิงชั่วเช่นเจ้า ถือเป็นความอัปยศของศิษย์น้องข้าจริงๆ”เขาเหลือบมองอย่างเย็นชา แล้วถามอีกครั้งว่า “ฉีอวิ๋นจื่อ ถ้าฉลาดก็บอกข้ามา ใครกันแน่เป็นคนบงการให้เจ้าฝึกวิชาต้องห้ามอิ๋นเฉิง ใช่คนเลี้ยงม้าคนนี้หรือเปล่า”พูดเพียงไม่กี่คำ กระดูกขาของฉีอวิ๋นจื่อก็แทงทะลุออกมา ร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูป เมื่อคิดว่าตอนนี้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ในแววตาก็ฉายแววเสียใจภายหลังถ้านางไม่รู้สึกอิจฉา คงไม่มุ่งเป้าไปที่เหมยชิงเกอ ศิษย์พี่ใหญ่ใจดีกับนางมาโดยตลอด ตอนที่นางขึ้นเขามาครั้งแรกนางยังเด็กมาก ไม่กล้าอาศัยอยู
“ท่านพ่อ ท่าน...ท่านกำลังพูดอะไร”เฮ่อฉางเฟิงมองเฮ่อยวนด้วยความตกใจ ถึงขั้นสงสัยว่าตัวเองอาจจะหูเพี้ยน แต่ไหนแต่ไรมาท่านพ่อกับท่านแม่รักกันมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยทะเลาะกันเลย แล้วท่านแม่จะ...เขาค่อยๆ หันศีรษะไปมองคนเลี้ยงม้าหนวดครึ้ม จนแม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงก็ยังมองไม่ชัด ใบหน้าหล่อเหลาเขียวขุ่นสลับกับขาวซีด“สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจ้าพูดเถอะ ถ้าอธิบายไม่ชัดเจน ข้าจะทำให้หัวของเจ้าจมดิน”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูดอย่างร้อนใจว่า “เฟิงเอ๋อร์ อย่าไปเชื่อพ่อเจ้าพูดเหลวไหล”ใบหน้าของผู้อาวุโสกงซวินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง สิ่งนี้อยู่ต่อหน้าเหล่าชาวยุทธ์ทั่วหล้า ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร ตระกูลกงซวินก็ต้องอับอายขายหน้าโดยสิ้นเชิงชาวยุทธ์ในกลุ่มผู้ชมต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เดิมทีพวกเขาแค่อยากดูการประลองยุทธ์ และถือโอกาสดูว่าวิถีแห่งสวรรค์คืออะไร แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ พรรค์นั้นในเวลานี้ผู้คนที่ส่งเสียงดังต่างเงียบงัน เรื่องภรรยามีชู้แบบนี้ ไม่ว่าชายใดก็ไม่มีใครสามารถทนได้ การอ้าปากพูดตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย ทั้งหมดจึงได้แต่หุบปาก อ้า
คนทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมากจริงๆ แต่ความแตกต่างก็คือ เฮ่อยวนมีความกล้าหาญและเป็นอิสระไร้ขอบเขต ในขณะที่บุคคลนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนคนที่เป็นหนอนหนังสือผู้คร่ำครึเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของชายคนนี้อย่างชัดเจน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่คือละครดราม่าอะไรกันหรือว่า...นี่คือน้องชายของเฮ่อยวน?เหมยชิงเกอก็ประหลาดใจเช่นกัน“เขา...คือใครคนเลี้ยงม้าเห็นเคราปลอมตกลงกับพื้น อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เอื้อมมือไปคว้าไว้ ทว่าเฮ่อฉางเฟิงกลับใช้เท้าเหยียบไว้ก่อน“ท่านพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”เฮ่อฉางเฟิงไม่ใช่คนโง่ เขาพอรู้อะไรอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ไม่กล้าคิดมาก ความเชื่อที่เขายึดถือมานานกว่าสิบปีกลับค่อยๆ พังทลายลง ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนคู่นั้น พลันฉายแววสิ้นหวัง!เฮ่อยวนถอนหายใจเบาๆ “ฉางเฟิง เจ้ามานี่สิ พ่อจะเล่าให้ฟัง”ใบหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งซีดลงทันที“เฮ่อยวน ท่านจะทำอะไร ในเมื่อท่านรู้แล้ว ทำไมถึงยังแต่งงานกับข้าอีก”“เจ้าป่าวประกาศไปทั่วทุกที่ ถ้าข้าไม่แต่งงานกับเจ้า ตระกูลกงซวินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”ตอนที่เฮ่อยวนกำลังพูด คนผู้นั้นก็มาถึงเบื้องหน้าข
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคลี่ยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้กลับซับซ้อนมากมีความโล่งใจ เสียใจ ระคนไปกับความสิ้นหวังเล็กน้อย!นางมองไปที่เฮ่อฉางเฟิง ดวงตาแดงก่ำ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบนางกลับไม่เคยหลั่งน้ำตาเลยนางไม่เสียใจกับสิ่งที่นางทำ นางควรต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และทำลายเมื่อไม่ได้ดั่งที่หวัง แล้วมันจะผิดอะไรเฮ่อยวนไม่รักนาง แล้วนางสมควรที่จะอยู่โดดเดี่ยวในบ้านที่ว่างเปล่าตลอดชีวิตงั้นหรือ เป็นเขาที่ทำลายการหมั้นหมายก่อน เขาสมควรได้รับความทุกข์ทรมานทั้งหมดนี้เมื่อมองย้อนกลับตลอดเวลานับสิบปีที่มีความสัมพันธ์เย็นชา กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็รู้สึกเหนื่อยล้า ดังที่ฉีอวิ๋นจื่อกล่าวไว้ หากชาติหน้ามีจริง นางก็ไม่อยากรู้จักเฮ่อยวนเช่นกัน!กงซวินอวิ๋นเฟิ่งค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้ากลับคืนสู่ความสงบดังเช่นเดิมนางพูดเบาๆ “ได้ ข้าเชื่อท่าน หากท่านรักษาสัญญาไม่ได้ ข้ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งถึงตายเป็นผีก็ไม่ปล่อยท่านไป”หลังจากที่นางพูดจบ นางก็พลิกฝ่ามือกดที่ศีรษะตัวเอง เสียงกระดูกแตก เลือดไหลออกมาจากปากของนาง และนางก็ล้มลงกับพื้นเสียชีวิตไปแบบนั้นผู้อาวุโสกงซวินยังคงอึ้ง เมื่อเห็นกงซวินอวิ๋นเฟิ่งล้มลงกับพื้น เขาก็
อินชิงเสวียนเต็มไปด้วยความพิศวง นางอยากจะไปฟังจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ดูเหมือนจะอยากคุยกันตามลำพัง นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้“อาอวี้ เรากลับที่พักกันก่อนเถอะ”เย่จิ่งหลานก็เดินเข้าไปถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ต้องการตรวจดีเอ็นเออีกครั้งหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก ข้าสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้ ถ้าเจ้าไม่มีอะไร ประเดี๋ยวช่วยข้าตรวจอัลตราซาวด์สีหน่อยนะ สองวันนี้เจ้าอย่าเพิ่งวิ่งหนีไปไหน หลังจากดูทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จนแล้ว เราก็จะกลับเมืองหลวงด้วยกัน”เย่จิ่งอวี้เห็นด้วยและพูดว่า “ใช่ แม้ว่าร่างกายของเจ้าจะสูงขึ้น แต่จิตใจยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ออกไปวิ่งเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก ข้าไม่วางใจ”เย่จิ่งหลานรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาข้ามภพมานานขนาดนี้ ที่ได้ติดต่อจริงจังกับเย่จิ่งอวี้ ก็เริ่มต้นมาจากอินชิงเสวียนทั้งนั้นสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับฮ่องเต้คนนี้ก็คือ เขามีความเด็ดขาดในการสังหาร ยึดบัลลังก์รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ซึ่งเย่จิ่งหลานเคยมีความคิดที่จะแย่งชิงบัลลังก์ของเขาและพยายามจะสวมเสื้อคลุมมังกรอยู่เหมือนกันอย่างไรก็ตาม มิติของเขาไร้ประโยชน์เกินไป ในวังหลังที่เต็มไปด้วย