วันรุ่งขึ้น คู่สามีภรรยาก็ออกจากบ้าน และเซี่ยหลูโม่ก็ยังแกล้งถามเสิ่นว่านจือว่าอยากไปกับพวกเขาหรือไม่เสิ่นว่านจือมองหน้าเขาอย่างแปลกๆ เขาพูดในเมื่อคืนนี้แล้วว่าวันนี้จะพาซีซีออกไปเที่ยวตามลำพัง ไม่ให้ติดตามไปด้วย แม้แต่จางต้าจ้วงก็ไม่ให้ไป แล้วตอนนี้มาถามนางว่าจะไปหรือไม่ มันจะดูจอมปลอมไปหน่อนหรือเปล่าทว่าแม้ว่าเขาจะไม่พูด นางก็ไม่ไป ยังไงพอนางมีเวลาก็จะไปจัดการเรื่องโรงงานเย็บปักถักร้อย โรงงานเย็บปักถักร้อยกำลังได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะคอยจับตาดูมันไว้นอกจากนี้ หากทางโรงงานเย็บปักถักร้อยไม่ต้องให้นางเฝ้าดูไว้ งั้นนางจะไปดื่มชาและซื้อของ หรือไม่ก็ไปเดินเล่นที่ตึกว่างจิงหรือร้านจินจิงกับไทเฟยจะไม่น่าสนุกกว่าเหรออากาศก็หนาวจัด ขึ้นเขาโดนลมพัดจนเป็นหวัดเอาก็จะรู้ว่ามันจะสนุกอีกหรือไม่ในตึกว่างจิง เซี่ยหลูโม่สั่งอาหารหลายอย่าง รวมถึงปลากะพงนึ่ง เนื้อหนังเสือ เนื้อสันผัดผัก แกงจืดเต้าหู้ และเพิ่มกุ้งตุ๋นหนึ่งอีกจานอาหารเหล่านี้เป็นอาหารพื้นบ้าน ไม่ใช่อาหารราคาแพง แต่ตึกว่างจิงสามารถทำอาหารขั้นพื้นฐานได้อย่างอร่อยสุดๆ เลยเนื่องจากอีกเดี๋ยวต้องขึ้นเขา และอากาศก็ห
ยิ่งเดินขึ้นไปบนภู เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นไม่มีดอกไม้ที่บานสะพรั่งบนภูเขาหรือน้ำตกไหลตามที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกล่าวไว้เลย มีเพียงต้นไม้เปลือยเปล่าและทิวทัศน์หิมะสีขาวกว้างใหญ่เท่านั้นในเวลานี้ มันไม่มีน้ำตกอะไรอีกเลย พอเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวก็เริ่มแห้งแล้งแล้วไม่ใช่ว่าทิวทัศน์หิมะไม่สวย แค่อยู่ในเขตหนานเจียงมานาน เลยหมดอารมณ์ตื่นเต้นกับทัศน์หิมะแล้ว หากมีน้ำไหลน้ตกบ้าง และคู่กับทัศน์หิมะ บวกกับดอกไม้หน้าหนาวบานสะพรั่งบนเขา งั้นก็แตกต่างออกไปเลยติดที่ว่ามันไม่มีอะไรเลย บนภูเขาลูกนี้ไม่มีดอกไม้ที่บานในฤดูหนาวเลย น่าตลกจริงๆ ไม่มีแม้แต่ดอกบ๊วยด้วยซ้ำทว่า ทางด้านเหนือของภูเขาว่านจินมีความลาดชัน ตรงนั้นมีหิมะปกคลุมไปหมด และไม่มีสิ่งกีดขวาง สามารถเล่นกีฬาเลื่อนบนหิมะได้ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผน นำซ่งซีซีไปทางเหนือชาตัวเบาบวกกับวิ่งเองด้วยเขาขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความสนใจอย่างมาก หายใจเข้าแล้วพูดกับซ่งซีซี "นี่ยังสวยอยู่ใช่มั้ย? รอพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดินเสร็จเราไปเลื่อนบนหิมะเลื่อนจากตรงนี้เลย มันสนุกดี"ซ่งซีซี เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าอีกครั้ง สิ่งเห็
มันทั้งน่าโมโหทั้งน่าขำจริงๆซ่งซีซีพยุงเซี่ยหลูโม่ที่เดินกะโผลกกะเผลกและเดินลงภูเขาอย่างช้าๆปิ่นปักผมของเขาหายไปแล้ว และผมยุ่งเหยิง มันมีหิมะติดอยู่ จนเปียกไปหมด และปลิวไปด้านข้าง แข้งทื่อเป็นแผ่นหนึ่ง มันตกอยู่ในสภาพไม่น่ามองมากเลยบนใบหน้าก็ฟกช้ำดำเขียวและแดงด้วย ที่มีสีแดงเพราะมันเป็นรอยขีดข่วนและมีเลือดออก โชคดีที่บาดแผลตื้นและเล็กน้อย และบวกกับอากาศหนาวจัด เลือดก็หยุดอย่างรวดเร็วบนหน้าผากได้บวมขึ้นอย่างกับไข่ห่านไม่มีผิด ซึ่งดูทั้งน่าสางสารแต่ก็ตลกมากการฝึกศิลปะการต่อสู้ การต่อสู้ และการรับใช้ราชการล้วนเป็นจุดแข็งของเขา แต่เล่นสนุกนั้น เขาไม่เป็นจริงๆ ด้วย เลื่อนบนหิมะจะเลื่อนแบบนั้นได้อย่างไรใครๆ ก็รู้ดีว่าเล่นบนภูเขาแต่อย่าเล่นกับน้ำ เพราะว่าบริเวณน้ำลึกนั้นจะอันตรายมาก ก็ไม้ไม่ได้บอกว่าจะให้เล่นบนภูเขาได้ตามอำเภอใจนี่ โดยเฉพาะปกติแล้วภูเขาจะไม่มีหิมะ มีแต่ฤดูหนาวที่หนาวจัดนั้นถึงมีหิมะปกคลุม ภูเขาขรุขระที่ซ่อนอยู่ใต้หิมะนั้นมันจะเล่นได้ยังไงภูมิประเทศที่นี่แตกต่างจากทางเขตหนานเจียง อีกอย่างตอนออกรบได้สวมชุดเกราะ แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเซี่ยหลูโม่รู้สึกอับอายถึงขีดสุด เข
หลังจากที่จางต้าจ้วงถูกอาจารย์หยูลงโทษด้วยวิธีไปกวาดลานบ้าน หลานเชวี่ยนจากร้านขายยาเย่าหวังก็มาถึงด้วยหลานเชวี่ยนเป็นลูกศิษย์คนที่หกของหมอมหัศจรรย์ดัน เขาอายุยังน้อยแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่โดดเด่น ในปกติแล้วเขาจะประจำอยู่ร้านขายยาเย่าหวัง และไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกเพื่อรักษาให้คนไข้วันนี้ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บจากการล้ม และหมอมหัศจรรย์ดันจึงส่งเขามาที่นี่โดยเฉพาะ จุดประสงค์คือเพื่อตรวจสอบทุกอย่างทั้งหมดเพื่อให้แน่ใจว่าได้บาดเจ็บที่จึดสำคัญหรือไม่ เขายังหนุ่มยังไม่มีลูก แต่กินยาพวกนั้นตลอด แล้วจะไม่ให้หมอมหัศจรรย์ดันไม่กังวลได้อย่างไร?สนมฮุ่ยไทเฟยและเสิ่นว่านจือกลับมาจากการซื้อของ เมื่อได้ยินว่าเซี่ยหลูโม่ได้รับบาดเจ็บ สนมฮุ่ยไทเฟยก็รีบร้อนเดินเข้ามาหลานเชวี่ยนกำลังรักษาให้เขาอยู่ และซ่งซีซีเฝ้าดูอยู่ข้างกาย เมื่อเห็นไทเฟย มา นางก็ทำการไหว้ "คารวะเสด็จแม่"สนมตอบีบอืม จากนั้นก็มองดูบุตรชายของตนทันที เนื่องจากหลังกลับมายังไม่ทันได้อาบน้ำอาบท่า มรงผมยังชี้ตั้ง และมองดูใบหน้าที่ช้ำของเขาและแผลบวมบนหน้าผาก สนมฮุ่ยไทเฟยก็หัวเราะอย่างเห็นใจ "ฮะ ทำไม...ทำไมกายเป็นสภาพแบบนี้เล่า ไหนบอกว่า
ซ่งซีซีรีบเดินกลับมา และปลอบใจสนมฮุ่ยไทเฟยก่อน และส่งนางออกไป สนมฮุ่ยไทเฟยยังคงพูดอยู่ในขณะเดินออกไป "ก็จริงนี่ ก็แต่งงานกันแล้วจะมาอายอะไร ตอนเด็กๆ ยังพูดกับเสด็จแม่ได้ บัดนี้พูดไม่ได้แล้วเหรอ เจ้าไม่รู้ตอนเด็กเนื่องจากจุดนั้นโดนยุงกัด ยังถอดกางเกงให้ข้าทายา...""เสด็จแม่!" เสียงคำรามของเซี่ยหลูโม่ดังมาจากห้องซ่งซีซีรีบตามหาว่านจือเพื่อมาจัดการต่อ จากนั้นสั่งป้าฉงและป้าหยินเตรียมน้ำร้อน นางจะสระผมให้เขาเองเนื่องจากเขาไม่สามารถอาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อนได้ จึงต้องนั่งในห้องอาบน้ำ โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ซ่งซีซีสระผมให้ และยังต้องป้องกันไม่ให้เท้าโดนน้ำแม้ว่ารู้สึกตนเองไม่ได้เรื่องจริงๆ แต่พอรู้สึกถึงนิ้วของภรรยานวดหนังศีรษะและถูผมทำให้ เขารู้สึกมีความสุขในท่ามกลางความรู้สึกอับอายเขาปลอบใจตัวเองโดยคิดว่าถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เขาคงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีขนาดนี้ เมื่อก่อนที่ตนเองบาดเจ็บก็เป็นจางต้าจ้วงที่ช่วยหลังจากสระผมแล้ว ซ่งซีซีก็ช่วยเขาเช็ดผม หลังจากผ่านไปนานสองนานถึงพูดหดหู่ว่า "เสด็จแม่พูดไปเรื่อย เจ้าอย่าไปฟังนางเลย""อืม" ซ่งซีซีใช้ผ้าขนหนูหนาๆ ลูบผม "ข้าจำไม่ได้ด
สนมฮุ่ยไทเฟยมักจะพูดถึงฮ่องเต้องค์ก่อนสมอ บางครั้งก็บอกว่าฮ่องเต้องค์ก่อนนั้นดีต่อนาง บางครั้งก็บ่นเกี่ยวกับฮ่องเต้องค์ก่อน แต่เมื่อใดก็ตามที่นางพูดถึงพระองค์ นางก็มักจะทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อย ราวกับว่านางไม่เคยโตเลยนางเป็นพระสนมที่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลที่สุดในวังหลังที่มีการช่วงชิงอำนาจแย่างรุนแรง นางอยู่ในตำแหน่งพระสนม และไม่เคยถูกมุ่งร้าย แม้ว่ามีผู้ใดอยากใช้แปนการอะไรก็จะไม่มุ่งเป้านาง ต่อให้มุ่งเป้านาง ก็ยังมีไทเฮาอย่างข้าหน้านางที่ช่วยจัดการให้นางถูกเลี้ยงแบบเอาอกเอาใจตั้งแต่เด็กจนโต และถูกกล่อมให้นางมีลูกๆ อย่างเอาใจใส่ ตอนนี้ก็มีลูกสะใภ้คอยดูแลอยู่ ดูเหมือนว่านางไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่อใดๆ ทั้งสิ้นเลยแต่นางมักจะชอบหาเรื่องมาให้ตนเองกลุ้มใจ และหาเรื่องให้ตนเองต้องปวดหัว อย่างเช่นชอบไปแข่งกับพวกของเต๋อกุ้ยไทเฟยและฉีกุ้ยไทเฟยเมื่อนางชนะก็จะดีใจจนกระโดดโลดเต้น พอแพ้ไป นางก็พองแก้มและอารมณ์เสียอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็จบเรื่องไปที่นางถูกเจียอี้และเซี่ยอวี้นวางแผนหลอกลวงนั้น นางก็แค่โกรธไปไม่กี่วันเอง จากนั้นก็ลืมเรื่องนั้นไปเลย นางจะไม่เก็บเรื่องไม่ดีมาใส่ใจจนให้ตนเอง
เรื่องโรงงานเย็บปักถักร้อยไม่ว่าโดนด่าหรือมีคนเข้าใจด้วย ในที่สุดมันก็ขยายการประชาสัมพันธ์ออกไปโรงงานเย็บปักถักร้อยสามารถก่อตั้งเสร็จเรียบร้อยได้หลังปีใหม่ ทั้งนี้ต้องขอบคุณการกำกับดูแลของอาจารย์หยูและบวกกับดำเนินขั้นตอนทางเอกสารต่างๆ เสร็จสิ้นตั้งแต่เนิ่นๆ หัวหน้าลู่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดซื้อเสิ่นว่านจือโยนตัวเงินออกมาก้อนหนึ่งแล้วพูดอย่างใจปล้ำว่า "ถ้าไม่พอก็บอกข้าได้ทุกเมื่อ"หัวหน้าลู่ไม่ได้ไปซื้อมันด้วยตนเอง แต่เป็นฮูหยินของหลี่เต๋อฮวย เจ้ากรมกระทรวงกลาโหมพาเขาไปด้วยสิ่งที่ใช้ตกแต่งพื้นที่ เครื่องนอน ผ้าปูที่นอน หม้อ กระทะ เครื่องทอผ้า ด้ายไหมหลากสี เข็ม ผ้าปัก ถัง กระโถนเป็นต้น ทุกอย่างที่คิดได้ หลี่ฮูหยินก็ซื้อมันหมดแล้วถึงยังไงแล้วนางหลี่ได้บริหารดูแลครอบครัวมานานหลายปี อีกอย่างคู่กับหัวหน้าลู่ที่ ผู้ดูแลกิจการทั่วไปของจวนอ๋อง ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างที่ต้องซื้อก็จะถูกจัดซื้อเรียบร้อย ของที่ต้องสั่งทำพิเศษนั้นก็จะถูกส่งมาหลังปีใหม่โรงงานเย็บปักถักร้อยตั้งชื่อว่าโรงงานซู่เจิน เขียนโดยเสิ่นชิงเหอ จากนั้นจึงสลักไว้บนแผ่นไม้ที่แขวนอยู่ที่ประตูโรงงานเย็บปักถักร้อย
ดวงตาของจ้านเป่ยว่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้า "ข้ารู้ว่าข้าทำให้ท่าหมอต้องผิดหวัง ข้าเองก็รู้สึกเวียใจอย่างมากเช่นกัน""ตอนแรกทางตระกูลซ่งมองหาลูกเขย คนที่มาสู่ขอมีจำนวนนับไม่ถ้วนเลย แต่กลับเลือกเจ้า รู้หรือไม่ว่าซ่งฮูหยินเลือกเจ้าด้วยเหตุผลอันใด"เมื่อพูดถึงแม่ยายผู้ล่วงลับของเขา จ้านเป่ยว่างก็ส่งเสียงสะอื้น "รู้ขอรับ นางบอกว่าข้าติดดินและซื่อสัตย์ บวกกับข้าสัญญาว่าจะไม่แต่งอนุภรรยาเด็ดขาด... มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าผิดสัญญา ข้าขอโทษนาง""นั่นมันเหตุผลหนึ่ง อีกเหตุผลคือเห็นๆ อยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชายคนรองแต่กลับยินยอมแบกรับความรับผิดชอบที่สำคัญของตระกูล มันแสดงว่าเจ้าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ขอพูดตรงๆ ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่ตั้งหลักจวนแม่ทัพให้ใหม่อีกครั้ง ด้วยความสามารถของเจ้าคนเดียวมันยิ่งยากว่า ในกระบวนการที่ยากลำบากในการต่อสู้เพื่ออนาคตของเจา นางคิดว่าเจ้าจะเป็นคนเหมือนแม่ทัพซ่งฮวยอันในอดีต ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าและมีใจหนักแน่น เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้คนซื่อตรงและมีความรับผิดชอบนั้นมักจะทำเช่นนี้ หากเจ้าดูแลเรื่องฝ่ายนอก ส่วนซีซีดูแลกิจการฝ่ายใน เจ้าหาใช่ว่าจะประสบความสำเร็จสูงนัก