หลิงหลงรู้ว่าพี่สะใภ้ของฮูหยินมาสอบสวนคนรับใช้ แต่นางไม่รู้ว่าจะต้องสอบสวนอะไร ดังนั้นตอนที่นำตัวมานั้นนางมีสีหน้าสับสนจนกระทั่งนางจีถามนางว่า นางไปดื่มกับเพื่อนในวันก่อนงานศพฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงมีสติกลับมาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "ฮูหยิน คนที่ดื่มชากับข้าน้อยในวันนั้น เป็นเพื่อนของข้าน้อย นางเป็นสาวรับใช้ที่ตระกูลหลิน เพราะนางบอกว่าจะกลับบ้านเกิดจึงมาถามข้าน้อยว่ามีคำพูดอะไรจะให้ฝากกับครอบครัวหรือไม่ และยังชวนข้าน้อยออกไปซื้อของขวัญด้วย…"นางจีรู้สึกเหนื่อยหลังจากถามคำถามมาเป็นเวลานาน จึงขัดจังหวะนาง และถามโดยตรงว่า "วันนั้นนางมีอะไรให้เจ้าพูดกับยี่ฝางบ้างไหม"หลิงหลงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มีเจ้าค่ะ นางให้ข้าน้อยบอกยี่ฮูหยิน บอกว่านางหลินจะไปงานศพของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย""นางให้เจ้านำอะไรไปให้ยี่ฝางหรือเปล่า""มีเจ้าค่ะ มันเป็นยาสมุนไพรห่อหนึ่ง""ยาจีนอะไร?""ข้าน้อยจำได้ว่ามันคือโกฐขี้แมวเจ้าค่ะ""ข้างในโกฐขี้แมวได้ยัดกระดาษอะไรอยู่หรือเปล่า?"หลิงหลงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าน้อยไม่รู้ หลังจากที่ ข้าน้อยแค่บอกเรื่องนี้ให้ จากนั้นยี่ฮูหยินก็ให้ข้าน้อยออกไปข้างนอกแล้ว"หลังจากที
หลังจากส่งนางจีออกไปแล้ว ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็กลับไปที่ห้องประชุมในอดีตมักจะคุยเรื่องกันในห้องหนังสือขนาดใหญ่ แต่หลังจากที่ศิษย์อามาแล้ว เขาบอกว่าหากมีเรื่องสำคัญอะไรก็ไปรายงานที่ห้องประชุม เขาจะนั่งอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้าจรดค่ำเซี่ยหลูโม่ยังไม่ได้กลับมา แต่การเจรจาสิ้นสุดลงนานแล้ว และตอนนี้คงกำลังหารือเกี่ยวกับการเจรจาในวันพรุ่งนี้กับกลุ่มงานเจรจาหลังจากที่ซ่งซีซีรายงานการสอบสวนในวันนี้ให้ศิษย์อาฟัง ศิษย์อาก็ได้ข้อสรุปว่าที่ทุกคนรู้ดีว่า "ฆ่าปิดปาก เบาะแสไม่มีแล้ว"เสิ่นชิงเหอกล่าวว่า "ศิษย์อา เป็นไปได้ไหมที่ยี่ฝางไม่จำเป็นต้องติดต่อกับชาวซีจิงเลย มีคนได้ติดต่อกับทางเมืองซีจิงแล้ว และต้องการให้ร้ายแม่ทัพใหญ่เซียว"ซ่งซีซีกล่าวว่า "แต่ว่าอ๋องฮวยหนีไปแล้ว ดังนั้นซูลันซือจะไม่เชื่อเขา"เสิ่นชิงเหอมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย "ถ้าหากไม่ใช่อ๋องฮวยกับซูลันซือเล่า มองจากแง่ที่อ๋องฮวยและซูลันซือร่วมหัวกันพวกเขาได้มุ่งเป้าเจ้า แต่คนนั้นวางแผนมานาน เห็นๆ แยู่ว่าเป็นคนรอบคอบมีความคิดละเอียด เป็นไปได้ไหมที่เขามีเส้นทางอื่นแอบแฝง และเส้นทางนี้ก็มุ่งเป้าที่แม่ทัพใหญ่เซียว”ศิษ
เซี่ยหลูโม่เหลือบมองศิษย์พี่ใหญ่ แล้วเดินเข้าไป “อาจารย์ ทำไมให้ศิษย์พี่แบกถังน้ำอีกเล่า ตอนนี้เกิดเรื่องมากมาย ยังต้องการให้ศิษย์พี่ช่วยอะไรสักอย่างอยู่นะ ท่านเอาแต่ลงโทษเขาแบบนี้ เขาเอาเวลาไปรับโทษก็ไม่มีเวลาช่วยข้าแล้วนะ”อูโซเว่ยกว่าช้าๆ "ถ้าอย่างนั้นก็ยกโทษให้"เสิ่นชิงเหอและผิงหวูจูงที่อยู่ข้างนอกดูเหมือนพวกเขาพบผู้หนุนหลังให้แล้วผิงหวูจูงเข้ามารายงานว่า "เรียนศิษย์อา ข้าได้เปลี่ยนทองคำและของมีค่าของอ๋องฮวยเรียบร้อยแล้ว บัดนี้กล่องต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยก้อนหิน"“อืม แล้วพวกเขารู้เรื่องนี้หรือยัง?”ผิงหวูจูงกล่าวว่า "พวกเขาโดนเราวางยาจนหมดสติตอนที่พักผ่อนอยู่ในป่า อาจไปตรวจดูหลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาและคงจะรู้เรื่องแล้ว"“ได้ส่งคนไปติดตามอยู่หรือเปล่า”ผิงหวูจูงต้องการพูดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องถามอีกเหรอ ก็ต้องส่งคนไปแล้วสิ นางมิใช่อยู่ในโลกกานต่อสู้เป็นวันแรกเสียหน่อย นางเป็นคนก่อตั้งร้านอวี๋นยี่นะแต่เมื่อกี้ศิษย์พี่ยังคงแบกถังอยู่ข้างนอก ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดอะไรเกินเลย และพูดด้วยความเคารพ "ศิษย์อาวางใจได้ ได้ส่งคนติดตามอยู่เจ้าค่ะ"เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือ
เซี่ยหลูโม่ทานอาหารร้อนๆ แล้วเล่าเรื่องการเจรจาในวันนี้ซ่งซีซีนั่งอยู่ข้างๆ เขา มีท่าท่างวางมาดเพราะมีคนหนุนหลังอยู่ข้างๆ อย่างน้อยตอนที่พูดอะไรไม่ถูกใจศิษย์อาก็ไม่โดนดูหมิ่น เพราะพวกเขาก็นั่งติดๆ กันอยู่เลยอาจารย์หยูถามว่า "ฝ่าบาททราบเงื่อนไขที่พวกเสนอหรือไม่ เขาว่าอย่างไร""หลี่เต๋อฮวยเข้าวังไปรายงานแล้ว เมื่อเขากลับมาสำนักหงลู่ก็ได้ถ่ายทอดความปรารถนาของฝ่าบาทด้วย เรื่องเขตชายแดนไม่มีทางอ่อนข้อให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เราพิจารณาเอง แต่ไม่ยึดติดกับเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอ เรายังให้ค่าชดเชยอื่นๆ ได้อีกด้วย นี่คือความหมายของ ฝ่าบาท"อูโซเว่ยครุ่นคิด "ถ้าเราไม่ยอมอ่อนข้อเรื่องเส้นเขตแดน งั้นก็บังคับให้ทางซีจิงยอมรับว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นมีผลบังคับใช้ หากตัดสินว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นไม่มีผลบังคับใช้ งั้นเส้นเขตแดนก็ใช้ของอันเก่า แต่เส้นเขตแดนนี้ต้องแย่งชิงมาหลายปีแล้ว อีกอย่างพวก้ขาบุกโจมตีเราในขณะที่แคว้นซางของเราตกอยู่ในความวุ่นวาย เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "นี่คือประเด็นที่เรากำลังหารือกันในสำนักหงลู่คืนนี้ ต้องการใ
แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว และอากาศก็อุ่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยเมื่อนั่งอยู่ที่ประตูโดยไม่มีอะไรกั้นไว้ห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูของหอฮุยตงสามารถให้พวกเขาใช้งานได้ มีเตาถ่านอยู่ในนั้นสามารถชงชา เมื่อเห็นว่าเสิ่นว่านจือสวมเสื้อผ้าไม่มากพอ ซ่งซีซีจึงพานางเข้าไปในห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูเพื่อนั่งดื่มชา"คืนนี้จะค้างคืนที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้า" ซ่งซีซีรินน้ำชาให้นางเสิ่นว่านจือเป่าโฟมบนชาแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่กับเจ้า จะได้ให้พวกหงเซียวได้พักผ่อนให้ดีๆ ข้ามาจับตาดูเอาเอง"พวกนางได้ส่งพวกหงเซียวแอบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชาวซีจิง เพื่อดูว่าพวกเขาได้ไปที่ไหนและติดต่อกับผู้ใดบ้างโดยธรรมชาติแล้ว ทั้งองค์หญิงใหญ่และพวกขุนนางจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ก็มีลุกน้องมากมายอยู่ บวกกับข้อมูลที่จ้านเป่ยว่างและฮูหยินป๋อผิงซีสืบออกมานั้น หากมีเส้นสายจริงๆ จะต้องติดด่อกันแน่ๆ"ใช่แล้ว ตอนที่ข้าออกมา ได้ยินอาจารย์หยูพูดว่า" เสิ่นว่านจือเหลือบมองซ่งซีซี "ว่าพรุ่งนี้ท่านอ๋องจะไปกรมราชทัณฑ์เพื่อพบกับจ้านเป่ยว่าง"ซ่งซีซีพยักหน้า "ข้ารู้""จำเป็นต้
ผลที่ฮูหยินป๋อผิงซีสอบสวนนั้น เซี่ยหลูโม่ได้บอกเขาด้วย และให้ข้อสรุปว่า "สามารถยืนกรานได้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังได้ติดต่อกับยี่ฝางผ่านตระกูลหลิน ให้สาวใช้แจ้งให้นางทราบก่อน แล้วให้นางไปร่วมงานศพท่านแม่ของเจ้า จากนั้นนางหลินก็ไปไว้ทุกข์ด้วย หาโอกาสได้คุยกับนางตามลำพัง หลังจากที่นางหลินพูดคุยกับนางเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ถูกฆ่าปิดปากไปเลย"จ้านเป่ยว่างตกใจอย่างมาก "นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?""ดังนั้น ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม ข้าจะบอกเจ้าตรงๆ ตอนที่สืบสวนคดีกบฏของเซี่ยอวี้น ทางหอต้าหลี่ได้สืบเจอว่าตระกูลหลินมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับดดีกบฏโดยตรง เราจึงไม่ได้ลงมือกับพวกเขา นางหลินไปพบยี่ฝาง และคนที่อยู่ข้างหลังนางก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเซี่ยอวี้น ซึ่งเป็นผู้บงการที่แท้จริงของการก่อกบฏ"เซี่ยหลูโม่มองเขาแล้วพูดเสริมว่า "ส่วนยี่ฝางมีส่วนร่วมในคดีนี้ แต่นางจะถูกนำตัวไปที่ซีจิง แต่เจ้าเป็นสามีของนาง เมื่อคดีกบฏได้รับการการยืนยัน จวนแม่ทัพของเจ้าจะมีผลกระทบอย่างไร คงมิต้องให้ข้ามาบอกเจ้าก็คงรู้ดีนะ"ริมฝีปากของจ้านเป่ยว่างสั่นเล็กน้อย เขาเคยทำงานข้างก
จ้านเป่ยว่างเหลือบมองไปในทิศทางประตูโดยไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่การกระทำที่เขาทำโดยเจตนา บัดนี้เขามีอารมณ์ที่เศร้าโศก มักจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปิดเผยให้คนอื่นรู้เรื่องได้ จึงทำตัวอย่างระมัดระวังและลับๆ ล่อๆ ด้วยจิตใต้สำนึกการกระทำที่หลบๆ ซ่อนๆ นี้ทำเอาความหวาดระแวงของยี่ฝางได้น้อยลงไม่น้อย ก็จริงสิ นางรู้ทุกอย่างทุกเรื่องของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี แล้วนางจะกลัวอะไรกัน"สิ่งที่เจ้าพูดในวันนั้นกลังจากที่ข้ากลับไปก็ได้คิดทบทวนอยู่ ข้ารู้สึกว่าโอกาสในที่ประสบความสำเร็จมันน้อยมาก อีกอย่าง เจ้าก็ไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าจะใช้วิธีใดที่จะทำให้ชาวซีจิงนำตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไป ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่าทางจวนเป่ยหมิงอ๋องจะออกมือช่วยหรือไม่ และเราสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้จริงๆ หรือไม่"เสียงของเขาเบามากและสายตาที่มองดูยี่ฝางก็ไม่เป็นปกติเล็กน้อย ยามนี้เขายังคงคำนึกถึงพวกเขาได้เป็นคู่สามีภรรยากัน หากใช้วิธีนี้เพื่อหลอกให้นางพูดความจริง ก็เท่ากับทรยศนาง จริงๆ แล้วเขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แต่เพื่อให้จวนแม่ทัพไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาก็ต้องทำยี่ฝางขมวดคิ้ว "ข้าบอกว่าจะออกม
ยี่ฝางกระตุกมุมปาก นางได้เก็บเงินไว้จำนวนหนึ่งจริงๆ ไม่ว่าผู้ใดดูแลจวนก็ตาม ส่วนแบ่งที่ของนางก็ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเงินหมั้นตอนแต่งงานด้วย จริงๆ แล้วนางได้เก็บไว้ไปบ้าง จะให้ที่บ้านไปทั้งหมดได้อย่างไร?สินเดิมที่พ่อแม่ให้นั้นก็มีแค่น้อยนิด หากนางไม่เก็บเงินหมั้นไว้บางส่วนนางจะไม่ยอมหรอกแต่เงินที่นางเก็บเอาไว้ก็มีไว้เพื่ออนาคตอยู่แล้ว "เงินของข้าเจ้าเอาไปใช้จ่ายได้ แต่ส่วนที่ควรยืมก็ต้องยืมด้วย หลังจากที่ข้าหนีตัวไปก็ไม่เหลืออะไรแล้ว หากไปตัวเปล่าอย่างไม่มีเงินติดตัว จะให้ข้าอดอาหารไม่มีที่นอนก็ไม่ได้สินะ"จ้านเป่ยว่างจงใจมุ่งความสนใจไปเรื่องเงิน เดี๋ยวค่อยถามต่อ ไม่งั้นจะดูออกว่าเขากำลังถามจี้อยู่ จะทำเอายี่ฝางเกิดความสงสัยได้ "เจ้ามีเงินเท่าไหร่ ข้าจะคำนวณดูเอง ให้เจ้าส่วนหนึ่ง ที่เหลือข้าเอาไปจ้างคน หากไม่พอจริงๆ ข้าค่อยไปยืมจากนางอีกที"ยี่ฝางคิดอยู่พักหนึ่งว่าถ้านางไม่ออกเงิน ลำพังไปยืมเงินจากหวังชิงหลูคงไม่ได้เท่าไร แม้ว่าหวังชิงหลูมาจากจวนป๋อ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นคนขี้เหนียวด้วย นางจึงตอบว่า"พอจะมีสองสามพันตำลึง แต่ข้าให้เจ้าได้เพียงหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น"จ้านเป่ยว่างบอกว