“แม่อยากปกป้องนาง จะต้องแข็งแกร่งขึ้นอยู่แล้ว อีกเรื่อง ถ้าเจ้าเห็นแม่เลือดออกก็ไม่ต้องกลัว แม่ใช้ซอสมะเขือเทศหลอกพวกเขา”อินชิงเสวียนโบกมือแลกขวดซอสมะเขือเทศมา แล้วทาที่มุมปากตัวเอง“ดูสิ แบบนี้ไง”เสี่ยวหนานเฟิงยื่นนิ้วออกมาจิ้มที่มุมปากของอินชิงเสวียนแลว้เอาไปชิม“หวานจัง!”“ใช่ ดังนั้นมันแค่ของปลอม บางทีแม่ต้องแกล้งทำเป็นอ่อนแอ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องระแวงแม่”เพื่อไม่ให้เสี่ยวหนานเฟิงเหงา จึงต้องเปิดหน้าจอในมิติตลอดเวลา หากตัวเองต่อสู้กับคนอื่นแล้วได้รับบาดเจ็บ ลูกต้องเป็นห่วงแน่ๆ ฉะนั้นจะต้องป้องกันก่อนเสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าทันที“ลูกเข้าใจแล้ว”“เด็กดี”อินชิงเสวียนใช้ช้อนแบ่งผลไม้ออกเป็นชิ้นเล็กๆ เสี่ยวหนานเฟิงกินอย่างเอร็ดอร่อย แล้วกอดท้องกลมๆ แล้วพูดเห็นฟันขาวเล็กๆ ว่า “อิ่มมากๆ”“ถ้าอย่างนั้นเรามาเรียนบทกวีโบราณกันก่อน แล้วค่อยไปเล่นบ้านล้มปราสาท”“ดี!”สองแม่ลูกเล่นกันสักพัก แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงเสื้อผ้าดังขึ้นข้างนอกมิติ“แม่ต้องออกไปดูก่อน ถ้าคนเลวรู้ว่าเราซ่อนตัวอยู่ในมิติ พวกเขาต้องมาตามหาเราในนี้แน่นอน ลูกเล่นไปก่อนนะ”“เด็จแม่ลุยเลย ไม่ต้องห่วงลูก”
เมืองหลวงเมื่อพระอาทิตย์ตกดินทางทิศตะวันตก แสงสีส้มของแสงอาทิตย์ก็ส่องให้เห็นทิวทัศน์อันเงียบสงบเย่จิ่งอวี้นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหลังฝูงชน กำลังฟังอย่างตั้งใจในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลังจากเลิกประชุมเช้าเขาก็จะมาฟังเทศน์ที่อารามซ่างชิง รู้สึกเสมอว่าตัวเองได้สัมผัสบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ขาดระดับความลึกซึ้งไปบ้างในขณะที่นั่งสมาธิอย่างเงียบๆ ในเวลากลางคืน เศษชิ้นส่วนความทรงจำสุดคณานับหลุดออกมาจากใจ ชั่วขณะหนึ่งเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความฝันหรือความจริงหรือว่าเป็นอย่างที่เจวี๋ยอิ่งพูด ในช่วงสองปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ขึ้นครองบัลลังก์เขาก็ทำงานหนักมาก ทำให้เหนื่อยล้าเกินไป?แต่เย่จิ่งอวี้ไม่รู้สึกเหนื่อย ร่างกายมีพลังท่วมท้น สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ซึ่งน่าแปลกจริงๆ “เอาล่ะ วันนี้พอเท่านั้นก่อน”นักพรตเทียนชิงยืนขึ้นอย่างช้าๆ มองไปยังชาวบ้านทุกด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มทุกคนก็ยืนขึ้น โค้งคำนับและกล่าวขอบคุณ แล้วจึงแยกย้ายออกจากอารามซ่างชิงกวนนักพรตเทียนชิงเป็นผู้ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ ทุกวันนี้ ทุกคนได้รับประโยชน์มากมายจากการฟังเทศน์และพูดคุยเกี่ยวกับลัทธิเต๋า ทุกคนต่างก็ให้ความเคารพเขาอย
เย่จิ่งอวี้ตกใจเล็กน้อย แล้วหันกลับมา“เจ้าหมายความว่าอะไร”ชิงฮุยก็หันกลับไปเช่นกัน ทั้งสองเผชิญสายตากันดวงตาสุกใสดุจธาราสองสายที่เหมือนน้ำพุสะอาด ได้ไหลเข้าสู่ดวงตาทั้งคู่ของเย่จิ่งอวี้ เพียงครู่เดียว ก็มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงในหัวแต่เพียงชั่วครู่เท่านั้น แล้วความเย็นยะเยือกพุ่งขึ้นมาในอก ซึ่งสามารถหักล้างความเจ็บปวดทางกายของเย่จิ่งอวี้ได้ชิงฮุยยิ้มและพูดเบาๆ “ข้าเห็นคุณชายเดินไปตามถนนเหมือนคนเสียขวัญ คิดว่าท่านสูญเสียบางสิ่งบางอย่าง ยังหาไม่พบ ดูเหมือนว่าข้าจะกังวลมากเกินไป”เขายกมือข้างหนึ่งไหว้ไว้กลางอก แล้วพูดเบาๆ “ของจงสุขสถาพรชั่วชีวิต คุณชายกลับดีๆ”จากนั้นเย่จิ่งอวี้ก็ตระหนักได้ว่านิ้วที่กุมสายบังเหียนเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ เส้นเลือดที่หลังมือปูดโปน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขาปั่นป่วนเพียงใดดูเหมือนเขาจะสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป แต่เขาสูญเสียอะไรไปล่ะเขานั่งบนบัลลังก์สูง เป็นผู้มีอำนาจมากที่สุดในใต้หล้า สิ่งที่เขาต้องการ จะหามาไม่ได้กระนั้นหรือ?อาจเป็นเพราะนักพรตน้อยคิดมากเกินไปเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เย่จิ่งอวี้ก็สัมผัสหยกเย็นบนคออีกครั้งนี่เป็นของดีจริงๆ ต
ในเวลาเดียวกัน ณ เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงเฮ่อยวนประสานมือไว้ด้านหลัง มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความประหลาดใจเฮ่อฉางเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาก็เบิกตากว้างเช่นกัน!“นี่คือ...”เฮ่อยวนพูดอย่างทอดถอนใจ “บางที คราวนี้ จะมีคนสามารถเปิดทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้จริงๆ”เฮ่อฉางเฟิงถามอีกครั้ง “การเปลี่ยนแปลงของดวงดาว เกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์จริงหรือขอรับ”เฮ่อยวนพยักหน้า พูดอย่างสุขุมเยือกเย็น “อื้ม เดาว่าเจ้าจะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งฟ้าดินนั่นแล้ว ทุกวันนี้ในยุทธภพเต็มไปด้วยผู้มากความสามารถจริงๆ ดูเหมือนว่าอิ๋นเฉิงของเราไม่ต้องการแสวงหาความก้าวหน้าแล้ว”จู่ๆ เฮ่อฉางเฟิงก็ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความดีใจ“หรือว่าท่านพ่อเตรียมจะเปิดเมืองอิ๋นเฉิงแล้ว?”เฮ่อยวนพูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจ “ใช่ เนิ่นนานเพียงนี้พ่อก็คิดตกแล้ว ความผิดพลาดได้เกิดขึ้นแล้ว การไม่แสวงหาความก้าวหน้าไม่ช่วยอะไร จะยิ่งทำให้เจ้าดูเหมือนกบที่ก้นบ่อ ที่มองเห็นแค่ท้องฟ้าเหนือศีรษะเท่านั้น”“การตายของแม่นางฉี ท่านพี่ไม่ได้ตั้งใจ ถ้าไม่ใช่เพราะนางใช้วิชาแปลงโฉมปลอมตัวเป็นนักฆ่า มายั่วยุที่อิ๋นเฉิง นางคงไม่ตายที่นี่ แม้ว่าความตั้งใจเดิมของนางคือก
ตำหนักเทพหอทองคำผู้อาวุโสหันก็มองท้องฟ้าเช่นกัน นัยน์ตาฉายแววประหลาด การขับเคลื่อนของชี่นี้มาจากไหน หรือว่าในโลกนี้มีพลังอันทรงพลังที่สามารถกระตุ้นพลังแห่งดวงดาวได้?หากเขาสามารถได้ความช่วยเหลือจากคนผู้นี้ ทางสู่วิถีแห่งสวรรค์ก็จะตกไปอยู่ในมือของตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจงใจเฟ้นหาคนที่มีความสามารถจากทั่วทุกสารทิศก็เพื่อจุดประสงค์นี้มีแต่ต้องหาความบังเอิญเหมาะๆ เท่านั้น ถึงจะสามารถช่วยเหลือเจิงหมิงได้ เขามีลูกชายเพียงคนเดียว นัยน์ตาของผู้อาวุโสหันฉายแววเคียดแค้นชิงชังทั้งหมดเป็นความผิดของนังสารเลวเหมยชิงเกอ หากนางตกลงที่จะแต่งงานกับเจิงหมิงก่อนหน้า เจิงหมิงจะกลายเป็นคนบ้าได้อย่างไร เขาเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เป็นเพราะตกหลุมรักนังแพศยาเหมยชิงเกอคนนั้น จึงทำให้ดื้อรั้น จนนำไปสู่การถูกธาตุไฟเข้าแทรกแม้ว่าเหมยชิงเกอจะถูกกักตัวในผาเฟิงเริ่นมานานกว่าสิบปี แต่ก็ยังไม่สามารถบรรเทาความเกลียดชังที่อยู่ในใจได้โชคดีที่ลูกสาวและหลานชายของนางอยู่ที่เทือกเขาเชื่อมเมฆาเช่นกัน แค้นนี้ เขาจะค่อยๆ ชำระสะสาง ไม่มีวันให้พวกเขาตายอย่างมีความสุขขนาดนี้แต่ก่อนอื่น ต้องไป
อินชิงเสวียนผลักประตูหินออกไปทันที แล้วก็เห็นลิ่นเซียวยืนอยู่หน้าประตูเขาสวมเสื้อคลุมสีเทาผ้าเนื้อหยาบ ผมสีขาวโดดเด่นภายใต้แสงจันทร์ศิษย์ด้านนอกสองคนล้มลงที่ประตู เช่นเดียวกับฉางเฮิ่นเทียนที่เพิ่งมาถึง“เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์อยู่ที่ไหน”ลิ่นเซียวก้มหน้าถามฟังจากเสียงของเขา ดูเหมือนจะไม่มั่นคงทางอารมณ์อินชิงเสวียนกลัวว่าหากพูดมากเกินไปจะผิดพลาด ทำให้เขาโกรธ จึงชี้ไปที่ผาเฟิงเริ่นทันทีพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าได้ยินมาว่ามีหญิงสาวรูปงามถูกขังที่นั่น นางยังเล่นพิณได้ ข้าจึงเดาว่านางอาจจะเป็นผู้อาวุโสหลี่”ลิ่นเซียวสะบัดเส้นผมสีขาวที่เหมือนสิงโต กำหมัดแน่นแล้วคำราม “เป็นไปไม่ได้ พวกเขากล้าดีอย่างไรถึงกักขังเสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์”เพื่อป้องกันไม่ให้เขาส่งเสียงจนดึงดูดความสนใจผู้อื่น อินชิงเสวียนจึงรีบพูดเบาๆ “หูได้ยินอาจเป็นเท็จ เมื่อได้เห็นก็จะรู้ว่าเป็นจริง ทำไมเราไม่ขึ้นไปดูล่ะ ถ้าไม่ใช่ ผู้อาวุโสจะได้สบายใจได้”ลิ่นเซียวพยักหน้า“ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล ไป!”เขาเอื้อมมือออกไปคว้าสายรัดเอวของอินชิงเสวียน แล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะไปยังผาเฟิงเริ่นทันทีเมื่อก้มมองบ้านเรือนที่อยู่ข้างล่าง
บนแท่นกลมมีเสาเหล็กแปดต้นทอดขึ้นไปบนฟ้า แต่ละเสามีโซ่เหล็กท่อนหนา ยื่นออกไปตรงกลางที่จุดตัดของโซ่เหล็ก มีผู้หญิงคนหนึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นที่ถูกตรวนไว้ลมแรงที่พัดมานานหลายปีได้กัดกร่อนเสื้อผ้าของนางจนหมด แขนที่เปลือยเปล่าของนางถูกโซ่เหล็กดึงรั้งจนต้องเหยียดตรง ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของนางก็ร่วงหล่นลงมาจนแทบคลุมร่างของนางไว้ไม่อยู่ในเวลานี้ นางก้มหน้าก้มตา ร่างผอมเพรียวถูกแรงลมพัดแรงจนตัวสั่น อย่างไม่รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วแววตาของอินชิงเสวียนไหววูบ นางคิดถึงความเป็นไปได้นับร้อยของวิธีทรมานที่เหมยชิงเกอถูกทรมาน แต่นางไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเป็นฉากที่โหดร้ายเช่นนี้“เสี่ยวเฟิ่งเอ๋อร์!”ดวงตาของลิ่นเซียวกำลังจะถลนออกจากเบ้า ยกเท้าขึ้นกำลังจะวิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้นอินชิงเสวียนคว้าแขนของเขา แล้วพูดอย่างเร่งรีบ “ผู้อาวุโส หญิงผู้นี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าใดๆ บนร่างกาย ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสหลี่ แล้วผู้อาวุโสผลีผลามเข้าไปอย่างกะทันหันจะไม่ดี ให้ผู้เยาว์ไปใส่เสื้อผ้าให้ผู้หญิงคนนี้ก่อนดีกว่า!”จากนั้นลิ่นเซียวก็เห็นว่าหัวเข่าของผู้หญิงคนนั้นถูกลมพัดเปิดออก ดูเหมือนนางไม่มีเสื้อผ้าเลย
จู่ๆ ความบ้าคลั่งของลิ่นเซียวก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งเขาตะคอกอย่างเย็นชา “เจ้ากับข้าไม่ได้ทำความผิดปล้นฆ่าสังหาร จะไปกลัวอะไร”อินชิงเสวียนพูดไม่ออก นี่เป็นเขตต้องห้าม ในฐานะผู้บุกรุก ลิ่นเซียวกลับมีเหตุผลพูดเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ เหมือนจะดูไม่ดีกระมัง“ผู้อาวุโสเป็นอาคันตุกะ หากพวกเขารู้ว่าเราอยู่ที่นี่ จะส่งผลกระทบต่อการเป็นผู้บำเพ็ญตนของผู้อาวุโสอย่างแน่นอน ฉะนั้นพวกเราต้องรีบออกไปเจ้าค่ะ”อินชิงเสวียนชี้ไปทางด้านหลังของภูเขาราวกับกำลังเกลี้ยกล่อมเด็ก“ผู้อาวุโสมีวิชาตัวเบาสุดยอด เราสามารถไปที่นั่นได้ ที่นั่นมีคนอยู่เบาบาง บางทีอาจพบการสิ่งที่ไม่คาดคิดบางอย่างก็เป็นได้”ลิ่นเซียวยังคงยืนนิ่งราวกับกำลังครุ่นคิดอินชิงเสวียนกระวนกระวายใจแทบบ้า รีบแลกหมวกคลุมหน้ามาจากมิติ แล้วสวมให้กับลิ่นเซียวอย่างไม่ถืออาวุโส ผมสีขาวของเขาสะดุดตาเกินไป จากนั้นนางก็สวมหมวกคลุมตัวเอง ลมที่พัดมาทำให้นางเจ็บหน้ามาก“เจ้ากำลังทำอะไร”ลิ่นเซียวค่อนข้างไม่มีพอใจอินชิงเสวียนพูดด้วยท่าทางที่ประจบประแจง “ที่นี่หนาวมากไปจริงๆ ข้าเกรงว่าความเย็นจะทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของผู้อาวุโสแข็ง เมื่อเจอกัน เกรงว่าผู้อาว