แชร์

บทที่ 1118 เจรจาล้มเหลว

ผู้แต่ง: ม่อเยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่มีความสุขของเหมยชิงเกอ เฟิงเอ้อร์เหนียงก็ถอนหายใจเบาๆ

“แล้วเราควรทำอย่างไรต่อไป”

อินชิงเสวียนกล่าวว่า “ไปสืบดูสถานที่ที่ผู้อาวุโสทั้งสองกล่าวถึงก่อนก็ได้ ดูว่าสามารถหาเบาะแสที่อยู่ของผู้อาวุโสได้หรือไม่ ถ้าไม่พบสิ่งใด เราก็ทำได้เพียงแค่กลับไปที่ตำหนักเทพเท่านั้น”

ฉุยเฟิงพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นลุกขึ้นจ่ายเงิน และไปหาญาติของผู้อาวุโส

สามสิบนาทีต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงหน้าเรือนเล็กๆ

เมื่อมองดูเรือนที่ทรุดโทรม หญ้าเหี่ยวเฉาที่สูงพอๆ กับบ้าน ก็รู้สึกสะท้านใจขึ้นพร้อมกัน

ฉุยอวี้กระโดดเข้าไปในลานบ้านอย่างไม่ยอมแพ้ ยังไม่ถึงสามอึดใจ ก็ต้องออกมา

“ไม่มีใคร”

อินชิงเสวียนก็สามารถเดาผลลัพธ์นี้ได้ ผู้อาวุโสหันนั้นโหดเหี้ยมเหลี่ยมจัด หากเขาลงมือ จะไม่ทิ้งภัยพิบัตินี้ไว้เบื้องหลังแน่

“ดูท่าพวกเรามีแต่ต้องไปตรวจสอบเบาะแสบนเขาเท่านั้น”

เฟิงเอ้อร์เหนียงพยักหน้า

“ถ้าอย่างนั้น ก็กลับกันเถอะ”

ทั้งสามกลับไปที่ตำหนักเทพหอทองคำอย่างรวดเร็ว โดยไม่รอช้าอีกต่อไป

ฉุยอวี้เปิดค่ายกลแนวป้องกันเขา เมื่อไปถึงครึ่งทาง ลูกศิษย์คนหนึ่งเข้ามารับหน้า

“แม่นางอิน ผู้อาวุโสหันเชิญเจ้า”

อินชิ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1119 เรือนทองซ่อนสาวงาม

    สีหน้าของผู้อาวุโสหันสงบลงในทันที“ให้เขาเข้ามา”หลังจากนั้นไม่นาน ฮั่วเทียนเฉิงก็เดินเข้ามาจากประตูพร้อมกับศิษย์น้องสองคนของเขา มีคุณชายรูปหล่อเดินตามหลังมาด้วย ซึ่งก็คือเย่จิ่งหลานที่โตแล้วดวงตาของอินชิงเสวียนสบกับเย่จิ่งหลานในอากาศ แต่เพียงครู่เดียวก็แยกจากกันอีกครั้งฮั่วเทียนเฉิงก็เหลือบมองอินชิงเสวียนเช่นกัน แล้วพูดด้วยความเคารพ “ศิษย์น้อมคำนับท่านอาจารย์ นี่คือคุณชายน้อยเย่ที่เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งกลไก”ผู้อาวุโสหันหันกลับมา ดวงตาเป็นประกายสว่างวาบคิ้วดาบดวงตาเป็นประกายดั่งดวงดาว จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากบาง ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลายิ่ง“วีรบุรุษถือกำเนิดตั้งแต่เยาว์วัยจริงๆ คุณชายน้อยหล่อเหลา ท่วงท่าลักษณะพิเศษ ถือเป็นโชคของข้าจริงๆ ที่ได้เข้ามาอยู่ในตำหนักเทพ”เย่จิ่งหลานประกบมือขึ้นคำนับ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสหันยกย่องเกินไปแล้ว”ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “คนที่เทียนเฉิงแนะนำจะผิดได้อย่างไร ในเมื่อคุณชายน้อยเชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งกลไก เชื่อว่าอีกไม่นาน ก็จะมีที่ให้ได้แสดงความสามารถ”เขาเปลี่ยนหัวข้อและกล่าวว่า “ข้าเชื่อว่าคุณชายน้อยเย่ก็รู้จักแม

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1120 ต่างผูกพันกัน

    “ทุกสิ่งล้วนต้องเผื่อไว้ มิติอาจไม่สามารถช่วยชีวิตเราได้ตลอด”สีหน้าของอินชิงเสวียนดูเคร่งขรึม นางเคยเห็นวรยุทธ์ของผู้อาวุโสหัน แม้ว่านางจะดูดซับพลังภายในของคนมากมาย แต่ก็ยังไม่กล้าไม่ใจเกินไปเย่จิ่งหลานพูดอย่างไม่อินังขังขอบ “เจ้ามองคนแซ่หันนั่นเป็นเทพเกินไปแล้วกระมัง ทุกคนถูกสร้างขึ้นมาด้วยเลือดเนื้อ เขาไม่ได้มีสองหัวมากกว่าคนอื่นเสียหน่อย”“ควรระวังไว้จะดีกว่า”หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ จู่ๆ ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นได้“หวังซุ่นอล่ะ”“อยู่ตีนเขา เจ้าถามหาเขาทำไม่”เย่จิ่งหลานสงสัยอินชิงเสวียนยิ้มอย่างมีเลศนัย กล่าวว่า “เช่นนี้แล้ว งั้นก็เจอเจ้าตำหนักอย่างแน่นอน”เมื่อมองดูดวงตาที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหมือนแมวคู่นั้น เย่จิ่งหลานก็เข้าใจทันที“เจ้าคิดจะ...”อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ถูกต้อง เพียงแต่มีรายละเอียดบางอย่าง ข้ายังต้องไปถามฉุยอวี้”เย่จิ่งหลานพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สมแล้วที่เป็นเจ้า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่”“งั้นก็เอาตามนี้”ทันทีที่อินชิงเสวียนพูดจบ ฮั่วเทียนเฉิงก็เดินเข้ามาจากประตู“แม่นางอิน คุณชายน้อยเย่ อาหารพร้อมแล้ว เชิญทั้งสองท่านย้ายไปที่ห้องอาหาร”

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1121 ประจำเดือนมารึ

    ทันทีที่ฉางเฮิ่นเทียนจากไป อินชิงเสวียนและเย่จิ่งหลานก็มาถึงผู้อาวุโสหันออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“บนเขาแร้นแค้น อาหารก็ค่อนข้างจืดชืด ไม่รู้ว่าจะถูกปากทั้งสองคนหรือไม่”เย่จิ่งหลานประกบมือขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสหันคิดหนักแล้ว พวกเราไม่เลือกกินอาหาร แค่ของง่ายๆ ก็พอแล้ว”เมื่อมาถึงโต๊ะหิน เย่จิ่งหลานก็ตระหนักว่าคำพูดใจกว้างของตัวเองพูดเร็วไปสักหน่อยในจานเป็นผักใบเขียวทั้งหมด พอเอาเข้าปากก็รู้สึกเหมือนเคี้ยวหญ้า สุดที่จะกลืนกินได้ จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังอินชิงเสวียน เมื่อเห็นนางกินแค่พอเป็นพิธีไม่กี่คำเหมือนกัน ค่อยรู้สึกยุติธรรมขึ้นหน่อยผู้อาวุโสหันกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าได้ยินจากเทียนเฉิงว่า คุณชายน้อยเย่ถนัดในการสร้างกลไกเครื่องจักร ในเมืองหลวงมีผู้มีความสามารถมากมายจริงๆ”เย่จิ่งหลานกล่าวอย่างไม่เกรงใจ “คุยกันง่ายเลย ไม่ทราบว่าทางสู่วิถีแห่งสวรรค์เป็นสถานที่เช่นไร หรือว่ามีกลไกซ่อนอยู่ในประตู?”ผู้อาวุโสหันพูดอย่างไม่อาจเข้าใจได้ “อาจจะใช่ บางทีอาจไม่ใช่ รออีกไม่กี่วัน คุณชายน้อยก็จะได้เห็นแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น จะรู้ทุกอย่างเอง”เย่จิ่งหลานเกลียดคำพูดที่คลุ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1122 กำลังพอดี

    อินชิงเสวียนรู้สึกหงุดหงิด ยกเท้าเตะก้อนหินใส่ยอดหน้าของเย่จิ่งหลาน“หุบปากเน่าๆ ของเจ้าซะ”เย่จิ่งหลานหัวเราะ เบี่ยงตัวหลบทันที“ข้าในวันนี้ไม่ใช่คุณชายน้อยที่ถูกเจ้าหิ้วไปไหนมาไหนคนนั้นแล้ว”อินชิงเสวียนเตะหินอีกก้อนหนึ่ง เย่จิ่งหลานยกสองนิ้วขึ้นมาจับไว้ได้ ปรายหางตามองอินชิงเสวียนด้วยท่าทางขิงๆ“เป็นอย่างไร”อินชิงเสวียนพูดอย่างล้อเลียน “มีความสามารถมากทีเดียว แต่ไม่รู้ว่าเป็นหัวตะกั่วเลียนแบบเงิน ที่สวยแต่รูปจูบไม่หอมหรือเปล่า”เย่จิ่งหลานอยากจะบอกว่า เจ้าก็ลองสิจะได้รู้ แต่คำพูดล้อเล่นแบบนี้ เขาไม่กล้าพูดมั่วซั่ว หากทำให้ยัยนี่ขุ่นเคือง แม้แต่เพื่อนก็อาจจะไม่ได้เป็นอีกต่อไปตอนนี้กำลังพอดี ไม่ใกล้ไม่ไกล ทั้งเป็นความสนิทที่ไม่ใกล้ชิดเกินไป ทั้งยังไม่ห่างเหินเกินไปด้วยแม้ว่าเย่จิ่งหลานจะยั้งใจไม่ให้มีความคิดอื่นไม่ได้ แต่ก็เข้าใจ เมื่อใดที่ล้ำเส้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอินชิงเสวียนก็จะจบลงอินชิงเสวียนไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย นางมีความสง่างามเหมือนดอกดารารัตน์ ทั้งยังสูงส่งดังลูกพลัมยามเหมันต์ นางไม่สนใจชื่อเสียงเงินทอง และไม่สนใจสถานะหรือตำแหน่ง หากชาตินี้เย่จิ่งอวี้จำนางไ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1123 แรงกดดันปานเทพเจ้า

    ฉุยอวี้ถามโดยเร็ว “หรือว่าเจ้ามีข่าวที่แน่ชัดแล้ว?”“เปล่า แต่ข้าค่อนข้างแน่ใจ ขอให้ผู้อาวุโสทั้งสองอธิบายลักษณะนิสัยและโทนเสียงของเจ้าตำหนักโดยละเอียดด้วย”เมื่อเห็นท่าทางที่มั่นใจของอินชิงเสวียน ฉุยอวี้ก็เริ่มสนใจ รีบเล่าถึงกิริยาวาจาทั้งหมดของเจ้าตำหนักทันที จากนั้นจึงหยิบพู่กันออกมาวาดภาพเหมือนเมื่อเปรียบเทียบกับภาพวาดลวกๆ ที่แสดงบนทีวี ศาสตร์การวาดภาพของฉุยอวี้นั้นเสมือนจริงมากกว่าแม้แต่เฟิงเอ้อร์เหนียงที่เมื่อเห็นมันก็อดไม่ได้ที่จะชมนาง“ผ่านมาหลายปี ทักษะการวาดภาพของศิษย์พี่ฉุยยังใช้ได้ดีทีเดียว”ฉุยอวี้ยิ้มเอียงอาย“เวลาว่าง ก็มักจะวาดภาพเขียนอักษรบรรเทาความเศร้าใจ ยังไม่ถึงขึ้นดีขนาดนั้น แค่พอเข้าตาก็ดีแล้ว”เฟิงเอ้อร์เหนียงหยิบภาพวาดขึ้นมาแล้วพูดว่า “ภาพวาดนี้เหมือนจริงมาก คล้ายมากจริงๆ”“เช่นนั้นก็ดี ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง ท่านสองคนพักอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปดูลูกหน่อย”อินชิงเสวียนเก็บภาพเหมือนนั้นไว้ แล้วเข้าไปในมิติเหมยชิงเกอกำลังเล่นกับเสี่ยวหนานเฟิงบนพื้นหญ้า ไม่ได้เจอกันหลายวัน ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กน้อยจะโตขึ้นมาก ดวงตาคิ้วคางปากเริ่มเห็นโครงชัดขึ้น ประพิมพ์

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1124 คืนตำแหน่งราชการ

    “ไม่ต้องสงสัยแล้ว รีบเข้าไปเถอะ ฝ่าบาทยังรออยู่!”หลี่เต๋อฝูเร่งเร้าแม้ว่าอารมณ์ของฝ่าบาทจะสงบ ทว่ายังมีอานุภาพน่าสะพรึงกลัว หลี่เต๋อฝูไม่อยากทนรับอีกแล้ว ดีไม่ดีอีกประเดี๋ยวคงได้อึดอัดอีก เขายังอยากมีชีวิตอยู่อีกหลายปี รอรับใช้องค์ชายน้อยอยู่นะอินจิงพยักหน้า พูดกับอินปู้อวี่ “ไปกันเถอะ”หากเป็นวาสนาก็ไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้นในเมื่อถูกหาเจอแล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดอีกสองพ่อลูกหิ้วชายเสื้อคลุมเดินเข้าไปในห้องหนังสือของฝ่าบาท โค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมอินจ้ง อินปู้อวี่ ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี!”เย่จิ่งอวี้ค่อยๆ หันกลับมา“ท่านขุนนางทั้งสองลุกขึ้นเถิด”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”สองพ่อลูกคำนับพร้อมกัน และยืนเคียงข้างกันด้วยความเคารพเย่จิ่งอวี้สะบัดเสื้อคลุมออกนั่งบนเก้าอี้มังกร เรียวตาหงส์คู่นั้นมองจับไปยังคนทั้งสอง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ให้ท่านขุนนางทั้งสองออกไปเตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน เป็นความประมาทเลินเล่อของข้าแล้ว บัดนี้ข้าในที่สุดก็จำเรื่องราวเหล่านั้นได้แล้ว หวังว่าจะไม่สายเกินไป”พวกเขาทั้งสองรู้สึกยินดีทันที รี

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1125 ความปีติของเย่ไห่ถัง

    “ออกไปเถอะ จวนของพวกท่านยังว่างอยู่ หากขาดเหลืออะไร สามารถบอกหลี่เต๋อฝูได้ ตราบใดที่ข้ามี จะประทานให้แน่นอน”เย่จิ่งอวี้ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง เสียงทุ้มลึกนั้น ทำให้ไม่อาจสงสัยสิ่งใดได้อีกอินจ้งโค้งคำนับและพูดว่า “กระหม่อมไม่กล้าขออะไรมาก ได้กลับเมืองหลวงก็ซาบซึ่งมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อมองดูเส้นผมสีดอกเลาของอินจ้ง เย่จิ่งอวี้ก็ถอนหายใจเบาๆ “เหตุการณ์เจียงวูในอดีต ข้ารู้สึกผิดต่อตระกูลอินมาก ข้าทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยให้ท่าน หากท่านต้องการอะไร อย่าได้เกรงใจ”อินจ้งกล่าวด้วยความเคารพ “ได้กลับเมืองหลวง อินจ้งก็รู้สึกซาบซึ้งมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”เย่จิ่งอวี้ยิ้มเบาๆ “เช่นนั้นก็ออกไปเถิด”“กระหม่อม ทูลลา”สองพ่อลูกโค้งคำนับ ถอยกลับออกจากห้องหนังสือเย่จิ่งอวี้ยืนอยู่หน้าหน้าต่างสักพักหนึ่ง แล้วไปที่ตำหนักชิงฮว๋าซึ่งเป็นที่พำนักของเย่ไห่ถังเย่ไห่ถังกำลังเล่นกับขวดน้ำหอมขนาดเท่าฝ่ามือด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายนางไม่รู้ว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร นางยังไม่กล้าคุยกับเสด็จพี่ น่าเบื่อจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เย่ไห่ถังก็เงยหน้าขึ้นอย่างเกียจ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1126 ยกเลิกตำหนักเย็น

    ประตูไม้บานใหญ่เปิดออกเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดกลิ่นอับชื้นพุ่งออกมาจากตำหนัก ดวงตาของเย่จิ่งอวี้ก็เปียกชื้นทันทีเขากะพริบตาถี่ๆ สะกดก้อนสะอื้นฝาดๆ ในลำคอ“ตำหนักเย็น สามารถยกเลิกได้!”เย่ไห่ถังเดินไปหาเย่จิ่งอวี้อย่างระมัดระวัง แอบสำรวจสีหน้าของเขา“เสด็จพี่ ท่าน...ทำไมจู่ๆ ท่านถึงพูดเรื่องนี้ออกมาล่ะ?”เย่จิ่งอวี้เอามือปิดปาก ไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร แค่คิดว่าไม่จำเป็นต้องให้มีอยู่อีกต่อไป”เย่ไห่ถังคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเบาๆ “ถูกต้องเพคะ ถูกส่งไปตำหนักเย็น ก็ไม่ต่างจากการรอคอยความตาย อดีตพระชายาได้จากไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้มีอีก หากเสด็จพี่เลือกสนมในอนาคต จะต้องปฏิบัติต่อพวกนางอย่างดี ไม่จำเป็นต้องเนรเทศพวกนางมาที่นี่”เย่จิ่งอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น “ข้าจะไม่เลือกสนมอีกแล้ว ไม่ว่าสตรีตระกูลอินจะอยู่ที่นี่หรือไม่ก็ตาม นางจะเป็นฮองเฮาของข้าตลอดไป”“ฮะ!”เย่ไห่ถังอุทาน หรือว่าเสด็จพี่จำได้แล้ว?“เสด็จพี่ ท่าน...”เย่จิ่งอวี้เบือนหน้าหนี ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ “ทำไมรึ”เย่ไห่ถังส่ายศีรษะโดยเร็ว“ไม่มีอะไร”เย่จิ่งอวี้งอมือ หมายจะดีดหน้

บทล่าสุด

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1466 ความปรารถนาในใจสำเร็จแล้ว

    ไม่ว่าซูเยี่ยจะจำอดีตกับเขาหรือไม่ก็ตาม มันก็ไม่สำคัญสำหรับเย่จิ่งหลานอีกต่อไปแล้วสวรรค์ทำให้เขาได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการให้เขาได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของซูเยี่ย ผู้หญิงประเภทนี้ จริงๆ แล้วมันไม่จำเป็นต้องให้เขาเสียเวลาด้วยซ้ำเขาเพิ่งอายุได้ยี่สิบแปดปี อนาคตยังอีกยาวไกล ซูเยี่ยเป็นเพียบใบไหม้ที่ร่วงไปจากชีวิตของเขา ไม่มีความสำคัญอะไรเลยเย่จิ่งหลานกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ค่อยๆ รู้สึกปลอดโปร่งใจเขาเดินออกจากสวนสาธารณะอย่างช้าๆ และทันใดนั้นก็มีอีกคำถามหนึ่งผุดขึ้นมาใบหน้านี้ไม่ใช่หน้าตาเดิมของเขา ใครเป็นคนทำศัลยกรรมให้เขา?พลังในร่างกาย มาจากไหนกันแน่แล้วผู้หญิงที่อยู่ในหัวของเขา เป็นใครกันแน่หรือว่าเขาฝึกฝนจนสำเร็จเคล็ดวิชาลับบางอย่าง และผู้หญิงคนนั้นคือแก่นวิญญาณของเขา?เย่จิ่งหลานดึงขอบเอวกางเกงของเขาโดยไม่รู้ตัว ไอ้นั่นยังคงอยู่ตรงนั้น ไม่อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตัวเองฝึกฝนวิชาจนกลายเป็นตงฟางปุ๊ป้ายในเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรแล้วแต่การมีสิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์อะไร เอามาใช้กินใช้ดื่มไม่ได้ ตอนนี้ท้องของเขาร้องโครกคราก แต่ไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าเลยขณะที่

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1465 คนแพศยามักจะสำออยแบบนี้แหละ

    ชายคนนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกจากกระเป๋า เช็ดนิ้วด้วยความรังเกียจ แล้วเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองซูเยี่ยนั่งบนพื้นร้องไห้เสียงดัง ความฝันที่จะแต่งเข้าไปอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้พังทลายอีกครั้งมือที่มีเห็นข้อต่อเด่นชัดยื่นออกไปต่อหน้าซูเยี่ยซูเยี่ยเงยหน้าขึ้น แล้วก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวกับดาราทันทีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นคือ ชายคนนั้นสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขามีฐานะที่ดีหากสามารถเกาะเกี่ยวลูกเศรษฐีที่ทั้งหล่อทั้งรวยแบบนี้ได้ ถูกตบหน้าแค่ครั้งเดียวจะเป็นไรไป บางทีนี่อาจเป็นความยากลำบากทั้งหมดที่สวรรค์ส่งมาให้ ที่มาอยู่ที่นี่ ก็เพื่อให้ได้เจอกับคนที่ดีกว่าเธอสูดจมูก จับมือนั้นไว้ เพิ่งยืนขึ้นมาได้ครึ่งตัว มือก็คลายออกซูเยี่ยเสียการทรงตัว และล้มลงกับพื้นอีกครั้งเธอมองเย่จิ่งหลานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่เย่จิ่งหลานยกมุมปากขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ถามด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “รู้สึกยังไงที่ถูกทิ้ง?”“อะไรนะ...คุณหมายความว่ายังไง?”ซูเยี่ยถามด้วยเสียงต่ำ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าเมื่อก่อนนี่ไม่ใช่ฉากที่ป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1464 แพศยาอย่างเธอ

    เย่จิ่งหลานโบกมือ ประตูก็เปิดออกแสงจากด้านนอกประตูส่องเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัย ทุกคนก็เห็นหลี่ไห่ตงนอนอยู่บนพื้นทันที และมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอยภัยนอนระเกะระกะอยู่ข้างๆชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้เดินออกไปโดยไม่มีร่องรอยเลือด หรือฝุ่นผงบนร่างกายเลยทุกคนก้าวถอยหลัง มองดูเย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าหวาดกลัวเย่จิ่งหลานเดินขึ้นไปที่ลิฟต์โดยไม่หรี่ตามองในช่วงที่เขาถูกบีบให้ออกจากโรงพยาบาลระดับตติยภูมิ แต่ละนาทีแต่ละวินาที เขามักจะจินตนาการถึงการทุบตีหลี่ไห่ตงอย่างรุนแรง ได้ระบายความโกรธ วันนี้ ในที่สุดเขาก็ทำได้แล้ว สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เย่จิ่งหลานไม่อยากคิดอะไรมากเขารีบออกจากโรงพยาบาล มาที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ ๆ มีชายชราคนหนึ่งที่อาบแดดอยู่ เย่จิ่งหลานเหลือบมองเขา และนั่งอีกด้านหนึ่งทั้งสองคนไม่ได้คุยกัน แค่พบกันโดยบังเอิญ ต่างไม่รู้จักกัน และไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันเขาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกาย เอนหลังพิงเก้าอี้ หรี่ตาเหมือนที่ชายชราทำ ความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ที่ส่องบนร่างกายของเขาช่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายจริงๆหลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เย่จิ่งหลานก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาพลังลมป

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1463 ฉันชื่อเย่จิ่งหลาน

    ความเจ็บปวดจากไฟฟ้า ทำให้เย่จิ่งหลานกลับมามีสติอีกครั้งหลี่ไห่ตงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เขาไออย่างบ้าคลั่ง และมองไปที่เย่จิ่งหลานด้วยสีหน้าแห่งความเกลียดชัง“ทุบตีมัน ทุบตีมันให้ตาย ตีมันตายแล้วฉันจะรับผิดชอบเอง”เมื่อเห็นว่าเย่จิ่งหลานไม่ขัดขืน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น กระแสไฟฟ้าสีฟ้าพุ่งใส่ร่างของเย่จิ่งหลาน ทำให้ห้องรังสีวินิจฉัยที่มืดมิดสว่างไสวขึ้นมาเย่จิ่งหลานหลับตา ใช้ประสาทสัมผัสตรวจสอบอย่างระมัดระวัง และยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเอง แต่สัมผัสได้ ความรุนแรงเท่านี้ไม่สามารถเอาชีวิตเขาได้เลย รู้สึกเหมือนกับถูกแมลงต่อยสองครั้ง ถ้าเขาจะโดนฟ้าผ่า ก็ถือว่าเป็นการได้สัมผัสประสบการณ์ล่วงหน้าเป็นเวลาสิบวินาทีเต็มๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาเรียวแคบของเขาเหมือนถูกรายล้อมไปด้วยงูทองคำพ่นไฟ ดุดันน่าเกรงขาม แม้ในความมืดมิดเช่นนี้ ก็สามารถมองเห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของทุกคนได้ชัดเจนเขาอาจจะฆ่าคนไม่ได้ แต่สามารถทุบตีพวกเขาได้ และตราบใดที่พวกเขายังหายใจอยู่ ก็ไม่ถือว่าตายเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็ค่อ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1462 ปีศาจในชุดดำ

    “แกเป็นใคร ทำไมถึงมาทำร้ายฉัน”หลี่ไห่ตงเมื่อถูกทุ่มลงพื้นก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนา ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้ เป็นราวกับเจ้าแห่งความตายในนรก ทำให้เขารู้สึกหวาดผวาอย่างสุดซึ้งจนแทบจะรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากจิตวิญญาณเขาไม่สงสัยเลยว่าชายคนนี้จะกล้าฆ่าเขาจริงๆหรือไม่“ฉันไม่รู้จักแกเลย แกจำคนผิดหรือเปล่า หรือคนในครอบครัวของแกอยู่ในโรงพยาบาลที่นี่ ถ้าขาดเงิน ฉันช่วยแกแก้ปัญหาได้”หลี่ไห่ตงรู้สึกว่าตัวเองยังพอมีหวัง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะสร้างความประทับใจให้กับชายผมดำยุ่งเหยิงตรงหน้าเย่จิ่งหลานมองไปที่หลี่ไห่ตงอย่างเย็นชา ความทรงจำในอดีตก็หลั่งไหลกลับมาเพื่อให้ได้ทำงานในโรงพยาบาลต่อ ถึงจะนอนดึกกว่าหมา ตื่นเช้ากว่าไก่ ทำงานหนักเยี่ยงทาส ทำงานหนักมาสามปีก็ตาม แต่เพราะบังเอิญไปเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น จึงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ตั้งแต่เช้าจรดค่ำก็ไม่เจอใคร การทำงานหนักและค่าตอบแทนทั้งหมดของเขาถูกทำลายลงเพราะไอ้สารเลวยิ่งกว่าหมาคนนี้ เขากลับอยากมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ ในโลกนี้ จะมีเรื่องดีๆ แบบนั้นได้อย่างไรโลกไม่ยุติธรรม เช่นนั้นก็ให้เขาได้ผดุงความยุติธรรม จัดการสัตว์ร้าย

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1461 เศษสวะ

    ไอ้ชาติชั่วนี่ ใช้อุบายเก่าๆ ของเขาอีกแล้วเย่จิ่งหลานเหลือบมองแพทย์หญิง แม้ว่าเธอจะสวมหน้ากากปลอดเชื้อสีเขียว แต่ยังคงมองเห็นความไม่เต็มใจและความลังเลในดวงตาที่เหนื่อยล้าของเธอทั้งสองเดินสวนทางกัน แพทย์หญิงก็เดินเข้าไปในห้องรังสีวินิจฉัยข้างๆ เย่จิ่งหลานอุ้มเด็กเดินเข้าไปในห้องผ่าตัด แต่ยังคงมองย้อนกลับไปที่แพทย์หญิงคนนั้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงคลิก ซึ่งเป็นเสียงล็อคประตู“เด็กคนนี้ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกหน้าอก ขาทั้งสองข้างก็ถูกทับ”เย่จิ่งหลานอธิบายอาการของเด็กสั้นๆ จากนั้นรีบเดินไปที่ห้องรังสีวินิจฉัย ดึงที่จับประตูบานใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ดึงให้เปิดออกเมื่อนึกถึงไอ้คนชาติชั่วคนนั้นที่โรงพยาบาลเดิมใช้เส้นสายสารพัด ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นแค่หมา สุดท้ายยังถูกเขาส่งไปยังโรงพยาบาลชุมชนที่อยู่ห่างไกลที่ไม่มีโอกาสก้าวหน้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเขาออกแรง รู้สึกว่ามีแรงแปลกๆ ออกมาจากจุดตันเถียน ไปถึงท่อนแขนของเขาในทันที จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกึก ประตูที่ถูกล็อคก็หักแกเป็นสองท่อนหลี่ไห่ตงกำลังจะกอดแพทย์หญิงคนนั้นทำเรื่องงามไส้ มีสายตามองจากข้างนอกเข้าไป อีกทั้งเรือนผมยาวส

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1460 ความคิดชั่วร้าย

    ทันใดนั้นก็มีเสียงเบรกดังมาจากด้านหน้าผู้หญิงคนหนึ่งขี่สกู๊ตเตอร์ชนจนล้มกระแทกพื้น เด็กที่อยู่ข้างหลังก็กระเด็นห่างออกไปหลายเมตรเช่นกันหน้าที่ของแพทย์ทำให้เย่จิ่งหลานเหาะไปข้างหน้า กระโดดไปหลายสิบเมตรในก้าวเดียว และลงจอดต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นรถที่ผ่านไปมาต่างก็อึ้งกันไปหมด นี่กำลังถ่ายหนัง หรือเรื่องจริง?คนนี้ไม่มีสายสลิงผูกอยู่บนตัวนั้นา แล้วทำไมเขาถึงเหาะได้ไกลขนาดนี้ในคราวเดียวล่ะ?เย่จิ่งหลานเองก็สะดุ้งนี้...มันเป็นไปได้อย่างไรเป็นวรยุทธ์งั้นหรือเขาไม่มีเวลาคิด ก้มลงห้ามเลือดของผู้หญิงคนนั้นทันที กลิ่นเลือดปะทะเข้าจมูกของเขา หัวใจพลันสั่นขึ้นมาเล็กน้อยดูเหมือนมีบางอย่างตื่นขึ้นมา ไฝแดงระหว่างคิ้วก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อยมือของเขานิ่งค้าง จากนั้นเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์หลายคนก็วิ่งเข้ามา“คุณคนนี้ คุณเป็นหมอเหรอ”เย่จิ่งหลานพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว“ฉันเป็นศัลยแพทย์”คนที่ดูเหมือนพยาบาลกล่าวว่า “คนไข้ได้รับบาดเจ็บสาหัส คุณช่วยตามพวกเราไปที่รถพยาบาล ช่วยรักษาฉุกเฉินได้ไหม”เย่จิ่งหลานสูดหายใจเข้าลึกๆ“ได้”เขาก้าวเข้าไปในรถพยาบาล ผู้หญิงและเด็กถูกพาไปที่เตียงในรถพยาบาล

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1459 เรื่องด่วน

    “ไม่ ข้าไม่เคยสงสัยเจ้าเลย ข้าแค่คิดว่า เจ้าและชิงฮุยอาจไม่ได้เป็นแค่ราชาแคว้นกับขุนนางธรรมดาแบบนั้น”อินชิงเสวียนหยุดชั่วคราวและพูดว่า “แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจหลักการวิทยายุทธ์ของแคว้นเฟยเหยา แต่รู้ว่าวิทยายุทธ์แบบเดียวกันนั้นมักจะมีรากเหง้าเดียวกันที่สามารถใช้ค้นหาร่องรอยได้ หากเจ้าใช้ความพยายาม ก็ไม่น่าจะยากที่จะพบตัวชิงฮุย แต่ว่า ที่ข้ามาที่นี่ก็ไม่มามาถามเรื่องเขาทั้งหมด”“โอ้?”ลั่วสุ่ยชิงเงยหน้าขึ้น มองไปยังอินชิงเสวียน“ข้าอยากรู้ หากแก่นวิญญาณของเจ้าและแก่นวิญญาณของชิงฮุยมาพบกันในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน จะเกิดผลที่ตามมาอย่างไร”“ไม่แน่ใจ”ลั่วสุ่ยชิงพูดอย่างตรงไปตรงมา“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าชิงฮุยอาจทำลายแก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลาน ยึดร่างกายของเขา ดังนั้นจึงซ่อนแก่นวิญญาณของตัวเองไว้ในห้วงทะเลแห่งจิตของเย่จิ่งหลาน โดยใช้วิธีเข้าฝัน...”ลั่วสุ่ยชิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ตามหลักการปกติทั่วไป แก่นวิญญาณของเย่จิ่งหลานอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจทำให้สมองสดใสน้อยลง แต่ไม่ต้องการให้เขาหายตัวไปโดยสิ้นเชิง เมื่อข้าลองใช้วิธีการเข้าฝันอีกครั้ง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสถึงลมปราณของเ

  • สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์   บทที่ 1458 ขายความน่ารัก

    เสี่ยวหนานเฟิงกางมือเล็กๆ ออก แล้วถามด้วยน้ำเสียงแหลมใสไร้เดียงสาว่า “ภารกิจอะไรอ่ะ”“ไปหาพี่สาวลั่ว”อินชิงเสวียนหยิบน้ำพุวิญญาณออกมาล้างมือที่สกปรกของเสี่ยวหนานเฟิง จากนั้นเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดฆ่าเชื้อ“อีกประเดี๋ยวเจ้าต้องขายความน่ารัก แม่จะถือโอกาสถามอะไรบางอย่าง”เสี่ยวหนานเฟิงดูสับสน กะพริบตาโตแล้วถามว่า “ขายความน่ารักหมายความว่าอย่างไร ต้องขายให้ได้เงินมากไหม”อินชิงเสวียนหัวเราะเบาๆ“ท่าทางตอนนี้ของเจ้าก็น่ารักบ้องแบ๊วอยู่แล้ว ให้เป็นแบบนี้ต่อก็พอแล้ว”เสี่ยวหนานเฟิงตอบว่าอ้อ และทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่สาวลั่วทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอด เราเอาให้ลูกกวาดให้นางก็ได้นะ”อินชิงเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย“อื้ม นี่เป็นความคิดที่ดี”นางโบกมือและหยิบถุงลูกกวาดมาจากมิติ“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มอบให้พี่สาวลั่วนะ”“ตกลง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาเพื่อหยิบมัน แล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ลูกได้ยินจากเสด็จพ่อบอกว่าอาจิ่งหลานหายไป ท่านแม่หาลุงเจอไหม”อินชิงเสวียนถอนหายใจ “ไม่รู้ บางทีเขาอาจจะกลับไปยังที่ของตัวเองแล้ว สำหรับเขาแล้ว แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”เสี่ยวหนานเฟิงเอียง

DMCA.com Protection Status