แชร์

บทที่ 959

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หลังจากที่นักการทูตซีจิงออกจากสำนักหงลู่และกลับมาที่หอฮุยตง ผู้รับผิดชอบการเจรจาจากแคว้นซางยังไม่ได้จากไป ยังอยู่ที่สำนักหงลู่เพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาครั้งต่อไปต่อ

เสนาบดีมู่ยังได้ร่วมอภิปรายด้วยว่า "หากจำเป็นต้องชดเชยธัญพืช ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชดเชยมากขนาดนั้น ปีที่แล้วพวกเขาไม่ได้เกี่ยวธัญพืชอะไรมากนัก มีอาหารที่กองทัพไม่พอกิน หากเราชดเชยไปให้พวกเขาสามแสนซือ เทียบเท่ากับให้กำลังพวกเขาทำสงคราม ดังนั้นเรื่องธัญพืชนี้เราต้องไม่ปล่อย ชดเชยให้ได้ แต่ต้องไม่เกินสามหมื่นซือ"

หลังจากหยุดชั่วคราว เสนาบดีมู่ก็พูดต่อ "อีกอย่าง ฝ่าบาทบอกว่าเราไม่สามารถยอมเรื่องเขตชายแดนด้วย"

หลังจากพูดสองประโยคนี้แล้ว เขาก็จากไป เมื่อเห็นจังหวะการเจรจาของเป่ยหมิงอ๋อง เขาก็รู้สึกโล่งใจ

ที่กรมราชทัณฑ์ จ้านเป่ยว่างต้องการไปพบหลี่ลี่

หลังจากพูดคุยกับยี่ฝางเมื่อคืนนี้ ที่ยี่ฝางบอกว่าเขามีวิธีที่ทำให้ซีจิงพาตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไปได้ ซึ่งทำให้เขากังวลมาก แต่เมื่อเขากลับไปคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็คิดไม่ออกเลยว่ายี่ฝางสามารถทำให้ซีจิงพาแม่ทัพใหญ่เซียวไปได้อย่างไร ดังนั้นจึงขอพบหลี่ลี่

"นางพูดแบบนั้นจริงๆ เหรอ?" ห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 960

    เมื่อไปตามหานางจีที่จวนป๋อผิงซี นางจีพูดเพียงประโยคเดียวว่า "มันเกี่ยวข้องกับแม่ทัพใหญ่เซียว ไม่สามารถล่าช้าได้ ข้าจะไปเกี๋ยวนี้"หวังชิงหลูเริ่มกระสับกระส่ายตั้งแต่จ้านเป่ยว่างถูกนำตัวไปที่กรมราชทัณฑ์ นางยังได้กลับไปบ้านพ่อแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยหวังว่าพวกเขาจะช่วยจ้านเป่ยว่าง แต่ถูกนางจีปฏิเสธนี่เป็นเหตุการณ์สำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้หญิงอย่างนางจะช่วยเขาได้อย่างไร?แต่นางจีก็ส่งคนไปสืบข่าว โดยบอกว่าแม้ว่าจ้านเป่ยว่างจะถูกควบคุมตัวในกรมราชทัณฑ์ แต่เขาก็ได้รับการดูแลเป็นพิเศษและไม่ได้รับความทุกข์ยากใดๆหลังจากสืบข่าวแล้ว นางก็บอกทุกอย่างให้กับหวังชิงหลู และหวังชิงหลูก็บ่นต่อหน้านาง โดยบอกว่ากว่าจะได้เป็นผู้บัญชาการขององครักษ์ซวนเท่ ตอนนี้ต้องถูกจำคุกเพราะยี่ฝาง นางโทษมู่ฮูหยินจัดการแต่งงานนี้ให้นาง และโทษที่ท่านแม่รับปากกับงานแต่งงานนี้ด้วยนางจียังตำหนินาง และบอกนางไม่ใช่พอเจอกับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็เอาแต่บ่น นางเองควรมีความรับผิดชอบมากกว่านี้เมื่อเห็นพี่สะใภ้โกรธขึ้นมา หวังชิงหลูไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไปก็กลับไปที่จวนแม่ทัพ แต่หากนางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปล่อยให่จ้านจี้ซึ่งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 961

    หลิงหลงรู้ว่าพี่สะใภ้ของฮูหยินมาสอบสวนคนรับใช้ แต่นางไม่รู้ว่าจะต้องสอบสวนอะไร ดังนั้นตอนที่นำตัวมานั้นนางมีสีหน้าสับสนจนกระทั่งนางจีถามนางว่า นางไปดื่มกับเพื่อนในวันก่อนงานศพฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงมีสติกลับมาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว "ฮูหยิน คนที่ดื่มชากับข้าน้อยในวันนั้น เป็นเพื่อนของข้าน้อย นางเป็นสาวรับใช้ที่ตระกูลหลิน เพราะนางบอกว่าจะกลับบ้านเกิดจึงมาถามข้าน้อยว่ามีคำพูดอะไรจะให้ฝากกับครอบครัวหรือไม่ และยังชวนข้าน้อยออกไปซื้อของขวัญด้วย…"นางจีรู้สึกเหนื่อยหลังจากถามคำถามมาเป็นเวลานาน จึงขัดจังหวะนาง และถามโดยตรงว่า "วันนั้นนางมีอะไรให้เจ้าพูดกับยี่ฝางบ้างไหม"หลิงหลงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "มีเจ้าค่ะ นางให้ข้าน้อยบอกยี่ฮูหยิน บอกว่านางหลินจะไปงานศพของฮูหยินผู้เฒ่าด้วย""นางให้เจ้านำอะไรไปให้ยี่ฝางหรือเปล่า""มีเจ้าค่ะ มันเป็นยาสมุนไพรห่อหนึ่ง""ยาจีนอะไร?""ข้าน้อยจำได้ว่ามันคือโกฐขี้แมวเจ้าค่ะ""ข้างในโกฐขี้แมวได้ยัดกระดาษอะไรอยู่หรือเปล่า?"หลิงหลงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าน้อยไม่รู้ หลังจากที่ ข้าน้อยแค่บอกเรื่องนี้ให้ จากนั้นยี่ฮูหยินก็ให้ข้าน้อยออกไปข้างนอกแล้ว"หลังจากที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 962

    หลังจากส่งนางจีออกไปแล้ว ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือก็กลับไปที่ห้องประชุมในอดีตมักจะคุยเรื่องกันในห้องหนังสือขนาดใหญ่ แต่หลังจากที่ศิษย์อามาแล้ว เขาบอกว่าหากมีเรื่องสำคัญอะไรก็ไปรายงานที่ห้องประชุม เขาจะนั่งอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้าจรดค่ำเซี่ยหลูโม่ยังไม่ได้กลับมา แต่การเจรจาสิ้นสุดลงนานแล้ว และตอนนี้คงกำลังหารือเกี่ยวกับการเจรจาในวันพรุ่งนี้กับกลุ่มงานเจรจาหลังจากที่ซ่งซีซีรายงานการสอบสวนในวันนี้ให้ศิษย์อาฟัง ศิษย์อาก็ได้ข้อสรุปว่าที่ทุกคนรู้ดีว่า "ฆ่าปิดปาก เบาะแสไม่มีแล้ว"เสิ่นชิงเหอกล่าวว่า "ศิษย์อา เป็นไปได้ไหมที่ยี่ฝางไม่จำเป็นต้องติดต่อกับชาวซีจิงเลย มีคนได้ติดต่อกับทางเมืองซีจิงแล้ว และต้องการให้ร้ายแม่ทัพใหญ่เซียว"ซ่งซีซีกล่าวว่า "แต่ว่าอ๋องฮวยหนีไปแล้ว ดังนั้นซูลันซือจะไม่เชื่อเขา"เสิ่นชิงเหอมองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย "ถ้าหากไม่ใช่อ๋องฮวยกับซูลันซือเล่า มองจากแง่ที่อ๋องฮวยและซูลันซือร่วมหัวกันพวกเขาได้มุ่งเป้าเจ้า แต่คนนั้นวางแผนมานาน เห็นๆ แยู่ว่าเป็นคนรอบคอบมีความคิดละเอียด เป็นไปได้ไหมที่เขามีเส้นทางอื่นแอบแฝง และเส้นทางนี้ก็มุ่งเป้าที่แม่ทัพใหญ่เซียว”ศิษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 963

    เซี่ยหลูโม่เหลือบมองศิษย์พี่ใหญ่ แล้วเดินเข้าไป “อาจารย์ ทำไมให้ศิษย์พี่แบกถังน้ำอีกเล่า ตอนนี้เกิดเรื่องมากมาย ยังต้องการให้ศิษย์พี่ช่วยอะไรสักอย่างอยู่นะ ท่านเอาแต่ลงโทษเขาแบบนี้ เขาเอาเวลาไปรับโทษก็ไม่มีเวลาช่วยข้าแล้วนะ”อูโซเว่ยกว่าช้าๆ "ถ้าอย่างนั้นก็ยกโทษให้"เสิ่นชิงเหอและผิงหวูจูงที่อยู่ข้างนอกดูเหมือนพวกเขาพบผู้หนุนหลังให้แล้วผิงหวูจูงเข้ามารายงานว่า "เรียนศิษย์อา ข้าได้เปลี่ยนทองคำและของมีค่าของอ๋องฮวยเรียบร้อยแล้ว บัดนี้กล่องต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยก้อนหิน"“อืม แล้วพวกเขารู้เรื่องนี้หรือยัง?”ผิงหวูจูงกล่าวว่า "พวกเขาโดนเราวางยาจนหมดสติตอนที่พักผ่อนอยู่ในป่า อาจไปตรวจดูหลังจากที่พวกเขาตื่นขึ้นมาและคงจะรู้เรื่องแล้ว"“ได้ส่งคนไปติดตามอยู่หรือเปล่า”ผิงหวูจูงต้องการพูดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังต้องถามอีกเหรอ ก็ต้องส่งคนไปแล้วสิ นางมิใช่อยู่ในโลกกานต่อสู้เป็นวันแรกเสียหน่อย นางเป็นคนก่อตั้งร้านอวี๋นยี่นะแต่เมื่อกี้ศิษย์พี่ยังคงแบกถังอยู่ข้างนอก ดังนั้นนางจึงไม่กล้าพูดอะไรเกินเลย และพูดด้วยความเคารพ "ศิษย์อาวางใจได้ ได้ส่งคนติดตามอยู่เจ้าค่ะ"เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 964

    เซี่ยหลูโม่ทานอาหารร้อนๆ แล้วเล่าเรื่องการเจรจาในวันนี้ซ่งซีซีนั่งอยู่ข้างๆ เขา มีท่าท่างวางมาดเพราะมีคนหนุนหลังอยู่ข้างๆ อย่างน้อยตอนที่พูดอะไรไม่ถูกใจศิษย์อาก็ไม่โดนดูหมิ่น เพราะพวกเขาก็นั่งติดๆ กันอยู่เลยอาจารย์หยูถามว่า "ฝ่าบาททราบเงื่อนไขที่พวกเสนอหรือไม่ เขาว่าอย่างไร""หลี่เต๋อฮวยเข้าวังไปรายงานแล้ว เมื่อเขากลับมาสำนักหงลู่ก็ได้ถ่ายทอดความปรารถนาของฝ่าบาทด้วย เรื่องเขตชายแดนไม่มีทางอ่อนข้อให้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้เราพิจารณาเอง แต่ไม่ยึดติดกับเงื่อนไขที่พวกเขาเสนอ เรายังให้ค่าชดเชยอื่นๆ ได้อีกด้วย นี่คือความหมายของ ฝ่าบาท"อูโซเว่ยครุ่นคิด "ถ้าเราไม่ยอมอ่อนข้อเรื่องเส้นเขตแดน งั้นก็บังคับให้ทางซีจิงยอมรับว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นมีผลบังคับใช้ หากตัดสินว่าสนธิสัญญาสันติภาพที่ลงนามกับยี่ฝางนั้นไม่มีผลบังคับใช้ งั้นเส้นเขตแดนก็ใช้ของอันเก่า แต่เส้นเขตแดนนี้ต้องแย่งชิงมาหลายปีแล้ว อีกอย่างพวก้ขาบุกโจมตีเราในขณะที่แคว้นซางของเราตกอยู่ในความวุ่นวาย เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "นี่คือประเด็นที่เรากำลังหารือกันในสำนักหงลู่คืนนี้ ต้องการใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 965

    แม้ว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์แล้ว และอากาศก็อุ่นขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่เล็กน้อยเมื่อนั่งอยู่ที่ประตูโดยไม่มีอะไรกั้นไว้ห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูของหอฮุยตงสามารถให้พวกเขาใช้งานได้ มีเตาถ่านอยู่ในนั้นสามารถชงชา เมื่อเห็นว่าเสิ่นว่านจือสวมเสื้อผ้าไม่มากพอ ซ่งซีซีจึงพานางเข้าไปในห้องเล็กๆ ของผู้ดูแลประตูเพื่อนั่งดื่มชา"คืนนี้จะค้างคืนที่นี่ เจ้าไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้า" ซ่งซีซีรินน้ำชาให้นางเสิ่นว่านจือเป่าโฟมบนชาแล้วพูดว่า "ไม่เป็นไร ข้าจะอยู่กับเจ้า จะได้ให้พวกหงเซียวได้พักผ่อนให้ดีๆ ข้ามาจับตาดูเอาเอง"พวกนางได้ส่งพวกหงเซียวแอบเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของชาวซีจิง เพื่อดูว่าพวกเขาได้ไปที่ไหนและติดต่อกับผู้ใดบ้างโดยธรรมชาติแล้ว ทั้งองค์หญิงใหญ่และพวกขุนนางจะไม่ออกไปข้างนอก แต่ก็มีลุกน้องมากมายอยู่ บวกกับข้อมูลที่จ้านเป่ยว่างและฮูหยินป๋อผิงซีสืบออกมานั้น หากมีเส้นสายจริงๆ จะต้องติดด่อกันแน่ๆ"ใช่แล้ว ตอนที่ข้าออกมา ได้ยินอาจารย์หยูพูดว่า" เสิ่นว่านจือเหลือบมองซ่งซีซี "ว่าพรุ่งนี้ท่านอ๋องจะไปกรมราชทัณฑ์เพื่อพบกับจ้านเป่ยว่าง"ซ่งซีซีพยักหน้า "ข้ารู้""จำเป็นต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 966

    ผลที่ฮูหยินป๋อผิงซีสอบสวนนั้น เซี่ยหลูโม่ได้บอกเขาด้วย และให้ข้อสรุปว่า "สามารถยืนกรานได้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังได้ติดต่อกับยี่ฝางผ่านตระกูลหลิน ให้สาวใช้แจ้งให้นางทราบก่อน แล้วให้นางไปร่วมงานศพท่านแม่ของเจ้า จากนั้นนางหลินก็ไปไว้ทุกข์ด้วย หาโอกาสได้คุยกับนางตามลำพัง หลังจากที่นางหลินพูดคุยกับนางเสร็จแล้ว ทั้งคู่ก็ถูกฆ่าปิดปากไปเลย"จ้านเป่ยว่างตกใจอย่างมาก "นี่เป็นเรื่องจริงเหรอ?""ดังนั้น ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อม ข้าจะบอกเจ้าตรงๆ ตอนที่สืบสวนคดีกบฏของเซี่ยอวี้น ทางหอต้าหลี่ได้สืบเจอว่าตระกูลหลินมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับดดีกบฏโดยตรง เราจึงไม่ได้ลงมือกับพวกเขา นางหลินไปพบยี่ฝาง และคนที่อยู่ข้างหลังนางก็คือคนที่อยู่เบื้องหลังเซี่ยอวี้น ซึ่งเป็นผู้บงการที่แท้จริงของการก่อกบฏ"เซี่ยหลูโม่มองเขาแล้วพูดเสริมว่า "ส่วนยี่ฝางมีส่วนร่วมในคดีนี้ แต่นางจะถูกนำตัวไปที่ซีจิง แต่เจ้าเป็นสามีของนาง เมื่อคดีกบฏได้รับการการยืนยัน จวนแม่ทัพของเจ้าจะมีผลกระทบอย่างไร คงมิต้องให้ข้ามาบอกเจ้าก็คงรู้ดีนะ"ริมฝีปากของจ้านเป่ยว่างสั่นเล็กน้อย เขาเคยทำงานข้างก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 967

    จ้านเป่ยว่างเหลือบมองไปในทิศทางประตูโดยไม่รู้ตัว นี่ไม่ใช่การกระทำที่เขาทำโดยเจตนา บัดนี้เขามีอารมณ์ที่เศร้าโศก มักจะรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเปิดเผยให้คนอื่นรู้เรื่องได้ จึงทำตัวอย่างระมัดระวังและลับๆ ล่อๆ ด้วยจิตใต้สำนึกการกระทำที่หลบๆ ซ่อนๆ นี้ทำเอาความหวาดระแวงของยี่ฝางได้น้อยลงไม่น้อย ก็จริงสิ นางรู้ทุกอย่างทุกเรื่องของผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี แล้วนางจะกลัวอะไรกัน"สิ่งที่เจ้าพูดในวันนั้นกลังจากที่ข้ากลับไปก็ได้คิดทบทวนอยู่ ข้ารู้สึกว่าโอกาสในที่ประสบความสำเร็จมันน้อยมาก อีกอย่าง เจ้าก็ไม่ได้บอกข้าว่าเจ้าจะใช้วิธีใดที่จะทำให้ชาวซีจิงนำตัวแม่ทัพใหญ่เซียวไป ดังนั้นข้าจึงไม่แน่ใจว่าทางจวนเป่ยหมิงอ๋องจะออกมือช่วยหรือไม่ และเราสามารถใช้ประโยชน์จากพวกเขาได้จริงๆ หรือไม่"เสียงของเขาเบามากและสายตาที่มองดูยี่ฝางก็ไม่เป็นปกติเล็กน้อย ยามนี้เขายังคงคำนึกถึงพวกเขาได้เป็นคู่สามีภรรยากัน หากใช้วิธีนี้เพื่อหลอกให้นางพูดความจริง ก็เท่ากับทรยศนาง จริงๆ แล้วเขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แต่เพื่อให้จวนแม่ทัพไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาก็ต้องทำยี่ฝางขมวดคิ้ว "ข้าบอกว่าจะออกม

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1453

    กลับมาที่จวนอ๋องจึงค่อยมีบรรยากาศของปีใหม่จริงๆ พวกเขากำลังเล่นปะทัด โยนห่วง และยิงธนู ทุกการเล่นล้วนมีของรางวัลและรางวัลใหญ่ การเล่นปะทัดนั้น ต้องถือปะทัดไว้ในมือ แล้วโยนออกไปก่อนที่มันจะระเบิด แต่ต้องให้มันระเบิดกลางอากาศ ถ้าหากตกลงพื้นแล้วค่อยระเบิด ถือว่าแพ้ แต่แน่นอนว่า ถ้าระเบิดคามือก็ถือว่าได้รางวัลอยู่ดี เพราะขนาดมือระเบิดเจ็บแทบแย่แล้ว ถ้ายังไม่ได้รางวัลอีก กุ้นเอ๋อร์คงไม่ยอมแน่ ตอนที่ซ่งซีซีกลับมา พวกเขาเล่นกันไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว พื้นเต็มไปด้วยเศษกระดาษสีแดงหนาทับกันเป็นชั้นๆ เดินไปก็รู้สึกนุ่มเท้า พอลงจากพื้นที่แล้ว ฝ่าเท้าก็เปื้อนสีแดงเป็นมงคลไปหมด ซ่งซีซีชอบบรรยากาศเช่นนี้ นางจึงเข้าร่วมเล่นด้วย นางไม่เคยทำปะทัดระเบิดคามือเลย สามารถโยนออกไปได้อย่างแม่นยำก่อนที่มันจะระเบิดเสมอ เสียงระเบิดกลางอากาศดังกังวานใสชัดเจน แม้ว่ามือกุ้นเอ๋อร์จะเล่นจนแดงไปหมด แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับไม่มีทีท่าว่าจะลดลง รางวัลของเขาวางอยู่เต็มโต๊ะ จนแทบไม่มีที่เหลือ อาจารย์หยูก็ร่วมเล่นกับพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไปนั่งชมเสิ่นชิงเหอวาดภาพ ในภาพของเสิ่นชิงเหอ เต็มไปด้วยใบหน้าข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1452

    เดิมที หลานเจี่ยนกูกูคิดว่าเมื่อโยนประเด็นขึ้นมาแล้วซ่งซีซีจะต้องเล่นงานพวกนาง แต่ใครจะคิดว่าซ่งซีซีกลับรับคำว่าเป็นความเข้าใจผิดแล้วปล่อยผ่านไปง่ายๆ จนทำให้พวกนางรู้สึกทำอะไรไม่ถูก หลานเจี่ยนกูกูอับอายเล็กน้อย นางกล่าวขอบคุณก่อนถอยกลับไปยืนข้างๆ แต่ยังแอบปรายตามองซ่งซีซีว่ามีนางจะกล่าวอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ทว่าซ่งซีซีเพียงแค่นั่งนิ่งๆ ดื่มชา ไม่พูดอะไรอีกเลย แค่นี้จบแล้วหรือ? นี่ถือว่าสะสางกันแล้วใช่หรือไม่? หรือว่าถือว่าเป็นการปรับความเข้าใจกันแล้ว? ฉีฮองเฮาและหลานเจี่ยนกูกูต่างก็รู้สึกว่า มันยังไม่ได้สะสางกันจริงๆ แต่พอประเด็นจบไปแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ หากเอ่ยขึ้นมาอีก มันจะยิ่งเป็นการเผยไต๋ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ฉีฮองเฮาทำหน้าบึ้ง เอ่ยเสียงเย็น “น้ำชาเย็นหมดแล้ว รินถ้วยใหม่ให้พระชายาอ๋องเถิด” ในใจของนาง เต็มไปด้วยความขัดเคือง ซ่งซีซีกำลังตั้งกำแพงขึ้นมาขวางนาง ทำให้นางที่ตั้งใจจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซ่งซีซีถูกกั้นไว้ภายนอก แต่ที่แย่กว่านั้นคือ นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย! ซ่งซีซียังคงจิบชาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นั่งอยู่กับฮองเฮา โดยไม่ได้ชวนคุยก่อน หากอีกฝ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1451

    ภายใน ตำหนักฉางชุน มังกรดินใต้พื้นถูกจุดให้ความอบอุ่นทั่วทั้งห้อง ซ่งซีซีถอดเสื้อคลุมออก แล้วนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมาถึง นางกำนัลได้แจ้งว่าฮองเฮาเสด็จกลับไปเปลี่ยนเครื่องทรง ให้รอสักครู่ นางจึงนั่งรอโดยมิได้เร่งรีบ ขณะเดียวกัน ฉีฮองเฮากำลังกินรังนกอยู่ในตำหนักบรรทม นางไม่พอใจนักที่หลานเจี่ยนกูกูเร่งเร้าให้รีบออกไป นางกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ให้นางรอหน่อยแล้วอย่างไร?” หลานเจี่ยนกูกูเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮา ท่านทรงกล่าวมาตลอดว่า ไม่ควรทำให้พระชายาอ๋องขุ่นเคือง บัดนี้เมื่อทรงเชิญนางมาแล้ว ก็ควรพูดจากันดีๆ อธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้กระจ่าง เรื่องก็จะจบลง” ฮองเฮาหัวเราะเยาะตนเอง ก่อนจะกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าเองก็ได้ยินว่าตอนที่ข้าขอตัวออกมา ฮ่องเต้ตรัสว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า ต่อให้ซ่งซีซีจะตีหรือด่าข้า ข้าก็ต้องอดทนรับไว้ พระองค์มิได้เห็นข้าเป็นฮองเฮาเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากให้คนที่อยู่ในดวงใจของพระองค์ได้ระบายความโกรธออกมา” ฮองเฮา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ ดันถ้วยรังนกออกไป น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะ “เขาทรงป่วยจนเลอะเลือนไปแล้ว หรือแท้จริงทรงโปรดปรานซ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1450

    ปีนี้ งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในวัง เงียบเหงากว่าปีที่แล้วมาก ฮองเฮา แม้จะได้รับอนุญาตให้พ้นโทษกักบริเวณเป็นเวลา หนึ่งวัน แต่นางกลับแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ดูท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจมากมาย แม้แต่เหล่าพระโอรสพระธิดาที่เข้ามาทักทาย นางก็เพียงรับคำอย่างเรียบเฉย จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงอ่อนล้ายิ่งนัก ตั้งแต่เช้าตรู่ทรงต้องเสด็จออกประกอบพิธีบวงสรวงสวรรค์ วุ่นวายไปทั้งวันจนหมดเรี่ยวแรง ไทเฮาเองก็ทรงได้รับลมเย็นจนประชวร จึงทรงลุกจากที่นั่งแต่เนิ่นๆ โดยมี สนมฮุ่ยไทเฟย ประคองกลับไปยังตำหนักฉืออัน ตอนที่ไทเฮาเสด็จออกจากงานฮองเฮารีบสั่งการทันที “พาองค์ชายใหญ่ ไปยังตำหนักฉืออันให้ไปอยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา” จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดพระขนง “เสด็จแม่ประชวร เจ้าให้เขาไปอยู่ด้วยทำไม?” ฮองเฮาสีพระพักตร์เคร่งขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสด็จแม่ทรงรักและเอ็นดูเขานัก บัดนี้พระองค์ทรงประชวร เขาก็ต้องไปอยู่ข้างกาย คอยปรนนิบัติ” กล่าวจบ นางก็ทอดถอนใจอย่างเศร้าสร้อย “เดิมควรเป็นหม่อมฉันที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระอาการของไทเฮาแต่หม่อมฉันกลับไร้ความสามารถ เช่นนั้นก็ให้เขาทำหน้าที่กตัญญูแทนหม่อมฉันเถิด” จักร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status