หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ ประตูหินหนักๆ ของห้องโถงจื่อชี่ตงไหลก็ถูกปิดทันทีเสียงดังก้องแว่วกระทบโสตประสาท อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงลางร้ายในใจนางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรดวงตาของเย่จิ่งหลานมองกวาดไปที่ประตูหินที่ปิดอยู่ ใบหน้าอันหล่อเหลามืดลงเช่นกันอาคันตุกะทุกคนมองไปที่อินชิงเสวียน แววตาลุกโชนมีคนพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางอินที่อายุไม่มาก จะมีพลังมหัศจรรย์ขนาดนี้ ไร้มารยาทแล้ว!”“ใช่ หากได้รับของวิเศษนี้ ตำหนักเทพหอทองคำของเราจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ในเวลานั้น ก็สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ร่วมกันได้”“ใช่แล้ว เจ้าเมืองอิ๋นเฉิงเป็นคนธรรมดา ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อยู่ที่อิ๋นเฉิงมาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย และไม่มีใครเข้าใจมันได้ คนจากตำหนักเทพมีความสามารถเป็นเท่าตัว หากสามารถได้สิทธิ์เป็นเจ้าของทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ต้องทำให้ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั้นเปิดกว้างรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน”ทุกคนพูดซุบซุบ ท่าทางกระตือรือร้นบ้าคลั่งเมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วอีกครั้งคนเหล่านี้เป็นเหมือนนักพนันที่บ้าคลั่ง ในสายตาของพวกเขา นางก็เป็นเห
หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ หางเสียงก็อ่อนลงอีกครั้ง“ที่ข้าต้องทำเช่นนี้ก็เพราะข้าไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อประโยชน์ของชาวยุทธ์ในใต้หล้า ขอแม่นางอินโปรดมอบน้ำพุวิญญาณ ช่วยให้เราเลื่อนขั้นกำลังภายในด้วย”อาคันตุกะทั้งหลายต่างกล่าวอย่างเห็นพ้องต้องกัน “ถูกต้อง หวังว่าแม่นางอินจะไม่เห็นแก่ตัว”“หากได้รับทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ก็สามารถปกป้องทางแห่งความถูกต้อง และต่อต้านศัตรูภายนอกได้”“หากมีวิชาแพทย์อันล้ำค่าอยู่ในนั้น ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเราด้วยซ้ำ”“ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จำต้องเปิด ขอแม่นางช่วยให้สมหวังด้วย”เมื่อมองดูสายตาอันเร่งรัดของคนเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ“พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในทางสู่วิถีแห่งสวรรค์”อาคันตุกะคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีใครเคยเข้าสู่ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ว่ากันว่าภายในมีสิ่งต่างๆ อันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย คราวนี้ตำหนักเทพจะต้องชนะอย่างแน่นอน”เย่จิ่งหลานกลอกตามองบน“ในเมื่อต้องการ ก็ใช้ความสามารถของตัวเองไขว่คว้ามาเองสิ การยืมแรงคนอื่นจะเรียกว่าเป็นความสามารถได้อย่างไร”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “กล่าวเช่นนั้นไม่ถูกต้อง ตร
อินชิงเสวียนโบกมือเรียกพิณการเวก พูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้ว”นางรู้ว่าวันนี้คงทำตัวเป็นคนใจดีได้ยาก ดังนั้นจึงเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วขณะที่ผู้อาวุโสหันและเย่จิ่งหลานกำลังต่อสู้กัน นางได้ดูดซับพลังของทุกคนในห้องโถงนี้แล้ว ในขณะที่เฝ้าดูการต่อสู้ ก็ทำการแปลงพลังเสร็จแล้ว พลังแห่งมิติก็เปิดใช้งานทันที เพียงแตะปลายเท้าเบาๆ ร่างนั้นก็เหาะขึ้นไปแล้วเสียงพิณอันไพเราะลอยแผ่วออกมาจากปลายนิ้ว และทันใดนั้นเสียงก็เปลี่ยนไปอย่างเร่งด่วน ราวกับฝนที่ตกหนักพรั่งพรูออกมา สะท้านพาใจให้สั่น เลือดลมพลันเดือดพล่านเพลงหมื่นกระบี่เศษดาราเป็นเพลงโจมตีขั้นสูงสุดที่ใช้สำหรับการโจมตีแบบหมู่ วันนั้นในเป่ยไห่ หลายสำนักต่างมุ่งความสนใจมาที่เครื่องดนตรีนี้ ตอนนี้มันถูกใช้ที่นี่ ซึ่งยังคงทรงพลังเป็นอย่างยิ่งอาคันตุกะสับสนวุ่นวายใจกับเสียงพิณ กัวฉางผิงใจร้อนอยากได้น้ำพุวิญญาณมาเร็วๆวๆ็วๆ อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดัง“พิณตัวนี้มีบางอย่างแปลกๆ แย่งพิณมา!”อาคันตุกะหลายคนเห็นต้นสายปลายเหตุแล้ว ต่างลงมือโจมตีไปยังอินชิงเสวียนเย่จิ่งหลานรู้สึกวิตกกังวล แต่ถูกผู้อาวุโสหันควบคุมไว้ จึงไม่สามารถช่วยเหลื
“เชดดดดดด อาเจ๊ ของแบบนี้เจ้ายังเอาออกมาได้นะ”เย่จิ่งหลานหลับตาลงครู่หนึ่ง แต่ยังคงถูกระเบิดแสงสะท้อนใส่เสียงพิณในมือของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป มันฉับพลันแหลมคมบาดแก้วหู ซึ่งเพลงที่เล่นคือเพลงที่ส่งผลรายบุคคลขั้นสุดยอด ซึ่งก็คือเพลงหยกรัตติกาลเซี่ยเฉียนคุนอยู่ใกล้กับอินชิงเสวียนมากที่สุด และเป็นคนแรกที่ได้ทนกับความแรงนี้ เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกแทงด้วยมีดคมๆ เป็นความเจ็บปวดเฉียบพลัน เขาร้องเฮือกในทันใด และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เกาเย่และกัวฉางผิงซึ่งเป็นสหายของเขาต่างตะโกนพร้อมกัน“เหล่าเซี่ย!”พวกเขาสองคนตาบอดชั่วคราวจากระเบิดแสง มองไม่เห็นใครเลย จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว ทิศทางการโจมตีหยกรัตติกาลเปลี่ยนไป เกาเย่ก็ส่งเสียงร้องเฮือก มุมปากมีเลือดแดงก่ำไหลออกมาจากนั้นกัวฉางผิงและอาคันตุกะอีกคนก็ร้องตามมาติดๆมีคนตะโกนว่า “ถอยเร็ว มีบางอย่างแปลกๆ”อย่างไรก็ตามประตูถูกปิดตายตามคำสั่งของผู้อาวุโสหัน ไม่มีใครสามารถออกไปได้ไม่นาน ช่วงเวลาอันมืดมนก็ผ่านไปสามสิบวินาที วิสัยทัศน์ของทุกคนก็เริ่มชัดเจนพลังมิติของอินชิงเสวียนก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกันตอนแรกคิดว่าผ่านไปแค่สิบก
ในที่ห้องโถงหินทั้งหมด เวลานี้เหลือเพียงอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานเท่านั้น“วิ่งหนีกันไปหมดแล้ว ไม่ใช่นักรบจริงๆ นี่นา”เย่จิ่งหลานถ่มน้ำลาย อินชิงเสวียนก็หันกลับมาใบมีดยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หันคมไปทางเย่จิ่งหลานทันทีเย่จิ่งหลานตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบ“ยัยบ้า ยังไม่รีบเก็บสิ่งวิเศษของเจ้าไปอีก!”อินชิงเสวียนพูดล้อๆ “เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่หรือ”เย่จิ่งหลานเอามือปิดปากแล้วไอแห้งๆ “อร่อยไม่เท่าเกี๊ยว สนุกไม่เท่าเล่นพี่สะ...แค่กๆ ตามความอาวุโสแล้ว ข้าเรียกเจ้าพี่สะใภ้ก็ถูกต้องแล้ว เร็วเข้าเถอะ ของเล่นของเจ้าน่ากลัวเกินไป ข้ายังไม่อยากตาย”เย่จิ่งหลานมองใบมีดสีดำด้วยความอิจฉาและริษยาในมิติของเขา แม้ว่าเขาอยู่ในนั้นจะไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่เจ๋งเท่าอินชิงเสวียน แง่มๆ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม่งเอ๊ย เป็นมิติเหมือนกันยังแตกต่างกันอีกอินชิงเสวียนนึกในใจ ใบมีดสีดำขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ หายไปนางรู้สึกเสียดายเหมือนกัน สิ่งที่ร้ายกาจขนาดนี้ ต้องรอถึงสามวันกว่าจะใช้ได้สักครั้ง ถ้าสามารถใช้ได้ตามต้องการ มิเท่ากับไร้เทียมทานแล้วหรอกหรือนอกจากนี้ยังมีมิติถึงขั้นสูงสุดนั่นอีก
เมื่อเย่จิ่งหลานพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็นึกถึงนักพรตเต๋าเกล้าผมเหมือนจมูกวัวสองคนนั้นอีกครั้ง“สาวน้อย เจ้าเคยได้ยินเรื่องศิลาตอบสวรรค์บ้างไหม”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ไม่เคยได้ยินมาก่อน คืออะไรหรือ”ดวงตาของเย่จิ่งหลานไหววูบแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ระหว่างทางกลับมาได้ยินนักพรตเต๋าตัวเหม็นพูดถึงเรื่องนี้ บอกว่ามันสามารถทดสอบความดีและความชั่วของมนุษย์ได้ ฟังดูลึกลับพิสดารมาก”“มีของแบบนี้ด้วยหรือ เป็นเครื่องจับเท็จโบราณหรือเปล่า”อินชิงเสวียนเริ่มสนใจใคร่รู้“เก่งกาจกว่าเครื่องจับเท็จอีก เมื่อใดที่สิ่งนั้นแยกแยะระหว่างความดีและความชั่วได้ ก็จะส่งพวกคนที่เกล้าผมเหมือนจมูกวัวออกมาไล่ล่า”ทันทีที่เย่จิ่งหลานพูดจบ ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่คลุมเครือคิ้วงามขมวดเล็กน้อย กำลังจะบอกเย่จิ่งหลาน แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสายลมเหนือศีรษะดังขึ้นแปลกๆ อินชิงเสวียนถ่ายทอดกำลังภายใน ยกฝ่ามือขึ้นซัดออกไปเร็วปรื๋อ คนผู้นั้นไม่ได้เผชิญหน้ากับอินชิงเสวียนโดยตรง แต่หลบเลี่ยงไป เขาเป็นเหมือนขนนกไร้น้ำหนัก ยืนอยู่บนกิ่งไม้หนาเท่ากับนิ้วด้วยเท้าข้างเดียวกิ่งก้านไม่ขยับเลย ซึ่งแสดง
“ปล่อยตัวโคตรพ่อเจ้าน่ะสิ ข้ายังไม่ได้ฆ่าคนก็มาว่าฆ่าคน เอาความผิดมาจากไหน ขืนพวกเจ้ายังบีบบังคับกันอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”เขาทำมือประสานอิน ครั้นแล้วร่างนั้นก็เคลื่อนตัวไปอยู่ต่อหน้านักพรตเต๋าทันที เมื่อพลิกมือ ก็เกิดเป็นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอานุภาพอินชิงเสวียนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ พยายามฟังด้วยความสับสน จากนั้นยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ช้าก่อน ท่านนักพรตเข้าใจผิดหรือเปล่า เพื่อนของข้าไม่ใช่ผู้ที่จะทำบาปมหันต์มั่วซั่วแน่นอน ท่านนักพรตจำคนผิดแล้วกระมัง”นักพรตเต๋าหลบเลี่ยงการโจมตีที่น่าตกใจของเย่จิ่งหลาน พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “หว่างคิ้วของเขาปรากฏชาดแห่งบาปแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดแน่”ชาดแห่งบาป?เป็นคำใหม่อีกแล้ว อินชิงเสวียนอึ้งไปอีกครั้งชาดก็คือสีแดง หรือจะเป็นไฝสีแดงที่หว่างคิ้วของเย่จิ่งหลานนั่น?หรือว่าเขาทำบาปมหันต์จริงๆ?สถานที่ที่เขาไปนั้นก็อยู่ที่ตงหลิวเท่านั้น ถึงเข่นฆ่าสังผีแคระเหล่านั้นไป ก็ไม่น่าเสียดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ผู้ที่ลงมือสังหารจริงๆ เป็นศิษย์ของสำนักหลักต่างๆ เหตุใดนักพรตเต๋าจึงไม่ไปหาพวกเขา แต่กลับยืนยันตัวว่าเป็นเย่จิ่งหลานแทน เรื่องนี้ช
“สาวน้อย เจ้าคงไม่ได้เชื่อคำพูดบ้าๆ ของนักพรตเต๋าเหม็นเน่านั่นใช่ไหม”เย่จิ่งหลานกลอกตา ความโกรธในดวงตาก็บรรเทาลงอินชิงเสวียนกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างแปลก ในเมื่อเจ้าไม่ได้ฆ่าใคร ทำไมเขาจึงยืนยันมั่นใจว่าเป็นเจ้านัก ในนี้มีความเข้าใจผิดหรือไม่”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหึๆ และพูดว่า “ความเข้าใจผิดบ้าบอน่ะสิ พวกเกล้าผมเหมือนจมูกวัวพวกนั้นไม่มีเหตุผลเลย”ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง“เจ้าไม่มีอะไรจะปิดบังข้าจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างหมดคำบรรยาย “เรื่องที่ข้าเดินทางไปตงหลิว ทั้งฮวาเชียนและหวังซุ่นต่างก็รู้เรื่องดี หากไม่เชื่อเจ้าก็ไปถามพวกเขาได้”อินชิงเสวียนย่อมไม่อยากมีความขัดแย้งภายในกับเขาอยู่แล้ว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่น่าสงสัย”ดวงตาของเย่จิ่งหลานเบิกกว้าง“ก็ไม่แปลกหรอก ถ้าทำให้ข้าโกรธนักจะตบพวกเกล้าผมเหมือนจมูกวัวสองคนที่อยู่ในมิติซะ”อินชิงเสวียนพูดโดยเร็ว “เจ้าอย่าบุ่มบ่าม คราวหน้าถ้าเจอเขาอีก พวกเราก็ค่อยๆ คุยกับเขาดีๆ”“ไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน พวกเรามาหารือกันเรื่องตำหนักเทพก่อนเถอะ ถ้าตาแก่หนังเหนี