แชร์

บทที่ 96

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
แม่ทัพฟางไม่เห็นด้วยอย่างมาก กล่าวขี้นว่า: "เรื่องดังกล่าวได้ผ่านการตัดสินใจไปแล้ว ทำไมยังต้องมีท้าทายไปมาอีก ที่นี่ไม่ใช่สนามท้าประลองยุทธ แต่เป็นสนามรบ การทำเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อความสามัคคีของกองทัพ"

หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้า ยี่ฝางได้แต่รู้สึกว่าแม่ทัพฟางกลัวซ่งซีซีจะแพ้จึงได้พูดห้าม นางจึงรีบพูดขึ้นด้วยความมั่นใจว่า “ถ้าใครมีความสามารถ ทำไมจะท้าทายไม่ได้เล่า แม่ทัพฟางกลัวว่านางจะแพ้รึ หากเกรงว่านางแพ้แล้วจะอับอายขายหน้า ก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ก็ได้ มอบกองทัพซวนเจียมาให้ข้าเลย”

แม่ทัพฟางตะคอก “ช่างเป็นความคิดที่สวยงามเสียจริง เจ้าพากำลังเสริมเข้าสู่สนามรบ คิดไปเสียว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นคนของเจ้ารึ เหตุผลที่ไม่ให้เจ้าไปท้าประลองก็คือการปกป้องศักดิ์ศรีของเจ้า ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าใครเป็นคนดี ก็ต้องแล้วแต่เจ้าแล้วล่ะ”

“ไม่ต้องพล่ามให้มากความ กองทัพซวนเจียไม่สามารถตกอยู่ในเงื้อมมือของซ่งซีซี เว้นเสียแต่ว่านางจะเอาชนะข้าได้” หลังจากพูดจบ นางก็ลุกขึ้นทำความเคารพ “ขอตัว”

หลังจากที่ยี่ฝางออกไป แม่ทัพฟางก็ถามด้วยความสงสัยว่า: “ผู้บังคับบัญชา กองทัพซวนเจียได้มอบหมายให้แก่แม่ทัพซ่งเป็นผู้บ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
Pim
คำว่า “คุณธรรม” น่าจะเป็น “ความสามารถ” ไหม หาบรรณาธิการช่วยอ่าน แล้วแก้ไขเรื่องให้ถูกต้องเถอะ
goodnovel comment avatar
เตือนใจจ ขอพิมาย
รออยู่นะเมื่อไหร่จะมาอัพเดทเลิกเจียนต่อแล้วนิ
goodnovel comment avatar
เตือนใจจ ขอพิมาย
เมื่อไหร่ตะมาอัพเดท
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 97

    คำพูดคำนี้ของนาง ทำให้จ้านเป่ยว่างซึ้งใจเล็กน้อยคนอื่นพูดคำเดียวกันนี้ก็ไม่สามารถทำให้เขาประทับใจได้เท่ากับ ยี่ฝางเป็นคนพูด เพราะยี่ฝางไม่ใช่สตรีที่เป็นแม่ศรีเรือน นางคือแม่ทัพนายกองที่เป็นผู้บัญชาการกองทัพ และเป็นวีรบุรุษผู้ลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพชายแดนเฉิงหลิงแม่ทัพหญิงผู้องอาจ กลับเอ่ยว่ายอมอยู่บ้านปรนนิบัติดูแลสามีได้อย่างไม่มีปัญหา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจทันที ความผิดหวังในอดีตที่เคยมีต่อยี่ฝางได้มลายหายไปแล้วการประลองยุทธ์ถูกกำหนดไว้ในยามพระอาทิตย์ตก เซี่ยหลูโม่เพียงมอบหมายให้จางต้าจ้วงแจ้งข่าวให้ซ่งซีซีร้บทราบเท่านั้น ส่วนซ่งซีซีนั้น ยังคงฝึกซ้อมอยู่ในสนาม เมื่อได้ทราบข่าวจากจางต้าจ้วง นางก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ค่ะ รับทราบแล้ว"เนื่องจากทั้งกองทัพต่างรู้เรื่องดังกล่าว ดังนั้นเสิ่นว่านจือและคนอื่น ๆ จึงไปหาซ่งซีซีที่สนามหลักจากเสร็จสิ้นการฝึกทหารของพวกเขาทุกคนต่างตบไหล่นาง และพูดเพียงสองคำเท่าที่จำเป็น "ลุยมัน"ซ่งซีซียิ้มให้พวกเขา การเอาชนะยี่ฝางนั้นมันช่างหนักหนาเอาการอยู่ มันยุ่งยากตรงที่ต้องพยายามสู้กันนางแทนที่ฆ่านางให้ตาย จำเป็นต้องใช้ความอดทนอย่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 98

    เสียงของนาง อย่างน้อยแม่ทัพทั้งหลายและกองทัพซวนเจียต่างก็ได้ยินนางพูดอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมแต่ประโยคนี้ทำให้ผู้คนในสนามที่เดิมทีรู้สึกดูแคลนซ่งซีซีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งดูถูกนางมากขึ้นเสียงของการสนทนาค่อย ๆ กลายเป็นคำด่าทอถาโถมเข้าหาซ่งซีซีอย่างไม่ขาดสายเสิ่นว่านจือและคนอื่น ๆ โกรธจนหน้าเขียว หากพวกเขาไม่ได้ถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ทางทหาร พวกเขาก็คงจะปรี่ไปสั่งสอนยี่ฝางว่าการเป็นคนต้องทำเช่นไรเมื่อมองไปที่ซ่งซีซี กลับไม่เห็นความโกรธเลยสักนิดเดียว มีคนมายั่วยุขนาดนี้ นางกลับไม่แสดงความโกรธเลย นางมองไปที่ยี่ฝางอย่างสงบ โดยไม่ตอบสักคำเดียวซ่งซีซีไม่ตอบ และสีหน้าของก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มีเพียงดวงตาของนางที่สลดลง“ ซ่งซีซี!” เซี่ยหลูโม่หยิบกระบองยางจากมือของจางต้าจ้วงแล้วโยนให้แก่ซ่งซีซี “อย่าใช้หอกดอกท้อ ใช้ไม้กระบองเถอะ”ซ่งซีซีรับมันไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วโยนหอกดอกท้อกลับไปที่เซี่ยหลูโม่ แล้วมองเซี่ยหลูโม่อย่างลึกซึ้งก่อนพูดขึ้นว่า "ค่ะ!"นางเข้าใจความหมายของเป่ยหมิงอ๋อง ดาบผาหน้าไม้ไร้ตา เมื่อไหร่ที่ระงับความอาฆาตพยาบาทไว้ไม่อยู่ หอกดอกท้อสามารถปาดคอยี่ฝางได้ในทันที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 99

    ยี่ฝางตื่นตระหนก มองดูดวงตาสีเข้มของซ่งซีซี จากนั้นก็มองไปที่กระบองไม้ในมือของนางที่กลับไม่มีร่องรอยใด ๆ ปรากฎ จึงแอบประหลาดใจขึ้นมาเป็นไปได้ไหมว่านี่ไม่ใช่กระบองธรรมดา? ใช่แล้ว เป่ยหมิงอ๋องยืนกรานที่จะปกป้องนาง จะให้กระบองไม้ธรรมดาแก่นางได้อย่างไรกัน?มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ๆเมื่อนึกถึงตรงนี้ นางยิ้มอย่างเย็นชา "กระบองไม้นี้ เกรงว่าไม่ใช่แท่งไม้ธรรมดาสินะ ดูเหมือนว่าผู้บังคับบัญชาได้เลือกอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดให้แก่นาง"กระบองไม้นั้นยาวพอ ๆ กับหอกดอกท้อ เดิมทีเอามาใช้เป็นเสาไม้สำหรับการตั้งแคมป์ เพียงแค่ยี่ฝางใส่ใจเพิ่มขึ้น ก็จะรู้ว่ามันเป็นเพียงกระบองไม้ธรรมดาแต่นางเชื่อปักใจว่าเป่ยหมิงอ๋องลำเอียงต่อซ่งซีซี เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลือกกระบองไม้ธรรมดาแก่ซ่งซีซีเพื่อใช้ในการประลองยุทธ์เช่นนี้เนื่องจากทหารจำนวนมากมองเห็นไม่ชัดเนื่องจากอยู่ระยะไกล เมื่อได้ยินคำพูดของนางต่างก็รู้สึกว่ามันเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมแม้ว่าจะมีบางคนตะโกนว่ามันไม่ยุติธรรม ดาบธรรมดาจะเปรียบเทียบกับอาวุธที่เหนือกว่าได้อย่างไร?“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คืนดาบยาวให้นางเสียดีกว่า นึกว่าเก่งสักแค่ไหน ที่แท้ก็ตบตา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 100

    ยี่ฝางกระอักเลือด ลูกเตะนั้นแทบทำให้อวัยวะภายในของนางเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงจนไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้ใบหน้าของนางซีดเผือด ยื่นมือออกไปลูบลำคอโดยไม่รู้ตัว นิ้วมือของนางเปื้อนเลือด ร่างกายสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะความกลัว แต่เป็นเพราะนางรับไม่ได้กับผลลัพธ์เช่นนี้นางมองดูซ่งซีซีอย่างไม่เชื่อสายตา วิทยายุทธเช่นนี้ นางไม่เคยมาก่อนในชีวิตแต่ซ่งซีซี นางจะมีวิทยายุทธการต่อสู้ที่ทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร? เมื่อก่อนตอนที่นางหย่าร้าง พี่จ้านเคยบอกว่านางเหาะเหินเดินอากาศทำร้ายคนได้ ตอนนั้นคิดว่าเป็นแค่เรื่องตลก ตอนนี้เข้าใจดีแล้ว หัวใจของนางถูกครอบงำด้วยความริษยา มีความรู้สึกราวกับว่ามีมดนับพันกำลังรุมกัดความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ทำให้นางเสียหน้าอย่างหนัก เมื่อก่อนนางเคยพูดกับกองกำลังเสริมว่าซ่งซีซีอาศัยความสัมพันธ์มาไต่เต้า ซึ่งส่งผลให้แม่ทัพหลายคนถูกโบยและก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น นางก็ยังกล่าวหาเสียงดังเช่นนี้ต่อซ่งซีซี โหมกระแสความรู้สึกโกรธเคืองของผู้คนแต่ในตอนนี้ ซ่งซีซีใช้ความสามารถที่แท้จริงของนาง หักล้างคำพูดของนางส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 101

    บัดนี้กองทัพซวนเจียรู้สึกชื่นชมนับถือกับซ่งซีซีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปี้หมิงเขามองออกความแข็งแกร่งแห่งการเคลื่อนไหวของแม่ทัพซ่ง แท่งไม้กลายเป็นท่อนไม้ที่เป็นชิ้นๆ อีกอย่างทั้งหมดเรียงกันอย่างเรียบร้อย พลังภายในนี้ได้ซ่อนฝีมือไว้ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเศษไม้จำนวนมากที่พุ่งออกไป มีเพียงชิ้นเดียวที่ลงยังคอเท่านั้นที่มันเบาเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และฟ้าเริ่มมืดลง กองไฟก็ส่องทหารที่ค่อยๆ กระจายออกไป และพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนามแต่คราวนี้หัวข้อที่พวกเขาสนทนานั้นล้วนเกี่ยวกับท่าที่แม่ทัพซ่งออกให้"แท่งไม้แตกออกเป็นชิ้นๆ ทันที มันน่าทึ่งมากจริงๆ มันเหมือนกับมายากลทีเดียว""สมเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพซ่งจริงๆ สินะ นางสุดยอดมาก""ข้าว่าแล้วเชียว หากไม่ได้สร้างผลงานทางทหารด้วยความสามารถของตัวเองจริงๆ แล้วจะเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพชั้นห้าได้อย่างไรเล่า""เจ้านี่ไร้ยางอายเลย เจ้าเป็นคนโวยวายเสียงดังที่สุดในตอนแรก และยังคิดจะไปประท้วงต่อหน้าผู้บังคับบัญชาเสียอีก หากข้าไม่ได้ห้ามเจ้าไว้ คนที่ถูกตีด้วยไม้กระดานทหารจะเป็นเจ้าแน่""เอ๊ะๆๆ ข้าแค่หลงเชื่อคำพูดของแม่ทัพยี่ไป แม่ทัพยี่เป็นคนพูดเองว่า แม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 102

    ซ่งซีซีชี้หอกดอกท้อออกไป ชี้ไปยังสถานที่ที่นางสู้กับปี้หมิง "หากตายังใช้งานได้ จงไปดูด้วยตัวเจ้าเองว่าเหตุใดปี้หมิงจึงยอมแพ้"สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกล ห่างจากพวกเขาเพียงเจ็ดหรือแปดฟุตเท่านั้นเมื่อมองตามทิศทางที่ชี้โดยหอกดอกท้อ ยี่ฝางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเห็นรอยแตกห้ารอยบนพื้น แต่ละรอยแตกนั้นเหมือนกับตะขาบกำลังคลานอยู่อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งกำลังไปยังที่แห่งเดียวนั่นอาจเป็นที่ที่ปี้หมิงยืนอยู่ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะทะลุเท้าของปี้หมิง เนื่องจากหนึ่งในห้ารอยแตกนั้นมีสถานที่ที่หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ประมาณรอยเท้าคู่หนึ่ง ซึ่งรอยไม่ได้ใหญ่มาก พอจะเข้าใจว่าแรงภายในจะกระทบเท้าของปี้หมิงเข้า ดังนั้นรอยแตกในสถานที่นั้นจึงค่อนข้างเล็กหากกำลังภายในนี้ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม ขาของปี้หมิงก็อาจถูกทำลายไปเลยนี่คือเหตุผลที่ปี้หมิงยอมรับความพ่ายแพ้ยี่ฝางหายใจเข้าลึกๆ นางรู้ว่า นางพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงต่อหน้าซ่งซีซีเลยแต่ไม่นานนัก นางก็ยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว คว้าแขนของจ้านเป่ยว่าง แนบชิดข้างเขา และเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่นางไม่เคยมีมาก่อน "ใช่ ในด้านความท้าทาย ข้าแพ้กับเจ้า ทักษะศิล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 103

    ซ่งซีซีถูกเซี่ยหลูโม่เรียกตัวไปมีถ้วยชาร้อนวางอยู่ตรงหน้านาง ความร้อนอบอ้าวทำให้ดวงตาของนางพร่ามัวนางหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบ น้ำชาขมมาก แต่ได้ดื่มชาในกองทัพก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว"ต้องการฆ่านาง?" เซี่ยหลูโม่ถาม"เคยคิด" ซ่งซีซีตอบอย่างตรงไปตรงมาเซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คนที่ถูกส่งไปสอบสวนส่งจดหมายกลับมา ชาวซีจิงถึงกับปกปิดการสังหารหมู่ในหมู่บ้าน พวกเขาแค่บอกคนนอกว่าหมู่บ้านเกิดไฟไหม้ และทุกคนถูกเผาจนตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร"ซ่งซีซีจับถ้วยในมือแน่น มือของนางอบอุ่นขึ้น แต่ใจกลับรู้สึกเย็นเฉียบ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ค่อยๆ พูดว่า "ข้ารู้ ชาวซีจิงต้องการซ่อนความอัปยศอดสูของรัชทายาทแห่งเมืองซีจิง""ดังนั้น แม้ว่าฮ่องเต้จะสืบความจริงเข้าแล้ว อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้า ขนาดเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรยี่ฝางได้ อย่างน้อยเจ้าวางใจได้ว่าท่านตาของเจ้าจะไม่โดนเดือดร้อนเพราะยี่ฝาง"ขนาดชาวซีจิงยังไม่ยอมรับยี่ฝางสังหารหมู่ แล้วฮ่องเต้จะเป็นฝ่ายริเริ่มยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไงเล่า คงเป็นไปไม่ได้ไปบังคับให้ชาวซีจิงยอมรับ แล้วให้ฮ่องเต้ส่งทูตไปยอมรับความผิดพลาดกับพวกเขากระมังซ่งซีซีก็เข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 104

    หลังจากที่ยี่ฝางล้มเหลวในการท้าทาย นางก็ถูกทหารหลายคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างลับหลังพวกทหารและแม่ทัพที่ถูกทุบตีด้วยไม้ทหารเพราะเชื่อใจนาง ยิ่งปฏิบัติต่อนางอย่างหงุดหงิดมากแต่โชคดีที่ทหารภายใต้บังคับบัญชาของนางยังคงเคารพนาง โดยเฉพาะทหารสามร้อยนายที่สร้างผลงานพร้อมกับนาง ซึ่งภักดีต่อนางมากถึงยังไงแล้ว การมีส่วนร่วมในสงครามเมืองลู่เปินเอ่อร์ ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลเงินไม่น้อย ดังนั้นไม่ว่าคนนอกจะพูดอะไร พวกเขาจะต้องภักดีต่อยี่ฝางนอกจากนี้ พวกเขายังมีความลับเดียวกัน ซึ่งความลับนี้ต้องเก็บไปตลอดไป ต่อให้ต้องตายก็บอกไม่ได้หลังจากยี่ฝางสติแตกไปสองวัน นางก็ค่อยๆ กลับมามีพลังอีกครั้งตอนนี้ นางกับพี่จ้านเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่านางจะสร้างผลงานไม่ได้อีก แต่ขอแค่พี่จ้านสร้างผลงานไว้ งั้นก็เป็นเกียรติของสองสามีภรรยาพวกเขาสองคนกันเมื่อถึงเวลานั้น นางจะนำกองทหารไปกับพี่จ้าน เพื่อช่วยเขาสังหารศัตรู และหลังจากพี่จ้านได้สร้างผลงานแล้ว ก็สามารถช่วยพูดให้นางอีกนางไปหาจ้านเป่ยว่างอย่างตื่นเต้น "พี่จ้าน เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ข้าจะนำกองกำลังของข้าติดตามเจ้าไป และช่วยเจ้าฆ่าศัตรู ถ้าเจ้าสร้างผลงานก็เ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1411

    ในตำหนักฉางชุน ฮองเฮายังไม่ได้ปลดปิ่นปักผมและเครื่องประดับออกจากร่าง ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ดวงตาฉายแววคาดหวัง วันนี้มีข่าวจากหน้าพระที่นั่งส่งมาบอกว่า ฝ่าบาทจะเสด็จมายังวังหลังในคืนนี้ นางรออยู่นานแต่ไม่ได้ยินว่าฝ่าบาทเลือกสนมคนใด ในใจก็พลันยินดี เพราะการไม่เลือกหมายถึงฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักกลาง "หลานเจี่ยน ไปดูหน่อยสิว่าฝ่าบาทมาแล้วหรือยัง?" นางเร่งเร้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่สามของคืนนี้แล้ว หลานเจี่ยนกูกูที่ยืนรับใช้อยู่ด้านข้างยิ้มพลางกล่าว "พระนางโปรดอย่ารีบร้อนเลยเพคะ หากฝ่าบาทจะเสด็จมา แน่นอนว่าต้องมีคนมาบอกล่วงหน้า เพื่อให้พระนางเตรียมตัวรับเสด็จ" "จริงด้วย จริงด้วย ฝ่าบาทไม่ได้มาที่ตำหนักฉางชุนนานจนข้าแทบจะลืมเสียแล้ว" ฮองเฮาใช้นิ้วลูบไปที่ปอยผมข้างใบหู พลางยิ้มอย่างอ่อนหวาน "ข้ากับฝ่าบาทถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยา สามีภรรยาที่ไหนจะมีความแค้นข้ามคืนกันได้? ตอนนี้องค์ชายใหญ่ก็มีความก้าวหน้า ฝ่าบาทย่อมใจอ่อนลงบ้างแล้ว" "เมื่อฝ่าบาทเสด็จมา พระนางค่อยๆ พูดเถิด อย่ารีบร้อนที่จะพูดเรื่องให้องค์ชายใหญ่กลับมา" หลานเจี่ยนกูกูเตือนด้วยความนอบน้อม ฮองเฮาพยักหน้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1410

    ในห้องทรงพระอักษรในพระราชวัง ยังไม่มีการจุดเตาใต้พื้น ความเย็นแทรกซึมเข้ามาทีละน้อยฎีกาถูกพิจารณาเสร็จสิ้นนานแล้ว แต่จักรพรรดิ์ซูชิงกลับยังไม่เลือกสนม เพียงนั่งนิ่งมองแสงตะเกียงที่ริบหรี่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอยเขาได้อ่านจดหมายจากเซี่ยหลูโม่ที่เขียนถึงซ่งซีซี ในนั้นเต็มไปด้วยความคิดถึงที่เอ่อล้น และความรู้สึกในใจที่ถ่ายทอดไม่หมด ราวกับพวกเขาเพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ช่างหวานชื่นจนยากจะพรากจากกันนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้อ่านจดหมายของพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้จะมีเนื้อความที่กล่าวถึงความคิดถึงอยู่บ้าง แต่กลับไม่ถึงขั้น "เปิดเผยและห้าวหาญ" เช่นครั้งนี้คำเหล่านี้ แค่พูดออกมาก็รู้สึกน่าอายอยู่แล้ว หากเขียนลงในจดหมายไม่ยิ่งน่าอายกว่าหรือ?เขาคิดว่าพระอนุชาเช่นนี้ช่างไม่เหมาะสม ฉาบฉวยเกินไปวิธีเอาใจสตรีนั้นมีมากมาย ไยต้องทำถึงเพียงนี้?เขาคิดเช่นนั้น แต่ในใจกลับเหมือนมีกรวดเล็กๆ ก้อนหนึ่งตกลงไป ทำให้ผิวน้ำในจิตใจเป็นระลอกคลื่นวนไปมาอย่างไม่อาจสงบได้เขาไม่รู้เลยว่า การเป็นฮ่องเต้เช่นนี้ เขาสูญเสียไปมากเพียงใด...เรื่องความรักระหว่างชายหญิงนั้น จักรพรรดิไม่เคยกล้าคิดถึง แม้จะเคยมีช่วงเวลาที่หวั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1409

    เส้าปู้เข้ามาในเมืองพร้อมกับคนเพียงสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน มีมีดโค้งคาดอยู่ที่เอว ดูท่าทางน่าเกรงขามราวกับเทพเจ้าสงคราม แต่เมื่อได้นั่งดื่มสุรากินเนื้อ ใบหน้าสีเข้มของพวกเขากลับเปื้อนรอยยิ้มสดใสอย่างไม่น่าเชื่อ หลางจู่เส้าปู่อายุห้าสิบกว่าปี ผิวสีเข้มเป็นประกายเหมือนพวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยพลังและความคมกล้า เขาเป็นคนฉลาดเป็นพิเศษและมีจิตใจรอบคอบ หรืออาจกล่าวได้ว่า เขาระแวงอยู่เสมอและไม่กล้ามอบความไว้วางใจให้เป่ยหมิงอ๋องอย่างเต็มที่ เขามีเพียงข้อเรียกร้องเดียว คือการร่วมมือกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว หลังจากขับไล่คนของแคว้นซาได้สำเร็จ พวกเขาต้องถอนกำลังออกจากทุ่งหญ้าอย่างรวดเร็ว และห้ามเข้าสู่เขตหลักของทุ่งหญ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เซี่ยหลูโม่ตอบรับข้อเรียกร้องและลงนามในข้อตกลงทันที หลังจากลงนามในข้อตกลง พวกเขาก็ไม่รั้งรอและจากไปทันที ชนเผ่าทุ่งหญ้าไม่มีความรู้สึกที่ดีต่อแคว้นซางนัก เพราะสงครามที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปีล้วนส่งผลกระทบถึงพวกเขาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ชนเผ่าทุ่งหญ้ามีหลายเผ่าและไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน จึงไม่สามารถต่อต้านทั้งแคว้นซางหรือแคว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1408

    หลังจากกลับมาที่จวนอ๋องจากงานเลี้ยงที่ครึกครื้น ซ่งซีซีรู้สึกว่าลานเหมยฮวานั้นเงียบเหงาเป็นพิเศษ นางคิดถึงศิษย์น้อง แต่เขาอยู่ไกลถึงหนานเจียง แม้จะไม่ได้คำนวณวันเวลาที่แยกจากกัน แต่นางรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อนางคิดจะออกไปยังตึกว่างจิงเพื่อหาอาจารย์เหมือนเดิม นางก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอาจารย์ได้กลับไปที่ภูเขาเหม่ยชานแล้ว หัวใจของนางรู้สึกเหงาหงอยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางคิดถึงหยานหรูอวี้ในค่ำคืนนี้ ถึงได้เข้าใจว่าหญิงสาวในยามแต่งงานนั้นเต็มไปด้วยความสุข ความคาดหวัง และความเขินอายจนความสุขล้นเอ่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่สำหรับตัวนาง การแต่งงานทั้งสองครั้งกลับเงียบสงบเกินไป หลังจากที่เป่าจูช่วยนางล้างเครื่องสำอางและเตรียมน้ำสำหรับอาบ ซ่งซีซีก็ส่ายหน้าและดึงนางให้นั่งลงข้างกัน "เป่าจู ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าว่า เรื่องแต่งงานของเจ้าควรจะเริ่มพูดคุยกันแล้ว เจ้าพอจะมีคนที่ชอบหรือยัง?" เป่าจูมองนางแวบหนึ่งและกล่าว "คุณหนูไปกินเลี้ยงแต่งงานแล้วติดใจหรือเจ้าคะ ถึงได้รีบเร่งให้มีอีกงาน?" ซ่งซีซีหัวเราะ "ข้าเป็นคนตะกละขนาดนั้นหรือ? ข้าทำเพื่อเจ้านะ ถ้ายังอยู่แบบนี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1407

    งานแต่งงานของเจ้าสิบเอ็ดฝางกับหยานหรูอวี้ที่ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง ในที่สุดก็ได้เลือกวันมงคลจัดขึ้น งานแต่งไม่ได้จัดอย่างเอิกเกริก แต่เมื่อเป็นหลานสาวของไท่ฟู่ สิ่งที่สมควรมีเพื่อความสง่างามก็จัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน ไทเฮาทรงเป็นผู้นำในการมอบของขวัญ ตามด้วยบรรดามเหสีที่ต่างมอบรางวัลและเพิ่มสินเดิมให้หยานหรูอวี้ นักเรียนจากโรงเรียนสตรีหย่าจวินต่างพากันทำของขวัญแสดงความยินดีด้วยมือของพวกนางเองให้กับหยานหรูอวี้ นักเรียนหญิงในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของครอบครัวชาวบ้านธรรมดา แม้ของขวัญจะไม่ล้ำค่า แต่สิ่งที่พวกนางปักเย็บหรือทำด้วยมือเอง ล้วนแสดงถึงน้ำใจอันบริสุทธิ์ที่สุด ชุดเจ้าสาวของหยานหรูอวี้ถูกสั่งทำล่วงหน้าโดยโม่เหนียงจื่อจากโรงงานฝีมือ ชุดนี้เคยถูกนำไปจัดแสดงในร้านผ้าปักของโรงงานมาก่อน ทำให้หญิงสาวที่กำลังรอแต่งงานหลายคนหลงใหลและใฝ่ฝันอยากสวมชุดสวยเช่นนี้ในวันแต่งงานของพวกนาง โม่เหนียงจื่อที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เมื่อหลานสาวของไท่ฟู่ยังสวมชุดเจ้าสาวที่นางทำ จะมีใครอีกที่คิดว่าอดีตของนางเป็นเรื่องโชคร้าย? ในเวลาไม่นาน ร้านผ้าปักของโรงงานก็คึกคักจนประตูแทบทรุดจากการเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1406

    จักรพรรดิ์ซูชิงได้เรียกตัวหัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าเฝ้าในวังหลวง หัวหน้าตระกูลเสิ่นเตรียมตัวมาอย่างดี แม้ในครั้งนี้เขาจะนำคนในคุ้มภัยและทหารองครักษ์เข้าปราบปรามกบฏ แต่เพราะตระกูลเสิ่นสาขาย่อยมีความเกี่ยวข้องกับหนิงจวิ้นอ๋อง แม้ว่าฮ่องเต้จะกล่าวว่าให้ชดเชยความผิดด้วยความชอบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะลบล้างไปได้ง่ายๆ จักรพรรดิ์ซูชิงปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยน และยังชมเขาด้วยว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อกษัตริย์และรักชาติ เป็นดั่งลักษณะของบิดาในอดีต หัวหน้าตระกูลคนก่อนมีความเอื้อเฟื้อต่อราชสำนักมาก และในช่วงสงครามก็ได้บริจาคเงินจำนวนไม่น้อย หัวหน้าตระกูลเสิ่นเข้าใจสถานการณ์ จึงกล่าวทันทีว่า หนานเจียงและชายแดนเฉิงหลิงยังคงมีสงครามอยู่ ตระกูลเสิ่นยินดีที่จะบริจาคเงินจำนวนสองแสนตำลึงเพื่อช่วยจัดหาเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวและปรับปรุงอาหารสำหรับทหาร จักรพรรดิ์ซูชิงแสดงความพอใจอย่างมาก พลางยิ้มและกล่าวว่า "ดี ด้วยเงินบริจาคสามแสนตำลึงจากหัวหน้าตระกูลเสิ่น ข้าเชื่อว่าทหารชายแดนของเราจะสามารถป้องกันศัตรูจากภายนอกได้ และเร่งรัดให้สงครามยุติลงโดยเร็ว" หัวหน้าตระกูลเสิ่นรีบตอบรับอย่างราบรื่น "ฮ่องเต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1405

    เหรินหยางอวิ๋นอยู่ที่เมืองหลวงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่ก่อนเขาหมกมุ่นอยู่กับการค้นคว้าอาวุธเทพเจ้า ไม่มีเวลาว่าง บัดนี้เมื่อมีเวลาว่าง เขาจึงอ้างว่าธุรกิจในเมืองหลวงยังไม่เรียบร้อย อยากอยู่ต่ออีกสักระยะ ที่จริงแล้ว สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือซ่งซีซี เมื่อครั้งที่เขาวิจัยอาวุธเทพเจ้า เขายังส่งคนไปยังเป่ยถังเพื่อขอคำชี้แนะและเก็บสูตรลับ ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะหนานเจียง เพราะซ่งหวยอัน และสุดท้ายก็เพราะเซี่ยหลูโม่กับซ่งซีซี ในฐานะอาจารย์ เขารู้ว่าลูกศิษย์แต่ละคนล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่ต้องเดิน เขาไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ ทำได้เพียงช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถและเป็นเบื้องหลังที่คอยสนับสนุน เหรินหยางอวิ๋นมักพูดเสมอว่าเขาไม่เก่งในการเป็นอาจารย์ แต่ศิษย์ทุกคนของเขาล้วนยอดเยี่ยม ทั้งความสามารถและคุณธรรม ไม่มีใครที่เขาต้องเป็นห่วง ยกเว้นลูกศิษย์คนเล็กอย่างซ่งซีซี นางชอบเล่นซนและสนุกสนาน แต่กลับสามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์จนถึงขั้นล้ำเลิศ เป็นเครื่องยืนยันถึงพรสวรรค์อันสูงส่งของนาง ทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสและไร้กังวลบนใบหน้าของนาง เหรินหยางอวิ๋นก็รู้สึกมีความสุขในใจ แต่หลังจากนั้น นางถูก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1404

    ระหว่างถูกพาเดินประจานรอบเมือง หนิงจวิ้นอ๋องถึงกับเสียสติอย่างสิ้นเชิง เขาสบถด่าชาวบ้านว่าโง่เขลา ถูกทางราชสำนักหลอกลวง เข้าใจผิดว่าฮ่องเต้ผู้โง่เขลาเป็นฮ่องเต้ผู้ทรงคุณธรรม และย้ำว่าตัวเขา เซี่ยทิงเหยียน จะเป็นจักรพรรดิ์ที่แท้จริง เสียงแหบแห้งของเขาถูกกลบด้วยเสียงสาปแช่งของชาวบ้าน ทุกคนตะโกนให้เขาตาย และกล่าวว่าการประหารครึ่งตัวนั้นยังน้อยไป เขาควรถูกประหารด้วยวิธีเชือดเนื้อเป็นพันครั้งและทรมานจนตาย ถึงจะสมกับความเลวของเขา อ๋องเยี่ยนเงียบตลอดทาง แต่ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจและความเกลียดชังต่อเซี่ยทิงเหยียน เขาเชื่อว่าหากเซี่ยทิงเหยียนไม่หักหลังและยุยงคนของเขา เขาก็คงประสบความสำเร็จไปแล้ว เซี่ยทิงเหยียนเปรียบเสมือนงูพิษ แฝงตัวอยู่ในความมืด และเมื่อเขาไม่ทันระวัง เซี่ยทิงเหยียนก็โผล่ออกมากัดเขา และกัดนั้นถึงตาย เพราะเซี่ยทิงเหยียน เขาไม่เพียงแต่เป็นกบฏ ยังเป็นกบฏที่โง่เขลา สิ่งที่เขาบากบั่นสร้างมาด้วยความยากลำบากกลับถูกส่งมอบให้คนอื่น และคนของเขาที่ถูกยุยงยังจับเขามัดส่งให้กองทัพหลวง ในอนาคต เมื่อถูกบันทึกในพงศาวดาร ชื่อเสียงของเขาจะไม่เพียงแต่ถูกสาปแช่ง แต่ยังกลายเป็นที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1403

    ผู้คนมาพร้อมกันแล้ว การสะสางครั้งใหญ่จึงเริ่มต้นขึ้นในที่สุด หลังจากการสืบสวนร่วมกันระหว่างหอต้าหลี่และกรมอาญาแห่งเมืองหลวง การกบฏนำโดยอ๋องเยี่ยนและหนิงจวิ้นอ๋องถูกยืนยันว่าเป็นความจริง ความผิดได้รับการยืนยันแน่นอนแล้ว การรอคอยที่ผ่านมาเพื่อจัดเรียงข้อกล่าวหาทั้งหมดของพวกเขา เพื่อประกาศให้โลกรู้ ทั้งครอบครัวของอ๋องเยี่ยน ถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง ยกเว้นเซี่ยหรูหลิงที่ให้เบาะแสสำคัญ ชื่อของเซี่ยหรูหลิงถูกลบออกจากทะเบียนราชวงศ์ แม้ว่าเขาจะยังดำรงตำแหน่งหัวหน้าคุกในหอต้าหลี่ แต่ในสิบปีนี้คงไม่มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง เฉินยีให้เขาหยุดพักงานชั่วคราว และให้กลับมาหลังจากเรื่องนี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว เฉินยีมีความหวังดี จึงกำชับเขาว่าหากยังต้องการทำงานนี้ต่อ ก็อย่าเข้าใกล้คุกหลวง และให้อยู่บ้านพักฟื้นและทบทวนตัวเอง เฉินยีคิดว่าเขาค่อนข้างซื่อ แต่ข้อดีคือเชื่อฟังและเริ่มมีความคิดเป็นของตนเองมากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง ดังนั้นเฉินยีจึงยังยินดีดูแลเขา เฉินยีเคยพูดถึงเซี่ยหรูหลิงกับซ่งซีซี ซึ่งซ่งซีซีกล่าวว่าเขาเติบโตมาด้วยนิสัยขี้ขลาด ไม่กล้าต่อต้านเมื่อเผชิญป

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status