ซ่งซีซีรีบเดินกลับมา และปลอบใจสนมฮุ่ยไทเฟยก่อน และส่งนางออกไป สนมฮุ่ยไทเฟยยังคงพูดอยู่ในขณะเดินออกไป "ก็จริงนี่ ก็แต่งงานกันแล้วจะมาอายอะไร ตอนเด็กๆ ยังพูดกับเสด็จแม่ได้ บัดนี้พูดไม่ได้แล้วเหรอ เจ้าไม่รู้ตอนเด็กเนื่องจากจุดนั้นโดนยุงกัด ยังถอดกางเกงให้ข้าทายา...""เสด็จแม่!" เสียงคำรามของเซี่ยหลูโม่ดังมาจากห้องซ่งซีซีรีบตามหาว่านจือเพื่อมาจัดการต่อ จากนั้นสั่งป้าฉงและป้าหยินเตรียมน้ำร้อน นางจะสระผมให้เขาเองเนื่องจากเขาไม่สามารถอาบน้ำในบ่อน้ำพุร้อนได้ จึงต้องนั่งในห้องอาบน้ำ โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อให้ซ่งซีซีสระผมให้ และยังต้องป้องกันไม่ให้เท้าโดนน้ำแม้ว่ารู้สึกตนเองไม่ได้เรื่องจริงๆ แต่พอรู้สึกถึงนิ้วของภรรยานวดหนังศีรษะและถูผมทำให้ เขารู้สึกมีความสุขในท่ามกลางความรู้สึกอับอายเขาปลอบใจตัวเองโดยคิดว่าถ้าไม่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ เขาคงไม่ได้รับการปฏิบัติที่ดีขนาดนี้ เมื่อก่อนที่ตนเองบาดเจ็บก็เป็นจางต้าจ้วงที่ช่วยหลังจากสระผมแล้ว ซ่งซีซีก็ช่วยเขาเช็ดผม หลังจากผ่านไปนานสองนานถึงพูดหดหู่ว่า "เสด็จแม่พูดไปเรื่อย เจ้าอย่าไปฟังนางเลย""อืม" ซ่งซีซีใช้ผ้าขนหนูหนาๆ ลูบผม "ข้าจำไม่ได้ด
สนมฮุ่ยไทเฟยมักจะพูดถึงฮ่องเต้องค์ก่อนสมอ บางครั้งก็บอกว่าฮ่องเต้องค์ก่อนนั้นดีต่อนาง บางครั้งก็บ่นเกี่ยวกับฮ่องเต้องค์ก่อน แต่เมื่อใดก็ตามที่นางพูดถึงพระองค์ นางก็มักจะทำตัวเหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อย ราวกับว่านางไม่เคยโตเลยนางเป็นพระสนมที่ใช้ชีวิตอย่างไร้กังวลที่สุดในวังหลังที่มีการช่วงชิงอำนาจแย่างรุนแรง นางอยู่ในตำแหน่งพระสนม และไม่เคยถูกมุ่งร้าย แม้ว่ามีผู้ใดอยากใช้แปนการอะไรก็จะไม่มุ่งเป้านาง ต่อให้มุ่งเป้านาง ก็ยังมีไทเฮาอย่างข้าหน้านางที่ช่วยจัดการให้นางถูกเลี้ยงแบบเอาอกเอาใจตั้งแต่เด็กจนโต และถูกกล่อมให้นางมีลูกๆ อย่างเอาใจใส่ ตอนนี้ก็มีลูกสะใภ้คอยดูแลอยู่ ดูเหมือนว่านางไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่อใดๆ ทั้งสิ้นเลยแต่นางมักจะชอบหาเรื่องมาให้ตนเองกลุ้มใจ และหาเรื่องให้ตนเองต้องปวดหัว อย่างเช่นชอบไปแข่งกับพวกของเต๋อกุ้ยไทเฟยและฉีกุ้ยไทเฟยเมื่อนางชนะก็จะดีใจจนกระโดดโลดเต้น พอแพ้ไป นางก็พองแก้มและอารมณ์เสียอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็จบเรื่องไปที่นางถูกเจียอี้และเซี่ยอวี้นวางแผนหลอกลวงนั้น นางก็แค่โกรธไปไม่กี่วันเอง จากนั้นก็ลืมเรื่องนั้นไปเลย นางจะไม่เก็บเรื่องไม่ดีมาใส่ใจจนให้ตนเอง
เรื่องโรงงานเย็บปักถักร้อยไม่ว่าโดนด่าหรือมีคนเข้าใจด้วย ในที่สุดมันก็ขยายการประชาสัมพันธ์ออกไปโรงงานเย็บปักถักร้อยสามารถก่อตั้งเสร็จเรียบร้อยได้หลังปีใหม่ ทั้งนี้ต้องขอบคุณการกำกับดูแลของอาจารย์หยูและบวกกับดำเนินขั้นตอนทางเอกสารต่างๆ เสร็จสิ้นตั้งแต่เนิ่นๆ หัวหน้าลู่เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดซื้อเสิ่นว่านจือโยนตัวเงินออกมาก้อนหนึ่งแล้วพูดอย่างใจปล้ำว่า "ถ้าไม่พอก็บอกข้าได้ทุกเมื่อ"หัวหน้าลู่ไม่ได้ไปซื้อมันด้วยตนเอง แต่เป็นฮูหยินของหลี่เต๋อฮวย เจ้ากรมกระทรวงกลาโหมพาเขาไปด้วยสิ่งที่ใช้ตกแต่งพื้นที่ เครื่องนอน ผ้าปูที่นอน หม้อ กระทะ เครื่องทอผ้า ด้ายไหมหลากสี เข็ม ผ้าปัก ถัง กระโถนเป็นต้น ทุกอย่างที่คิดได้ หลี่ฮูหยินก็ซื้อมันหมดแล้วถึงยังไงแล้วนางหลี่ได้บริหารดูแลครอบครัวมานานหลายปี อีกอย่างคู่กับหัวหน้าลู่ที่ ผู้ดูแลกิจการทั่วไปของจวนอ๋อง ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างที่ต้องซื้อก็จะถูกจัดซื้อเรียบร้อย ของที่ต้องสั่งทำพิเศษนั้นก็จะถูกส่งมาหลังปีใหม่โรงงานเย็บปักถักร้อยตั้งชื่อว่าโรงงานซู่เจิน เขียนโดยเสิ่นชิงเหอ จากนั้นจึงสลักไว้บนแผ่นไม้ที่แขวนอยู่ที่ประตูโรงงานเย็บปักถักร้อย
ดวงตาของจ้านเป่ยว่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้า "ข้ารู้ว่าข้าทำให้ท่าหมอต้องผิดหวัง ข้าเองก็รู้สึกเวียใจอย่างมากเช่นกัน""ตอนแรกทางตระกูลซ่งมองหาลูกเขย คนที่มาสู่ขอมีจำนวนนับไม่ถ้วนเลย แต่กลับเลือกเจ้า รู้หรือไม่ว่าซ่งฮูหยินเลือกเจ้าด้วยเหตุผลอันใด"เมื่อพูดถึงแม่ยายผู้ล่วงลับของเขา จ้านเป่ยว่างก็ส่งเสียงสะอื้น "รู้ขอรับ นางบอกว่าข้าติดดินและซื่อสัตย์ บวกกับข้าสัญญาว่าจะไม่แต่งอนุภรรยาเด็ดขาด... มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าผิดสัญญา ข้าขอโทษนาง""นั่นมันเหตุผลหนึ่ง อีกเหตุผลคือเห็นๆ อยู่ว่าเจ้าเป็นลูกชายคนรองแต่กลับยินยอมแบกรับความรับผิดชอบที่สำคัญของตระกูล มันแสดงว่าเจ้าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ ขอพูดตรงๆ ว่ามันจะเป็นเรื่องยากที่ตั้งหลักจวนแม่ทัพให้ใหม่อีกครั้ง ด้วยความสามารถของเจ้าคนเดียวมันยิ่งยากว่า ในกระบวนการที่ยากลำบากในการต่อสู้เพื่ออนาคตของเจา นางคิดว่าเจ้าจะเป็นคนเหมือนแม่ทัพซ่งฮวยอันในอดีต ด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าและมีใจหนักแน่น เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้คนซื่อตรงและมีความรับผิดชอบนั้นมักจะทำเช่นนี้ หากเจ้าดูแลเรื่องฝ่ายนอก ส่วนซีซีดูแลกิจการฝ่ายใน เจ้าหาใช่ว่าจะประสบความสำเร็จสูงนัก
จ้านเป่ยว่างออกจากร้านขายยาเย่าหวังด้วยความสิ้นหวังหงเชวี่ยเข้ามาถามว่า "อาจารย์ เหตุใดท่านจึงต้องพูดกับเขามากขนาดนี้?"หงเชวี่ยไม่เข้าใจ อาจารย์รำคาญกับคนในจวนแม่ทัพมากที่สุด เขามักจะปฏิเสธที่จะพูดอะไรกับพวกเขาด้วยซ้ำ แต่วันนี้กลับสละเวลาที่พักผ่อนเพื่อพูดตักเตือนเขาหมอมหัศจรรย์ดันถอนหายใจเบาๆ "ไม่ต้องการให้คนในโลกคิดว่าซ่งฮูหยินไม่เพียงแต่ตาบอดและยังซื่อไป แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง อาจารย์ก็ไม่ชอบได้ยินคนอื่นต่อว่านางแบบนี้"เขาลุกขึ้นยืนวางถ่านไฟชิ้นหนึ่งลงในเตาถ่านแล้วเอามือไปเข้าใกล้เพื่อทำให้อุ่น "นอกจากนี้ เขาไม่ใช่คนชั่วร้ายถึงขั้นร้ายแรงจริงๆ เขาสามารถแยกแยะระหว่างสิ่งถูกและผิดได้ด้วย คุณชายสามของตระกูลเซียวเพื่อช่วยเขาต้องเสียแขนไปข้างหนึ่ง หากไม่ตักเตือนเขา ให้ถูกหลอกไปต้องทำผิดตลอดไป งั้นแขนที่คุณชายสามเสียไปนั้นก็เท่ากับเสียเปล่า""อาจารย์ ยังมีเรื่องอย่างอื่นหรือเปล่า?" หงเชวี่ยมักรู้สึกว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เนื่องจากหากอาจารย์เกลียดบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เขาจึงจะไม่มีทางพูดอะไรกับคนๆ นั้นมากนักหมอมหัศจรรย์ดันมีดวงตาสีเข้ม "อย่าถามเลย หวังว่าจะใช้งานไม่ได้"จ้านเป่ยว่าง
ในคืนแรม ๑๐ ค่ำเดือนสิบสอง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านก็มองเห็นภาพหลอนขึ้นจริงๆ ร่างกายของนางดูเหมือนจะหายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถลุกขึ้นนั่งชี้ด่าอากาศ "ไสหัวออกไป ไสหัวออกไป พวกสวะไร้ประโยชน์ พวกเจ้าต่างเป็นสวะไร้ประโยชน์""นางหมิน เจ้ากล้ามาก เจ้ากล้าบีบคอข้า? เจ้ามันอกตัญญู..."มือทั้งสองข้างของนางจับคอ เหมือนกับกำลังดิ้นรนอย่างนั้น อึดอัดจนหน้าแดงก่ำแต่เพราะท่านหมอได้บอกอาการของนางไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นทุกคนเลยไม่คิดว่านางจะเห็นผี จากนั้นจ้านเป่ยว่างก็ไปเอามือของนางออก และเรียกขึ้นเสียงดัง "ท่านแม่ ไม่มีใครขอรับ พี่สะใภ้ใหญ่ก็ไม่ได้มาที่นี่ขอรับ""นางมาแก้แค้นข้า นางแค้นข้า" ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านจับแขนเสื้อของจ้านเป่ยว่าง และความดุร้ายบนใบหน้าของนางก็กลายเป็นความหวาดกลัว "เจ้าบอกกับนาง ข้าแค่จะให้นางรู้กฎเกณฑ์เท่านั้น ข้าต้องการสั่งสอนนาง อ้า... ไปให้พ้น นางหมิน เจ้ากล้ามาก"มือของนางยังคงปัดไปมาไม่หยุด และตบลงไปบนหน้าของจ้านเป่ยว่าง จ้านเปยว่างเองก็ไม่ขยับ ปล่อยให้นางตบอย่างนั้นหลังจากดิ้นอยู่ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดถึงจะสงบลง แต่ลมหายใจของนางกลับแผ่วเบาแล้วบางครั้งนางก็มีสติ ลืมตามองผ
เสิ่นว่านจือไม่มีความรู้สึกเห็นใจจ้านเป่ยว่างอยู่แล้ว นางพูดขึ้น "ได้ยินหงเซียวบอกว่า จ้านเส้าฮวนไม่ได้กลับไปร่วมงานศพ แต่ยี่ฝางออกมาจากเรืองมงคลเพื่อไว้ทุกข์ให้กับยายแก่นั่น"หลังจากถูกลอบสังหาร ยี่ฝางก็แทบจะไม่ออกจากเรืองมงคลเลย ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านใกล้สิ้นใจ นางก็ไม่ออกมาดูแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้กลับมาไว้ทุกข์ มันไม่แปลกหรือ?ถ้ามีคนคิดจะฆ่านางอีกครั้ง ถือโอกาสตอนที่ในจวนกำลังจัดพิธีศพ ฉวยโอกาสลอบเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องยากทว่ายี่ฝางก็ยังคงมีสมองอยู่บ้าง เพิ่งจะสืบคดีกบฏ คดีนี้ยังไม่ปิด ใครจะกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในเวลานี้"พิธีศพใครเป็นคนช่วยจัดหรือ? " ซ่งซีซีถามขึ้นประโยคหนึ่ง หลังจากหวังชิงหลูคลอดก่อนกำหนดร่างกายก็รักษาไม่หายมาโดยตลอด นางไม่มีทางเป็นคนจัดแน่นอน ยี่ฝางเองก็ไม่น่าจะออกหน้าจัดพิธีศพ" ฮูหยินผู้เฒ่ารอง " เสิ่นว่านจือ กล่าว "ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีความเกลียดชังระหว่างพี่น้องสะใภ้ และไม่มีการแยกครอบครัวอย่างแท้จริง นางยังคงต้องทำสิ่งที่ต้องทำ""อันที่จริงฮูหยินผู้เฒ่ารองก็จิตใจดีมีความยุติธรรม" ซ่งซีซีกล่าวขึ้นประโยคหนึ่ง "ก็หายากมากแล้ว"ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย ชื่
วันขึ้นปีใหม่ ก็ค่อนข้างน่าเบื่องานเลี้ยงในวัง เชื้อพระวงศ์บางคนที่พบเห็นกันปีละครั้งก็พาครอบครัวออกมาเข้าร่วมงานผู้ชายก็มีกลุ่มใหญ่ ผู้หญิงก็มีกลุ่มใหญ่เช่นกันซ่งซีซีอก็ตามฮองเฮากับพระสนมไปเข้าเฝ้าคารวะไทเฮาพร้อมกับเหล่าพระชายาและองค์หญิงเหล่าไทเฟยก็อยู่ด้วยกัน แน่นอนก็มีสนมฮุ่ยไทเฟยอยู่ในนั้นด้วยส่วนพระชายาอ๋องเยี่ยนนางเสิ่นกับชายารองจินก็อยู่ในตำหนักของหรงไทเฟย อยู่พูดคุยกับนาง ดังนั้นพวกนางจึงไม่ได้มาทุกคนพูดคุยเรื่องไร้สาระด้วยกัน ไม่ก็ชื่นชมกันไปมา ไม่ก็แข่งกันว่าใครงามกว่ากัน ไม่ก็โอ้อวดเครื่องประดับกันพระสนมของฮ่องเต้ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นางมองจนตาลาย ก็รู้จักเพียงฮองเฮา พระสนมซูเฟย พระสนมกง และพระสนมเต๋อ ส่วนสนมคนอื่นๆ ก็ไม่รู้จักสักคนเดียวสำหรับคนอื่นๆ ที่สถานะต่ำต้อย ก็ก้มหน้าต่ำตลอดเวลา บางครั้งก็ยิ้มให้ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมองพระโอรสของฮองเฮาเป็นโอรสคนโต ดูเป็นคนเยือกเย็น อายุยังน้อย แต่ท่าทางการเดินเหมือนกับจักรพรรดิ์ซูชิง เอามือไขว้หลัง ยืดตัวตรง ถ้ารูปร่างไม่ผอมบาง ก็ยังคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่พระสนมซูเฟยมีธิดาและโอรสหนึ่งคน โอรสนางเป็นคนเลี้ยงดู แ