ทั้งสองมองหน้ากัน นัยน์ตาฉายแววตกใจสุดขีดแม้ว่าจะมีการคาดเดากันมาก่อน แต่ถึงอย่างไรการคาดเดาและความจริงก็เป็นคนละเรื่องกัน คิดไม่ถึงว่าตู้เยี่ยนจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!ฉีอวิ๋นจื่อก็ตกใจเช่นกัน“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าคือตู้เยี่ยนใช่หรือไม่”ฉางเฮิ่นเทียนค่อยๆ ยกมือขึ้น ในพริบตาเดียว เขาก็ซัดฝ่ามือโจมตีออกไปหลายครั้งรูม่านตาของฉีอวิ๋นจื่อหดลงทันทีเพียวเหมี่ยวสิบแปดท่า!เคล็ดวิชาลับนี้มีเพียงเจ้าเมืองและรองเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงเท่านั้นถึงจะสามารถร่ำเรียนได้ บุคคลนี้ไม่อาจเป็นเพียงคนครัวธรรมดาฉีอวิ๋นจื่อมองขึ้นลงซ้ายและขวาอย่างพิจารณา“ถ้าเจ้าเป็นตู้เยี่ยน อย่างน้อยต้องมีอายุสี่สิบปี ทำไมถึงดูเด็กขนาดนี้”ฉางเฮิ่นเทียนพูดนิ่งๆ “ในเมื่อเจ้ารู้จักอิ๋นเฉิงเป็นอย่างดี เช่นนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือว่ามีวรยุทธ์ในอิ๋นเฉิง วิชานี้คือวิชาต้องห้ามอิ๋นเฉิง สามารถทำให้วิญญาณของคนออกจากร่าง และย้ายไปสู่ร่างใหม่ได้”สีหน้าของฉีอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไปอีกครั้งตอนที่นางอยู่ในอิ๋นเฉิงเคยได้ยินเรื่องศาสตร์วิชาที่ชั่วร้ายนี้เช่นกัน ได้ยินว่ามันถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์ หากคนผู้นี้คือตู้เยี่ยนจริงๆ ก
เมื่อได้ยินฉีอวิ๋นจื่อเอ่ยคำว่าแม่ เย่จิ่งอวี้จำต้องชักมือกลับ เพราะถึงอย่างไรที่นี่คือเขตพื้นที่ของเหมยชิงเกอ เขาไม่ต้องการทำให้อินชิงเสวียนกับแม่ของนางมีเรื่องบาดหมางกันเพราะเขาอินชิงเสวียนไม่สนใจคำพูดไร้สาระของฉีอวิ๋นจื่อโดยสิ้นเชิง กว่าจะจับตัวตู้เยี่ยนได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ฉะนั้นจึงต้องจัดการเขาให้ได้ในคราวเดียวฝังโลหิตที่อยู่ในตัวเย่จิ่งอวี้นั้น เป็นภัยคุกคามมาตั้งแต่ต้นจนจบนางหันหลังกลับ ผ่านร่างของฉีอวิ๋นจื่อไป และซัดฝ่ามือใส่ฉางเฮิ่นเทียนศาสตร์วิชาอันชั่วร้ายเช่นนี้ ต้องไม่ให้เผยแพร่ไปทั่วโลกเด็ดขาดในเวลาเดียวกันฉีอวิ๋นจื่อก็ใช้ฝ่ามือโจมตีไปยังอินชิงเสวียน วิชาฝังโลหิตสามารถแยกตัวออกจากพันธนาการของกายเนื้อร่างเดิมได้ ศาสตร์ที่ท้าทายสวรรค์เช่นนี้ ผู้ใดบ้างจะไม่อยากครอบครอง หากสามารถเรียนรู้ศาสตร์นี้ได้ เช่นนี้ก็จะสามารถออกจากร่างเดิมได้ และเป็นไปไม่ได้ที่เฮ่อยวนจะไม่ชอบร่างกายในวัยที่อ่อนเยาว์กว่าเย่จิ่งอวี้ไม่มีทางยอมให้อินชิงเสวียนได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ขยับมือทำท่าดัชนีกระบี่ ชี้ไปที่หลังคอของฉีอวิ๋นจื่อฉีอวิ๋นจื่อพร้อมที่จะโจมตีอย่างรุนแรงเพื่อหยุดอินชิง
ฉีอวิ๋นจื่อถอนหายใจพูดว่า “แม่นางอิน เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ข้าจะอยากครอบครองวรยุทธ์ที่แสนชั่วร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร ที่ทำเพราะไม่อยากทำให้มือของเจ้าสกปรกจริงๆ”ฉุยอวี้ถามด้วยความประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”อินชิงเสวียนกล่าวอย่างเย็นชา “เกรงว่าพวกท่านยังไม่ทราบตัวตนที่แท้จริงของฉางเฮิ่นเทียนกระมัง แซ่เดิมของเขาคือตู้ และชื่อเดียวคือเยี่ยน บุคคลนี้ฝึกฝนศาสตร์ชั่วร้าย ศาสตร์นี้มีผลทำให้คนหลุดพ้นจากกายเนื้อเดิมย้ายไปร่างกายใหม่ บรรลุชีวิตนิรันดร์ ย้อนกลับไปตอนที่อยู่เป่ยไห่ เราเห็นเขาตายอย่างอนาถด้วยตาของเราเอง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้ศาสตร์จักจั่นลอกคราบนี้ และกลายเป็นฉางเฮิ่นเทียนในวันนี้”เหมยชิงเกอขมวดคิ้วเล็กน้อย“ตู้เยี่ยน? ฉางเฮิ่นเทียน...เขาเป็นรองเจ้าเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง? เป็นไปได้อย่างไร ตู้เยี่ยนตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้วไม่ใช่หรือ”อินชิงเสวียนดูตกตะลึงเล็กน้อย“เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง? เขามาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง?”เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้ก็หรี่ลงเล็กน้อยเขารู้เพียงว่าครั้งหนึ่งตู้เยี่ยนเคยเป็นราชครูอยู่ในวังหลวง จากนั้นได้เข้าไปในหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ ทำไม
อินชิงเสวียนพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจว่า “เป็นข้าที่ประมาทเอง เมื่อท่านยังถูกควบคุมด้วยกลิ่นเลือดได้ นั่นหมายความว่าตู้เยี่ยนยังไม่ตาย เราต้องตามหาเขาให้เจอโดยเร็ว อย่าปล่อยให้เขาทำร้ายใครอีกเด็ดขาด”“อืม”เย่จิ่งอวี้พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมเหมยชิงเกอจึงกล่าวตามมาอีกว่า “ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นในตำหนักเทพ ตำหนักเทพจะต้องรับผิดชอบจนถึงที่สุดด้วย”นางหันหน้ามาพูดกับเฟิงเอ้อร์เหนียงว่า “รีบไปเรียกศิษย์ในตำหนักเทพทันที พยายามค้นหาที่อยู่ของฉางเฮิ่นเทียนอย่างเต็มกำลัง เมื่อมีข่าว ให้รายงานกลับทันที”“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ลาก่อน”อินชิงเสวียนประกบมือคำนับเหมยชิงเกอ ครั้นแล้วก็จูงมือเย่จิ่งอวี้ลงมาจากภูเขาเหมยชิงเกอก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และยืนนิ่งงันอยู่ตรงนั้นวิธีเดียวที่จะสงบความโกรธของชิงเสวียนได้คือการตามหาฉางเฮิ่นเทียน มิฉะนั้นนางอาจจะไม่ให้อภัยตัวเองนางถอนหายใจหนัก จากนั้นเหมยชิงเกอหันกลับมาด้วยสีหน้าโดดเดี่ยว“เรากลับกันเถอะ!”ฉุยอวี้พูดด้วยความรู้สึกผิด “ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ว่าฉางเฮิ่นเทียนคือตู้เยี่ยน ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่มีวันเก็บเขาไว้”เหมยชิงเกอหยุดชั่วคราวและพูดว่า “เรื่อง
เมื่ออินชิงเสวียนสองสามีภรรยามาถึงเชิงเขา ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างเป็นสีขาวเงินแล้วท่ามกลางแสงสลัวยามเช้า ชาวบ้านหลายคนได้เดินทางไปตลาดโดยถือผัก ไข่ และสิ่งของอื่นๆ ที่ตนเองปลูกไว้ เพื่อนำไปแลกกับของใช้ในครัวเรือน หรือขายเป็นเงินเล็กๆ น้อยๆที่ด้านหน้าของอิ๋นเฉิง ยิ่งมีคนจำนวนมากที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่รอรับการรักษาพยาบาล ผู้อาวุโสของอิ๋นเฉิงที่เส้นผมหงอกขาวหลายคนนั่งอยู่หลังโต๊ะเล็กๆ และเริ่มทำการตรวจรักษาแม้ว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้ต้องเผชิญกับชาวบ้านที่ตรวจรักษาได้ยาก ก็ไม่เบื่อหน่ายแม้แต่น้อย ยังสอบถามอย่างละเอียดรอบคอบเด็กผู้ช่วยเตรียมยาที่อยู่ข้างหลังได้จัดเรียงสมุนไพรเป็นหมวดหมู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แจกจ่ายให้กับคนที่อยู่ข้างหลังตามอาการของพวกเขาอย่างเป็นระบบระเบียบท่ามกลางการต่อแถวอันยาวเหยียดนี้ ยังมีคนวัยหนุ่มสองคนปะปนมาด้วยผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าหน้าตาหล่อเหลา เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อนที่ให้อารมณ์ร่าเริง มีไฝสีแดงระหว่างคิ้วดูโดดเด่นเป็นพิเศษ เพิ่มความเย้ายวนใจให้กับใบหน้าอันหล่อเหลาดวงนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเขาแต่งต
“ขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”หวังซุ่นค้อมกายลงต่ำที่สุดอินชิงเสวียนมีของล้ำค่าไม่เคยขาด ถึงตอนนั้นขายความน่าสงสารสักหน่อย ต้องขออะไรได้อย่างแน่นอนหวังซุ่นขานตอบ แล้วรีบวิ่งไปที่เมือง เขาพอจะจำที่พักชั่วคราวของเย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนได้อยู่ในเวลานี้ เย่จิ่งอวี้และอินชิงเสวียนก็กลับมาที่เรือนเล็กแล้วเช่นกันเฉิงเฟิ่งโหลวกำลังทำความสะอาดลานบ้าน เดิมทีคิดว่าคุณชายและนายหญิงยังหลับอยู่ เขาจึงไม่กล้าส่งเสียงดังมาก แต่เมื่อเห็นทั้งสองเข้ามาจากข้างนอก ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเล็กน้อย“คุณชาย นายหญิง พวกท่านออกไปข้างนอกงั้นหรือ”อินชิงเสวียนยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนเช้าอากาศดี ข้าก็เลยไปเดินเล่นที่เชิงเขาน่ะ”เฉิงเฟิ่งโหลวอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ห้อง คุณชายกับนายหญิงทิ้งคุณชายน้อยไว้ข้างหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไว้วางใจในตัวเขา จึงรู้สึกซาบซึ้งในใจ โดยที่หารู้ไม่ว่าแท้ที่จริงแล้วเสี่ยวหนานเฟิงไม่ได้อยู่ในห้องเลย หากแต่ในมิติของอินชิงเสวียน“เจ้าไม่จำเป็นต้องเกร็งเกินไป ถือว่าเป็นบ้านของเจ้าเองก็พอ ข้าจะไปทำของกินหน่อย”อินชิงเสวียนพูดด้วยเสียงอ่อนโยนแล้วเดินไปที่ห้อง แต่กลับได้ยินใครบางคนอยู่
หวังซุ่นพยักหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “บ่าวรู้ บ่าวจะพานายท่านทั้งสองไปเดี๋ยวนี้”เย่จิ่งอวี้ยื่นมือออกไปหิ้วร่างหวังซุ่น พูดสั้นๆ อย่างกระชับ“ชี้ทางให้ด้วย”หลังจากนั้นอีกสิบห้านาที ทั้งสามคนก็มาถึงปากหุบเขาที่ซ่อนอยู่หวังซุ่นชี้ไปทางนั้นแล้วพูดว่า “ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อยู่ที่ปลายหุบเขา แต่ที่นี่มีการติดตั้งค่ายกลไว้ ไม่ทราบว่านายท่านทั้งสองจะทำลายได้หรือไม่”“ค่ายกล?”อินชิงเสวียนมองไปข้างหน้า เส้นทางเล็กๆ ที่คดเคี้ยว มีดอกไม้แปลกตามากมายและต้นไม้โบราณที่เติบโตทั้งสองข้างทาง ทุกสิ่งดูม่ต่างจากหุบเขาธรรมดา แล้วจะมีค่ายกลได้อย่างไร“เจ้าแน่ใจหรือ”นางหันไปมองหวังซุ่นหวังซุ่นพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว“มั่นใจและแน่ใจมาก วันนั้นเราได้ติดตามเจ้าเมืองแห่งอิ๋นเฉิงมา เขาเดินไปตามถนนทางเดินนี้จริง เพียงแต่ว่าสมองของบ่าวไม่ดี จำไม่ได้ว่าเขาเดินไปในเส้นทางไหน”อินชิงเสวียนมองดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นทางเข้าประตูใดๆ นางจึงเตะหินเข้าไปในหุบเขาทันทีที่หินตกลงสู่พื้น มีเสียงระเบิดในอากาศ กระบี่ยาวหลายร้อยเล่มก็ตกลงมาจากความว่างเปล่า และทั้งหมดล้วนกระทบกับก้อนหิน หลังจา
จู่ๆ ใบหน้าของตู้เยี่ยนก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำขึ้นหลายส่วน“เจ้าไม่รู้วิธีเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จริงๆ หรือ”“ไร้สาระ ถ้ารู้ยังต้องถามเจ้าอีกหรือ”เย่จิ่งหลานสะบัดก้นบุหรี่ในมือทิ้ง และตกลงบนหน้าอกของตู้เยี่ยนพอดี ตู้เยี่ยนหยิบก้นบุหรี่ออกไปโดยไม่รู้ตัว และการเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้ ทำให้เขาครางเบาๆ ด้วยความเจ็บปวดนี่เป็นความเจ็บปวดที่ทนไม่ไหว แทงทะลุหัวใจจากภายในสู่ภายนอก เมื่อคิดถึงใบมีดขนาดใหญ่ที่เปล่งประกายด้วยพลังงานสีดำ ตู้เยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้านสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ ทำไมมันถึงมีพลังมากมายมหาศาลขนาดนี้ หากเจ้าใช้สิ่งนั้นแยกก้อนหินที่อยู่ตรงหน้า มันจะมีพลังทำลายล้างด้วยหรือไม่คนชั่วก็คือคนชั่ว แม้ว่าต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ก็ยังคิดหาทางจนได้เขากัดฟันพูดอย่างยากลำบาก “ข้าก็ไม่รู้ ถ้ารู้ คงเข้าไปนานแล้ว”เย่จิ่งหลานไม่แปลกใจเลย เขาเหลือบมองตู้เยี่ยนแล้วถามช้าๆ “งั้นบอกข้ามาว่ามีอะไรอยู่ในนั้น”ตู้เยี่ยนหลับตา มุมปากกระตุกเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด“ข้าไม่รู้ ทุกอย่างมาจากปากของคนรุ่นก่อน บางคนบอกว่าเป็นเคล็ดวิชาลับวรยุทธ์ บางคนบอกว่ามีสมบัติมากมายจนใ