เซี่ยหลูโม่ทานอาหารร้อนๆ แล้วเล่าเรื่องการเจรจาในวันนี้ซ่งซีซีนั่งอยู่ข้างๆ เขา มีท่าท่างวางมาดเพราะมีคนหนุนหลังอยู่ข้างๆ อย่างน้อยตอนที่พูดอะไรไม่ถูกใจศิษย์อาก็ไม่โดนดูหมิ่น เพราะพวกเขาก็นั่งติดๆ กันอยู่เลยอาจารย์หยูถามว่า "ฝ่าบาททราบเงื่อนไขที่พวกเสนอหรือไม่ เขาว่าอย่างไร""หลี่เต๋อฮวยเข้าวังไปรายงานแล้ว เมื่อเขากลับมาสำนักหงลู่ก็ได้ถ่ายทอดความปรารถนาของฝ่าบาทด้วย เรื่องเขตชายแดนไม่มีทางอ่อนข้อให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เราพิจารณาเอง แต่ไม่ยึดติดกับเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอ เรายังให้ค่าชดเชยอื่นๆ ได้อีกด้วย นี่คือความหมายของ ฝ่าบาท"อูโซเว่ยครุ่นคิด "ถ้าเราไม่ยอมอ่อนข้อเรื่องเส้นเขตแดน งั้นก็บังคับให้ทางซีจิงยอมรับว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นมีผลบังคับใช้ หากตัดสินว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นไม่มีผลบังคับใช้ งั้นเส้นเขตแดนก็ใช้ของอันเก่า แต่เส้นเขตแดนนี้ต้องแย่งชิงมาหลายปีแล้ว อีกอย่างพวก้ขาบุกโจมตีเราในขณะที่แคว้นซางของเราตกอยู่ในความวุ่นวาย เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "นี่คือประเด็นที่เรากำลังหารือกันในสำนักหงลู่คืนนี้ ต้องการใ
แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว และอากาศก็อุ่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยเมื่อนั่งอยู่ที่ประตูโดยไม่มีอะไรกั้นไว้ห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูของหอฮุยตงสามารถให้พวกเขาใช้งานได้ มีเตาถ่านอยู่ในนั้นสามารถชงชา เมื่อเห็นว่าเสิ่นว่านจือสวมเสื้อผ้าไม่มากพอ ซ่งซีซีจึงพานางเข้าไปในห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูเพื่อนั่งดื่มชา"คืนนี้จะค้างคืนที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้า" ซ่งซีซีรินน้ำชาให้นางเสิ่นว่านจือเป่าโฟมบนชาแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่กับเจ้า จะได้ให้พวกหงเซียวได้พักผ่อนให้ดีๆ ข้ามาจับตาดูเอาเอง"พวกนางได้ส่งพวกหงเซียวแอบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชาวซีจิง เพื่อดูว่าพวกเขาได้ไปที่ไหนและติดต่อกับผู้ใดบ้างโดยธรรมชาติแล้ว ทั้งองค์หญิงใหญ่และพวกขุนนางจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ก็มีลุกน้องมากมายอยู่ บวกกับข้อมูลที่จ้านเป่ยว่างและฮูหยินป๋อผิงซีสืบออกมานั้น หากมีเส้นสายจริงๆ จะต้องติดด่อกันแน่ๆ"ใช่แล้ว ตอนที่ข้าออกมา ได้ยินอาจารย์หยูพูดว่า" เสิ่นว่านจือเหลือบมองซ่งซีซี "ว่าพรุ่งนี้ท่านอ๋องจะไปกรมราชทัณฑ์เพื่อพบกับจ้านเป่ยว่าง"ซ่งซีซีพยักหน้า "ข้ารู้""จำเป็นต้
ผลที่ฮูหยินป๋อผิงซีสอบสวนนั้น เซี่ยหลูโม่ได้บอกเขาด้วย และให้ข้อสรุปว่า "สามารถยืนกรานได้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังได้ติดต่อกับยี่ฝางผ่านตระกูลหลิน ให้สาวใช้แจ้งให้นางทราบก่อน แล้วให้นางไปร่วมงานศพท่านแม่ของเจ้า จากนั้นนางหลินก็ไปไว้ทุกข์ด้วย หาโอกาสได้คุยกับนางตามลำพัง หลังจากที่นางหลินพูดคุยกับนางเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ถูกฆ่าปิดปากไปเลย"จ้านเป่ยว่างตกใจอย่างมาก "นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?""ดังนั้น ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม ข้าจะบอกเจ้าตรงๆ ตอนที่สืบสวนคดีกบฏของเซี่ยอวี้น ทางหอต้าหลี่ได้สืบเจอว่าตระกูลหลินมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับดดีกบฏโดยตรง เราจึงไม่ได้ลงมือกับพวกเขา นางหลินไปพบยี่ฝาง และคนที่อยู่ข้างหลังนางก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเซี่ยอวี้น ซึ่งเป็นผู้บงการที่แท้จริงของการก่อกบฏ"เซี่ยหลูโม่มองเขาแล้วพูดเสริมว่า "ส่วนยี่ฝางมีส่วนร่วมในคดีนี้ แต่นางจะถูกนำตัวไปที่ซีจิง แต่เจ้าเป็นสามีของนาง เมื่อคดีกบฏได้รับการการยืนยัน จวนแม่ทัพของเจ้าจะมีผลกระทบอย่างไร คงมิต้องให้ข้ามาบอกเจ้าก็คงรู้ดีนะ"ริมฝีปากของจ้านเป่ยว่างสั่นเล็กน้อย เขาเคยทำงานข้างก
จ้านเป่ยว่างเหลือบมองไปในทิศทางประตูโดยไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่การกระทำที่เขาทำโดยเจตนา บัดนี้เขามีอารมณ์ที่เศร้าโศก มักจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปิดเผยให้คนอื่นรู้เรื่องได้ จึงทำตัวอย่างระมัดระวังและลับๆ ล่อๆ ด้วยจิตใต้สำนึกการกระทำที่หลบๆ ซ่อนๆ นี้ทำเอาความหวาดระแวงของยี่ฝางได้น้อยลงไม่น้อย ก็จริงสิ นางรู้ทุกอย่างทุกเรื่องของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี แล้วนางจะกลัวอะไรกัน"สิ่งที่เจ้าพูดในวันนั้นกลังจากที่ข้ากลับไปก็ได้คิดทบทวนอยู่ ข้ารู้สึกว่าโอกาสในที่ประสบความสำเร็จมันน้อยมาก อีกอย่าง เจ้าก็ไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าจะใช้วิธีใดที่จะทำให้ชาวซีจิงนำตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไป ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่าทางจวนเป่ยหมิงอ๋องจะออกมือช่วยหรือไม่ และเราสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้จริงๆ หรือไม่"เสียงของเขาเบามากและสายตาที่มองดูยี่ฝางก็ไม่เป็นปกติเล็กน้อย ยามนี้เขายังคงคำนึกถึงพวกเขาได้เป็นคู่สามีภรรยากัน หากใช้วิธีนี้เพื่อหลอกให้นางพูดความจริง ก็เท่ากับทรยศนาง จริงๆ แล้วเขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แต่เพื่อให้จวนแม่ทัพไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาก็ต้องทำยี่ฝางขมวดคิ้ว "ข้าบอกว่าจะออกม
ยี่ฝางกระตุกมุมปาก นางได้เก็บเงินไว้จำนวนหนึ่งจริงๆ ไม่ว่าผู้ใดดูแลจวนก็ตาม ส่วนแบ่งที่ของนางก็ขาดไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีเงินหมั้นตอนแต่งงานด้วย จริงๆ แล้วนางได้เก็บไว้ไปบ้าง จะให้ที่บ้านไปทั้งหมดได้อย่างไร?สินเดิมที่พ่อแม่ให้นั้นก็มีแค่น้อยนิด หากนางไม่เก็บเงินหมั้นไว้บางส่วนนางจะไม่ยอมหรอกแต่เงินที่นางเก็บเอาไว้ก็มีไว้เพื่ออนาคตอยู่แล้ว "เงินของข้าเจ้าเอาไปใช้จ่ายได้ แต่ส่วนที่ควรยืมก็ต้องยืมด้วย หลังจากที่ข้าหนีตัวไปก็ไม่เหลืออะไรแล้ว หากไปตัวเปล่าอย่างไม่มีเงินติดตัว จะให้ข้าอดอาหารไม่มีที่นอนก็ไม่ได้สินะ"จ้านเป่ยว่างจงใจมุ่งความสนใจไปเรื่องเงิน เดี๋ยวค่อยถามต่อ ไม่งั้นจะดูออกว่าเขากำลังถามจี้อยู่ จะทำเอายี่ฝางเกิดความสงสัยได้ "เจ้ามีเงินเท่าไหร่ ข้าจะคำนวณดูเอง ให้เจ้าส่วนหนึ่ง ที่เหลือข้าเอาไปจ้างคน หากไม่พอจริงๆ ข้าค่อยไปยืมจากนางอีกที"ยี่ฝางคิดอยู่พักหนึ่งว่าถ้านางไม่ออกเงิน ลำพังไปยืมเงินจากหวังชิงหลูคงไม่ได้เท่าไร แม้ว่าหวังชิงหลูมาจากจวนป๋อ แต่จริงๆ แล้วก็เป็นคนขี้เหนียวด้วย นางจึงตอบว่า"พอจะมีสองสามพันตำลึง แต่ข้าให้เจ้าได้เพียงหนึ่งพันตำลึงเท่านั้น"จ้านเป่ยว่างบอกว
จ้านเป่ยว่างยังคงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้"องค์หญิงใหญ่ไม่สนับสนันทำสงคราม ถ้าขุนนางหญิงที่อยู่ข้างกายนางทำเช่นนี้ ไม่เท่ากับขัดแย้งกับความเห็นขององค์หญิงใหญ่เข้าแล้วหรือ องค์หญิงใหญ่ไม่มีทางเห็นด้วยแน่"ยี่ฝางหัวเราะเยาะ "เกรงว่าความเห็นของนางจะไม่สำคัญแล้วหรอกนะ"จ้านเป่ยว่างตกตะลึง "หมายถึงอะไร? หรือว่าพวกเขาจะมองข้ามอำนาจขององค์หญิงใหญ่เหรอ?"ยี่ฝางกล่าวว่า "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร นางหลินบอกข้าแบบนี้ ก็ไม่ได้เล่ารายละเอียด แล้วตัวตนของขุนนางหญิงคนนั้นข้ากก็ไม่รู้ด้วย ตอนแรกข้าไม่เชื่อเลยถามคำถามพวกนี้ สิ่งที่นางสัญญากับข้าคือตราบเท่าที่ข้าร่วมมือ เมื่อถึงเวลาหนีพวกเขาก็จะช่วยข้าด้วย แต่ข้าไม่ได้จับผิดเซียวเฉิงโดยไม่ปล่อยมือเพราะเจ้า ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่สนใจข้าก็ได้ เพียงแต่ว่าไม่ว่าข้าจะให้คำสารภาพอย่างไร คาดว่าแผนของพวกเขาจะดำเนินการต่อไปเช่นกัน ข้ายังมีโอกาสอยู่"หลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึง เขาก็จ้องมองนางอย่างนิ่งเงียบ "เจ้าไม่ได้เปลี่ยนคำสารภาพเพื่อข้า เจ้าแค่รู้ว่าพวกเขาอาจไม่น่าเชื่อถือได้ และกลัวว่าพวกเขาจะถีบหัวส่งหลังจากใช้ประโยชน์เสร็จ เพราะงั้นเจ้าจึงมุ่งเป้ามาหาข้า ด
เซี่ยหลูโม่รีบกลับจวนและมาที่ห้องประชุม อาจารย์กำลังนั่งอยู่ที่ที่นั่งหลักรอให้ทุกคนกลับมารายงานเขาให้อาจารย์หยูไปสืบข้อมูลของขุนนางหญิงทั้งสามคนที่มาในครั้งนี้ เพื่อตรวจดูให้ละเอียดมากหน่อยยามจือที่หอฮุยตงเสิ่นว่านจือดื่มชาไปเยอะมาก และรู้สึกกลั้นไว้ไม่หยุดแล้ว จึงบอกกับองครักษ์ของซีจิงว่าจะไปเข้าห้องส้วม ส่วนซ่งซีซีก็ลุกขึ้นไปพร้อมกันด้วยองครักษ์ซีจิงตามหาสาวใช้ที่สามารถพูดภาษาซางมา จากนั้นพาพวกนางไปห้องส้วมเมื่อเดินผ่านลานหลักของหอฮุยตง กลับได้เห็นแสงไฟสว่างจ้าในข้างใน และเสียงปากเสียงดังมาออก ซ่งซีซีมองดูแวบหนึ่งและเห็นว่าพวกนักการทูตเกือบทั้งหมดนั่งอยู่ข้างใน และขุนนางหญิงที่อยู่ข้างกายองค์หญิงใหญ่ก็อยู่ที่นั่นด้วย ที่นั่นมีคนมากกว่าสิบกว่าคนกำลังพูดจาโต้ตอบกัน มีเสียงไม่ได้ดังมากนัก แต่สีหน้าของบางคนก็ดูเคร่งขรึมและบางคนก็ดูโกรธๆซ่งซีซีเข้าใจภาษซีจิงแค่บางคำ จึงไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังโต้เถียงกันเรื่องอะไรอยู่ แค่เข้าใจคำว่า "อันตราย" และ "อันตรายมาก" เท่านั้นซ่งซีซียืนนิ่งและต้องการฟังให้ชัดเจนมากกว่านี้ แต่ถูกสาวใช้เร่งให้ออกไปซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเดินไปยังห้องส
ห้องประชุมของจวนเป่ยหมิงอ๋องอาจารย์หยูจัดเรียงข้อมูลทั้งหมดของขุนนางหญิงสามคนนั้นออกมา เซี่ยงผิง อันหวินหลูและฮั่วหย้าถิง"กล่าวได้ว่าทั้งสามคนนี้ล้วนเป็นคนสนิทขององค์หญิงใหญ่ ผู้หญิงของซีจิงเป็นขุนนางที่ราชสำนัก ล้วนไม่สามารถดำรงตำแหน่งที่สำคัญได้ เซี่ยงผิงเป็นขุนนางหญิงคนแรกที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นสู่ระดับชั้นห้า องค์หญิงใหญ่ให้ความสำคัญกับนางมาก รองมาก็คือฮั่วหย้าถิง บุตรีของฮูหยินเอกของผู้นำตระกูลฮั่วในซีจิง ภรรยาของซูลันจีคือป้าของนาง คนสุดท้ายคืออันหวินหลู อันหวินหลูคนนี้เป็นลูกสาวของสามัญชน เรียนหนังสืออย่างหนักและสุดท้ายได้สอบติดขุนนางเป็นอันดับที่หนึ่ง ติดตามข้างกายองค์หญิงใหญ่ช่วยจัดการธุรกิจการเมืองด้วย พวกนางทั้งสามได้ติดตามองค์หญิงใหญ่ตั้งแต่อดีตฮ่องเต้ยังอยู่ ข้อมูลที่เราสืบสวนในก่อนหน้านี้คือทั้งสามคนนี้ภักดีต่อองค์หญิงเป็นอย่างมาก"เซี่ยหลูโม่หยิบข้อมูลของทั้งสามคนขึ้นมาและพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมถึงชื่อ อายุ นิสัย ต้นกำเนิด ทะเบียนบ้าน การแต่งงาน ครอบครัว รวมถึงวันที่พวกนางเข้ารับเป็นขุนนางและสิ่งที่พวกนางทำหลังจากที่เซี่ยหลูโม่อ่านมารอบหนึ่งแล้ว เขาก็กลับไปดู