แชร์

บทที่ 1265 โชคดีอย่างยิ่ง

ผู้เขียน: ม่อเยี่ยน
“ท่านพี่ ไม่อย่างนั้น...ท่านไปเกลี้ยกล่อมพี่หญิงเหมยเถอะ นางต้องเชื่อคำพูดของท่านแน่นอน”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคว้าแขนของเฮ่อยวน

เฮ่อยวนยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าคิดว่านางจะฟังคำพูดข้างั้นหรือ ไว้ค่อยคุยหลังการประลองยุทธ์ก่อนดีกว่า”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถอนหายใจ

“พี่หญิงเหมยต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี อุปนิสัยย่อมต้องเปลี่ยนไปบ้าง ข้าหวังว่าท่านพี่จะเข้าใจนาง อดทนต่อนาง”

เฮ่อยวนก้มศีรษะมองไปที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง ประกายในดวงตาสั่นไหว จากนั้นก็จับมือนางทันที

“ได้มีภรรยาที่มีคุณธรรมเช่นนี้ เฮ่อยวนโชคดีอย่างยิ่งจริงๆ!”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม

“เราเป็นคู่สามีภรรยากันมายาวนานแล้ว พูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน รีบกลับกันเถิด”

ในอีกด้านหนึ่ง อินชิงเสวียนก็มาส่งเฮ่อฉางเฟิงกลับเช่นกัน

เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจว่า “พี่เจ้าเป็นคนดีจริงๆ แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ”

อินชิงเสวียนถามว่า “เรื่องใดงั้นหรือ”

เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสับสนว่า “ถ้าเราคำนวณตามเวลาการครองรักกัน เสวียนเอ๋อร์ก็ควรเป็นพี่สาวสิ ทำไมฉางเฟิงถึงกลายเป็นพี่ชายของเสวียนเอ๋อร์ไปได้”

อินชิงเสวียนกลอกตามอง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1266 หงายการ์ดครอบครัว

    หลังจากที่กลับจากตงหลิวตั้งแต่ตอนแรก หวังซุ่นสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นอกจากฆ่าชาวยุทธ์ชั่วสามคนนั้นที่รังแกเฉิงเฟิ่งโหลวในโรงเตี๊ยมแล้ว เย่จิ่งหลานไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นที่เกินขอบเขตเลยแต่วันนี้ กลับทำให้หวังซุ่นขนหัวลุกนี่คือการฆ่าอย่างทารุณที่แท้จริง!ด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเย่จิ่งหลาน การจัดการกับเศษสวะของยุทธภพนั้นทำได้ง่ายราวกับการดีดนิ้ว ไม่จำเป็นต้อนทรมานขนาดนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์หญิงคนนั้นเลยขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานก็หันกลับมา ดวงตามืดมนส่องประกายวาวในความมืด จู่ๆ หวังซุ่นก็ตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ผงะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว“นายท่าน...”เย่จิ่งหลานแยกเขี้ยวแสยะยิ้ม“กลัวอะไรเล่า เศษสวะแบบนี้ ไม่ควรสั่งสอนให้ดีหรอกหรือ”เขายกมือขึ้นคว้าคนผู้นั้น แล้วโยนอัดเข้ากับกำแพงหินอย่างแรงคนผู้นั้นพ่นเลือดออกมา ชีวิตดับลงในพริบตา จากนั้นเย่จิ่งหลานก็ลอยตามไป และเตะคนผู้นั้นลงจากหน้าผาราวกับเตะบอลหวังซุ่นพูดตะกุกตะกัก “อันที่จริง...ควรต้องสั่งสอนแล้ว!”เย่จิ่งหลานคำรามเสียงดัง ในใจรู้สึกมีความสุขท่วมท้น สะบัดแข

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1267 แสดงละคร

    สิบห้านาทีต่อมาเหมยชิงเกอปรากฏตัวที่ประตูถ้ำหินที่พักชั่วคราวของอิ๋นเฉิง นางมองเห็นเฮ่อยวนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ไกลๆเขายืนไพล่หลัง มองขึ้นไปบนยอดต้นไม้ คิ้วทั้งคู่ขมวดเล็กน้อย สีหน้าเศร้าสร้อยเหมยชิงเกอไอเบาๆ“ดึกมากแล้ว ท่านยังไม่นอนหรือ”เมื่อได้ยินเสียงของเหมยชิงเกอ เฮ่อยวนก็ตัวชา หันขวับกลับมาทันที“ชิงเกอ เจ้ามาได้อย่างไร”เหมยชิงเกอหยุดเดิน น้ำเสียงเปลี่ยนจากความรุนแรงครั้งก่อน เป็นอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย“ข้านอนไม่หลับ เลยแวะมาดู”นางก้าวไปข้างหน้า ถอนหายใจเบาๆ “เฮ่อยวน บางที...ข้าผิดเองที่ไปโทษท่าน”เมื่อเห็นสีหน้าอันนุ่มนวลของเหมยชิงเกอ และท่าทางอ่อนโยน หัวใจของเฮ่อยวนก็เต้นรัว ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว กอดเหมยชิงเกอไว้ในอ้อมแขน“ขอบใจนะชิงเกอ ในฐานะเจ้าแห่งอิ๋นเฉิง ข้าไม่สามารถหนีความผิดของเหตุการณ์นี้ได้ ยามนี้ศิษย์คนนั้นได้หลบหนีไปแล้ว คงอยู่เฉยไม่ได้นานนักหรอก ข้าได้คิดแผนล่องูออกจากรูแล้ว อีกไม่นาน เหตุการณ์นี้จะคลี่คลายความจริงจะปรากฏ”เมื่อพิงท่อนอกที่มั่นคงของเฮ่อยวน ร่างกายอันตึงเครียดของเหมยชิงเกอก็ค่อยๆ ผ่อนคลายนางมาที่นี่เพราะลูกสาวเกลี้ยกล่อม เมื่อได้ฟังเส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1268 เก็บสมุนไพรกลางดึก

    บนต้นไม้ อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้สบตากัน มีคำถามเกิดขึ้นในใจพร้อมกันคนนี้เป็นใครประตูเปิดออกดังเอี๊ยด กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเดินออกจากประตูแล้วถามด้วยน้ำเสียงสงบ “ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ามีธุระอะไรหรือ”คนผู้นั้นโค้งคำนับ พูดด้วยสีหน้านอบน้อม “บ่าวพบสมุนไพรบนภูเขา ไม่รู้ว่าจะเก็บมันได้หรือไม่”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเหลือบมองเขา“สมุนไพรอะไร แล้วยาอยู่ที่ไหน”คนผู้นั้นชี้ไปทางทิศเหนือ“บนภูเขาลูกนั้น”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูดนิ่งๆ “ถึงแม้จะบอกว่าเป็นของป่า แต่ก็ยังต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าตำหนักเหมย เจ้ากลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะถามดูให้ ถ้านางอนุญาต ค่อยขุด”คนผู้นั้นรีบพูดว่า “รบกวนฮูหยินแล้ว บ่าวขอตัวก่อน”หลังจากพูดจบก็เดินกะโผลกกะเผลกออกไป หลังจากเดินไปไม่กี่ก้าว กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เรียกเขาอีก“เดี๋ยวก่อน ถึงอย่างไรข้าก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว ข้าจะไปดูกับเจ้าหน่อย สมุนไพรชนิดใดกันถึงทำให้เจ้าดีใจมากขนาดนี้”คนผู้นั้นไม่สามารถซ่อนความสุขได้ รีบยื่นแขนออกไปให้กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจับเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนกลั้นหายใจทันที เก็บงำกลิ่นอายทั้งหมด จากนั้นสองคนนั้นก็เดินช้าๆ ผ่านพวกเขาไปราวกับกำลังเด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1269 การประลองยุทธ์รอบที่สอง

    ริมฝีปากของเย่จิ่งอวี้กดลงมาแล้ว“ข้าน่ะ คิดถึงเสวียนเอ๋อร์”กลิ่นที่คุ้นเคยหอมกรุ่นตีขึ้นจมูกทันที ราวกับว่าตัวเองกำลังถูกดูดเข้าไปในท้องของเขาอินชิงเสวียนหายใจหอบเล็กน้อย เรียวมืออ่อนนุ่มไร้กระดูกนั้นคว้าสาบเสื้อของเขาโดยไม่รู้ตัว“อาอวี้...ระวัง...ลูก...”“ข้าจะอ่อนโยนนะ...”เย่จิ่งอวี้ตระกองกอดร่างอ่อนนุ่มมีกลิ่นหอมของอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขนของเขา สูดกลิ่นหอมแรงๆ และการสัมผัสที่เหมือนผ้าแพรไหมบนปลายนิ้วทำให้เขารู้สึกลุ่มหลงจนแทบคลั่งความปรารถนาที่สะสมหลายวันทะลักล้นออกมา เพลิงแห่งความรักไม่อาจควบคุมได้...ค่ำคืนแห่งความรักทำให้อินชิงเสวียนเหนื่อยล้า เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ปกติฮ่องเต้หนุ่มควบคุมได้ตลอด หลายคืนที่ผ่านมาก็แค่นอนกอดตัวเองแล้วหลับไป ไม่เคยฝืนใจ แต่เพราะเหตุใดทำไมเมื่อวานถึงสูญเสียการควบคุมกะทันหัน?“เสวียนเอ๋อร์ แค่กๆ เมื่อคืนเจ้านอนหลับสบายไหม”เย่จิ่งอวี้แต่งตัวเรียบร้อย เดินเข้ามาจากประตูด้วยแววตารู้สึกผิดอินชิงเสวียนจ้องมองเขาอย่างงอนๆ“ท่านยังกล้าถามอีกนะ”นางโบกมือหยิบขวดน้ำพุวิญญาณออกมา ซึ่งช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในร่างกายขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1270 คืนเงิน

    “ข้าไว้ใจอยู่แล้ว แต่เฟิงเอ๋อร์ไม่เคยต่อสู้กับใครเลย...”ก่อนที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจะพูดจบ เฮ่อฉางเฟิงก็ลุกขึ้นยืน“ไม่ต้องกังวลหรอกท่านแม่ ลูกเคยไปเป่ยไห่มาก่อน แม้ว่าจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามอย่างเป็นทางการ แต่ก็เคยต่อสู้กับผู้อื่น”เขายิ้มอย่างมั่นใจ แล้วกระโดดขึ้นไปบนแท่นประลองอินชิงเสวียนก็ยืนขึ้นเช่นกัน“ท่านแม่ รอบนี้ ให้ลูกสู้นะเจ้าคะ”เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดอีก อินชิงเสวียนตัดสินใจลงสนามต่อสู้ด้วยตัวเอง เพื่อทดสอบด้วยว่าเฮ่อฉางเฟิงมีเจตนาใดหรือไม่“นี่...”เดิมทีเหมยชิงเกออยากจะบอกว่านางไม่ใช่คนของตำหนักเทพ แต่อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าเบาๆ และจรดปลายเท้าลงที่แท่นประลองอย่างสง่างามแล้วเฮ่อฉางเฟิงยังคงสุภาพอ่อนโยน ประกบมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเล็กสบายดีหรือไม่ พี่ชายขอคำนับแล้ว”อินชิงเสวียนประกบมือคารวะกลับ สีหน้าอ่อนโยน“พี่ชายเกรงใจไปแล้ว ได้ประลองยุทธ์กับพี่ชาย เป็นความโชคดีของน้องเล็กแล้ว”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็พูดเสียงดังว่า “วรยุทธ์ของแม่นางอินนั้นยอดเยี่ยมมาก ข้าเคยสัมผัสมาแล้วที่เป่ยไห่ ข้ารู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของแม่นางอิน ต้องขอยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1271 หญิงงามกับวีรบุรุษ

    เมื่อเห็นเฮ่อฉางเฟิงใช้วิชากระบี่นี้ สีหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็เปลี่ยนไปทันที“ฉางเฟิง!”เฮ่อฉางเฟิงคิดว่าแม่จะกลัวตัวเองทำร้ายอินชิงเสวียน จึงแสดงท่าเคลื่อนไหวครึ่งหนึ่ง และดึงพลังกลับมาครึ่งหนึ่งฝ่ามือของอินชิงเสวียนไปถึงหน้าอกของเฮ่อฉางเฟิงแล้ว แสงสีม่วงบนมือก็หายไปในทันที ตบหน้าอกของเฮ่อฉางเฟิงเบาๆ เท่านั้นเฮ่อฉางเฟิงเข้าใจ แกล้งเซถลาเล็กน้อย แล้วล้มลงกับพื้น เขาพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น แล้วประกบมือคำนับเป็นมารยาทว่า “แม่นางอินมีวรยุทธ์สูงส่ง ข้าไม่อาจเทียบได้ ขอบคุณแม่นางที่ออมมือ”ฉุยอวี้กระโดดขึ้นไปบนแท่นประลอง พูดกับทุกคนว่า “ในการต่อสู้รอบนี้ ตำหนักเทพหอทองคำเป็นผู้ชนะ ในการต่อสู้ครั้งต่อไป เชิญเจ้าตำหนักเทพ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชาวยุทธ์ที่ชมการต่อสู้อยู่ก็รู้สึกตื่นเต้น เหตุผลที่ทุกคนยอมจ่ายเงินเพื่อดูการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ก็เพราะจุดเด่นของวันนี้การประลองยุทธ์เมื่อครู่นี้ทำให้พวกเขาได้เปิดหูเปิดตา และหลายคนถึงกับสร้างสถานการณ์จำลองขึ้นในใจ หากพวกเขาขึ้นแท่นประลอง เกรงว่าพวกเขาคงต้องล้มพับไปภายในไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่าอายุยังน้อยแต่โดดเด่นมากขนาดนี้ แล้วเจ้าตำหนักกับเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1272 ฉางเฟิงฆ่าเขาซะ

    การประลองระหว่างเจ้าสำนักทั้งสองนั้นน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการประลองระหว่างผู้เยาว์มากแม้ว่าเหมยชิงเกอจะถูกจองจำคุกมานานกว่าสิบปี แต่มีอินชิงเสวียนเป็นผู้ช่วยขั้นสูง สามารถดื่มน้ำพุวิญญาณและแช่น้ำได้ตามต้องการ ทักษะวรยุทธ์ของนางก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปทั้งสองระดมหมัดมือปะทะกัน ลมแรงพัดโหมกระหน่ำ ทุกครั้งที่ต่อสู้กันจะเกิดลมพายุหมุนขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ชายเสื้อคลุมของทั้งสองพลิ้วไหว พัดลอยขึ้นไป แม้จะเป็นพลังที่ต่อสู้จนถึงแก่ชีวิต แต่ก็ไม่สูญเสียความงดงามและท่วงท่าของสำนักใหญ่ทุกคนกลั้นหายใจ ไม่กล้าพูดอะไร สถานที่แห่งนั้นเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงใดๆฉุยอวี้และลูกศิษย์หลายคนต่างก็อยู่ในอารมณ์ตึงเครียด ทุกคนรอมานานหลายปีกว่า ก็เพื่อสิทธิ์ในการครอบครองทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ซึ่งในจำนวนรวมถึงอาคันตุกะจากตำหนักเทพทุกคนต่างจินตนาการว่าตนเป็นผู้โชคดีที่สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้ มีชื่อเสียงในยุทธจักรในชั่วพริบตาดังนั้นการประลองรอบสุดท้ายนี้ สามารถกล่าวได้ว่าได้รับความสนใจอย่างมากในขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แสงดาวก็ลอยออกมาจากป่า มุ่งหน้าตรงไปหาเหมยชิงเกอความเร็วของแสงดาวนั้นเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1273 ไม่ยอมแพ้

    เฮ่อฉางเฟิงมองคนเลี้ยงม้าด้วยความไม่เชื่อ“เป็นเจ้าจริงๆ งั้นหรือ”ดวงตาของคนเลี้ยงม้ามีความตื่นตระหนก แต่หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็กลับมาสงบดังเดิมเขาทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าเฮ่อยวน พูดด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ถูกต้อง ข้าวางแผนทุกอย่าง รวมถึงการตามล่าเจ้าตำหนักเหมยเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วด้วย”เหมยชิงเกอมองไปที่คนเลี้ยงม้าอย่างเย็นชา“ทำไมเจ้าถึงทำแบบนี้ ข้าเคยทำผิดต่อเจ้าหรือเปล่า”คนเลี้ยงม้าพูดอย่างสงบว่า “อิ๋นเฉิงและตำหนักเทพเป็นศัตรูกันมาตลอด ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเมืองแต่งงานกับลูกศิษย์ของตำหนักเทพเด็ดขาด”เหมยชิงเกอยิ้มเยาะ “เพียงเพราะความปรารถนาอันเห็นแก่ตัวของเจ้าเอง ถึงทำให้แม่ลูกคนอื่นต้องพลัดพรากจากกัน ความคิดของเจ้าช่างเลวร้ายจริงๆ หากภายหน้าเจ้ามีลูกหลานบ้าง เจ้าจะต้องได้รับกรรมสำหรับสิ่งที่เจ้าทำ”เมื่อได้ยินคำว่า “ลูกหลาน” สีหน้าของคนเลี้ยงม้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว“ข้าทำคนเดียวรับผิดคนเดียว”เหมยชิงเกอถามอีกครั้งว่า “หรือว่าฉีอวิ๋นจื่อก็เป็นเจ้าที่รับนางไว้”คนเลี้ยงม้าหยุดชะงักชั่วครู่“ข้าเอง”ทันทีที่พูดจบ ฉีอวิ๋นจื่อผู้ซึ่งต่อสู้กับเย่

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1540 สองพระองค์ครองราชย์ จบบริบูรณ์

    ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1539 เสวียนเอ๋อร์ขอบคุณเจ้านะ

    ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1538 ไท่เฟยไท่ผินออกจากวัง

    อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1537 ฮองเฮาทรงมีพระประสูติการ

    เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1536 องค์หญิงกำลังจะเสกสมรส

    ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1535 เหลวไหลจริงๆ

    เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1534 ท่านพี่ช่วยข้าได้ไหม

    “ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1533 เจ้าน่ะ ยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเดิม

    “ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1532 คืนชีวิตให้ท่านแล้วจะเป็นไร

    “เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status