คนทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันมากจริงๆ แต่ความแตกต่างก็คือ เฮ่อยวนมีความกล้าหาญและเป็นอิสระไร้ขอบเขต ในขณะที่บุคคลนี้กลับให้ความรู้สึกเหมือนคนที่เป็นหนอนหนังสือผู้คร่ำครึเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของชายคนนี้อย่างชัดเจน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่คือละครดราม่าอะไรกันหรือว่า...นี่คือน้องชายของเฮ่อยวน?เหมยชิงเกอก็ประหลาดใจเช่นกัน“เขา...คือใครคนเลี้ยงม้าเห็นเคราปลอมตกลงกับพื้น อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก เอื้อมมือไปคว้าไว้ ทว่าเฮ่อฉางเฟิงกลับใช้เท้าเหยียบไว้ก่อน“ท่านพ่อ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”เฮ่อฉางเฟิงไม่ใช่คนโง่ เขาพอรู้อะไรอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ไม่กล้าคิดมาก ความเชื่อที่เขายึดถือมานานกว่าสิบปีกลับค่อยๆ พังทลายลง ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนคู่นั้น พลันฉายแววสิ้นหวัง!เฮ่อยวนถอนหายใจเบาๆ “ฉางเฟิง เจ้ามานี่สิ พ่อจะเล่าให้ฟัง”ใบหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งซีดลงทันที“เฮ่อยวน ท่านจะทำอะไร ในเมื่อท่านรู้แล้ว ทำไมถึงยังแต่งงานกับข้าอีก”“เจ้าป่าวประกาศไปทั่วทุกที่ ถ้าข้าไม่แต่งงานกับเจ้า ตระกูลกงซวินจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”ตอนที่เฮ่อยวนกำลังพูด คนผู้นั้นก็มาถึงเบื้องหน้าข
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคลี่ยิ้ม แต่รอยยิ้มนี้กลับซับซ้อนมากมีความโล่งใจ เสียใจ ระคนไปกับความสิ้นหวังเล็กน้อย!นางมองไปที่เฮ่อฉางเฟิง ดวงตาแดงก่ำ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบนางกลับไม่เคยหลั่งน้ำตาเลยนางไม่เสียใจกับสิ่งที่นางทำ นางควรต่อสู้เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ และทำลายเมื่อไม่ได้ดั่งที่หวัง แล้วมันจะผิดอะไรเฮ่อยวนไม่รักนาง แล้วนางสมควรที่จะอยู่โดดเดี่ยวในบ้านที่ว่างเปล่าตลอดชีวิตงั้นหรือ เป็นเขาที่ทำลายการหมั้นหมายก่อน เขาสมควรได้รับความทุกข์ทรมานทั้งหมดนี้เมื่อมองย้อนกลับตลอดเวลานับสิบปีที่มีความสัมพันธ์เย็นชา กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็รู้สึกเหนื่อยล้า ดังที่ฉีอวิ๋นจื่อกล่าวไว้ หากชาติหน้ามีจริง นางก็ไม่อยากรู้จักเฮ่อยวนเช่นกัน!กงซวินอวิ๋นเฟิ่งค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้ากลับคืนสู่ความสงบดังเช่นเดิมนางพูดเบาๆ “ได้ ข้าเชื่อท่าน หากท่านรักษาสัญญาไม่ได้ ข้ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งถึงตายเป็นผีก็ไม่ปล่อยท่านไป”หลังจากที่นางพูดจบ นางก็พลิกฝ่ามือกดที่ศีรษะตัวเอง เสียงกระดูกแตก เลือดไหลออกมาจากปากของนาง และนางก็ล้มลงกับพื้นเสียชีวิตไปแบบนั้นผู้อาวุโสกงซวินยังคงอึ้ง เมื่อเห็นกงซวินอวิ๋นเฟิ่งล้มลงกับพื้น เขาก็
อินชิงเสวียนเต็มไปด้วยความพิศวง นางอยากจะไปฟังจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าพ่อแม่ดูเหมือนจะอยากคุยกันตามลำพัง นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้“อาอวี้ เรากลับที่พักกันก่อนเถอะ”เย่จิ่งหลานก็เดินเข้าไปถามด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ต้องการตรวจดีเอ็นเออีกครั้งหรือไม่”อินชิงเสวียนส่ายหัว“ไม่ต้องหรอก ข้าสามารถยืนยันตัวตนของเขาได้ ถ้าเจ้าไม่มีอะไร ประเดี๋ยวช่วยข้าตรวจอัลตราซาวด์สีหน่อยนะ สองวันนี้เจ้าอย่าเพิ่งวิ่งหนีไปไหน หลังจากดูทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จนแล้ว เราก็จะกลับเมืองหลวงด้วยกัน”เย่จิ่งอวี้เห็นด้วยและพูดว่า “ใช่ แม้ว่าร่างกายของเจ้าจะสูงขึ้น แต่จิตใจยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ออกไปวิ่งเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอก ข้าไม่วางใจ”เย่จิ่งหลานรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาข้ามภพมานานขนาดนี้ ที่ได้ติดต่อจริงจังกับเย่จิ่งอวี้ ก็เริ่มต้นมาจากอินชิงเสวียนทั้งนั้นสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับฮ่องเต้คนนี้ก็คือ เขามีความเด็ดขาดในการสังหาร ยึดบัลลังก์รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ซึ่งเย่จิ่งหลานเคยมีความคิดที่จะแย่งชิงบัลลังก์ของเขาและพยายามจะสวมเสื้อคลุมมังกรอยู่เหมือนกันอย่างไรก็ตาม มิติของเขาไร้ประโยชน์เกินไป ในวังหลังที่เต็มไปด้วย
เฮ่อฉางเฟิงเดินโซเซ ยืนไม่มั่นคงเขาคิดเสมอว่าพ่อแม่รักกัน เขาเป็นเด็กที่มีความสุขที่สุดในโลก แม้ว่าจะมีน้องสาว รู้ว่าเหมยชิงเกอยังมีชีวิตอยู่ แต่เฮ่อฉางเฟิงก็ยังไม่รู้สึกอะไรท้ายที่สุดแล้ว การมีสามภรรยาสี่อนุในสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างไรก็ตาม เขาทนไม่ได้กับความคิดที่ว่าแม่ของตัวเองกับคนเลี้ยงม้า...เช่นนั้นเช่าก็ไม่ใช่...เขาไม่ได้โลภในอำนาจเจ้าเมืองน้อยแห่งอิ๋นเฉิง ไม่ใช่ว่าตัดใจจากตำแหน่งเจ้าเมืองน้อยแห่งอิ๋นเฉิงไม่ได้ แต่เขาทนไม่ได้ที่ความดีงามทั้งหมดจะพังทลายลงในขณะนี้ กลายเป็นความฝัน...เขาไม่กล้ามองหน้าเฮ่อยวน เพราะกลัวได้ยินคำตอบที่เลวร้ายที่สุดข้างหลังเขา อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้ก็วิ่งไล่ตามมาเฮ่อฉางเฟิงเป็นพี่เขยของตัวเอง ดังนั้นเย่จิ่งอวี้ย่อมไม่ลงมือโหดร้ายกับเขาแน่นอน อย่างไรก็ตามการต่อสู้ระหว่างผู้ที่แข็งแกร่งมีความไม่แน่นอนมากเกินไป หากพลาดพลั้ง อาจทำให้เกิดผลเสียเย่จิ่งอวี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยเฮ่อฉางเฟิงไปอินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างเย่จิ่งอวี้ ส่ายหัวไปทางเฮ่อยวนอย่างไม่เป็นที่ผิดสังเกตการแสดงออกอันละเอียดอ่อนทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเวลาฉับ
เฮ่อฉางเฟิงไม่ได้ง่วงนอน เขานั่งอยู่คนเดียวบนภูเขาสูง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้าเขารู้จักนิสัยของท่านตาดี แม้ว่าท่านพ่อจะไว้ชีวิตท่านแม่ได้ แต่ท่านตาต้องไม่ยอมปล่อยนางไปแน่เขาเพิ่งไปที่สนามประลองยุทธ์เพื่อยืนยัน กองเลือดขนาดใหญ่บนพื้นทำให้เขาตกใจ และเขาก็เดาผลลัพธ์ได้รางๆ แล้วทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนหากเขาเป็นคนชั่วร้ายอย่างแท้จริง ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งวุ่นวายมากนัก แต่ท่านพ่อดันเลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี บางครั้งการแยกแยะถูกผิด ก็เป็นสิ่งที่เจ็บปวดสำหรับเหมยชิงเกอนั้น เฮ่อฉางเฟิงรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และมีความไม่พอใจ แต่เขาไม่ใช่เด็ก เข้าใจว่าไม่มีใครสามารถอธิบายเรื่องความรักได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เขาได้เจออินชิงเสวียน เขามักจะมีความรู้สึกดีๆ ในใจเสมอ ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นความรักแบบครอบครัว หรือความรักแบบคนรักกัน เฮ่อฉางเฟิงก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกันบางทีเขาอาจเป็นคนที่มีจิตใจมืดมนเช่นกัน เมื่อรู้ว่าอินชิงเสวียนมีสามีที่เพียบพร้อม เขาจึงซ่อนความคิดที่แท้จริงของเขาไว้อย่างสิ้นหวัง เสแสร้งจนเหมือนความจริง!เมื่อคิดถึงใบหน้างดง
“ไม่มีปัญหา”เย่จิ่งหลานตอบอย่างสบายๆ แล้วถามอย่างสงสัย “แล้วเรื่องหยดเลือดพิสูจน์เจ้าทำได้อย่างไร”อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากยิ้ม “ง่ายมาก เติมสารส้มเล็กน้อย ไม่ว่าเลือดอะไรก็สามารถหลอมรวมด้วยกันได้”เย่จิ่งหลานยกนิ้วให้“เยี่ยม เรื่องการต่อสู้ในวังพวกเจ้าที่เป็นผู้หญิงสุดยอดจริงๆ แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรจะสู้แล้ว ชีวิตช่างโดดเดี่ยวดั่งหิมะจริงๆ”เมื่อเห็นท่าทางเกินจริงของเขา อินชิงเสวียนก็อดหัวเราะไม่ได้“ผู้หญิงคนไหนจะยอมสู้ เป็นเพียงวิธีการเพื่อเอาชีวิตรอดที่ถูกบังคับให้ทำเท่านั้น ถ้าผู้ชายมีคู่เดียวเมียเดียว ก็คงไม่มีความแค้นมากมายขนาดนี้”เมื่อนึกถึงรักสามเส้าระหว่างเฮ่อยวน เหมยชิงเกอ และกงซวินอวิ๋นเฟิ่ง อินชิงเสวียนก็พูดอย่างปลงอนิจจังเย่จิ่งหลานหัวเราะเยาะกับสิ่งนี้“ยุคของเราก็เป็นยุคสมัยผัวเดียวเมียเดียว แต่ก็มีเรื่องเมียน้อยเหมือนกันไม่ใช่หรอกรึ ของแบบนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับกฎหมาย ขึ้นอยู่กับคุณภาพของบุคคล ถ้าเป็นคนต่ำช้าโดยกำเนิด แม้แต่ความสามารถในการปัสสาวะรดใส่คนอื่น ก็ยังนำไปใช้ได้”เมื่อเห็นว่าเขาหยาบคายมากขึ้นเรื่อยๆ อินชิงเสวียนก็พูดไม่ออก นี่มันชักจะหยา
ในวันที่สอง จัดพิธีเคลื่อนศพของฮั่วเทียนเฉิงอินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้มาถึงตั้งแต่เช้า เพื่อไม่ให้เสี่ยวหนานเฟิงรู้สึกเบื่อที่อยู่คนเดียว จึงฝากเขาไว้ในมิติของเย่จิ่งหลานเหมยชิงเกอกับศิษย์น้องอีกสองคนสวมชุดสีขาวล้วน เฮ่อยวนก็เช่นเดียวกัน จากนั้นก็ตามมาด้วยต้วนจื่อฉู่และลูกศิษย์อีกหลายคนในรุ่นของพวกเขาเฟิงเอ้อร์เหนียงกำลังจับโลงศพ ร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้มเพื่อที่จะปฏิบัติตามกฎของตำหนักเทพ ยากยิ่งนักที่จะไม่แสดงความรักมานานกว่าสิบปี ตอนนี้ในที่สุดกฎเก่าก็ถูกทำลายลง เขากลับไม่อยู่ที่นี่แล้วเมื่อนึกถึงตอนที่อยู่เป่ยไห่ นางทำให้ฮั่วเทียนเฉิงลุ่มหลง จากนั้นก็ส่งเขากลับไปที่ตำหนักเทพ ดวงตาของเฟิงเอ้อร์เหนียงก็พร่ามัวอีกครั้งฮั่วเทียนเฉิงมีวรยุทธ์สูง จะถูกสะกดด้วยยาสลบหยาบๆ เช่นนั้นได้อย่างไร เขาแค่ปล่อยไปตามน้ำ ทำตามความต้องการของนางเมื่อเห็นไหล่ของนางสั่นเทา อินชิงเสวียนก็รู้สึกไม่สบายใจจริงๆ ความรักครั้งหนึ่ง กลับทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิต มันคุ้มค่าแล้วหรือเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น มองไปยังเย่จิ่งอวี้แล้วนางกับอาอวี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ
เมื่อมาถึงไหล่เขา เฮ่อยวนก็หยุดชั่วคราว“ทำไมไม่เห็นฉางเฟิงล่ะ หรือว่าเขายังไม่ตื่น?”เหมยชิงเกอหยิบจดหมายออกมา“ไม่ต้องไปหาแล้ว เขากลับไปแล้ว”เช้านี้นางปรุงอาหารด้วยตัวเอง แล้วส่งไปให้เฮ่อฉางเฟิง แต่เมื่อเข้าไปในประตูก็พบจดหมายฉบับนี้เมื่อครู่บรรยากาศเคร่งเครียดเกินไป การเสียชีวิตของฮั่วเทียนเฉิงเป็นความผิดพลาดของนาง เหมยชิงเกอจึงรู้สึกไม่สบายใจ และไม่ได้พูดอะไรเฮ่อยวนเปิดจดหมาย ก็เห็นข้อความที่เขียนมายาวเหยียด“ลูกอกตัญญู มีบางอย่างที่ปล่อยวางไม่ได้ ขออนุญาตท่านพ่อ ให้ลูกเดินทางลงเขาท่องป่าเขาลำเนาไพร ชมเขาสูงทะเลกว้าง พระจันทร์เต็มดวงสายลมสดชื่น......เมื่อลูกคิดได้ชัดเจนแล้ว จะกลับอิ๋นเฉิงมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากับท่านพ่ออีกครั้ง หวังว่าท่านพ่อจะไม่ติดมาก และฝากท่านพ่อบอกป้าเหมยด้วย ว่าในใจลูกไม่มีความขุ่นเคือง......ลูกยังขอสาบานกับแสงอาทิตย์ยามเช้าและแสงจันทร์เต็มดวง ชาตินี้จะไม่มีวันแก้แค้น และหวังว่าท่านพ่อจะแต่งงานกับป้าเหมยโดยเร็วที่สุด ทำตามความปรารถนาในอดีต ไม่ต้องห่วง!”เหมยชิงเกอไม่ได้อ่านเนื้อหาในจดหมาย เมื่อนางเหลือบดู ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ารู้สึกอย่างไร รู