Share

บทที่ 101

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
บัดนี้กองทัพซวนเจียรู้สึกชื่นชมนับถือกับซ่งซีซีอย่างยิ่ง โดยเฉพาะปี้หมิง

เขามองออกความแข็งแกร่งแห่งการเคลื่อนไหวของแม่ทัพซ่ง แท่งไม้กลายเป็นท่อนไม้ที่เป็นชิ้นๆ อีกอย่างทั้งหมดเรียงกันอย่างเรียบร้อย พลังภายในนี้ได้ซ่อนฝีมือไว้

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเศษไม้จำนวนมากที่พุ่งออกไป มีเพียงชิ้นเดียวที่ลงยังคอเท่านั้นที่มันเบา

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และฟ้าเริ่มมืดลง กองไฟก็ส่องทหารที่ค่อยๆ กระจายออกไป และพวกเขาก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาม

แต่คราวนี้หัวข้อที่พวกเขาสนทนานั้นล้วนเกี่ยวกับท่าที่แม่ทัพซ่งออกให้

"แท่งไม้แตกออกเป็นชิ้นๆ ทันที มันน่าทึ่งมากจริงๆ มันเหมือนกับมายากลทีเดียว"

"สมเป็นลูกสาวของท่านแม่ทัพซ่งจริงๆ สินะ นางสุดยอดมาก"

"ข้าว่าแล้วเชียว หากไม่ได้สร้างผลงานทางทหารด้วยความสามารถของตัวเองจริงๆ แล้วจะเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่ทัพชั้นห้าได้อย่างไรเล่า"

"เจ้านี่ไร้ยางอายเลย เจ้าเป็นคนโวยวายเสียงดังที่สุดในตอนแรก และยังคิดจะไปประท้วงต่อหน้าผู้บังคับบัญชาเสียอีก หากข้าไม่ได้ห้ามเจ้าไว้ คนที่ถูกตีด้วยไม้กระดานทหารจะเป็นเจ้าแน่"

"เอ๊ะๆๆ ข้าแค่หลงเชื่อคำพูดของแม่ทัพยี่ไป แม่ทัพยี่เป็นคนพูดเองว่า แม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 102

    ซ่งซีซีชี้หอกดอกท้อออกไป ชี้ไปยังสถานที่ที่นางสู้กับปี้หมิง "หากตายังใช้งานได้ จงไปดูด้วยตัวเจ้าเองว่าเหตุใดปี้หมิงจึงยอมแพ้"สถานที่นั้นอยู่ไม่ไกล ห่างจากพวกเขาเพียงเจ็ดหรือแปดฟุตเท่านั้นเมื่อมองตามทิศทางที่ชี้โดยหอกดอกท้อ ยี่ฝางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเห็นรอยแตกห้ารอยบนพื้น แต่ละรอยแตกนั้นเหมือนกับตะขาบกำลังคลานอยู่อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งกำลังไปยังที่แห่งเดียวนั่นอาจเป็นที่ที่ปี้หมิงยืนอยู่ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ามันจะทะลุเท้าของปี้หมิง เนื่องจากหนึ่งในห้ารอยแตกนั้นมีสถานที่ที่หนึ่งที่มีขนาดใหญ่ประมาณรอยเท้าคู่หนึ่ง ซึ่งรอยไม่ได้ใหญ่มาก พอจะเข้าใจว่าแรงภายในจะกระทบเท้าของปี้หมิงเข้า ดังนั้นรอยแตกในสถานที่นั้นจึงค่อนข้างเล็กหากกำลังภายในนี้ไม่ได้รับการควบคุมอย่างเหมาะสม ขาของปี้หมิงก็อาจถูกทำลายไปเลยนี่คือเหตุผลที่ปี้หมิงยอมรับความพ่ายแพ้ยี่ฝางหายใจเข้าลึกๆ นางรู้ว่า นางพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงต่อหน้าซ่งซีซีเลยแต่ไม่นานนัก นางก็ยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว คว้าแขนของจ้านเป่ยว่าง แนบชิดข้างเขา และเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ที่นางไม่เคยมีมาก่อน "ใช่ ในด้านความท้าทาย ข้าแพ้กับเจ้า ทักษะศิล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 103

    ซ่งซีซีถูกเซี่ยหลูโม่เรียกตัวไปมีถ้วยชาร้อนวางอยู่ตรงหน้านาง ความร้อนอบอ้าวทำให้ดวงตาของนางพร่ามัวนางหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบ น้ำชาขมมาก แต่ได้ดื่มชาในกองทัพก็เป็นเรื่องที่ยากมากแล้ว"ต้องการฆ่านาง?" เซี่ยหลูโม่ถาม"เคยคิด" ซ่งซีซีตอบอย่างตรงไปตรงมาเซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "คนที่ถูกส่งไปสอบสวนส่งจดหมายกลับมา ชาวซีจิงถึงกับปกปิดการสังหารหมู่ในหมู่บ้าน พวกเขาแค่บอกคนนอกว่าหมู่บ้านเกิดไฟไหม้ และทุกคนถูกเผาจนตาย เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร"ซ่งซีซีจับถ้วยในมือแน่น มือของนางอบอุ่นขึ้น แต่ใจกลับรู้สึกเย็นเฉียบ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ค่อยๆ พูดว่า "ข้ารู้ ชาวซีจิงต้องการซ่อนความอัปยศอดสูของรัชทายาทแห่งเมืองซีจิง""ดังนั้น แม้ว่าฮ่องเต้จะสืบความจริงเข้าแล้ว อย่างน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้า ขนาดเขาเองก็ไม่สามารถทำอะไรยี่ฝางได้ อย่างน้อยเจ้าวางใจได้ว่าท่านตาของเจ้าจะไม่โดนเดือดร้อนเพราะยี่ฝาง"ขนาดชาวซีจิงยังไม่ยอมรับยี่ฝางสังหารหมู่ แล้วฮ่องเต้จะเป็นฝ่ายริเริ่มยอมรับเรื่องนี้ได้ยังไงเล่า คงเป็นไปไม่ได้ไปบังคับให้ชาวซีจิงยอมรับ แล้วให้ฮ่องเต้ส่งทูตไปยอมรับความผิดพลาดกับพวกเขากระมังซ่งซีซีก็เข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 104

    หลังจากที่ยี่ฝางล้มเหลวในการท้าทาย นางก็ถูกทหารหลายคนวิพากษ์วิจารณ์อย่างลับหลังพวกทหารและแม่ทัพที่ถูกทุบตีด้วยไม้ทหารเพราะเชื่อใจนาง ยิ่งปฏิบัติต่อนางอย่างหงุดหงิดมากแต่โชคดีที่ทหารภายใต้บังคับบัญชาของนางยังคงเคารพนาง โดยเฉพาะทหารสามร้อยนายที่สร้างผลงานพร้อมกับนาง ซึ่งภักดีต่อนางมากถึงยังไงแล้ว การมีส่วนร่วมในสงครามเมืองลู่เปินเอ่อร์ ทำให้พวกเขาได้รับรางวัลเงินไม่น้อย ดังนั้นไม่ว่าคนนอกจะพูดอะไร พวกเขาจะต้องภักดีต่อยี่ฝางนอกจากนี้ พวกเขายังมีความลับเดียวกัน ซึ่งความลับนี้ต้องเก็บไปตลอดไป ต่อให้ต้องตายก็บอกไม่ได้หลังจากยี่ฝางสติแตกไปสองวัน นางก็ค่อยๆ กลับมามีพลังอีกครั้งตอนนี้ นางกับพี่จ้านเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่านางจะสร้างผลงานไม่ได้อีก แต่ขอแค่พี่จ้านสร้างผลงานไว้ งั้นก็เป็นเกียรติของสองสามีภรรยาพวกเขาสองคนกันเมื่อถึงเวลานั้น นางจะนำกองทหารไปกับพี่จ้าน เพื่อช่วยเขาสังหารศัตรู และหลังจากพี่จ้านได้สร้างผลงานแล้ว ก็สามารถช่วยพูดให้นางอีกนางไปหาจ้านเป่ยว่างอย่างตื่นเต้น "พี่จ้าน เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ข้าจะนำกองกำลังของข้าติดตามเจ้าไป และช่วยเจ้าฆ่าศัตรู ถ้าเจ้าสร้างผลงานก็เ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 105

    ทุกคนกำลังเตรียมตัวอย่างตื่นเต้นสำหรับสงครามนี้ และซ่งซีซีก็ฝึกฝนหองทัพมาหลายวันแล้วทหารยามซวนเจียจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันนาย แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งทำหน้าที่โจมตีและอีกหนึ่งกลุ่มป้องกัน แต่ละกลุ่มแบ่งออกเป็นสิบหน่วย และจำนวนการโจมตีและการป้องกันทั้งหมดรวมกันคือยี่สิบหน่วยแผนการต่อสู้ของนางเป็นเช่นนี้ ขั้นแรก ให้ทั้งห้าหน่วยโจมตี จากนั้นอีกห้าหน่วยจะป้องกัน ให้สลับหน้าที่อย่างรวดเร็ว เมื่อหน่วยการป้องกันได้คงที่ให้รีบโจมตีทันที สลับกันปกป้องและโจมตีเลย ตามนี้ไปการฝึกไม่กี่วันก็ค่อนข้างมีประสิทธิผลบัดนี้ อาวุธพร้อมแล้ว โดยมีโล่และมีดสั้นสำหรับหน่วยป้องกัน และหอกสำหรับหน่วยโจมตีผู้บังคับบัญชากล่าวว่าก็ประมาณอีกสองสามวันข้างหน้าจะเริ่มโจมตีเมืองแล้ว กองทัพซวนเจียทำหน้าที่เป็นผู้นำกองทัพ จะต้องเตรียมแผนการล้อมโจมตีเมืองทีละแผนให้ดีๆในเวลานั้น จ้านเป่ยว่างจะให้ความร่วมมือและนำคนหนึ่งหมื่นคนไปสร้างบันได ดันเครื่องโยนหิน ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจะต้องหารือเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือในช่วงสองสามวันก่อนสงครามจริงๆ แล้วแผนการโดยรวมถูกผู้บังคับบัญชากำหนดไว้แล้ว พวกเขาไม่มีอะไรสำคัญที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 106

    จ้านเป่ยว่างถามเบาๆ อีกครั้ง "แล้วที่เจ้าแต่งงานกับข้า เป็นเพราะเจ้าชอบข้าจริงๆ หรือว่าเจ้ายอมแต่งงานกับใครก็ตามที่ท่านแม่ของเจ้าเลือกให้เจ้า?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "คำถามนี้ไม่มีความหมายย"เขารีบพูดขึ้น "ข้าอยากรู้"ซ่งซีซีขมวดคิ้วอีกครั้ง "จ้านเป่ยว่าง เจ้าไม่เคยวางตัวให้ถูกเลย ยามที่เจ้าเป็นสามีของข้าเจ้าวางตัวไม่ถูก ยามนี้ที่เจ้าเป็นสามีของยี่ฝาง เจ้าก็ยังวางตัวไม่ถูกเช่นกัน"จ้านเป่ยว่างมองนางด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ และน้ำเสียงของเขาก็เย็นชา "เพราะงั้นเจ้าไม่เคยชอบข้ามาก่อนเลย เจ้าแค่แต่งงานกับข้าตามคำสั่งของท่านแม่เจ้า ข้าว่าแล้วเชียว ข้าแค่แต่งภรรยาที่เท่าเทียมกันคนหนึ่ง เจ้ากลับเข้าวังเพื่อขอหย่าโดยสันติ เจ้าไม่มีความรู้สึกอะไรต่อข้าเลย เจ้าใจร้ายกับข้าก่อน แต่กลับให้ทุกคนคิดว่าข้าทำผิดต่อเจ้า"ซ่งซีซีหัวเราะด้วยความโกรธ "ไม่ว่าข้าจะมีความรู้สึกต่อเจ้าหรือไม่ ตั้งแต่ที่ข้าแต่เข้าจวนแม่ทัพของเจ้า ข้าดูแลท่านพ่อแม่ของเจ้าโดยเอาใจใส่ ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ยับยั้งตัวเอง และรอเจ้ากลับมาด้วยความสำเร็จ แต่เจ้าเล่า คำสัญญาในเวลาที่เจ้าสู่ขอ ก่อนที่เจ้าจะออกศึกบอกข้าว่าให้ข้ารอเจ้า ข้ารอมาตั้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 108

    การล้อมโจมตีเมืองนั้นโหดร้ายที่สุด พวกเขาอยู่บนกำแพงเมืองของซีม่อน และเครื่องยิงธนูก็มุ่งเป้าไปที่ทหารที่อยู่ด้านล่าง ดังนั้นพวกเขาจึงยังคงใช้วิธีก่อนหน้านี้ ให้ผู้ที่มีทักษะวิชาตัวเบาเก่งๆ บินขึ้นไปบนกำแพงเมืองแต่คราวนี้กำแพงเมืองของซีม่อนได้ถูกซ่อมแซมให้สูงขึ้น ในเวลาเพียงสิบวัน ชาวแคว้นซาได้สร้างกำแพงเมืองสูงขึ้นมาหนึ่งฟุต ดังนั้น คนที่สามารถบินขึ้นไปบนกำแพงเมืองก็มีเพียงพวกเซี่ยหลูโม่ ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือในตอนแรก แม่ทัพฟางก็ไม่สามารถบินขึ้นไปได้ เขาพยายามอย่างเต็มที่ ได้บินขึ้นไปหลายครั้ง แต่ก่อนที่เขาจะยืนตัวให้มั่นคง หอกของศัตรูก็แทงมาเขาลงที่เขาทันที เสิ่นว่านจือเห็นเช่นนั้น เฆี่ยนแส้อีกครั้ง และมัดแม่ทัพฟางก่อนจะลากเขากลับเข้ามาเสิ่นว่านจือช่วยแม่ทัพฟาง นางเลยตกอยู่อันตราย เฉินเฉินก็รีบช่วยเฝ้าระวังให้นาง และปกป้องนางจากหอกของศัตรูซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ทำลายเครื่องยิงธนูสองคันท่ามกลางกองทหารศัตรู จากนั้นซ่งซีซีก็ตะโกนบอกกองทัพซวนเจียว่า "ใช้เครื่องยกหิน"ปี้หมิงทำตามคำสั่ง "ใช้เครื่องยกหิน!"อาวุธหนักที่กองทัพจ้านเป่ยว่างนำมาล้วนมาถึงแล้ว ขณะที่กองทัพซวนเจียและจ้านเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 108

    ด้านล่าง จ้านเป่ยว่างช่วยเหลือในการโจมตีเมือง แต่เมื่อเขาเห็นยี่ฝางนำคนอยู่ข้างหลัง เขาก็สะดุ้งและพูดอย่างกังวลว่า "ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? ผู้บังคับบัญชาไม่ได้ให้เจ้าและแม่ทัพมู่อยู่ด้านหลังหรือ?""ข้าบอกไปแล้วว่าข้าต้องการช่วยเจ้าสร้างผลงาน" ดวงตาของยี่ฝางเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า "การยึดเมืองนี้ไว้ถือเป็นผลงานสำคัญมาก เราไม่สามารถปล่อยให้พวกซ่งซีซีแย่งไปทั้งหมด ยิ่งกว่านั้น ต่อไปเจ้าสามารถอยู่ต่อหน้ากระทรวงกลาโหมและฮ่องเต้เอ่ยถึงข้า โดยบอกว่าข้าได้ออกศึกอยู่แนวหน้า""แต่เจ้าไม่ควรฝ่าฝืนคำสั่งทางทหาร" จ้านเป่ยว่างรู้สึกโกรธมาก"ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เจ้าได้ผลงานก็พอ" ยี่ฝางไม่เกรงกลัวอะไรเลย ยังไงนางจะถูกลงโทษด้วยกฏทหารแล้ว เซี่ยหลูโม่คงไม่ลงโทษนางจนตาย นางเป็นแม่ทัพหญิงอับดับแรกที่ไทเฮาชื่นชม ผู้ที่จะต่อสู้เพื่อชื่อเสียงของสตรีแห่งโลกยิ่งไปกว่านั้น พี่จ้านและซ่งซีซีอยู่ด้วยกันตามลำพังมานานมากในระหว่างการฝึกซ้อม และนางก็รู้สึกตื่นตระหนกมาก นางต้องทำอะไรเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ถ้านางสามารถช่วยพี่จ้านสร้างผลงานได้ พี่จ้านถึงจะยิมยอมอยู่กับนางอย่างมั่นคงไม่ว่าซ่งซีซีจะมีความสามารถแค่ไหน นา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 109

    เมื่อจ้านเป่ยว่างได้ยินคำพูดดังกล่าว เขารู้สึกปวดใจมาก ก่อนตะโกนว่า "พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสียชีวิต กองทัพซวนเจียเป็นกองกำลังหลักเพื่อโจมตีเมือง และเราแค่ทำหน้าที่ช่วยเหลือ แม้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้า เจ้าก็สามารถให้พวกเขาช่วยบรรทุกหินได้ แทนที่จะให้พวกเขาตายไปเปล่าๆ"ปี้หมิงไม่สนใจอะไรมาก และสั่งโดยตรงว่า "กองทัพซวนเจียขึ้นไปบนบันไดยาว ใครก็ตามที่ไม่ใช่กองทัพซวนเจีย ให้ถีบออกไปเลย"ในเมื่อกี้กองทัพซวนเจียตกอยู่ความสับส้น เมื่อพวกเขารู้สึกตัว ก็ปีนขึ้นบันไดอีกครั้งทันที หากพบใครที่ไม่ใช่กองทัพซวนเจีย พวกเขาจะดึงออกมาหรือเตะลงบุคคลยังคงตกลงไม่หยุด แต่ไม่ได้ถูกหอกแทงเข้า ยังสามารถอยู่รอดได้เมื่อจ้านเป่ยว่างเห็นว่าได้รับการควบคุมแล้ว เขาก็ผลักยี่ฝางออกไปและพูดว่า "จะร้องไห้ก็ออกไปไกลๆ"เขาวิ่งไปที่เครื่องโยนหิน แล้วสั่งว่า "บรรทุกหินต่อไปแล้ว โยนหินออกไป"ยี่ฝางยืนขึ้น ปาดน้ำตา ทันใดนั้นดวงตาของนางก็ดูดุร้ายมาก และสั่งให้ทหารของนางล่าถอยออกไป รอที่จะบุกเข้าไปในเมืองและรีบเร่งเข้าต่อสู้ ทหารภายใต้การบังคับบัญชาของนาง จะต้องแย่งผลงานทางทหารจากซ่งซีซีให้ได้พี่จ้านจะต้องเสียใจแน่นอนเซี่

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1582

    ก่อนที่ข้าจะออกบวช ข้ามีนามว่าเซี่ยฟ่านตั้งแต่เล็ก ข้ามักได้ยินผู้คนกล่าวถึงข้าว่าเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ปราดเปรื่องยิ่งนัก เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่โอรสทั้งสามพระองค์ได้ฟังคำกล่าวเช่นนี้บ่อยครั้ง ข้าก็เริ่มเชื่อเสียเอง และบางครั้งยังรู้สึกภาคภูมิใจแต่ทุกครั้งที่ข้ารู้สึกปลาบปลื้มในคำสรรเสริญเหล่านั้น เสด็จแม่ก็จะดึงข้าลงจากฟ้าในบัดดล พระนางจะทอดพระเนตรมาที่ข้า ดวงเนตรเต็มไปด้วยความเวทนาและความรู้สึกสลับซับซ้อน แล้วทอดถอนพระทัยตรัสว่า “น่าเสียดายนักที่เจ้ามาเกิดในครรภ์ของแม่ ถูกเจ้าคนโง่นั่นกดไว้เสียหนึ่งช่วงตัว เจ้านั่นแค่ดวงดีเท่านั้น”เจ้าคนโง่นั่น ข้าก็ได้ยินเสด็จแม่เรียกอยู่บ่อยๆ ตั้งแต่เด็กเสด็จแม่ไม่เคยตรัสเช่นนี้ต่อหน้าผู้อื่น มีเพียงยามอยู่ตามลำพังกับข้าเท่านั้นเมื่อยังเยาว์ ข้ารู้สึกประหลาดใจนัก เสด็จแม่ชัดเจนว่าส่งเสริมให้เกลียดเสด็จพี่ใหญ่ ทว่าเวลาที่พบเสด็จพี่ใหญ่ พระนางกลับแสดงสายตาอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา ตรัสคำชมเชยกับเขามากมาย ทั้งที่เขาออกจะโง่เขลา แต่ยังตรัสว่าเขาฉลาดข้าไม่เข้าใจ จึงแอบไปถามชิงหลันกูกู ชิงหลันกูกูก็เพียงทอดถอนใจ ลูบศีรษะข้าแล้วกล่าวว่า “องค์ชา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1581

    เพื่อนรักวัยเยาว์ทั้งสอง ต่างก็มุ่งมั่นสุดกำลังในเส้นทางของตน ซิวเช่อเริ่มต้นจากการเรียนรู้เรื่องสมุนไพร จากสมุนไพรสู่แพทย์ นั่นกลายเป็นที่พึ่งพิงทั้งชีวิตของเขาในสำนักเทพโอสถ แต่เดิม เขาใช้มันเป็นที่พึ่ง เพราะรู้ดีว่าตนไม่อาจลงเขาไปเปิดสถานรักษา รักษาผู้คนได้จริง กระทั่งซ่งรุ่ยมาเยือน และทิ้งท้ายด้วยจดหมายฉบับหนึ่ง ทำให้เขาเริ่มมีความหวังว่าจะได้ลงเขาอีกครั้ง นับแต่นั้น เขาจึงยิ่งทุ่มเทฝึกฝนไม่พักไม่ผ่อน เขาผ่านความเจ็บปวดแสนสาหัส จึงเน้นศึกษาการรักษาอาการบาดเจ็บและอาการเจ็บปวดโดยเฉพาะ แน่นอนว่า การแพทย์คือศาสตร์ที่ต้องรู้รอบด้าน เขาจึงไม่ละเลยสาขาอื่น ในใจเขามีเปลวไฟดวงหนึ่ง เป็นเปลวไฟที่ไม่เคยลุกโชนเลยในหลายปีที่ผ่านมา นับแต่วันที่ถูกส่งมายังสำนักเทพโอสถ เขารู้ตัวดีว่า แม้จะมีชีวิตรอด แต่ชีวิตนี้ก็คงมีเพียงเท่านี้ ทว่าบัดนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เขามีโอกาสเปลี่ยนตัวตน เปลี่ยนใบหน้า นำสิ่งที่เรียนรู้ติดตัวลงจากเขาไป เขาจะเป็นคนที่มีประโยชน์ เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตในแสงตะวัน ไม่ใช่เต่าที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลือก เขาตื่นเต้นถึงขั้นหลายคืนติดกันขลุกอยู่ในโรงปรุงยา ทั้งกินทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1580

    "เซี่ยจิ้งเหยียน ปากเจ้าหยุดได้บ้างหรือไม่?" ซ่งซีซีขมวดคิ้ว มองดูบุตรสาวที่กำลังพันแข้งพันขาพี่รุ่ยเอ่อร์ด้วยคำถามไม่หยุดไม่หย่อนใบหน้าเล็กๆ แดงจัดจากแดด เผ้าผมยุ่งเหยิงราวกับรังนก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเพิ่งออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านมานับแต่พี่รุ่ยเอ่อร์กลับจากการเดินทาง เข้าประตูมา เด็กน้อยก็ไม่หยุดเจื้อยแจ้ว ถามเรื่องสนุกต่างๆ ที่พี่ชายพบเจอระหว่างท่องเที่ยว"เสด็จแม่เจ้าคะ" เซี่ยจิ้งเหยียนเบิกตากลมโต มองมาด้วยท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา ใบหน้าราวกับเก็บเอาส่วนดีจากทั้งบิดาและมารดามาไว้ครบถ้วน "ข้ามิได้พบพี่รุ่ยเอ่อร์มานาน วันเดียวไม่ได้เจอ เหมือนห่างกันสามปี นี่ไม่รู้เลยว่าห่างกันมากี่เดือนกี่ปีแล้ว ข้าย่อมมีเรื่องมากมายต้องพูดกับพี่เขาเจ้าค่ะ""วันเดียวไม่เจอเหมือนห่างกันสามปี ใครสอนเจ้าพูดเช่นนี้?" ซ่งซีซีขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิมเซี่ยจิ้งเหยียนตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ "อาจารย์ลุงหวังพูดกับท่านน้าเสิ่นอย่างนี้ ตอนก่อนเขากลับไปเขาเหม่ยซานไม่กี่วัน พอกลับมาก็กอดท่านน้าเสิ่นแล้วพูดประโยคนี้ล่ะเจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือรีบก้มหน้าลงทันที หลบเลี่ยงสายตาคมกริบดั่งมีดของซ่งซีซี ใครจะรู้เล่าว่าตอนนั้นจิ้งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1579

    การออกจากเมืองครั้งนี้ของซ่งรุ่ย เขาแจ้งกับฮ่องเต้ว่าออกไปท่องเที่ยว แต่เขามิได้อยู่ที่สำนักเทพโอสถนานนัก เพียงเจ็ดวันก็ออกเดินทางต่อ แล้วมุ่งหน้าไปยังสถาบันว่านซงเหมินแต่เดิมตั้งใจจะกลับเมืองหลวงไปหาท่านอาหงเซียว ทว่าคิดไปคิดมา สู้ไปหาศิษย์อาผิงหวูจูงโดยตรงดีกว่า ขอให้นางเป็นผู้สอนวิชาแปลงโฉมด้วยตนเอง วิชาแปลงโฉมไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากต้องการให้ถึงขั้นแยบยล แปลงแล้วไร้ผู้ใดมองออก เช่นนั้นก็ไม่อาจสำเร็จได้ในเวลาเดือนสองเดือน วิชาแปลงโฉมอย่างง่ายนั้น สามารถทำได้โดยไม่ต้องเสริมอะไรเพิ่มเติมไปจากใบหน้าตนเอง จะเป็นการแต่งเติมหรือแต่งหน้าเท่านั้น แต่หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมา แม้แต่ฝนตกเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ความลับถูกเปิดเผย เพราะฉะนั้น ไม่อาจเรียนเพียงวิชาเบื้องต้นเช่นนี้ได้ อีกแขนงหนึ่งของวิชาแปลงโฉม คือการสร้าง “ใบหน้าเทียม” ขึ้นมา ทว่าใบหน้าเทียมทั่วไปนั้นมีความหนา อึดอัด หากสวมใส่นานจะทำร้ายผิวหน้าของผู้สวมใส่ อีกทั้งยังต้องใช้ยาพิเศษในการติดกับผิวหน้า พอถึงเวลาพักผ่อน จะต้องลอกออก ซึ่งอาจดึงเอาผิวหน้าเดิมติดออกมาด้วย ในสำนักหออวิ๋นอี้ แม้จะมีการใช้ใบหน้าเทีย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1578

    ยามค่ำ ทั้งสองนั่งสนทนาใต้แสงเทียน เรื่องราวในราชสำนักไม่มีการเอ่ยถึงแม้แต่น้อย ซิวเช่อเพียงรู้ว่าแผ่นดินสงบสุขร่มเย็น เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว เขามิใช่องค์ชายใหญ่คนเดิมอีกต่อไป สิ่งที่เขาต้องแบกรับ มีเพียงชีวิตของตน ส่วนอื่นนั้น ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกแล้ว การเข้าไปเกี่ยวข้องกับราชสำนักนั้นเป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่ง ทางที่ดีคือต้องไม่เอ่ยถึงเลยจะปลอดภัยที่สุด เมื่อยังเยาว์ เขายังไม่เข้าใจนักว่าทำไมเขาถึง “ต้องตาย” จนกระทั่งท่านปรมาจารย์ดันค่อยๆ อธิบายให้เขาเข้าใจ รวมถึงอาจารย์ของเขาก็เคยพูดถึงผลได้ผลเสียเหล่านี้ให้ฟัง ระหว่างเขากับน้องสาม แม้จะไม่ไร้ซึ่งสายสัมพันธ์ฉันพี่น้อง ทว่า หากจะใช้ความสัมพันธ์นั้นไปเดิมพันกับชีวิต เดิมพันกับอนาคตที่ไม่แน่นอน ก็มิใช่เรื่องดีสำหรับผู้ใดเลย เขาจึงยอมรับความจริง ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป และต้องมีชีวิตที่ดีในแต่ละวัน ยิ่งกว่าวันพรุ่งนี้ถึงจะไม่เสียเปล่าที่ได้เกิดมา ซ่งรุ่ยถามถึงขาของเขา “ตอนข้ามา ท่านอาบอกข้าว่า ขาของเจ้าลุกไม่ขึ้นอีกแล้ว แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงเดินได้บ้างเล่า?” ซิวเช่อตอบว่า “ปีที่เสด็จพ่อสวรรคต มีคนอยู่เพียงไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1577

    ดอกอาซาเลียของสำนักเทพโอสถ บานสะพรั่งไปทั่วทั้งเขา ภาพสีสันสดใสเหล่านี้ ช่างงดงามจนทำให้ผู้คนหลงใหล โดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่เคยมาเยือนสำนักเทพโอสถ ต่างก็อยากจะปักหลักอยู่ที่นี่ตลอดไป ทว่ากลับมีคนหนึ่งที่เป็นข้อยกเว้น เขาควบม้าจนถึงเชิงเขา พอผูกม้าไว้เรียบร้อยก็เดินเท้าขึ้นเขา สายตาของเขาจับอยู่เพียงหนทางข้างหน้า แม้ดอกอาซาเลียสีแดงจะชูช่อเข้ามาขวางทาง เขาก็เพียงใช้มือปัดออก เขาเดินเร็ว บางครายังใช้วิชาตัวเบาช่วย สำนักเทพโอสถนั้นแม้จะไม่สูงนัก แต่กลับซ่อนตัวได้แนบเนียน ทางขึ้นเขายังแยกย่อยมากมาย ทว่าเขาได้ดูแผนที่มาไม่น้อยกว่าพันครั้ง ขึ้นใจจนจำได้แม่นยำ ในวัยยี่สิบต้นๆ เขาได้รับสืบทอดตำแหน่ง ขณะนั้นท่านอาเล็กมอบของขวัญยิ่งใหญ่หลายสิ่ง และของขวัญที่ใหญ่ที่สุดก็คือแผนที่ฉบับนั้น พร้อมกับข่าวหนึ่งที่ทำให้เลือดทั้งตัวของเขาเดือดพล่าน ซิวเช่อ… ยังมีชีวิตอยู่ คืนนั้นเขาไม่ได้นอนแม้แต่น้อย ภาพในอดีตผุดขึ้นในหัวทีละฉาก ราวกับเป็นเรื่องราวชาติปางก่อน หลังรับตำแหน่ง ต้องเข้าวังถวายบังคม ไปไหว้บรรพชน และเยี่ยมเยือนขุนนางผู้มาร่วมแสดงความยินดี ท่านอาเล็กอยากให้เขาใช้โอกาสนี้สร้างส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1576

    เซี่ยหลูโม่มองเสื้อคลุมนั้น “นี่ของข้านี่ เจ้าเห็นว่าข้าอ้วนหรือ? ข้ามิได้อ้วนนี่นา”“อ้อ ของเจ้าหรือ? งั้นก็ยาวเกินไปหน่อย เอาไว้ให้คนแก้ให้หน่อยแล้วกัน”เซี่ยหลูโม่ว่า “เจ้าจะใส่เสื้อหลวมๆ ก็ให้คนตัดใหม่ให้สิ ไฉนต้องเอาเสื้อตัวเก่าของข้ามาแก้ด้วยล่ะ? ใส่ก็ไม่สบาย”“ข้าจะกลับไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี พอได้สวมเสื้อของเจ้า ก็เหมือนเจ้าคอยอยู่ข้างกายข้ายังไงเล่า” ซ่งซีซียิ้มจนตาโค้ง ราวกับการจากกันหนึ่งปีในปากของนางนั้นเป็นแค่เพียงวันเดียว ดูไม่เป็นเรื่องสำคัญอันใดเลยแม้แต่น้อย“หนึ่งปี?” เซี่ยหลูโม่ถึงกับตกตะลึง “เจ้าจะกลับไปหนึ่งปีเชียวหรือ? ทำไมล่ะ?”“ก็แน่นอนว่าอาจารย์คิดถึงข้า แล้วข้าก็คิดถึงอาจารย์ด้วยสิ” ซ่งซีซีเท้าสะเอว แล้วยื่นเสื้อให้เป่าจูที่ยืนปิดปากหัวเราะอยู่ข้างๆ “แต่ไม่ใช่ว่าจะไปตอนนี้นะ รุ่ยเอ๋อร์กำลังจะรับตำแหน่งสืบทอดจวนกั๋วกง รอเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าค่อยกลับเขาเหม่ยซาน”“ทำไมต้องกลับไปนานขนาดนั้น?” เซี่ยหลูโม่รู้สึกว่าท่าทางยืนของนางแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก เอาแต่ถามต่อซ่งซีซีลงนั่งอย่างไม่รีบร้อน “ข้าจะไปอยู่เขาเหม่ยซานหนึ่งปี แล้วจะอุ้มเด็กกลับมาคนหนึ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1575

    วันที่สิบสามเดือนเหมันต์ พระองค์กลับมีสติแจ่มใสขึ้นมาก จนเอ่ยว่าหิว และระบุชัดว่าต้องการเสวยโจ๊กเนื้อกับขนมนมอบกรอบอู๋ต้าปั้นรีบสั่งให้คนจัดเตรียม พอโจ๊กเนื้อกับขนมนมอบกรอบมาจัดถวาย เฉินฮองเฮาก็นั่งอยู่ข้างเตียงป้อนพระองค์เหมือนเช่นเคย แต่พระองค์กลับบอกว่าอยากนั่งเสวยเองอู๋ต้าปั้นจึงเข้ามาพยุงพระองค์ให้ลุกขึ้น แล้ววางเบาะนุ่มหนาไว้ที่ด้านหลังพระองค์ผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก เมื่อนั่งก็จะไถลตัวลงทุกครั้ง อู๋ต้าปั้นจึงต้องคุกเข่าข้างเตียง ใช้สองมือประคองช่วงเอวของพระองค์ไว้แน่นโจ๊กหนึ่งชาม พระองค์ก็เสวยจนหมดจริงๆ ไม่เหลือแม้แต่น้อย แล้วจึงเสวยขนมนมอบกรอบหนึ่งชิ้น เพียงแต่พอเสวยเข้าไปแล้วรู้สึกคลื่นไส้ จึงไม่ได้แตะชิ้นที่สองอีกหมอมหัศจรรย์ดันกลับให้คนไปเชิญไทเฮามา พอพูดไม่กี่ประโยค ใบหน้าไทเฮาก็เปลี่ยนสี น้ำตาร่วงลงมาทันทีแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาจริง ใจของไทเฮาก็ยังเหมือนถูกมีดกรีด ร้าวจนตัวสั่นไปหมดผ่านไปพักใหญ่จึงมีรับสั่งให้ไปเชิญเนี่ยเจิ้งอ๋องกับองค์รัชทายาทมา แล้วให้เชิญบรรดาองค์หญิงในตำหนักฝ่ายในมาด้วยจักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่าพระองค์ประชวร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1574

    เมื่อกลับถึงวังหลวง จักรพรรดิ์ซูชิงก็ล้มหมอนนอนเสื่อ มิอาจลุกขึ้นจากเตียงได้อีกหมอมหัศจรรย์ดันกล่าวกับไทเฮาเพียงไม่กี่คำ ความหมายก็คือว่า เกรงว่าอีกไม่กี่วัน ฮ่องเต้คงจะเสด็จสวรรคต หากอยากพบผู้ใด ก็จงรีบพบเสียแต่ตอนนี้ผู้ที่ฮ่องเต้อยากพบเป็นคนแรก ย่อมไม่พ้นไทเฮา“เด็กคนนั้น พอเห็นข้าก็พร่ำถามไม่หยุด คำถามแรกที่เอ่ยขึ้นมาก็คือเรื่องเสด็จย่า เสด็จแม่มิได้รักเขาเปล่าเปล่าเลยจริงๆ”ไทเฮาถอนพระทัยยาว “น่าสงสารนัก ชั่วชีวิตนี้ก็ต้องซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา ไม่ได้ออกมาอีก ขาของเขา...ไม่อาจมีหวังแล้วจริงหรือ?”“เกรงว่าคงไม่มีหวังแล้ว” ริมพระโอษฐ์ของจักรพรรดิ์ซูชิงแห้งซีดไร้สีเลือด “แต่ก่อนจะจากกัน เขากล่าวว่า...เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ เมื่อลูกเรียนรู้วิชาแพทย์สำเร็จแล้ว จะรักษาโรคของพระองค์ให้หายแน่”ไทเฮารู้สึกปวดร้าวในพระทัย “เด็กดีจริงๆ”จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรเพดานเหนือม่านเตียง แล้วพึมพำว่า “ใช่แล้ว เด็กดีจริงๆ”เมื่อพบไทเฮาเสร็จแล้ว พระองค์ก็ให้เซี่ยหลูโม่พาองค์รัชทายาทเข้ามาเมื่อครั้งยังทรงมีเรี่ยวแรง พระองค์เคยพาองค์รัชทายาทขึ้นว่าราชการ พาไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อตรวจฎีกา ร่วมประชุ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status