แชร์

บทที่ 1139 นิสัยของลิ่นเซียว

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอินชิงเสวียน เหมยชิงเกอจึงถามอย่างกังวล “มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า พลังของข้าฟื้นตัวพอควรแล้ว หากแม่นางมีปัญหาที่แก้ไม่ตก ข้าสามารถออกไปช่วยเจ้าได้”

อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ผู้อาวุโสถูกขังอยู่ในผาเฟิงเริ่นมาเป็นเวลานาน หากต้องการที่จะฟื้นฟูสู่จุดสูงสุด เกรงว่าจะต้องใช้เวลาพอสมควร ท่านพักผ่อนที่นี่บำเพ็ญตนอยู่ก่อนได้ หากมีวันหนึ่งโค่นล้มผู้อาวุโสหันได้แล้ว ยังต้องให้ผู้อาวุโสรับผิดชอบสถานการณ์โดยรวม”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เหมยชิงเกอก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

“ภายนอกผู้อาวุโสหันดูไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ความจริงมีจิตใจที่ชั่วร้าย หากเจ้าต่อสู้กับเขา เจ้าจะต้องระมัดระวังมากขึ้นเป็นเท่าตัว”

“ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวล ข้ายังมีที่มิติ พวกเขาทำอะไรข้าไม่ได้ ต้องขอตัวแล้ว”

อินชิงเสวียนอุ้มลูกชายขึ้นมาหอมแก้มหลายฟอด จากนั้นออกจากมิติ ตรงไปยังที่พักของลิ่นเซียว

ลิ่นเซียวกำลังนั่งขัดสมาธิฝึกพลังในถ้ำ มีพลังปราณที่ไร้รูปร่างวนเวียนอยู่รอบตัว ทันทีที่ไปถึงประตู อินชิงเสวียนรู้สึกถึงพลังกดดันอย่างรุนแรง

สมแล้วที่เป็นผู้อาวุโสในยุทธจักร มีพลังกดดันอันน่าเกรงขาม

อินชิงเสวี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1140 เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง

    หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ ประตูหินหนักๆ ของห้องโถงจื่อชี่ตงไหลก็ถูกปิดทันทีเสียงดังก้องแว่วกระทบโสตประสาท อินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงลางร้ายในใจนางขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไรดวงตาของเย่จิ่งหลานมองกวาดไปที่ประตูหินที่ปิดอยู่ ใบหน้าอันหล่อเหลามืดลงเช่นกันอาคันตุกะทุกคนมองไปที่อินชิงเสวียน แววตาลุกโชนมีคนพูดว่า “คิดไม่ถึงว่าแม่นางอินที่อายุไม่มาก จะมีพลังมหัศจรรย์ขนาดนี้ ไร้มารยาทแล้ว!”“ใช่ หากได้รับของวิเศษนี้ ตำหนักเทพหอทองคำของเราจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน ในเวลานั้น ก็สามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ร่วมกันได้”“ใช่แล้ว เจ้าเมืองอิ๋นเฉิงเป็นคนธรรมดา ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์อยู่ที่อิ๋นเฉิงมาหลายปีแล้ว แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย และไม่มีใครเข้าใจมันได้ คนจากตำหนักเทพมีความสามารถเป็นเท่าตัว หากสามารถได้สิทธิ์เป็นเจ้าของทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ต้องทำให้ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์นั้นเปิดกว้างรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน”ทุกคนพูดซุบซุบ ท่าทางกระตือรือร้นบ้าคลั่งเมื่อเห็นท่าทางของพวกเขา อินชิงเสวียนก็ขมวดคิ้วอีกครั้งคนเหล่านี้เป็นเหมือนนักพนันที่บ้าคลั่ง ในสายตาของพวกเขา นางก็เป็นเห

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1141 วีรบุรุษถือกำเนิดตั้งแต่เยาว์วัย

    หลังจากที่ผู้อาวุโสหันพูดจบ หางเสียงก็อ่อนลงอีกครั้ง“ที่ข้าต้องทำเช่นนี้ก็เพราะข้าไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อประโยชน์ของชาวยุทธ์ในใต้หล้า ขอแม่นางอินโปรดมอบน้ำพุวิญญาณ ช่วยให้เราเลื่อนขั้นกำลังภายในด้วย”อาคันตุกะทั้งหลายต่างกล่าวอย่างเห็นพ้องต้องกัน “ถูกต้อง หวังว่าแม่นางอินจะไม่เห็นแก่ตัว”“หากได้รับทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ก็สามารถปกป้องทางแห่งความถูกต้อง และต่อต้านศัตรูภายนอกได้”“หากมีวิชาแพทย์อันล้ำค่าอยู่ในนั้น ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายเราด้วยซ้ำ”“ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์จำต้องเปิด ขอแม่นางช่วยให้สมหวังด้วย”เมื่อมองดูสายตาอันเร่งรัดของคนเหล่านี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ“พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่ามีอะไรอยู่ในทางสู่วิถีแห่งสวรรค์”อาคันตุกะคนหนึ่งกล่าวว่า “ไม่มีใครเคยเข้าสู่ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ ว่ากันว่าภายในมีสิ่งต่างๆ อันน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย คราวนี้ตำหนักเทพจะต้องชนะอย่างแน่นอน”เย่จิ่งหลานกลอกตามองบน“ในเมื่อต้องการ ก็ใช้ความสามารถของตัวเองไขว่คว้ามาเองสิ การยืมแรงคนอื่นจะเรียกว่าเป็นความสามารถได้อย่างไร”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “กล่าวเช่นนั้นไม่ถูกต้อง ตร

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1142 ความคิดฉับพลัน

    อินชิงเสวียนโบกมือเรียกพิณการเวก พูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้ว”นางรู้ว่าวันนี้คงทำตัวเป็นคนใจดีได้ยาก ดังนั้นจึงเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วขณะที่ผู้อาวุโสหันและเย่จิ่งหลานกำลังต่อสู้กัน นางได้ดูดซับพลังของทุกคนในห้องโถงนี้แล้ว ในขณะที่เฝ้าดูการต่อสู้ ก็ทำการแปลงพลังเสร็จแล้ว พลังแห่งมิติก็เปิดใช้งานทันที เพียงแตะปลายเท้าเบาๆ ร่างนั้นก็เหาะขึ้นไปแล้วเสียงพิณอันไพเราะลอยแผ่วออกมาจากปลายนิ้ว และทันใดนั้นเสียงก็เปลี่ยนไปอย่างเร่งด่วน ราวกับฝนที่ตกหนักพรั่งพรูออกมา สะท้านพาใจให้สั่น เลือดลมพลันเดือดพล่านเพลงหมื่นกระบี่เศษดาราเป็นเพลงโจมตีขั้นสูงสุดที่ใช้สำหรับการโจมตีแบบหมู่ วันนั้นในเป่ยไห่ หลายสำนักต่างมุ่งความสนใจมาที่เครื่องดนตรีนี้ ตอนนี้มันถูกใช้ที่นี่ ซึ่งยังคงทรงพลังเป็นอย่างยิ่งอาคันตุกะสับสนวุ่นวายใจกับเสียงพิณ กัวฉางผิงใจร้อนอยากได้น้ำพุวิญญาณมาเร็วๆวๆ็วๆ อดไม่ได้ที่จะตะโกนเสียงดัง“พิณตัวนี้มีบางอย่างแปลกๆ แย่งพิณมา!”อาคันตุกะหลายคนเห็นต้นสายปลายเหตุแล้ว ต่างลงมือโจมตีไปยังอินชิงเสวียนเย่จิ่งหลานรู้สึกวิตกกังวล แต่ถูกผู้อาวุโสหันควบคุมไว้ จึงไม่สามารถช่วยเหลื

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1143 ใบมีดแห่งมิติ

    “เชดดดดดด อาเจ๊ ของแบบนี้เจ้ายังเอาออกมาได้นะ”เย่จิ่งหลานหลับตาลงครู่หนึ่ง แต่ยังคงถูกระเบิดแสงสะท้อนใส่เสียงพิณในมือของอินชิงเสวียนเปลี่ยนไป มันฉับพลันแหลมคมบาดแก้วหู ซึ่งเพลงที่เล่นคือเพลงที่ส่งผลรายบุคคลขั้นสุดยอด ซึ่งก็คือเพลงหยกรัตติกาลเซี่ยเฉียนคุนอยู่ใกล้กับอินชิงเสวียนมากที่สุด และเป็นคนแรกที่ได้ทนกับความแรงนี้ เขารู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกแทงด้วยมีดคมๆ เป็นความเจ็บปวดเฉียบพลัน เขาร้องเฮือกในทันใด และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก เกาเย่และกัวฉางผิงซึ่งเป็นสหายของเขาต่างตะโกนพร้อมกัน“เหล่าเซี่ย!”พวกเขาสองคนตาบอดชั่วคราวจากระเบิดแสง มองไม่เห็นใครเลย จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวมั่วซั่ว ทิศทางการโจมตีหยกรัตติกาลเปลี่ยนไป เกาเย่ก็ส่งเสียงร้องเฮือก มุมปากมีเลือดแดงก่ำไหลออกมาจากนั้นกัวฉางผิงและอาคันตุกะอีกคนก็ร้องตามมาติดๆมีคนตะโกนว่า “ถอยเร็ว มีบางอย่างแปลกๆ”อย่างไรก็ตามประตูถูกปิดตายตามคำสั่งของผู้อาวุโสหัน ไม่มีใครสามารถออกไปได้ไม่นาน ช่วงเวลาอันมืดมนก็ผ่านไปสามสิบวินาที วิสัยทัศน์ของทุกคนก็เริ่มชัดเจนพลังมิติของอินชิงเสวียนก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกันตอนแรกคิดว่าผ่านไปแค่สิบก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1144 อร่อยไม่เท่าเกี๊ยว

    ในที่ห้องโถงหินทั้งหมด เวลานี้เหลือเพียงอินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานเท่านั้น“วิ่งหนีกันไปหมดแล้ว ไม่ใช่นักรบจริงๆ นี่นา”เย่จิ่งหลานถ่มน้ำลาย อินชิงเสวียนก็หันกลับมาใบมีดยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็หันคมไปทางเย่จิ่งหลานทันทีเย่จิ่งหลานตกใจ รีบเบี่ยงตัวหลบ“ยัยบ้า ยังไม่รีบเก็บสิ่งวิเศษของเจ้าไปอีก!”อินชิงเสวียนพูดล้อๆ “เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ไม่ใช่หรือ”เย่จิ่งหลานเอามือปิดปากแล้วไอแห้งๆ “อร่อยไม่เท่าเกี๊ยว สนุกไม่เท่าเล่นพี่สะ...แค่กๆ ตามความอาวุโสแล้ว ข้าเรียกเจ้าพี่สะใภ้ก็ถูกต้องแล้ว เร็วเข้าเถอะ ของเล่นของเจ้าน่ากลัวเกินไป ข้ายังไม่อยากตาย”เย่จิ่งหลานมองใบมีดสีดำด้วยความอิจฉาและริษยาในมิติของเขา แม้ว่าเขาอยู่ในนั้นจะไร้เทียมทาน แต่ก็ไม่เจ๋งเท่าอินชิงเสวียน แง่มๆ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม่งเอ๊ย เป็นมิติเหมือนกันยังแตกต่างกันอีกอินชิงเสวียนนึกในใจ ใบมีดสีดำขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ หายไปนางรู้สึกเสียดายเหมือนกัน สิ่งที่ร้ายกาจขนาดนี้ ต้องรอถึงสามวันกว่าจะใช้ได้สักครั้ง ถ้าสามารถใช้ได้ตามต้องการ มิเท่ากับไร้เทียมทานแล้วหรอกหรือนอกจากนี้ยังมีมิติถึงขั้นสูงสุดนั่นอีก

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1145 ไม่สมเหตุสมผล

    เมื่อเย่จิ่งหลานพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ก็นึกถึงนักพรตเต๋าเกล้าผมเหมือนจมูกวัวสองคนนั้นอีกครั้ง“สาวน้อย เจ้าเคยได้ยินเรื่องศิลาตอบสวรรค์บ้างไหม”อินชิงเสวียนส่ายศีรษะ“ไม่เคยได้ยินมาก่อน คืออะไรหรือ”ดวงตาของเย่จิ่งหลานไหววูบแล้วพูดว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ระหว่างทางกลับมาได้ยินนักพรตเต๋าตัวเหม็นพูดถึงเรื่องนี้ บอกว่ามันสามารถทดสอบความดีและความชั่วของมนุษย์ได้ ฟังดูลึกลับพิสดารมาก”“มีของแบบนี้ด้วยหรือ เป็นเครื่องจับเท็จโบราณหรือเปล่า”อินชิงเสวียนเริ่มสนใจใคร่รู้“เก่งกาจกว่าเครื่องจับเท็จอีก เมื่อใดที่สิ่งนั้นแยกแยะระหว่างความดีและความชั่วได้ ก็จะส่งพวกคนที่เกล้าผมเหมือนจมูกวัวออกมาไล่ล่า”ทันทีที่เย่จิ่งหลานพูดจบ ทันใดนั้นอินชิงเสวียนก็รู้สึกถึงกลิ่นอายที่คลุมเครือคิ้วงามขมวดเล็กน้อย กำลังจะบอกเย่จิ่งหลาน แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสายลมเหนือศีรษะดังขึ้นแปลกๆ อินชิงเสวียนถ่ายทอดกำลังภายใน ยกฝ่ามือขึ้นซัดออกไปเร็วปรื๋อ คนผู้นั้นไม่ได้เผชิญหน้ากับอินชิงเสวียนโดยตรง แต่หลบเลี่ยงไป เขาเป็นเหมือนขนนกไร้น้ำหนัก ยืนอยู่บนกิ่งไม้หนาเท่ากับนิ้วด้วยเท้าข้างเดียวกิ่งก้านไม่ขยับเลย ซึ่งแสดง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1146 ชีวิตของข้าขึ้นอยู่กับข้ามิใช่ชะตาฟ้าลิขิต

    “ปล่อยตัวโคตรพ่อเจ้าน่ะสิ ข้ายังไม่ได้ฆ่าคนก็มาว่าฆ่าคน เอาความผิดมาจากไหน ขืนพวกเจ้ายังบีบบังคับกันอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”เขาทำมือประสานอิน ครั้นแล้วร่างนั้นก็เคลื่อนตัวไปอยู่ต่อหน้านักพรตเต๋าทันที เมื่อพลิกมือ ก็เกิดเป็นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอานุภาพอินชิงเสวียนยืนอยู่ใต้ต้นไม้ พยายามฟังด้วยความสับสน จากนั้นยกมือขึ้นแล้วพูดว่า “ช้าก่อน ท่านนักพรตเข้าใจผิดหรือเปล่า เพื่อนของข้าไม่ใช่ผู้ที่จะทำบาปมหันต์มั่วซั่วแน่นอน ท่านนักพรตจำคนผิดแล้วกระมัง”นักพรตเต๋าหลบเลี่ยงการโจมตีที่น่าตกใจของเย่จิ่งหลาน พูดด้วยน้ำเสียงสงบ “หว่างคิ้วของเขาปรากฏชาดแห่งบาปแล้ว ไม่มีทางผิดพลาดแน่”ชาดแห่งบาป?เป็นคำใหม่อีกแล้ว อินชิงเสวียนอึ้งไปอีกครั้งชาดก็คือสีแดง หรือจะเป็นไฝสีแดงที่หว่างคิ้วของเย่จิ่งหลานนั่น?หรือว่าเขาทำบาปมหันต์จริงๆ?สถานที่ที่เขาไปนั้นก็อยู่ที่ตงหลิวเท่านั้น ถึงเข่นฆ่าสังผีแคระเหล่านั้นไป ก็ไม่น่าเสียดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่า ผู้ที่ลงมือสังหารจริงๆ เป็นศิษย์ของสำนักหลักต่างๆ เหตุใดนักพรตเต๋าจึงไม่ไปหาพวกเขา แต่กลับยืนยันตัวว่าเป็นเย่จิ่งหลานแทน เรื่องนี้ช

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1147 เจ้าตำหนักจะปรากฏตัวในอีกสามวัน

    “สาวน้อย เจ้าคงไม่ได้เชื่อคำพูดบ้าๆ ของนักพรตเต๋าเหม็นเน่านั่นใช่ไหม”เย่จิ่งหลานกลอกตา ความโกรธในดวงตาก็บรรเทาลงอินชิงเสวียนกระแอมในลำคอแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างแปลก ในเมื่อเจ้าไม่ได้ฆ่าใคร ทำไมเขาจึงยืนยันมั่นใจว่าเป็นเจ้านัก ในนี้มีความเข้าใจผิดหรือไม่”เย่จิ่งหลานแค่นเสียงหึๆ และพูดว่า “ความเข้าใจผิดบ้าบอน่ะสิ พวกเกล้าผมเหมือนจมูกวัวพวกนั้นไม่มีเหตุผลเลย”ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้นมอง“เจ้าไม่มีอะไรจะปิดบังข้าจริงๆ หรือ”เย่จิ่งหลานพูดอย่างหมดคำบรรยาย “เรื่องที่ข้าเดินทางไปตงหลิว ทั้งฮวาเชียนและหวังซุ่นต่างก็รู้เรื่องดี หากไม่เชื่อเจ้าก็ไปถามพวกเขาได้”อินชิงเสวียนย่อมไม่อยากมีความขัดแย้งภายในกับเขาอยู่แล้ว“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างที่น่าสงสัย”ดวงตาของเย่จิ่งหลานเบิกกว้าง“ก็ไม่แปลกหรอก ถ้าทำให้ข้าโกรธนักจะตบพวกเกล้าผมเหมือนจมูกวัวสองคนที่อยู่ในมิติซะ”อินชิงเสวียนพูดโดยเร็ว “เจ้าอย่าบุ่มบ่าม คราวหน้าถ้าเจอเขาอีก พวกเราก็ค่อยๆ คุยกับเขาดีๆ”“ไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน พวกเรามาหารือกันเรื่องตำหนักเทพก่อนเถอะ ถ้าตาแก่หนังเหนี

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status