แชร์

บทที่ 104

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลังจากที่ยี่ฝางล้มเหลวในการท้าทาย นางก็ถูกทหารหลายคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างลับหลัง

พวกทหารและแม่ทัพที่ถูกทุบตีด้วยไม้ทหารเพราะเชื่อใจนาง ยิ่งปฏิบัติต่อนางอย่างหงุดหงิดมาก

แต่โชคดีที่ทหารภายใต้บังคับบัญชาของนางยังคงเคารพนาง โดยเฉพาะทหารสามร้อยนายที่สร้างผลงานพร้อมกับนาง ซึ่งภักดีต่อนางมาก

ถึงยังไงแล้ว การมีส่วนร่วมในสงครามเมืองลู่เปินเอ่อร์ ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลเงินไม่น้อย ดังนั้นไม่ว่าคนนอกจะพูดอะไร พวกเขาจะต้องภักดีต่อยี่ฝาง

นอกจากนี้ พวกเขายังมีความลับเดียวกัน ซึ่งความลับนี้ต้องเก็บไปตลอดไป ต่อให้ต้องตายก็บอกไม่ได้

หลังจากยี่ฝางสติแตกไปสองวัน นางก็ค่อยๆ กลับมามีพลังอีกครั้ง

ตอนนี้ นางกับพี่จ้านเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่านางจะสร้างผลงานไม่ได้อีก แต่ขอแค่พี่จ้านสร้างผลงานไว้ งั้นก็เป็นเกียรติของสองสามีภรรยาพวกเขาสองคนกัน

เมื่อถึงเวลานั้น นางจะนำกองทหารไปกับพี่จ้าน เพื่อช่วยเขาสังหารศัตรู และหลังจากพี่จ้านได้สร้างผลงานแล้ว ก็สามารถช่วยพูดให้นางอีก

นางไปหาจ้านเป่ยว่างอย่างตื่นเต้น "พี่จ้าน เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ข้าจะนำกองกำลังของข้าติดตามเจ้าไป และช่วยเจ้าฆ่าศัตรู ถ้าเจ้าสร้างผลงานก็เ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Napada
ใช้คำสรพพนามผิดหลายที่ คำเขียนผิดหลายคำ ต้องขัดเกลาก่อนมาให้คนอ่านเสียเงิน .
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 105

    ทุกคนกำลังเตรียมตัวอย่างตื่นเต้นสำหรับสงครามนี้ และซ่งซีซีก็ฝึกฝนหองทัพมาหลายวันแล้วทหารยามซวนเจียจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันนาย แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งทำหน้าที่โจมตีและอีกหนึ่งกลุ่มป้องกัน แต่ละกลุ่มแบ่งออกเป็นสิบหน่วย และจำนวนการโจมตีและการป้องกันทั้งหมดรวมกันคือยี่สิบหน่วยแผนการต่อสู้ของนางเป็นเช่นนี้ ขั้นแรก ให้ทั้งห้าหน่วยโจมตี จากนั้นอีกห้าหน่วยจะป้องกัน ให้สลับหน้าที่อย่างรวดเร็ว เมื่อหน่วยการป้องกันได้คงที่ให้รีบโจมตีทันที สลับกันปกป้องและโจมตีเลย ตามนี้ไปการฝึกไม่กี่วันก็ค่อนข้างมีประสิทธิผลบัดนี้ อาวุธพร้อมแล้ว โดยมีโล่และมีดสั้นสำหรับหน่วยป้องกัน และหอกสำหรับหน่วยโจมตีผู้บังคับบัญชากล่าวว่าก็ประมาณอีกสองสามวันข้างหน้าจะเริ่มโจมตีเมืองแล้ว กองทัพซวนเจียทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพ จะต้องเตรียมแผนการล้อมโจมตีเมืองทีละแผนให้ดีๆในเวลานั้น จ้านเป่ยว่างจะให้ความร่วมมือและนำคนหนึ่งหมื่นคนไปสร้างบันได ดันเครื่องโยนหิน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือในช่วงสองสามวันก่อนสงครามจริงๆ แล้วแผนการโดยรวมถูกผู้บังคับบัญชากำหนดไว้แล้ว พวกเขาไม่มีอะไรสำคัญที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 106

    จ้านเป่ยว่างถามเบาๆ อีกครั้ง "แล้วที่เจ้าแต่งงานกับข้า เป็นเพราะเจ้าชอบข้าจริงๆ หรือว่าเจ้ายอมแต่งงานกับใครก็ตามที่ท่านแม่ของเจ้าเลือกให้เจ้า?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "คำถามนี้ไม่มีความหมายย"เขารีบพูดขึ้น "ข้าอยากรู้"ซ่งซีซีขมวดคิ้วอีกครั้ง "จ้านเป่ยว่าง เจ้าไม่เคยวางตัวให้ถูกเลย ยามที่เจ้าเป็นสามีของข้าเจ้าวางตัวไม่ถูก ยามนี้ที่เจ้าเป็นสามีของยี่ฝาง เจ้าก็ยังวางตัวไม่ถูกเช่นกัน"จ้านเป่ยว่างมองนางด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชา "เพราะงั้นเจ้าไม่เคยชอบข้ามาก่อนเลย เจ้าแค่แต่งงานกับข้าตามคำสั่งของท่านแม่เจ้า ข้าว่าแล้วเชียว ข้าแค่แต่งภรรยาที่เท่าเทียมกันคนหนึ่ง เจ้ากลับเข้าวังเพื่อขอหย่าโดยสันติ เจ้าไม่มีความรู้สึกอะไรต่อข้าเลย เจ้าใจร้ายกับข้าก่อน แต่กลับให้ทุกคนคิดว่าข้าทำผิดต่อเจ้า"ซ่งซีซีหัวเราะด้วยความโกรธ "ไม่ว่าข้าจะมีความรู้สึกต่อเจ้าหรือไม่ ตั้งแต่ที่ข้าแต่เข้าจวนแม่ทัพของเจ้า ข้าดูแลท่านพ่อแม่ของเจ้าโดยเอาใจใส่ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ยับยั้งตัวเอง และรอเจ้ากลับมาด้วยความสำเร็จ แต่เจ้าเล่า คำสัญญาในเวลาที่เจ้าสู่ขอ ก่อนที่เจ้าจะออกศึกบอกข้าว่าให้ข้ารอเจ้า ข้ารอมาตั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 108

    การล้อมโจมตีเมืองนั้นโหดร้ายที่สุด พวกเขาอยู่บนกำแพงเมืองของซีม่อน และเครื่องยิงธนูก็มุ่งเป้าไปที่ทหารที่อยู่ด้านล่าง ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงใช้วิธีก่อนหน้านี้ ให้ผู้ที่มีทักษะวิชาตัวเบาเก่งๆ บินขึ้นไปบนกำแพงเมืองแต่คราวนี้กำแพงเมืองของซีม่อนได้ถูกซ่อมแซมให้สูงขึ้น ในเวลาเพียงสิบวัน ชาวแคว้นซาได้สร้างกำแพงเมืองสูงขึ้นมาหนึ่งฟุต ดังนั้น คนที่สามารถบินขึ้นไปบนกำแพงเมืองก็มีเพียงพวกเซี่ยหลูโม่ ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือในตอนแรก แม่ทัพฟางก็ไม่สามารถบินขึ้นไปได้ เขาพยายามอย่างเต็มที่ ได้บินขึ้นไปหลายครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะยืนตัวให้มั่นคง หอกของศัตรูก็แทงมาเขาลงที่เขาทันที เสิ่นว่านจือเห็นเช่นนั้น เฆี่ยนแส้อีกครั้ง และมัดแม่ทัพฟางก่อนจะลากเขากลับเข้ามาเสิ่นว่านจือช่วยแม่ทัพฟาง นางเลยตกอยู่อันตราย เฉินเฉินก็รีบช่วยเฝ้าระวังให้นาง และปกป้องนางจากหอกของศัตรูซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ทำลายเครื่องยิงธนูสองคันท่ามกลางกองทหารศัตรู จากนั้นซ่งซีซีก็ตะโกนบอกกองทัพซวนเจียว่า "ใช้เครื่องยกหิน"ปี้หมิงทำตามคำสั่ง "ใช้เครื่องยกหิน!"อาวุธหนักที่กองทัพจ้านเป่ยว่างนำมาล้วนมาถึงแล้ว ขณะที่กองทัพซวนเจียและจ้านเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 108

    ด้านล่าง จ้านเป่ยว่างช่วยเหลือในการโจมตีเมือง แต่เมื่อเขาเห็นยี่ฝางนำคนอยู่ข้างหลัง เขาก็สะดุ้งและพูดอย่างกังวลว่า "ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? ผู้บังคับบัญชาไม่ได้ให้เจ้าและแม่ทัพมู่อยู่ด้านหลังหรือ?""ข้าบอกไปแล้วว่าข้าต้องการช่วยเจ้าสร้างผลงาน" ดวงตาของยี่ฝางเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า "การยึดเมืองนี้ไว้ถือเป็นผลงานสำคัญมาก เราไม่สามารถปล่อยให้พวกซ่งซีซีแย่งไปทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น ต่อไปเจ้าสามารถอยู่ต่อหน้ากระทรวงกลาโหมและฮ่องเต้เอ่ยถึงข้า โดยบอกว่าข้าได้ออกศึกอยู่แนวหน้า""แต่เจ้าไม่ควรฝ่าฝืนคำสั่งทางทหาร" จ้านเป่ยว่างรู้สึกโกรธมาก"ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เจ้าได้ผลงานก็พอ" ยี่ฝางไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยังไงนางจะถูกลงโทษด้วยกฏทหารแล้ว เซี่ยหลูโม่คงไม่ลงโทษนางจนตาย นางเป็นแม่ทัพหญิงอับดับแรกที่ไทเฮาชื่นชม ผู้ที่จะต่อสู้เพื่อชื่อเสียงของสตรีแห่งโลกยิ่งไปกว่านั้น พี่จ้านและซ่งซีซีอยู่ด้วยกันตามลำพังมานานมากในระหว่างการฝึกซ้อม และนางก็รู้สึกตื่นตระหนกมาก นางต้องทำอะไรเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้านางสามารถช่วยพี่จ้านสร้างผลงานได้ พี่จ้านถึงจะยิมยอมอยู่กับนางอย่างมั่นคงไม่ว่าซ่งซีซีจะมีความสามารถแค่ไหน นา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 109

    เมื่อจ้านเป่ยว่างได้ยินคำพูดดังกล่าว เขารู้สึกปวดใจมาก ก่อนตะโกนว่า "พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียชีวิต กองทัพซวนเจียเป็นกองกำลังหลักเพื่อโจมตีเมือง และเราแค่ทำหน้าที่ช่วยเหลือ แม้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้า เจ้าก็สามารถให้พวกเขาช่วยบรรทุกหินได้ แทนที่จะให้พวกเขาตายไปเปล่าๆ"ปี้หมิงไม่สนใจอะไรมาก และสั่งโดยตรงว่า "กองทัพซวนเจียขึ้นไปบนบันไดยาว ใครก็ตามที่ไม่ใช่กองทัพซวนเจีย ให้ถีบออกไปเลย"ในเมื่อกี้กองทัพซวนเจียตกอยู่ความสับส้น เมื่อพวกเขารู้สึกตัว ก็ปีนขึ้นบันไดอีกครั้งทันที หากพบใครที่ไม่ใช่กองทัพซวนเจีย พวกเขาจะดึงออกมาหรือเตะลงบุคคลยังคงตกลงไม่หยุด แต่ไม่ได้ถูกหอกแทงเข้า ยังสามารถอยู่รอดได้เมื่อจ้านเป่ยว่างเห็นว่าได้รับการควบคุมแล้ว เขาก็ผลักยี่ฝางออกไปและพูดว่า "จะร้องไห้ก็ออกไปไกลๆ"เขาวิ่งไปที่เครื่องโยนหิน แล้วสั่งว่า "บรรทุกหินต่อไปแล้ว โยนหินออกไป"ยี่ฝางยืนขึ้น ปาดน้ำตา ทันใดนั้นดวงตาของนางก็ดูดุร้ายมาก และสั่งให้ทหารของนางล่าถอยออกไป รอที่จะบุกเข้าไปในเมืองและรีบเร่งเข้าต่อสู้ ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของนาง จะต้องแย่งผลงานทางทหารจากซ่งซีซีให้ได้พี่จ้านจะต้องเสียใจแน่นอนเซี่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 110

    สนามรบอยู่ในเมืองซีม่อน ตั้งแต่เริ่มการโจมตีเมือง ประชาชนต่างปิดประตูบ้านแน่นและซ่อนตัวให้ดีเมื่อทหารแคว้นซาบุกเข้ามาที่นี่ พวกเขากดขี่ประชาชนและรังแกพวกผู้หญิง ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าจะเกิดสงครามขนาดใหญ่หลังจากที่เมืองถูกโจมตีให้เปิดออก ทว่าพวกเขาก็หวังอย่างยิ่งว่า กองทัพเป่ยหมิงจะบุกโจมตีเข้ามาและขับไล่ชาวแคว้นซาออกไปการต่อสู้ดำเนินไปอย่างรุนแรง ยี่ฝางติดตามกองทัพเข้าไปในเมือง ไม่นานก็ต่อสู้ถึงแนวหน้า นางไม่ใช่แม่ทัพหญิงเพียงคนเดียว แต่นางเป็นแม่ทัพหญิงคนเดียวที่สวมเสื้อเกราะ เสื้อเกราะนี่สั่งทำโดยพิเศษจากกระทรวงกลาโหมนอกจากนี้ ยังมีผ้าพันคอสีแดงบนชุดเกราะของนาง ซึ่งหมายความว่า นางเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญดังนั้น แม้ว่าสถานการณ์การต่อสู้จะวุ่นวายมาก ทว่านางก็ดูสะดุดตาเป็นพิเศษซูลันจีเห็นนางแล้ว และทหารจำนวนมากของเมืองซีจิงก็เห็น นางเช่นกันกลยุทธ์ที่ต่อต้านนางได้เริ่มขึ้นแล้ว นั่นก็คือกลุ่มคนที่นางกำลังต่อสู่นั้นกำลังถอยกลับอย่างต่อเนื่อง นางเป็นคนชอบเอาชนะ ดังนั้นนางจึงต้องการไล่ตามพวกเขาและทำลายล้างพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอนจ้านเป่ยว่างเห็นดังนั้นก็ตะโกน "ยี่ฝาง จะไล่ตาม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 111

    ซูลันจีและวิกเตอร์ยังไม่ได้เข้าสู่สนามรบ พวกเขายังเฝ้าดูสงครามจากที่สูงศพนอนอยู่ทั่วเมือง และทุกที่ที่พวกเขามองเห็นได้ก็มีแต่ทหารที่ตายแล้ว เมืองนี้แทบจะย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดและส่วนใหญ่เป็นทหารของเมืองซีจิงและทหารแคว้นซา การต่อสู้ในเมืองนี้ ได้แต่สู้ต่อไปเท่านั้น ไม่มียุทธวิธีใดๆ อีกเลยวิกเตอร์รู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องละทิ้งเขตหนานเจียง และเข้าซีม่อน หลังจากที่เขาเข้าไปซีม่อน เขาเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ที่ชาวซีจิงมาช่วยเพียงเพื่อสังหารทหารของแคว้นซางเพื่อระบายความโกรธของพวกเขาและสังหารแม่ทัพหญิงที่ชื่อว่ายี่ฝางด้วยพวกเขาไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะแคว้นซางได้ ยิ่งไม่ต้องการแบ่งเขตหนานเจียงกับแคว้นซา พวกเขามาเพื่อระบายความโกรธมากกว่าดังนั้น วิกเตอร์จึงรู้สึกโกรธมาก หากไม่ใช่ชาวซีจิงมา พวกเขาอาจจะพ่ายแพ้จนวิ่งหนีไปนานแล้ว ไม่ต้องมาต่อสู้ตั้งหลายครั้งจนทำให้มีทหารเสียชีวิตตั้งมากมายขึ้นไปเขาพูดกับซูลันจีอย่างเย็นชา "ถ้าเจ้าต้องการระบายความโกรธ ทำไมไม่สังหารหมู่ทั้งเมืองล่ะ?"เขาคงรู้ว่าทำไมซูลันจีจึงเกลียดชาวซางมากขนาดนี้ เขาสืบรู้ว่าในระหว่างการต่อสู้ที่ชายแดนเฉิงหลิง มีห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 112

    ทหารของแคว้นซาและทหารของเมืองซีจิงต่างล่าถอยไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้กองทัพเป่ยหมิงที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดนั้นต่างตกตะลึงเมื่อฟังเสียงสัญญาณให้ล่าถอย พวกเขายังคิดว่านี่อาจจะเป็นกลยุทธ์ของแคว้นซาเพื่อล่อลวงศัตรูให้เข้าไปอย่างไรอย่างนั้นแต่พอคิดดูดีๆ อีกที ได้ล่าถอยจากซีม่อน แล้วพวกเขายังจะไล่ตามไปทำไมอีก? เดิมที่ก็ต้องการขับไล่พวกเขาออกไป แต่ไม่ใช่ฆ่าพวกเขาทั้งหมดดังนั้น กองทัพเป่ยหมิงจึงเฝ้าดูกองทหารศัตรูละทิ้งชุดเกราะและหนีออกไปทั้งอย่างนั้นชัยชนะมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?พวกเขาทั้งหมดเตรียมพร้อมที่จะตายเพื่อประเทศของตน เพราะถึงยังไง ชาวซีจิงก็มาช่วยอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้ พวกเขาจะยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร?แม้แต่ผู้บังคับบัญชาเองก็เข้าสู่สนามรบไปต่อสู้เอง ย่อมต้องโหดร้ายอย่างยิ่งแน่ๆ และความจริงก็โหดร้ายอย่างยิ่งจริงๆ มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง และทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยเลือด แม้ว่าหิมะตก แต่ก็ไม่สามารถซ่อนกลิ่นอันท่วมท้นของคาวเลือดได้แต่เมืองซีม่อนนั้นใหญ่มาก และยังมีหมู่บ้านมากมายนอกเหนือจากเมืองแม่ทัพฟางรีบกลับไปที่ค่ายบัญชาการและถามว่า "ท่านผู้บังคับบัญชา ต้องการติดตามพวกเราไ

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1482

    เซี่ยหลูโม่ในฐานะที่ปรึกษา ได้เข้าวังสอนวิชาอาวุธให้แก่สามองค์ชายก่อนถึงงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ผลิ ที่จริงแล้ว องค์ชายใหญ่ควรฝึกมาตั้งนานแล้ว ทว่าเดิมทีเขาได้รับการเลี้ยงดูจากฮองเฮา ถูกตามใจดั่งดวงตาดวงใจ งานหนักใดๆ ล้วนไม่เคยต้องแตะต้อง เมื่อถูกส่งไปอยู่กับไทเฮา แม้พระนางจะทรงจัดการศึกษาให้ครบถ้วนทั้งบุ๋นและบู๊ แต่เขากลับโง่เง่าและเกียจคร้านเป็นทุนเดิม งานเล่าเรียนในแต่ละวันก็หนักหนาพออยู่แล้ว วิชาหนึ่งยังฝึกไม่ทันเสริม อีกวิชาหนึ่งก็ต้องตามไม่ทันเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่มีพรสวรรค์แต่อย่างใด ซ้ำยังมิได้ขยันหมั่นเพียร จึงมักหาทางหลบเลี่ยงอยู่เสมอ ความก้าวหน้าที่น่าพอใจที่สุดในตอนนี้ คงเป็นเพียงการที่เขายอมไปเรียนหนังสือโดยไม่ร้องไห้อีก ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการฝึกครั้งนี้กลับเป็นรุ่ยเอ๋อร์ รุ่ยเอ๋อร์ได้ฝึกพื้นฐานไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากเกินไป หมอมหัศจรรย์ดันกล่าวว่าเขาต้องค่อยๆ ฝึก ไม่อาจรีบร้อน หากได้รับบาดเจ็บที่ขาอีกครั้ง จะไม่คุ้มค่าความเสียหาย ดังนั้น เมื่อเซี่ยหลูโม่สอนวิชาธนูให้พวกเขา รุ่ยเอ๋อร์จึงมีพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว ฝึกไปไม่กี่วันก็เริ่มเห็นผล ส่วนองค์ชายใหญ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1481

    จักรพรรดิ์ซูชิงเสด็จขึ้นว่าราชการอีกครั้ง พระพักตร์ดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก ขุนนางอาวุโสบางคนถึงกับหลั่งน้ำตาต่อหน้าพระที่นั่ง โดยเฉพาะหุ่ยอวี่สือ ซึ่งเกือบก่อเรื่องใหญ่โตไปแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้ทรงมีอาการดีขึ้น อีกทั้งหมอมหัศจรรย์ดันก็ถูกเชิญเข้าวังเพื่อถวายการรักษา จึงพอมีความหวัง อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงคาดไว้ เสียงเรียกร้องให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทในราชสำนักดังขึ้นเป็นอย่างมาก กระนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็มิได้ทรงรับคำในทันที เพียงตรัสว่าองค์ชายทั้งสามยังเยาว์วัยนัก ให้รออีกสักระยะเถิด ในกลุ่มขุนนางที่กราบทูลขอให้แต่งตั้งองค์รัชทายาทนั้น ย่อมมีศิษย์ของตระกูลฉีรวมอยู่ด้วย แต่ก็เพียงกล่าวคล้อยตามผู้อื่น มิได้มีใครลุกขึ้นมาเสนอเป็นฝ่ายแรก จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้ทรงเชื่อโดยแท้จริงว่าเจ้ากรมฉีต้องการเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์โดยไร้ส่วนได้เสีย ช่วงนี้ตระกูลฉีทำตัวสงบเสงี่ยมลงก็จริง แต่ทั้งหมดเป็นผลจากการถูกกดดันและเตือนสติ แม้พระองค์จะยังมิได้ทรงแต่งตั้งองค์รัชทายาท แต่กลับทรงประกาศเรื่องหนึ่งแทน นั่นคือ ทรงแต่งตั้งเป่ยหมิงอ๋อง เซี่ยหลูโม่เป็นที่ปรึกษาองค์รัชท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1480

    ฉีฮูหยินใหญ่เข้าเฝ้าในวัง ครานี้นางมาโดยได้รับคำสั่งจากเจ้ากรมฉี เพื่อแสดงจุดยืนให้ชัดเจน เมื่อฮองเฮาทรงได้ยินว่าบิดาทรงตัดสินใจจะวางตัวเป็นกลาง ก็มิอาจระงับโทสะได้ ตรัสเย็นชา “แต่ก่อนให้ข้าช่วยสนับสนุนตระกูลฉี ข้าก็มิเคยปฏิเสธ บัดนี้เมื่อข้าต้องการให้พวกท่านช่วยบ้าง กลับถอยหนีไปหมดสิ้น ข้าช่างไม่เข้าใจเลยจริงๆ หากองค์ชายใหญ่ขึ้นครองบัลลังก์ ตระกูลฉีจะไม่ได้รับผลดีเลยหรือ? หรือบิดามั่นใจว่าต่อจากนี้ตระกูลฉีจะราบรื่นไร้ปัญหา?” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าวอย่างใจเย็น “ความหมายของบิดา คือเพียงอยากเป็นขุนนางผู้ภักดี มิอาจข้องเกี่ยวเรื่องนี้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของฮ่องเต้” “ช่างน่าขันนัก!” ฮองเฮาทรงหัวร่อเยาะ “เปรอะเปื้อนมลทินไปทั้งตัว บัดนี้ยังมีหน้ามาอ้างตนว่าเป็นขุนนางผู้ซื่อสัตย์? เหตุใดจึงไม่พูดเช่นนี้ให้เร็วกว่านี้เล่า? เช่นนั้นข้าจะได้ไม่ต้องแต่งเข้าวังมา ปล่อยให้ข้าดิ้นรนต่อสู้เพียงลำพัง” ฉีฮูหยินใหญ่กล่าว “แม้บิดาจะมีความผิดพลาดในเรื่องส่วนตัว แต่ตลอดเวลาที่อยู่ในกรมขุนนาง ก็รับใช้แผ่นดินและฮ่องเต้โดยซื่อสัตย์ ไม่เคยขายตำแหน่งขุนนางหรือรับสินบน” ฮองเฮาทรงแค่นเสียง “ทำหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1479

    ฮองเฮาเคยได้รับความอัปยศเช่นนี้เสียเมื่อไร? แม้แต่ฮ่องเต้ทรงกริ้วพระนางอย่างที่สุด ก็เพียงแค่ทรงตำหนิเล็กน้อย หรือไม่ก็ทรงมีรับสั่งกักบริเวณพระนางเท่านั้น “เซี่ยหลูโม่เป็นตัวอะไร? เขาถึงได้กล้าถึงเพียงนี้! บังอาจมาทำอวดดีต่อหน้าข้า! ข้าเห็นว่าเขาสร้างผลงานไว้ จึงเป็นห่วงเรื่องเชื้อสายของเขา เขาคิดว่าข้าไม่มีเรื่องใดให้ทำ นอกจากยุ่งเรื่องของเขารึ? เขาไม่ชอบก็แล้วไป ยังมีคนที่ชอบอีกมาก!” ฮองเฮาทรงกริ้วจนปวดพระเศียร ไม่เคยพบผู้ใดที่ไม่รู้คุณคนเช่นนี้มาก่อน ความน้อยพระทัยของพระนางทำให้หลานเจี่ยนกูกูงุนงงนัก เดิมทีเรื่องนี้ก็แค่หาข้ออ้างเพื่อบีบให้พระชายาอ๋องต้องยอมเข้าวังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเชื้อสายของจวนอ๋องจริงๆ แล้วล่ะ? หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าฮองเฮาทรงหาข้อแก้ตัวให้พระองค์เองเพราะทรงโกรธ แต่ข้อแก้ตัวเช่นนี้ดูจะไร้ความจำเป็นไปมาก เพียงทำให้พระองค์เองขุ่นเคืองยิ่งขึ้นเท่านั้น นางจึงเอ่ยปลอบ “พระนางอย่าได้กริ้วไปเพคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นการหาพระชายารองให้เขาจริงๆ นี่เพคะ” ฮองเฮาทรงตวัดพระเนตรมองนางด้วยความไม่พอพระทัย ก่อนตรัสด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1478

    เซี่ยหลูโม่เห็นเขามีท่าทางอิดโรย ประกอบกับอู๋ต้าปั้นก็ได้นำฎีกากลับไปแล้ว จึงกล่าวว่า “น้องมีเรื่องหนึ่งขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสถาม “เรื่องอันใด?” เซี่ยหลูโม่ดวงตาสงบนิ่งเย็นชา “น้องอยากไปตำหนักฉางชุนสักคราพ่ะย่ะค่ะ” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงเข้าใจทันทีว่าเป็นเรื่องอันใด เรื่องนี้ก่อให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวง ถึงขั้นเกือบทำให้ผู้ตรวจการสวี่ต้องสิ้นชีพ จักรพรรดิ์ซูชิงไม่ต้องการเผชิญหน้า จึงรับสั่งให้เขาไปตามต้องการ เซี่ยหลูโม่ถวายบังคมลา มุ่งหน้าสู่ตำหนักฉางชุนทันที ฮองเฮาทรงทราบถึงเจตนาของเขา จึงให้คนไปเชิญเข้ามา นางเห็นว่าซ่งซีซีปฏิเสธการแต่งตั้งพระชายารองให้เซี่ยหลูโม่ เป็นเพราะซ่งซีซีขี้หึงและเห็นแก่ตัว ทว่าชายใดเล่าจะคิดเช่นนั้น แม้จะกล่าวคำโตเพียงใด ก็ไม่อาจกลบซ่อนสันดานดิบของบุรุษได้ แม้ฮ่องเต้จะทรงอุทิศพระองค์เพื่อราชกิจ ไม่เสด็จเยือนฝ่ายในบ่อยนัก แต่ก็ยังมีสนมมากมายถึงสามวังหกตำหนัก เมื่อเจอคนถูกพระทัย ก็ยังทรงพลิกป้ายให้เข้าพบเดือนละสามสี่ครั้ง ฉีฮองเฮาทรงเห็นว่าไม่มีแมวตัวใดไม่ชอบกินปลา รวมถึงเซี่ยหลูโม่เองก็เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น นางยัง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1477

    เซี่ยหลูโม่เอ่ยขึ้น "แล้วเสด็จพี่มีแผนการอย่างไร?" จักรพรรดิ์ซูชิงตรัสตอบ "เดิมที หากข้ามีชีวิตอยู่ได้เพียงสามเดือน ข้าจะตั้งองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาท และให้เจ้าเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน พร้อมตั้งขุนนางที่ไว้ใจได้อีกสองสามคนเป็นผู้ช่วยว่าราชการ ส่วนองค์ชายรอง จะถูกส่งไปประจำอยู่ที่หนานเจียง และปลดฮองเฮาออกจากตำแหน่ง เช่นนี้จะช่วยลดอำนาจของตระกูลฉีลงได้" เซี่ยหลูโม่เอ่ยเสียงเรียบ “เกรงว่าน้องจะไม่อาจรับตำแหน่งสำคัญนี้" เขาเข้าใจดีว่า หากเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ย่อมต้องแลกเปลี่ยนบางสิ่งกับจักรพรรดิ์ซูชิง และสิ่งที่เขาคิดถึงเป็นอย่างแรกก็คือ คำสั่งห้ามให้เขามีทายาท เช่นนั้น แม้เขาจะขึ้นครองบัลลังก์ สุดท้ายก็ต้องคืนตำแหน่งจักรพรรดิ์ให้กับราชวงศ์ จักรพรรดิ์ซูชิงมองลึกเข้าไปในแววตาของเขาแล้วถอนพระปัสสาสะเบาๆ "เรื่องมากมายก็มิอาจปิดบังไปจากเจ้าได้ ข้าเคยคิดจะให้เจ้าสาบานว่า เจ้าจะไม่มีบุตร ไม่มีทายาท ข้าเห็นแก่ตัว แต่ข้าทำได้เพียงเท่านี้" เซี่ยหลูโม่เข้าใจความหมายของจักรพรรดิ์ซูชิง แต่เขาไม่อาจยอมรับได้ การมีหรือไม่มีบุตร ไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจเพียงลำพัง ซีซีมีสิทธิ์ที่จะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1476

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนสีพระพักตร์จะค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น "หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่า ข้ายังมีชีวิตอยู่ได้อีกสามปี แต่ก่อนหน้านี้ หมอหลวงเคยบอกว่า ข้าน่าจะอยู่ได้หนึ่งปี ทว่าผ่านไปไม่นาน กลับเหลือเพียงแค่หกเดือน ข้าคิดว่า คำของหมอทั้งหลาย เมื่อมาถึงตัวข้า ก็ควรจะต้องลดลงครึ่งหนึ่งเสมอ เช่นนั้น หนึ่งปีครึ่งที่เหลือ อาจจะไม่ได้มีจริงด้วยซ้ำ" "เสด็จพี่ อย่าทรงคิดในแง่ร้าย..." จักรพรรดิ์ซูชิงยกพระหัตถ์ขึ้นปราม "เจ้าฟังข้าก่อน บัดนี้ ข้ามีสติแจ่มชัด มิได้เลอะเลือน เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท ต้องรีบจัดการ แต่ปัญหาคือ ข้าไม่กล้าตั้งใคร ยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่จะเติบโตขึ้นปกครองแผ่นดิน มหาเสนาบดีแก่ชราลงแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะฝากบ้านเมืองไว้ในมือใครได้ นอกจากเจ้า" เซี่ยหลูโม่มิได้เอ่ยสิ่งใด เพราะเขารู้ดีว่า ความไว้วางใจและความระแวงของเสด็จพี่ล้วนเกิดขึ้นโดยไร้หลักการ มันมักมาเป็นระยะๆ "ข้า มีพระโอรสสามองค์ เดิมทีมีองค์ชายใหญ่เป็นรัชทายาทโดยธรรมชาติ ตำแหน่งรัชทายาทจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่องค์ชายใหญ่ เขาธรรมดาเกินไป ธรรมดาก็ไม่เป็นไรนัก แต่เขา ขี้เกียจ หยิ่งยะโส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1475

    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกลับต้องพบว่า ดูหรือไม่ดู ก็ไม่ต่างกันเลย เพียงเห็นว่าหมอมหัศจรรย์ดันคีบเข็มไว้ในซอกนิ้วทั้งห้า แล้วในพริบตาเดียว เข็มสี่เล่ม ก็ปักลงจุดได้อย่างแม่นยำ พวกเขาแทบมองเห็นเพียงแค่ภาพลวงตาของมือหนึ่งข้างเท่านั้น แต่ผลลัพธ์กลับแม่นยำและมั่นคง ราวกับว่าทุกอย่างจบลงในพริบตาเดียว ทั้งสี่จุด แม้จะอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่การจะหา จุดฝังเข็ม ให้ถูกต้อง และปักเข็มลงไปอย่างแม่นยำโดยไม่ลังเลนั้น ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย แต่หมอมหัศจรรย์ดันกลับทำได้ในพริบตาเดียว หลังจากฝังเข็มแล้ว เขาจึงให้จักรพรรดิ์ซูชิงเสวยซูซื่อตันเพื่อบรรเทาอาการปวด ผลของยาระงับปวดชัดเจนมาก สีพระพักตร์ของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นทันตา ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ หมอมหัศจรรย์ดันถอนเข็มออก ก่อนจะเขียนตำรับยา จากนั้นจึงหยิบยาดันเสวี่ยออกมาจากหีบยา แล้วกล่าวว่า "ทุกคนต่างคิดว่ายาดันเสวี่ย ใช้เพียงเพื่อบำรุงชีพจร แต่แท้จริงแล้ว มันช่วยฟื้นฟูร่างกายและบำรุงอวัยวะทั้งห้า ได้ด้วย ต่อไป ฮ่องเต้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้น ยานี้จึงจำเป็นต้องช่วยคุ้มครอง ตับและไต โดยปกติ ควรเสวยทุกเจ็ดวันหนึ่งเม็ด แต่บัดน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1474

    จักรพรรดิ์ซูชิง ทรงเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนมีพระบัญชาให้จัดเตรียมห้องพักในตำหนักข้างเคียงของตำหนักเฉียนหยาง พร้อมทั้งส่งแพทย์จากสำนักหมอหลวงมาคอยดูแลหมอมหัศจรรย์ดัน พร้อมกันนั้น ทรงมีพระบัญชาให้จางฉีเหวินและฉีกุ้ยเป็นองครักษ์ส่วนตัวของหมอมหัศจรรย์ดัน คอยติดตามดูแลเขาตลอดเวลา พระองค์ทรงทราบดีว่าจางฉีเหวินเป็นศิษย์ของเสิ่นว่านจือ การให้เขาคุ้มครองหมอมหัศจรรย์ดัน ก็เพื่อให้หมอมหัศจรรย์ดันรู้สึกวางใจ แต่เพื่อให้พระองค์เองก็วางใจได้เช่นกัน จึงทรงส่งฉีกุ้ยไปด้วยอีกคน ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังมีพระบัญชาให้สำนักหมอหลวงปฏิบัติตามคำสั่งของหมอมหัศจรรย์ดันเป็นอันดับแรก อำนาจนี้ยิ่งใหญ่ไม่น้อย แต่แท้จริงแล้ว พระองค์หวังให้สำนักหมอหลวงเป็นฝ่ายจัดหายา หมอมหัศจรรย์ดันมิได้ใส่ใจเรื่องนี้ ขอเพียงมีคนทำตามคำสั่งก็เพียงพอแล้ว แต่จากการที่จักรพรรดิ์ซูชิงทรงส่งจางฉีเหวินและฉีกุ้ยไป อาจมองออกได้ว่า พระองค์มิได้ไว้วางพระทัยผู้คนจากฝ่ายใน บัดนี้ พระองค์และหมอมหัศจรรย์ดัน มีชะตาเดียวกัน หากหมอมหัศจรรย์ดันตาย พระองค์ก็ตาย หากหมอมหัศจรรย์ดันมีชีวิตอยู่ พระองค์ก็อาจอยู่ได้อีกอย่างน้อยสามปี สามปีไม่ยาว

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status