เย่จิ่งอวี้กล่าวชมทันที “นี่เป็นความคิดที่ดี”“อื้ม ในยุคสมัยของข้ามีโครงสร้างเช่นนี้ด้วย”จากนั้นอินชิงเสวียนก็เล่ากฎของห้องสมุดให้เย่จิ่งอวี้ฟังจนเขาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ควรจะเป็นเช่นนี้ ช่วยแสวงหาความยุติธรรม งั้นก็ทำตามที่เสวียนเอ๋อร์พูดเถอะ”ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสี่ยวหนานเฟิงก็วิ่งไปถือหนังสือมาอีกสองเล่ม“ลูกพบหนังสือเล่มหนึ่งที่มีเลขหนึ่ง อีกเล่มมีเลขเก้าด้วย ในนั้นเป็นวรยุทธ์หมดเลย!”อินชิงเสวียนก้มศีรษะลง ก็เห็นคำว่าดัชนีหนึ่งหยางและพลังวิเศษเก้าเอี้ยง นางก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี“พวกนี้เป็นสมุดวาดรูปหลอกลวง ไม่ใช่วรยุทธ์ รีบเอามาให้แม่เร็ว”เสี่ยวหนานเฟิงกอดหนังสือเหล่านี้ไว้ในอ้อมแขนแน่นทันทีพูดเบาๆ “เสด็จแม่ ลูกอยากดู”จู่ๆ เย่จิ่งอวี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป“ถึงอย่างไรก็เป็นหนังสือภาพ ไม่มีอะไรหรอก ให้เขาดูเล่นๆ เถอะ”อินชิงเสวียนคิดดูแล้วก็ใช่ เด็กตัวแค่นี้ จะสามารถเรียนรู้วรยุทธ์แบบไหนได้นางลูบหัวของเสี่ยวหนานเฟิง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “เอาล่ะ งั้นแม่จะมอบหนังสือเหล่านี้ให้กับเจ้า”เย่จิ่งอวี้กำชับมาอีกว่า “สามารถซื้อหนังสือในนั้นได้ แต่ไม่
เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเมื่อถึงเวลาเที่ยง ชาวบ้านที่มาพบแพทย์ก็เกือบจะแยกย้ายกันไปหมด ผู้อาวุโสเคราขาวหลายคนกำลังเก็บกล่องยาเล็กๆ ที่ใช้สำหรับทำการรักษา เมื่อเห็นครอบครัวของอินชิงเสวียนทั้งสามคน ผู้อาวุโสกงซวินแห่งสวนยาก็ถามด้วยรอยยิ้ม “ทั้งสองคนก็มาตรวจรับการรักษาเช่นกันหรือ”เมื่อเห็นใบหน้าที่ใจดีของชายชรา เย่จิ่งอวี้ก็ประกบมือโค้งคำนับทันที“ผู้เยาว์และภรรยามาที่นี่เพื่อขอเข้าพบเจ้าเมืองเฮ่อ”“โอ้? พวกเจ้ามีธุระอันใดกับเขางั้นหรือ”เมื่อได้ยินว่าพวกเขามาหาลูกเขยของตัวเอง ผู้อาวุโสกงซวินก็มองดูทั้งสองคนขึ้นๆ ลงๆ อย่างพิจารณาอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพวกเขามีรูปลักษณ์ไม่ธรรมดา กิริยามายาทน่าประทับใจ ก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็นอินชิงเสวียนอุ้มลูกโค้งคำนับ“ไม่กี่วันก่อนผู้เยาว์เคยเป็นแขกของอิ๋นเฉิง ได้รับการดูแลจากเจ้าเมืองและฮูหยิน ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจเสมอ ข้ากำลังเตรียมตัวไปเมืองหลวงในอนาคตอันใกล้นี้ จึงมาที่นี่เพื่ออำลาเจ้าเมืองและฮูหยินเจ้าค่ะ”เมื่อนางพูดสิ่งนี้ ผู้อาวุโสกงซวินจำได้แล้ว เมื่อไม่นานมานี้มีสาวสวยคนหนึ่งมาที่นี่จริงๆ ในเวลานั้นอวิ๋นเฟิ่งยังหมายมั่นปั้นมือที่จะให้น
เฮ่อฉางเฟิงพูดออกมาได้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็กลืนคำพูดที่เหลือก็ลงไปในลำคอทันทีเขาไม่แปลกใจเลยที่เย่จิ่งอวี้มา แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของเขาถึงกอดอินชิงเสวียนเฮ่อยวนยกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เขาสะบัดแขนเสื้อ น้ำตาก็ถูกเช็ดออกไปอย่างเงียบๆเขากระแอมในลำคอ พยายามบรรเทาอาการแน่นในลำคอ และพูดกับเฮ่อฉางเฟิงว่า “ฉางเฟิง มานี่เร็ว มาหาน้องสาวของเจ้ากับน้องเขยของเจ้า”เฮ่อฉางเฟิงอ้ากว้างด้วยความตกใจ“ท่านพ่อ...ท่านพูดอะไรน่ะ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งสูดจมูก แล้วจับมือลูกชาย“เจ้าเด็กโง่ ได้ยินถูกแล้ว แม่นางอินเป็นลูกของพ่อเจ้ากับน้าเหมยของเจ้า รีบเรียกน้องสาวเร็ว”เฮ่อฉางเฟิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าเขาจะชอบอินชิงเสวียนอย่างบริสุทธิ์ใจ แต่เมื่อรู้ว่านางกลายเป็นน้องสาวของตัวเอง ก็ยากที่จะยอมรับมันได้สักพักหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับมาเป็นปกติร่องรอยของความอ้างว้างในดวงตาถูกแทนที่ด้วยความตื่นเต้นความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงอาจไม่ยืนยาว แต่สมาชิกในครอบครัวนั้นยืนยาว!การที่มีน้องสาวที่ฉลาดเฉลียว และให้ความสำคัญกับความยุติธรรมของบ้านเมืองมาเป็นอันดับแรกนั้น นับเป็นความโชคด
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งให้สาวใช้เก็บผลไม้ให้เสี่ยวหนานเฟิง และหาของเล่นบางอย่างที่เฮ่อฉางเฟิงเคยเล่นเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก จากนั้นจึงกลับไปที่ห้องโถงใหญ่เฮ่อฉางเฟิงกำลังเล่าเรื่องที่อินชิงเสวียนกับเย่จิ่งอวี้ต่อสู้กับชาวตงหลิวในเป่ยไห่ เฮ่อยวนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าซ้ำๆ เมื่อรู้ว่าลูกสาวกับลูกเขยมีการกระทำที่กล้าหาญเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจยังนับว่าโชคดีมากที่ลูกสาวถูกรับเลี้ยงโดยตระกูลอิน ได้เติบโตขึ้นมาเป็นคนที่โดดเด่นเช่นนี้“คิดไม่ถึงว่าจะมีการต่อสู้ที่น่าสลดใจในเป่ยไห่ น่าเสียดายที่ในเวลานั้นอิ๋นเฉิงปิดผนึก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอก โชคดีที่ฉางเฟิงหลบออกไปได้ ในที่สุดก็ทำดีเพื่อราษฎรแล้ว”เย่จิ่งอวี้ประกบมือคำนับแล้วพูดว่า “ต้องขอบคุณพี่ชายที่ช่วยทำลายค่ายกลของตงหลิว ไม่เช่นนั้นอาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก”เฮ่อฉางเฟิงไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ข้าแค่ออกแรงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่การทำงานที่เป็นรูปธรรมทั้งหมดนี้ เป็นความดีความชอบของน้องเล็กกับน้องเขยทั้งนั้น”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเดินเข้ามาจากประตู แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อของเจ้าโทษตัวเองมาโดยตลอด คงไม
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นี่สิถึงจะดูเป็นพ่อคนหน่อย ชิงเสวียน ไปกันเถอะ ข้าเกรงว่าจ้าวเอ๋อร์จะเล่นจนเหนื่อยแล้ว”เด็กน้อยไม่มีความอดทนมากนัก หลังจากนั้นไม่นาน ดาบไม้และกระบี่ไม้ก็หมดความน่าดึงดูดใจ เมื่อได้ยินว่ากำลังจะไป ก็เงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจทันที“ลูกอยากออกไปเล่นข้างนอก”“ได้ ยายจะพาเจ้าออกไปนะ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า อินชิงเสวียนพยักหน้าให้เย่จิ่งอวี้ จากนั้นก็ออกไปก่อนข้างนอกมองเห็นแสงดาวแล้ว สายลมยามค่ำคืนอันเย็นสบายพัดผ่านร่างกาย ทำให้อินชิงเสวียนรู้สึกสบายใจนางหรี่ตาลง หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับกงซวินอวิ๋นเฟิ่งว่า “ขอบคุณท่านน้ากงซวินมากเจ้าค่ะ”กงซวินอวิ๋นเฟิ่งยิ้มอย่างสดใสแล้วพูดว่า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ข้าแค่ชอบความคึกคัก ที่เจ้ากับจิ่งอวี้พักอยู่ที่นี่ ข้ามีแต่จะดีใจด้วยซ้ำ พวกเจ้าเดินทางมาไกล ต้องอยู่พักนานๆ นะ หลังจากพ่อของเจ้าพบกับพี่หญิงเหมยแล้ว ข้าจะไปที่ตำหนักเทพด้วยตัวเอง ไปรับนางมาอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างแท้จริง”อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะถาม “ท่านน้ากงซวิน...ไม
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งกำชับอินชิงเสวียนอีกหลายคำ จากนั้นจึงเดินออกไปพร้อมกับสาวใช้หลังจากเดินไปได้หลายสิบก้าว กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็หยุดกะทันหันสาวใช้ถามด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ฮูหยินมีอะไรจะสั่งเจ้าคะ”เสียงของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งต่ำ“รีบแจ้งองครักษ์ในจวนทันที นำตัวป้าชุยมาหาข้า ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเป็นใคร กล้าแอบเข้ามาในอิ๋นเฉิงได้ จำไว้ว่าอย่าให้เจ้าเมืองรู้ เขาได้อยู่กับลูกชายกับลูกเขยทั้งที ให้เขาเพลิดเพลินเต็มที่เถิด”ในตอนท้ายของประโยค เสียงของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็กลับมานุ่มนวลดังเดิม“เจ้าค่ะ บ่าวจะไปทำเดี๋ยวนี้”สาวใช้ระดมพลยอดฝีมือในจวนอย่างเงียบๆ ใช้วิชาตัวเบาไปที่บ้านพักของฉีอวิ๋นจื่อ หลังจากเข้าไปในประตู ก็พบว่าห้องนั้นว่างเปล่าแล้วกงซวินอวิ๋นเฟิ่งกลับมาที่บ้านหอชิงเฟิง หลังจากฟังรายงานของสาวใช้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย“ดูเหมือนว่านางคือฉีอวิ๋นจื่อจริงๆ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่หนีไปเพราะกลัวความผิด สั่งให้ทุกคนค้นหาสายลับฉีอวิ๋นจื่อทั่วทั้งเมืองทันที”ทหารองครักษ์ทั้งหมดตอบรับพร้อมกัน แยกย้ายกันไปทุกทิศทุกทางกงซวินอวิ๋นเฟิ่งถอนหายใจและพูดกับสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ ว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็น
ฉีอวิ๋นจื่อไม่ใช่คนจากอิ๋นเฉิง ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับวรยุทธ์นี้มาก่อน แต่เนื่องจากมีกลไก มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอนในเวลานี้ นางเป็นเหมือนนักพนันที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่โต๊ะพนัน ไม่ว่าอะไรก็จะลองดูทุกทางแม้ว่าจะสามารถฟื้นฟูวรยุทธ์ได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ตราบใดที่สามารถกำจัดเหมยชิงเกอ ลูกสาวและลูกเขยของนาง ทำให้นางต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตได้ แม้ต้องตายก็ไม่เสียดายชีวิตสิ่งที่นางไม่ได้ครอบครอง นางจะปล่อยให้คนอื่นครอบครองได้อย่างไรนางกอดตำราเคล็ดวิชาลับแล้วนั่งลงบนพื้น ฉากทั้งหมดในอดีตก็ปรากฏขึ้นในหัวของนางเฮ่อยวนสวมชุดคลุมสีดำ สูงตระหง่านดั่งต้นหยกต้านลม ตัวเองยังอยู่ในวัยสาวสะพรั่ง งดงามจับใจ เมื่อยืนอยู่ข้างๆ เหมยชิงเกอก็ยังสวยสดไม่แพ้กันทั้งหมดนี้เป็นเพราะเหมยชิงเกอนังแพศยานั่นที่เชี่ยวชาญในเพลงพิณ ล่อลวงเฮ่อยวนด้วยเสียงขลุ่ย ในขณะที่ตัวเองฝึกฝนอย่างหนักตลอดทั้งวัน ทุ่มเทความคิดทั้งหมดให้กับวรยุทธ์ แต่กลับไม่เชี่ยวชาญทักษะใดเลยพวกเขาสองคนพูดคุยกันเรื่องเพลงพิณ ตัวเองก็ฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างเหมือนคนโง่ ไม่สามารถพูดแทรกอะไรได้เลย ในขณะนั้น ฉีอวิ๋นจื่อรู้สึกเกลียดมากจริงๆ
ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้ก็กลับมายังห้องพักแขกแล้วเช่นกันเมื่อเห็นอินชิงเสวียนยืนอยู่หน้าประตูพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ เย่จิ่งอวี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองย้อนกลับไปดู“มองอะไรอยู่”เย่จิ่งอวี้รู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ชอบกลิ่นสุรา ในระหว่างทางกลับ เขาได้ไล่ฤทธิ์สุราออกจากร่างกายอินชิงเสวียนขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าเพิ่งเห็นร่างที่สูงมากในชุดดำมุ่งหน้าไปที่นั่น สูงกว่าเจ็ดฉื่อ”เย่จิ่งอวี้ยืดนิ้วออก เกาจมูกของอินชิงเสวียนเบาๆ“มีคำกล่าวไว้ว่าบุรุษสูงเจ็ดฉื่อ นั่นเป็นเพียงคำบรรยายเกินจริงเท่านั้น ใครจะตัวสูงใหญ่ขนาดนั้นได้ล่ะ เสวียนเอ๋อร์ต้องตามัวแน่ๆ”ท้องฟ้ามืดมากแล้ว อินชิงเสวียนก็เห็นผ่านไปแวบๆ จึงไม่แน่ใจว่าเขาเป็นมนุษย์หรือไม่สามฉื่อเท่ากับหนึ่งเมตร และคนที่สูงเจ็ดฉื่อก็น่าจะสูงกว่าสองเมตร แม้แต่เย่จิ่งอวี้ก็ยังไม่สูงจนเกินจริงขนาดนั้นเมื่อครู่นี้กงซวินฮูหยินสั่งให้ติดตามตัวฉีอวิ๋นจื่อ บางทีองครักษ์ทั้งสองอาจเดินทางมาด้วยกัน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นางมองผิดว่าเป็นคนตัวใหญ่นางยักไหล่แล้วพูดว่า “อาอวี้พูดถูก บางทีข้าอาจจะดูผิด เข้ามาเร็วๆ ข้าจะชงชาแก้เมาให้”“ได้”เย่จิ่งอวี้เดินเข้ามาพร
ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่
ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป
เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป
ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ
“แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย
ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส
ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล
“ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ
เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง