เฮ่อฉางเฟิงพูดออกมาได้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็กลืนคำพูดที่เหลือก็ลงไปในลำคอทันทีเขาไม่แปลกใจเลยที่เย่จิ่งอวี้มา แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงกอดอินชิงเสวียนเฮ่อยวนยกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาสะบัดแขนเสื้อ น้ำตาก็ถูกเช็ดออกไปอย่างเงียบๆเขากระแอมในลำคอ พยายามบรรเทาอาการแน่นในลำคอ และพูดกับเฮ่อฉางเฟิงว่า “ฉางเฟิง มานี่เร็ว มาหาน้องสาวของเจ้ากับน้องเขยของเจ้า”เฮ่อฉางเฟิงอ้ากว้างด้วยความตกใจ“ท่านพ่อ...ท่านพูดอะไรน่ะ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งสูดจมูก แล้วจับมือลูกชาย“เจ้าเด็กโง่ ได้ยินถูกแล้ว แม่นางอินเป็นลูกของพ่อเจ้ากับน้าเหมยของเจ้า รีบเรียกน้องสาวเร็ว”เฮ่อฉางเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาจะชอบอินชิงเสวียนอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อรู้ว่านางกลายเป็นน้องสาวของตัวเอง ก็ยากที่จะยอมรับมันได้สักพักหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาเป็นปกติร่องรอยของความอ้างว้างในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงอาจไม่ยืนยาว แต่สมาชิกในครอบครัวนั้นยืนยาว!การที่มีน้องสาวที่ฉลาดเฉลียว และให้ความสำคัญกับความยุติธรรมของบ้านเมืองมาเป็นอันดับแรกนั้น นับเป็นความโชคด
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งให้สาวใช้เก็บผลไม้ให้เสี่ยวหนานเฟิง และหาของเล่นบางอย่างที่เฮ่อฉางเฟิงเคยเล่นเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องโถงใหญ่เฮ่อฉางเฟิงกำลังเล่าเรื่องที่อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้ต่อสู้กับชาวตงหลิวในเป่ยไห่ เฮ่อยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าซ้ำๆ เมื่อรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยมีการกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจยังนับว่าโชคดีมากที่ลูกสาวถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลอิน ได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่โดดเด่นเช่นนี้“คิดไม่ถึงว่าจะมีการต่อสู้ที่น่าสลดใจในเป่ยไห่ น่าเสียดายที่ในเวลานั้นอิ๋นเฉิงปิดผนึก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอก โชคดีที่ฉางเฟิงหลบออกไปได้ ในที่สุดก็ทำดีเพื่อราษฎรแล้ว”เย่จิ่งอวี้ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ต้องขอบคุณพี่ชายที่ช่วยทำลายค่ายกลของตงหลิว ไม่เช่นนั้นอาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก”เฮ่อฉางเฟิงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าแค่ออกแรงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่การทำงานที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนี้ เป็นความดีความชอบของน้องเล็กกับน้องเขยทั้งนั้น”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเดินเข้ามาจากประตู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้าโทษตัวเองมาโดยตลอด คงไม
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นี่สิถึงจะดูเป็นพ่อคนหน่อย ชิงเสวียน ไปกันเถอะ ข้าเกรงว่าจ้าวเอ๋อร์จะเล่นจนเหนื่อยแล้ว”เด็กน้อยไม่มีความอดทนมากนัก หลังจากนั้นไม่นาน ดาบไม้และกระบี่ไม้ก็หมดความน่าดึงดูดใจ เมื่อได้ยินว่ากำลังจะไป ก็เงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจทันที“ลูกอยากออกไปเล่นข้างนอก”“ได้ ยายจะพาเจ้าออกไปนะ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อินชิงเสวียนพยักหน้าให้เย่จิ่งอวี้ จากนั้นก็ออกไปก่อนข้างนอกมองเห็นแสงดาวแล้ว สายลมยามค่ำคืนอันเย็นสบายพัดผ่านร่างกาย ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกสบายใจนางหรี่ตาลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับกงซวินอวิ๋นเฟิ่งว่า “ขอบคุณท่านน้ากงซวินมากเจ้าค่ะ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งยิ้มอย่างสดใสแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ข้าแค่ชอบความคึกคัก ที่เจ้ากับจิ่งอวี้พักอยู่ที่นี่ ข้ามีแต่จะดีใจด้วยซ้ำ พวกเจ้าเดินทางมาไกล ต้องอยู่พักนานๆ นะ หลังจากพ่อของเจ้าพบกับพี่หญิงเหมยแล้ว ข้าจะไปที่ตำหนักเทพด้วยตัวเอง ไปรับนางมาอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างแท้จริง”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะถาม “ท่านน้ากงซวิน...ไม
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งกำชับอินชิงเสวียนอีกหลายคำ จากนั้นจึงเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้หลังจากเดินไปได้หลายสิบก้าว กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็หยุดกะทันหันสาวใช้ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ฮูหยินมีอะไรจะสั่งเจ้าคะ”เสียงของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งต่ำ“รีบแจ้งองครักษ์ในจวนทันที นำตัวป้าชุยมาหาข้า ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเป็นใคร กล้าแอบเข้ามาในอิ๋นเฉิงได้ จำไว้ว่าอย่าให้เจ้าเมืองรู้ เขาได้อยู่กับลูกชายกับลูกเขยทั้งที ให้เขาเพลิดเพลินเต็มที่เถิด”ในตอนท้ายของประโยค เสียงของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็กลับมานุ่มนวลดังเดิม“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปทำเดี๋ยวนี้”สาวใช้ระดมพลยอดฝีมือในจวนอย่างเงียบๆ ใช้วิชาตัวเบาไปที่บ้านพักของฉีอวิ๋นจื่อ หลังจากเข้าไปในประตู ก็พบว่าห้องนั้นว่างเปล่าแล้วกงซวินอวิ๋นเฟิ่งกลับมาที่บ้านหอชิงเฟิง หลังจากฟังรายงานของสาวใช้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ดูเหมือนว่านางคือฉีอวิ๋นจื่อจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่หนีไปเพราะกลัวความผิด สั่งให้ทุกคนค้นหาสายลับฉีอวิ๋นจื่อทั่วทั้งเมืองทันที”ทหารองครักษ์ทั้งหมดตอบรับพร้อมกัน แยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทางกงซวินอวิ๋นเฟิ่งถอนหายใจและพูดกับสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ ว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็น
ฉีอวิ๋นจื่อไม่ใช่คนจากอิ๋นเฉิง ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับวรยุทธ์นี้มาก่อน แต่เนื่องจากมีกลไก มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอนในเวลานี้ นางเป็นเหมือนนักพนันที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่โต๊ะพนัน ไม่ว่าอะไรก็จะลองดูทุกทางแม้ว่าจะสามารถฟื้นฟูวรยุทธ์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ตราบใดที่สามารถกำจัดเหมยชิงเกอ ลูกสาวและลูกเขยของนาง ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตได้ แม้ต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิตสิ่งที่นางไม่ได้ครอบครอง นางจะปล่อยให้คนอื่นครอบครองได้อย่างไรนางกอดตำราเคล็ดวิชาลับแล้วนั่งลงบนพื้น ฉากทั้งหมดในอดีตก็ปรากฏขึ้นในหัวของนางเฮ่อยวนสวมชุดคลุมสีดำ สูงตระหง่านดั่งต้นหยกต้านลม ตัวเองยังอยู่ในวัยสาวสะพรั่ง งดงามจับใจ เมื่อยืนอยู่ข้างๆ เหมยชิงเกอก็ยังสวยสดไม่แพ้กันทั้งหมดนี้เป็นเพราะเหมยชิงเกอนังแพศยานั่นที่เชี่ยวชาญในเพลงพิณ ล่อลวงเฮ่อยวนด้วยเสียงขลุ่ย ในขณะที่ตัวเองฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งวัน ทุ่มเทความคิดทั้งหมดให้กับวรยุทธ์ แต่กลับไม่เชี่ยวชาญทักษะใดเลยพวกเขาสองคนพูดคุยกันเรื่องเพลงพิณ ตัวเองก็ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเหมือนคนโง่ ไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้เลย ในขณะนั้น ฉีอวิ๋นจื่อรู้สึกเกลียดมากจริงๆ
ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ก็กลับมายังห้องพักแขกแล้วเช่นกันเมื่อเห็นอินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตูพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปดู“มองอะไรอยู่”เย่จิ่งอวี้รู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ชอบกลิ่นสุรา ในระหว่างทางกลับ เขาได้ไล่ฤทธิ์สุราออกจากร่างกายอินชิงเสวียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าเพิ่งเห็นร่างที่สูงมากในชุดดำมุ่งหน้าไปที่นั่น สูงกว่าเจ็ดฉื่อ”เย่จิ่งอวี้ยืดนิ้วออก เกาจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ“มีคำกล่าวไว้ว่าบุรุษสูงเจ็ดฉื่อ นั่นเป็นเพียงคำบรรยายเกินจริงเท่านั้น ใครจะตัวสูงใหญ่ขนาดนั้นได้ล่ะ เสวียนเอ๋อร์ต้องตามัวแน่ๆ”ท้องฟ้ามืดมากแล้ว อินชิงเสวียนก็เห็นผ่านไปแวบๆ จึงไม่แน่ใจว่าเขาเป็นมนุษย์หรือไม่สามฉื่อเท่ากับหนึ่งเมตร และคนที่สูงเจ็ดฉื่อก็น่าจะสูงกว่าสองเมตร แม้แต่เย่จิ่งอวี้ก็ยังไม่สูงจนเกินจริงขนาดนั้นเมื่อครู่นี้กงซวินฮูหยินสั่งให้ติดตามตัวฉีอวิ๋นจื่อ บางทีองครักษ์ทั้งสองอาจเดินทางมาด้วยกัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นางมองผิดว่าเป็นคนตัวใหญ่นางยักไหล่แล้วพูดว่า “อาอวี้พูดถูก บางทีข้าอาจจะดูผิด เข้ามาเร็วๆ ข้าจะชงชาแก้เมาให้”“ได้”เย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาพร
หวังซุ่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจ“นายท่าน หรือว่าท่านเห็นผีจริงๆ?”เมื่อเห็นเย่จิ่งหลานตื่นตระหนกขนาดนี้ ใบหน้าของหวังซุ่นก็ซีดลงทันที“หุบปาก”เย่จิ่งหลานหิ้วร่างเขาออกจากค่ายกลอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หายตัวเข้าไปในมิติชิงผิงและชิงอานกำลังรับประทานอาหารมื้อดึกอยู่อินชิงเสวียนตั้งใจทิ้งอาหารมังสวิรัติไว้มากมาย เย่จิ่งหลานก็ไม่ได้มีข้อจำกัดไม่ให้พวกเขากินพวกเขาทั้งสองกินล่าเถียว หมึกเจปรุงรสหมาล่า ถั่วลิสงห้าเครื่องเทศ และชาเย็นสองถ้วย ท่าทางของพวกเขาดูผ่อนคลายและพอใจมากโดยทั่วไปผู้บำเพ็ญสำนักเต๋าจะสงบได้ทุกสถานการณ์ สามารถฝึกบำเพ็ญเพียรได้ทุกที่ อีกทั้งสถานที่นี้ไม่เย็นหรือร้อน และมีอาหารมังสวิรัติหลากหลาย ทั้งสองคนอยู่ที่นี่จึงรู้สึกสบายใจมาก พวกเขาไม่มองเย่จิ่งหลานเป็นศัตรูอีกแล้วเมื่อเห็นคนสองคนเข้ามาในมิติด้วยสีหน้าหวาดหวั่น ชิงผิงจึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”เย่จิ่งหลานถอนหายใจ“เห็นผีน่ะสิ ข้าได้ยินเสียงหินเน่านั่นพูดจริงๆ ในโลกนี้มีผีด้วยงั้นหรือ”ชิงอานยิ้มแล้วพูดว่า “โลกใหญ่ไพศาล ไร้พิสดารไม่มี ในเมื่อผู้คนเชื่อว่ามีเทพเจ้า เช่นนั้นก็ต้องมีผี”เย่
ทันทีที่เฮ่อยวนพูดจบ ร่างหลายร่างก็เหาะลงมาจากภูเขาผู้นำสวมชุดสีแดงสด แววตาคมกริบ ที่ด้านหลังมีสตรีสองคนที่อายุใกล้เคียงกับนาง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉุยอวี้และเฟิงเอ้อร์เหนียง“ใครกล้าบุกเข้าประตูภูเขา”สตรีที่เป็นผู้นำยืนอยู่บนถนนบนเขา น้ำเสียงที่ชัดเจนของนาง ก็แว่วกระทบโสตประสาทของเฮ่อยวนเฮ่อยวนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เสียงนี้เขาคุ้นเคยยิ่งนัก เหมยชิงเกอ นางยังมีชีวิตอยู่จริงๆ“ชิงเกอ ข้าเอง ข้าเฮ่อยวน”เหมยชิงเกอจำเสียงของเขาได้เช่นกัน ไฟโทสะสองลูกพลันระเบิดออกมาจากดวงตาของนาง“ท่านมันคนใจร้ายไร้น้ำใจ กล้าดีอย่างไรมาถึงตำหนักเทพ ตายซะเถอะ!”เหมยชิงเกอตวาดอย่างเย็นชา โบกมือโจมตีไปยังเฮ่อยวนเฮ่อยวนไม่ได้หลบเลี่ยง ภายในหัวของเขาคือภาพของเหมยชิงเกอถูกมัดด้วยโซ่เหล็ก ถูกดาบลมหนาวเชือดเฉือนทุกวันไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่อ่อนแอเลย แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแกร่ง ก็อาจไม่สามารถอยู่รอดได้เกินสิบปีโชคดีที่นางมีความเกลียดชังตัวเองอยู่ในใจเสมอ ถึงทำให้นางต้องรอจนกว่าลูกสาวมาช่วยเหลือได้เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฮ่อยวนก็ถอนหายใจหนักๆทั้งหมดนี้เป็นเขาที่ติดค้างนาง แม้ว่าเหมยชิงเกอจะปลิดชีพเขาไ
ปีที่สามของการครองราชย์ในราชวงศ์ต้าโจวฮองเฮาให้กำเนิดพระธิดา ได้รับพระราชทานนามว่าองค์หญิงเจ๋อเทียน นามว่าเจิน มีชื่อเล่นว่าฝูเอ๋อร์ในเดือนเก้าของปีเดียวกัน เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนปกครองร่วมกัน แบ่งกันปกครองบ้านเมืองและการดำรงชีวิตของผู้คน ราษฎรเคารพทั้งสองในฐานะพระองค์ฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ประวัติศาสตร์ได้บันทึกช่วงเวลานี้ไว้ด้วยถ้อยคำที่งดงามที่สุด และเรียกช่วงเวลานี้อย่างเคารพว่า ยุคที่สององค์ปกครอง!ห้าปีต่อมา เครื่องกำเนิดพลังงานลมเครื่องแรกปรากฏขึ้นด้วยฝีมือความสามารถของชาวต้าโจว ซึ่งก้าวล้ำหน้าสมัยโบราณที่ล้าหลังไปอย่างมากด้วยก้าวที่ยิ่งใหญ่นักเรียนจากทั่วแคว้นได้แสดงความสามารถ พัฒนาสิ่งที่ล้ำหน้าต่างๆ ผ่านความรู้ทางคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีใหม่ล่าสุด บุปผานับร้อยบานสะพรั่งพร้อมกัน ก่อให้เกิดยุครุ่งเรืองของราชวงศ์ต้าโจวตอนนี้อาหารไม่ขาดแคลน ราษฎรไม่ต้องทนทุกข์กับความหิวโหยอีกต่อไป ยิ่งไม่มีการอพยพย้ายถิ่นฐาน โครงการคลองส่งน้ำก็สำเร็จลุล่วง ด้วยการคมนาคมสะดวกระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ ก็สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งที่ต้องการได้ในที่สุด อ่างเก็บน้ำที่สร้างขึ้นยังสามารถเปลี่ยนเส้นท
ตำหนักจินอู๋อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาราวกับกระแสน้ำ แต่ไม่กล้าโคจรกำลังภายในต้านทานไว้ เพราะกลัวว่าจะทำร้ายลูกของนางเมื่อเห็นนางกัดริมฝีปากล่างแน่น มีเหงื่อไหลอาบหน้า หัวใจของเย่จิ่งอวี้ก็รู้สึกเหมือนถูกมีดคมๆ นับพันทิ่มแทง รู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง“ต้องทำอย่างไรถึงจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาได้ ต้องปล่อยให้นางเจ็บปวดทนทุกข์เช่นนี้หรือ”หมอตำแยกล่าวอย่างกล้าหาญว่า “สตรีคลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้เพคะ อดทนไว้ แล้วจะดีเอง”เย่จิ่งอวี้พูดด้วยความโกรธ “ฮองเฮาของข้าจะเทียบได้กับสตรีทั่วไปได้อย่างไร รีบหาทางบรรเทาความเจ็บปวดของฮองเฮาเดี๋ยวนี้”“ข้าไม่เป็นไร อาอวี้ออกไปก่อนเถอะ!”เสียงของอินชิงเสวียนนั้นอ่อนแรง แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่ถูกเห็นเข้าในสถานการณ์เช่นนี้ก็น่าอายอยู่เหมือนกันเย่จิ่งอวี้เดินก้าวเดียวก็ไปถึงเตียง จับมือของนางแน่นๆ แล้วพูดอย่างกระวนกระวายใจ “ข้าไม่วางใจ มีวิธีถ่ายทอดความเจ็บปวดให้ข้าได้ไหม เจ้าอยู่กับลั่วสุ่ยชิงมานานแล้ว ไม่ได้เรียนวิชาอาคมอะไรจากนางบ้างหรือ”อินชิงเสวียนเจ็บปวดเจียนตายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำนี้ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
อินชิงเสวียนอดทนต่อความเจ็บปวดและกล่าวว่า “ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ วันนี้เป็นวันแต่งงานของไห่ถัง ในฐานะพี่ชาย ควรเป็นประธานงานแต่งของนางด้วยตนเอง หากไม่มีคนในราชวงศ์ไป ไห่ถังจะผิดหวังได้”แม้น้องสาวจะเป็นญาติ แต่ก็ไม่ชิดเชื้อเท่ากับภรรยา ลูกคนแรกเกิดในตำหนักเย็น ซึ่งทำให้เย่จิ่งอวี้รู้สึกผิดไปครึ่งชีวิตแล้ว ยากนี้เด็กคนนี้คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงระหว่างพวกเขา ในฐานะพ่อของลูก เขาจะจากไปได้อย่างไรเมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางซีด มีเม็ดเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายขึ้นเต็มขมับของนาง เย่จิ่งอวี้ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อปลอบนาง “ไม่เป็นไร มีแม่ทัพอินและจอมพลกวนอยู่ด้วย ไห่ถังก็ไม่นับว่าเสียเกียรติอะไรนัก”อินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา“จะได้อย่างไร หากไม่มีใครจากในวังไป มันจะกลายเป็นปมในใจของไห่ถังอย่างแน่นอน นี่คือวันที่สำคัญที่สุดในชีวิตของนาง”ไม่ว่าอย่างไรเย่จิ่งอวี้ก็ไม่ยอมไป แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้น้องสาวเสียหน้าได้ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย มีความคิดอยู่ในใจ“เจวี๋ยอิ่ง ไปเชิญไท่เฟยไท่ผินทุกท่าน ให้พวกนางออกจากวัง ร่วมงานเสกสมรสขององค์หญิงเดี๋ยวนี้”ทุกคนตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าเย่จิ่งอวี้จ
เย่ไห่ถังยังคงมีความสุข แต่จู่ๆ เสียงของหลี่เต๋อฝูก็ทำให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อเปิดประตู เห็นเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้ยืนอยู่ที่กลางเรือน น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตา“ไห่ถังคารวะเสด็จพี่ เสด็จพี่สะใภ้เพคะ!”เย่ไห่ถังกำลังจะคุกเข่าลง แต่เย่จิ่งอวี้ก็ปราดเข้าประคองนางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ในฐานะสตรีที่ออกเรือนแล้ว ทุกสิ่งต้องคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม จะทำตัวเหลวไหลซุกซนเหมือนอยู่ในวังไม่ได้ หากใช้ชีวิตนอกวังจนเบื่อแล้ว ก็สามารถกลับมาได้ตลอดเวลา วังหลวงจะเป็นบ้านของเจ้าตลอดไป”อินชิงเสวียนก็ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ถ้าพี่รองของข้ารังแกเจ้า เจ้าก็บอกข้าได้เลย ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าแน่นอน”ถ้าคนที่เย่ไห่ถังแต่งงานด้วยไม่ใช่อินปู้อวี่ เย่จิ่งอวี้คงพูดคำนี้ไปนานแล้วเย่ไห่ถังสูดจมูก“ขอบพระทัยเสด็จพี่และเสด็จพี่สะใภ้เพคะ ตอนแรกข้าค่อนข้างมีความสุข แต่ตอนนี้ไม่อยากจากไปเลย”เมื่อเห็นว่าจมูกของเย่ไห่ถังแดง กำลังจะร้องไห้อีก เย่จิ่งอวี้จึงตีหน้าขรึมพูดทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นข้าจะให้คนไปแจ้งอินปู้อวี่ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีแล้ว หลี่เต๋อฝู!”หลี่เต๋อฝูก็เป็นคนเจ้าเ
ในวันที่หนึ่งเดือนสี่ ลำดับการสอบการต่อสู้ชี้ให้เห็นว่า เฉินเซียงเยว่ที่อินชิงเสวียนสนใจ สอบได้ลำดับหนึ่ง คนผู้นี้หน้าตาดูดุร้ายและน่าเกลียด แต่กลับมีจิตใจอ่อนโยนดังเช่นสตรี ไม่เพียงแต่วรยุทธ์ดีเลิศเท่านั้น แต่ยังเก่งในเรื่องการจัดขบวนทัพด้วย เป็นยอดแม่ทัพที่หาได้ยากนางได้ลำดับหนึ่งก็คือจอหงวนด้านวิชาการต่อสู้ ไม่มีใครไม่ยอมรับเลย แค่ยืนอยู่เฉยๆ ก็ดูฮึกเหิมมีพลังมากกว่าผู้ชายทุกคนในตอนนั้นเด็กผู้หญิงอีกคนหนึ่งแซ่หลิวมีชื่อว่าเยว่ ก็ได้รับเลือกให้ติดอยู่ในสามอันดับแรก รั้งอยู่ในเมืองหลวงฝ่าบาทขานรายชื่อสตรีมามากขนาดนี้ เหล่าขุนนางข้าราชบริพารก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องนี้ ต่างรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องตามระเบียบประเพณี แต่ก็กล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์เป็นการส่วนตัวเท่านั้น ต้าโจวในวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว ที่ฝ่าบาทยินดีฟังพวกเขา ก็ถือเป็นการให้เกียรติพวกเขาแล้ว หากฝ่าบาทไม่อยากฟัง ถึงพูดมากไปก็ไร้ผลแต่ไม่มีใครกล้าพูดว่าเย่จิ่งอวี้เป็นทรราช ฝ่าบาททรงงานปกครองบ้านเมืองอย่างหนัก แม้ว่าพระองค์จะทรงปฏิรูปครั้งใหญ่ แต่ก็ทำเพื่อประชาชนในราชวงศ์ต้าโจวเท่านั้น ขณะนี้แผ่นดินสงบสุข มีธัญพืชอุดมสมบูรณ
เสียงเรียกว่าท่านพี่นั้นทำให้เย่จิ่งอวี้ใจอ่อนลงมากโข ความโกรธทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีไม่เช่นนั้นจะทำอะไรได้อีก ภรรยาที่เลือกมาเอง มีแต่ต้องตามใจเองเท่านั้น“เจ้าคนโกหกตัวน้อย กลับไปสามีจะคิดบัญชีเจ้าหนักๆ ถอนกำลังภายในของเจ้าออก สามีจะทำแทนเจ้าเอง ประเดี๋ยวจะทำร้ายลูกในท้องเอา”เสียงของเย่จิ่งอวี้เชื่อมโยงเป็นเส้น ไหลผ่านกระทบโสตประสาทของอินชิงเสวียนคำต่อคำอย่างแจ่มชัดนางยกมุมปากขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่จิ่งอวี้ นางจึงเปิดโสตประสาท เหตุผลที่ขอให้เย่จิ่งอวี้ช่วย ก็เพราะว่ากำลังภายในในร่างกายของนางซับซ้อนเกินไป ยากต่อการควบคุม ในงานที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ จะให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาดเย่จิ่งอวี้ไม่เหมือนกัน เขาบำเพ็ญตบะกำลังภายในของหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังประสานพลังแห่งฟ้าดิน แม้ว่าอินชิงเสวียนจะมีพลังลมปราณของหลายสำนัก แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับกำลังภายในอันบริสุทธิ์และทรงพลังของฮ่องเต้ได้ในชั่วพริบตา กำลังภายในดุจธารานิ่งลึกหลั่งไหลเข้ามาจากด้านนอกประตู เหมือนโลกลึกล้ำ โอบกอดและยืดหยุ่น บรรยากาศที่มืดมนในห้องโถงคล้ายจะถูก
“ฟางรั่วเข้าวัง?”เย่จิ่งอวี้หยุดฝีเท้าหลี่เต๋อฝูโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมถามองครักษ์ที่เฝ้าหน้าประตูวังแล้ว แม่นางฟางรั่วเข้ามาเมื่อสามชั่วยามที่แล้ว”เจวี๋ยอิ่งคุกเข่าลงและพูดว่า “กระหม่อมเห็นฟางรั่วเข้าไปในตำหนักจินอู๋ แต่ไม่เห็นนางและฮองเฮาออกมา”เย่จิ่งอวี้หรี่ตาลงเล็กน้อย สายตาคล้ายจะสดใสและมืดมน กำลังตกอยู่ในอาการครุ่นคิดด้วยวรยุทธ์ของฟางรั่ว ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะทำอันตรายต่ออินชิงเสวียน นางยังมีใบมีดแห่งมิติอยู่ในมือ แม้ว่าเหล่าเทพเซียนจะลงมาเอง แต่นางก็ยังสามารถต่อสู้ได้จากมุมมองนี้ ควรไม่ใช่การหายตัวไปง่ายๆ นางเรียกฟางรั่วมา ต้องมีเหตุผลอื่นเป็นแน่เจวี๋ยอิ่งโค้งคำนับและถามว่า “ต้องการให้กระหม่อมปิดล้อมพระนคร สืบหาที่อยู่ของฮองเฮาอย่างถี่ถ้วนหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”เย่จิ่งอวี้เหลือบมองเจวี๋ยอิ่ง“ไม่ต้อง หลี่เต๋อฝู ไปเชิญกวนเซี่ยวเข้ามาด้วย”ครู่ต่อมา กวนเซี่ยวก็วิ่งเหยาะๆ มาถึงประตูตำหนัก ยกเสื้อคลุมขึ้นและคุกเข่าลงกับพื้น“กวนเซี่ยวถวายบังคมฝ่าบาท ฝ่าบาททรง...”เย่จิ่งอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็รำคาญ โบกมือห้าม“ตามสบาย เจ้ารู้ไหมว่าทำไมฟางรั่วถึงมาที่วัง”กวนเซี่ยว
“ในเมื่อเจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้ว เช่นนั้นก็ตามข้าไปที่อื่น”อินชิงเสวียนดีดปลายเท้าขึ้น ร่างนั้นก็กระโดดออกจากตำหนักจินอู๋ ท่วงท่ากิริยาเบาบางและสง่างาม ราวกับเทพธิดาในวังพระจันทร์ที่ทิ้งร่องรอยความงดงามไว้บนโลกมนุษย์ฟางรั่วติดตามอย่างใกล้ชิด พลางชื่นชมในใจอินชิงเสวียนเป็นคนพิเศษจริงๆ!ราวสิบห้านาที ร่างที่สง่างามทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้นในตำหนักฉือหนิงหลังจากไทเฮาสิ้นพระชนม์ สถานที่แห่งนี้ก็ว่างเปล่า ขณะนี้มีไท่เฟยและไท่ผินเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่ในวัง ที่พักอาศัยมีมากมาย เหตุผลที่อินชิงเสวียนเลือกสถานที่นี้ ก็เพราะเย่จิ่งอวี้จะไม่มาจากนั้นก็นึกในใจ ครั้นแล้วถังไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า และในพริบตาเดียว มันก็เต็มไปด้วยน้ำพุวิญญาณที่ใสสะอาด“เข้าไปสิ สิ่งนี้สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้ในระดับสูงสุด”“เพคะ”ฟางรั่วก้าวเข้าไปในถังโดยไม่ลังเลใดๆ แม้เป็นฤดูหนาว น้ำในถังนี้กลับไม่เย็น แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นที่ปกคลุมผิวหนังและเส้นลมปราณทั้งหมดของนางอินชิงเสวียนตามเข้ามา จากนั้นนั่งตรงข้ามนางแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น น้ำพุวิญญาณก็สามารถรับรองความปลอดภัยในชีวิตขอ
“เจ้าลุกขึ้น ข้าหมายถึงอาจจะทำได้ แต่จะมีโอกาสฟื้นตัวได้มากเพียงใด ข้าก็ไม่แน่ใจ เรื่องนี้ เจ้าควรปรึกษากับกวนเซี่ยวก่อนดีกว่า ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับเขาด้วย”อินชิงเสวียนพยุงฟางรั่วด้วยมือทั้งสองข้าง และอธิบายข้อดีข้อเสียฟางรั่วพยักหน้า“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ สุขภาพของฮองเฮา”อินชิงเสวียนท้องโตขนาดนี้ หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นางไม่สามารถรับผิดชอบไหวอินชิงเสวียนยิ้มละไม“ร่างกายของข้าแข็งแรงมาก ไม่เป็นไร เจ้าคิดดีแล้วก็มาหาข้าที่วังหลวงได้เลย”“เพคะ”ขณะที่กำลังคุยกัน ทั้งสองคนก็เดินไปที่แท่นประลองข้างๆ แล้วเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งอายุสิบห้าหรือสิบหกปี ถือดาบคู่อยู่ในมือ กระโดดขึ้นลงด้วยท่าทางที่เบาและกล้าหาญ บีบชายที่อยู่ตรงข้ามหลังให้ล่าถอยทีละก้าว จนตกแท่นประลอง ล้มลงต่อหน้าผู้ชม อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะชื่นชมมัน“ทำได้ดีมาก!”ใบหน้าของฟางรั่วแสดงถึงความภาคภูมิใจ“เด็กหญิงคนนี้ชื่อหลิวซู่เยว่ เมื่อก่อนเป็นลูกสาวของหัวหน้าคณะละคร นางมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หลังจากที่บิดาเสียชีวิต นางไม่สามารถดูแลคณะละครได้ จึงมาที่เมืองหลวง เข้ามาเรี