Share

บทที่ 858

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในตอนกลางคืน ณ จวนเป่ยหมิงอ๋อง ห้องหนังสือก็สว่างไสว

"เจ้าตัดสินใจดีแล้วจริงๆ เหรอ?" เซี่ยหลูโม่ถามซ่งซีซีอีกครั้ง "เจ้าต้องรู้ว่าการทำเช่นนี้อาจทำให้เกิดปัญหามากมายและอาจนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์"

ซ่งซีซีมองดูเขา "ท่านจะสนับสนุนข้าใช่ไหม?"

"มันเป็นการตัดสินใจของเจ้า และข้าจะสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน" เซี่ยหลูโม่ยิ้มอย่างอบอุ่น

เสิ่นว่านจือเท้าคาง "ข้าไม่เพียงแต่สนับสนุนเท่านั้น ข้ายังออกเงินและออกแรงเพื่อสนับสนุนเจ้าด้วย"

ซ่งซีซีมองไปที่อาจารย์หยู "อาจารย์หยูคิดว่าอย่างไรเล่า?"

อาจารย์หยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "จากมุมมองของจวนอ๋อง ข้าไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน แต่จากมุมมองของมนุษย์ ข้าก็สนับสนุนด้วย"

"ศิษย์พี่?" ซ่งซีซีมองไปที่เสิ่นชิงเหอ ศิษย์พี่ยังไม่ได้แสดงจุดยืนของเขา

เสิ่นชิงเหอพยักหน้า "ศิษย์พี่จะไม่สนับสนุนสิ่งที่เจ้าต้องการทำได้อย่างไร แต่ขอพูดไว้ก่อน ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ก็ต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาและสามารถรับผลที่ตามมาได้"

"ข้ารู้" แสงส่องไปที่ดวงตาของซ่งซีซี ซึ่งทำให้นางดูสดใสมากยิ่งขึ้น "ข้าไม่ได้หุนหันพลันแล่น ข้าคิดเรื่องการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสตรีมาหลายวันแล้ว แต่อย่า
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 859

    ในท้องพระโรง เสียงต่อต้านก็ท่วมท้น"เหลวไหล ถ้าสถานที่เช่นนั้นถูกจัดตั้งขึ้นมา งั้นสามคล้อยสี่คุณธรรมจะไม่กลายเป็นเรื่องไร้สาระแล้วหรือ?" (สามคล้อยสี่คุณธรรม "สามคล้อย" คือ ยังไม่ออกเรือนคล้อยตามบิดา ออกเรือนคล้อยตามสามี สามีถึงแก่กรรมแล้วคล้อยตามบุตรชาย ส่วน "สี่คุณธรรม" คือ นารีธรรม นารีพงษ์ นารีลักษณ์ นารีกิจ)"ใช่ สิ่งนี้จะส่งเสริมให้ผู้หญิงเกิดความเย่อหยิ่ง ทำให้พวกนางไม่เคารพผู้ใหญ่ อิจฉาขี้หึง และแม้กระทั่งสร้างปัญหาให้ฝ่ายในครอบครัวด้วย""ข้าว่านี่คงมิใช่ความเห็นของท่านอ๋อง แต่เป็นความเห็นของพระชายามากกว่ากระมัง เพื่อที่จะเอาใจพระชายา ถึงกับสละศักดิ์ศรีความเป็นลูกผู้ชาย มันน่าขำจริงๆ"จักรพรรดิ์ซูชิงมองดูความปั่นป่วนด้านล่างจากบัลลังก์ของเขา เม้มริมฝีปากบ้างและยกริมฝีปากบ้าง แต่มันก็เรื่องน่าดูจริงๆ เพราะตั้งแต่เซี่ยหลูโม่กลับมาจากสนามรบเขตหนานเจียง มีเพียงคนที่ยกย่องเขาและน้อยมากเลยที่ด่าเขาเขาถอนหายใจในใจ น้องโม่เอ๊ย เจ้านี่ยังอ่อนไปหน่อย นี่เจ้ากำลังแตะต้องจุดห้ามของทุกคน หากสตรีมีทางออก แล้วให้พวกเขาควบคุมสตรีได้อย่างไร? เจ้าต้องการที่จะชนะใจประชาชน แต่กลับไม่รู้ว่าเจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 860

    ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านนิ่งไป นางมองไปที่นางจี นางทำหน้าไม่สู้ดี ดวงตาของนางเต็มไปด้วยวิจารณญาณเพื่อดูว่านางกำลังล้อเล่นหรือเอาจริงกันแน่แต่นางไม่ได้ล้อเล่น นางจริงจังมากเลือดทั้งหมดในร่างกายของเธอก็พุ่งปรี๊ดไปที่ศีรษะของนาง และนางก็หายใจลำบาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮูหยินป๋อผิงซีจะขอเงินจากนางเพื่อซื้อยาความเป็นญาติกันแท้ๆ อีกอย่างให้ซื้อยา จำเป็นต้องคิดเล็กคิดดน้อยเช่นนี้หรือกว่าจะนางจะระงับความรู้สึกอับอายนั้นก็ใช้เวลาไปนาน จากนั้นขยิบตาให้ป้าซุนที่อยู่ข้างๆ คำพูดบางคำที่นางในฐานะผู้ใหญ่ย่อมจะไม่พูดหรอกป้าซุนได้แต่กัดฟันถามว่า "รบกวนฮูหยินออกเงินให้ก่อน เดี๋ยวเราจะคืนให้ทีหลังได้ไหม"นางจีพูดว่า "ข้าออกจากบ้านรีร้อน จะนำเงินจำนวนก้อนใหญ่มาพกตัวได้ยังไง"เสียงของป้าซุนแผ่วเบามาก "ฮูหยินกลับไปเอาก่อนค่อยไปซื้อก็ได้เจ้าคะ"นางจีหัวเราะออกมา "ทำไมต้องให้เรื่องมันยุ่งยากเล่า ให้ข้ากลับจวนไปเอาเงิน พวกเจ้าให้ข้าไปตรงๆ ไม่ได้เหรอ ถึงยังไงก็ต้องคืน อย่าบอกนะว่าจวนแม่ทัพที่ใหญ่โตเช่นนี้ แม้แต่เงินสองร้อยตำลังก็ไม่มีสินะ"ฮูหยินผู้เฒ่าหน้าดำหน้าแดงขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางจีกำลังหัวเราะนาง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 861

    ก่อนหน้านี้หวังชิงหลูมักจะผลักความผิดออกไป ไม่ว่าทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงขนาดไหน นางจะตีตนเองให้ห่างจากเรื่องนั้น โดยบอกว่าตนเองไม่เกี่ยวด้วยและเป็นผู้บริสุทธิ์แต่คราวนี้ นางไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของนางจี เพียงปาดน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดเท่านั้นนางจีมองไปที่นาง และถอนหายใจ ในจวนแม่ทัพ จ้านเป่ยชิงไร้ประโยชน์แล้ว เขาสูญเสียสถานะข้าราชการและภรรยาก็จากไปแล้ว เขาขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดเวลาจ้านเป่ยเซินเป็นคนไม่ได้เรื่อง เขาไม่ถนัดศิลปะการต่อสู้ เรียนหนังสือก็ไม่เก่ง อย่าหวังกับเขาเลยบ้ารองบอกว่าไม่ยุ่งก็จะไม่ยุงจริงๆ ถึงขั้นสั่งคนเริ่มสร้างกำแพงเพื่อแบ่งจวนแม่ทัพออกเป็นสองส่วนมีแต่จ้านเป่ยว่างเท่านั้น นอกเหนือจากการฝึกพิเศษแล้ว เขายังกลับบ้านดูแลหวังชิงหลูด้วย ผู้ชายมาดูแลบ้าน หลังจากอ่านนายการบัญชีเสร็จถึงรู้ว่าจวนแม่ทัพหมดตัวแล้วจริงๆสองชั่วยามต่อมา มีเงินสองร้อยตำลึงมายื่นตรงหน้านางจี เป็นป้าซุนที่สาส่งเอง นางเดินเร่งรีบและหายใจหอบ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งกลับมาจากนอกบ้านนางจีรู้อะไรมากมายจากหงเอ๋อร์ นางหมินเคยขอให้ฮูหยินผู้เฒ่าจำนำเครื่องประดับของนาง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เห็นด้วยและยังทุบตี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 862

    จ้านเป่ยว่างตัดสินใจเด็ดขาด เตรียมที่จะขายคนรับใช้จำนวนหนึ่งออกไปจวนแม่ทัพไม่สามารถเลี้ยงคนจำนวนมากได้อีกต่อไป พี่ชายใหญ่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านรองถูกแบ่งออกไป ส่วนตัวเขาเองจะกลับไปดำรงตำแหน่งได้เมื่อใดยังไม่แน่ ในกรณีไม่มีรายได้นั้นก็ได้แต่ประหยัดรายจ่ายโดยทั่วไปแล้วตระกูลผู้สูงศักดิ์จะไม่ขายคนรับใช้ของพวกเขา ในแต่ละตระกูลมีเรื่องอื้อฉาวที่ไม่อาจเปิดเผยได้ก็มีไม่น้อย หากขายคนรับใช้ออกไป พอเจอกับเจ้านายใหม่ที่ดีก็ว่าไปอย่างหนึ่ง หากเจอเจ้านายใหม่ที่ไม่ดี คนใช้อาจจะมีความเกลียดในใจแล้วเปิดเผยเรื่องอื้อฉาวพวกนั้นไปทั้งหมดก็เป็นได้ดังนั้น นี่จะเป็นเรื่องห้ามสำหรับตระกูลผู้สูงศักดิ์แต่สำหรับจวนแม่ทัพในตอนนี้ยังมีเรื่องอื้อฉาวอะไรที่คนนอกจะไม่รู้ล่ะ? จ้านเป่ยว่างไม่สนใจแล้ว คำสาปที่รุนแรงที่สุดก็ด่าจากปากของชาวบ้านทุกๆ วันอยู่แล้ว เขายังต้องมาถือสาอะไรอีก?ไม่ทำงานก็ไม่รู้ว่าดูแลงานบ้านงานเรือนจะยากลำบากเช่นนี้ ขณะนี้จ้านเป่ยว่างก็เข้าใจนางหมินและกลายเป็นคนอย่างนางหมินตอนนี้เขามีความรู้สึกที่ซับซ้อนมากกับหวังชิงหลู เขารู้สึกเห็นใจที่นางเสียลูกไป แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโกรธที่นางทะ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 863

    หลี่เต๋อฮวยตอบ "ไร้สาระ แน่นอนว่าข้าต้องเป็นผู้ชายอยู่แล้ว แต่ผู้ชายสามารถทำทุกอย่างที่เขาต้องการไม่ว่าจะผิดจะถูกก็ได้หมด สามารถมีภรรยาและอนุหลายๆ คน มีลูกไม่ได้ก็สามารถรับเด็กมาเลี้ยง พอป่วยหนักก็มีภรรยาคอดูแล ผู้ชายใช้ชีวิตอย่างตามอำเภอใจเช่นนี้ก็ไม่เห็นบ้านเมืองก่อความวุ่นวายเลย แล้วทำไมมีสถานที่แห่งหนึ่งมาช่วยเหลือผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งจะสามีก็ทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุขเล่า?""แค่ให้ผู้หญิงมีทางเลือกเพิ่มมาอีกทางหนึ่งเอง พวกเจ้ากำลังกลัวอะไรอยู่หรือ ไม่มีใครอยากใช้ทางออกนี้หรอก นอกเสียจากว่านางจนมุมจริงๆ หรือว่าทุกคนต่างก็คิดจะบีบบังคับให้พวกนางเดินเส้นทางนี้เหรอ หากมิใช่ พวกเจ้ากลัวทำไม"หลี่เต๋อฮวยไม่ค่อยได้แสดงความเห็นบ่อยๆ หรอก พอแสดงความเห็นก็เป็นเพราะมีภารกิจต้องทำ ภรรยาที่บ้านได้กำชับไว้แล้วต้องสนับสนุนท่านอ๋องอย่างเต็มที่ซ่งซีซีก็ฟังอยู่ในการประชุมเช่นกัน นางไม่ได้พูดอะไรเพราะนาง เป็นผู้หญิง หากนางพูดแทนผู้หญิง การตอบโต้จะยิ่งรุนแรงมากกว่า ผลประโยชน์กำหนดจุดยืนต่อให้นางจะพูดเก่งมากแค่ไหนก็ไม่สามารถสู้การต่อต้านที่ถล่มมาจากพวกเขาดังนั้นนางแค่รอดู รอให้ฝ่าบาทสั่งให้นางพูด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 864

    เสียงของซ่งซีซีนั้นไม่ดังหรือเบาเกินไป และทำให้ทุกคนในท้องพระโรงได้ยินหมด "บางทีทุกท่านอาจคิดว่าการตายของนางหมินมันไม่สำคัญ แต่ถ้านางเป็นน้องสาวพี่สาว ลูกสาว หรือญาติของพวกท่านล่ะ จะรู้สึกเห็นใจนางบ้านหรือไม่?เพราะถึงยังไงคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เรียนหนังสือมา ต่างมีความเห็นอกเห็นใจกับผู้เฒ่าและผู้อ่อนแอที่สุด ผู้หญิงหลายคนถูกหย่าและถูกไล่ออกจากบ้าน ส่วนใหญ่เป็นเพราะโรคร้ายแรงหรือไม่ก็มีบุตรไม่ได้ พวกนางไม่ได้ทำอะไรผิดนะ"นางถอนหายใจอย่างๆ เศร้าอีกครั้ง "ชีวิตของผู้หญิงก็มีค่าด้วยนะ หรือว่าโลกนี้ต้องการกำจัดพวกนางให้สิ้นซากหรือ"หลายคนแอบถุยน้ำลายในใจ ถ้านางเป็นน้องสาวพี่สาว ลูกสาว หรือญาติของพวกท่านงั้นเหรอแต่คำว่าเรียนหนังสือมา มีความเห็นอกเห็นใจกับผู้เฒ่าและผู้อ่อนแอที่สุด ทำให้พวกเขาถูกผูกมัดด้วยศีลธรรม นี่จะโต้ตอบได้อย่างไร การโต้แย้งกับคำพูดเหล่านี้ก็จะทำให้พวกเขาดูไร้เหตุผลมากและต้องการกำจัดพวกผู้หญิงให้สิ้นซากหากเป็นผู้ชายที่พูดคำเหล่านี้ออกมาก็พอจะโต้แย้งได้แต่มันออกจากปากของผู้หญิง ทั้งท้องพระโรงมีผู้หญิงเพียงนางคนเดียว ฝ่าบาทให้นางแสดงความเห็น นางพูดคำเหล่านี้ด้วยความเม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 865

    วันรุ่งขึ้น คู่สามีภรรยาก็ออกจากบ้าน และเซี่ยหลูโม่ก็ยังแกล้งถามเสิ่นว่านจือว่าอยากไปกับพวกเขาหรือไม่เสิ่นว่านจือมองหน้าเขาอย่างแปลกๆ เขาพูดในเมื่อคืนนี้แล้วว่าวันนี้จะพาซีซีออกไปเที่ยวตามลำพัง ไม่ให้ติดตามไปด้วย แม้แต่จางต้าจ้วงก็ไม่ให้ไป แล้วตอนนี้มาถามนางว่าจะไปหรือไม่ มันจะดูจอมปลอมไปหน่อนหรือเปล่าทว่าแม้ว่าเขาจะไม่พูด นางก็ไม่ไป ยังไงพอนางมีเวลาก็จะไปจัดการเรื่องโรงงานเย็บปักถักร้อย โรงงานเย็บปักถักร้อยกำลังได้รับการซ่อมแซม ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะคอยจับตาดูมันไว้นอกจากนี้ หากทางโรงงานเย็บปักถักร้อยไม่ต้องให้นางเฝ้าดูไว้ งั้นนางจะไปดื่มชาและซื้อของ หรือไม่ก็ไปเดินเล่นที่ตึกว่างจิงหรือร้านจินจิงกับไทเฟยจะไม่น่าสนุกกว่าเหรออากาศก็หนาวจัด ขึ้นเขาโดนลมพัดจนเป็นหวัดเอาก็จะรู้ว่ามันจะสนุกอีกหรือไม่ในตึกว่างจิง เซี่ยหลูโม่สั่งอาหารหลายอย่าง รวมถึงปลากะพงนึ่ง เนื้อหนังเสือ เนื้อสันผัดผัก แกงจืดเต้าหู้ และเพิ่มกุ้งตุ๋นหนึ่งอีกจานอาหารเหล่านี้เป็นอาหารพื้นบ้าน ไม่ใช่อาหารราคาแพง แต่ตึกว่างจิงสามารถทำอาหารขั้นพื้นฐานได้อย่างอร่อยสุดๆ เลยเนื่องจากอีกเดี๋ยวต้องขึ้นเขา และอากาศก็ห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 866

    ยิ่งเดินขึ้นไปบนภู เซี่ยหลูโม่ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นไม่มีดอกไม้ที่บานสะพรั่งบนภูเขาหรือน้ำตกไหลตามที่เจ้าสิบเอ็ดฝางกล่าวไว้เลย มีเพียงต้นไม้เปลือยเปล่าและทิวทัศน์หิมะสีขาวกว้างใหญ่เท่านั้นในเวลานี้ มันไม่มีน้ำตกอะไรอีกเลย พอเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาวก็เริ่มแห้งแล้งแล้วไม่ใช่ว่าทิวทัศน์หิมะไม่สวย แค่อยู่ในเขตหนานเจียงมานาน เลยหมดอารมณ์ตื่นเต้นกับทัศน์หิมะแล้ว หากมีน้ำไหลน้ตกบ้าง และคู่กับทัศน์หิมะ บวกกับดอกไม้หน้าหนาวบานสะพรั่งบนเขา งั้นก็แตกต่างออกไปเลยติดที่ว่ามันไม่มีอะไรเลย บนภูเขาลูกนี้ไม่มีดอกไม้ที่บานในฤดูหนาวเลย น่าตลกจริงๆ ไม่มีแม้แต่ดอกบ๊วยด้วยซ้ำทว่า ทางด้านเหนือของภูเขาว่านจินมีความลาดชัน ตรงนั้นมีหิมะปกคลุมไปหมด และไม่มีสิ่งกีดขวาง สามารถเล่นกีฬาเลื่อนบนหิมะได้ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผน นำซ่งซีซีไปทางเหนือชาตัวเบาบวกกับวิ่งเองด้วยเขาขึ้นไปบนยอดเขาด้วยความสนใจอย่างมาก หายใจเข้าแล้วพูดกับซ่งซีซี "นี่ยังสวยอยู่ใช่มั้ย? รอพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากชมพระอาทิตย์ตกดินเสร็จเราไปเลื่อนบนหิมะเลื่อนจากตรงนี้เลย มันสนุกดี"ซ่งซีซี เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าอีกครั้ง สิ่งเห็

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1451

    ภายใน ตำหนักฉางชุน มังกรดินใต้พื้นถูกจุดให้ความอบอุ่นทั่วทั้งห้อง ซ่งซีซีถอดเสื้อคลุมออก แล้วนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมาถึง นางกำนัลได้แจ้งว่าฮองเฮาเสด็จกลับไปเปลี่ยนเครื่องทรง ให้รอสักครู่ นางจึงนั่งรอโดยมิได้เร่งรีบ ขณะเดียวกัน ฉีฮองเฮากำลังกินรังนกอยู่ในตำหนักบรรทม นางไม่พอใจนักที่หลานเจี่ยนกูกูเร่งเร้าให้รีบออกไป นางกล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ให้นางรอหน่อยแล้วอย่างไร?” หลานเจี่ยนกูกูเอ่ยเกลี้ยกล่อม “ฮองเฮา ท่านทรงกล่าวมาตลอดว่า ไม่ควรทำให้พระชายาอ๋องขุ่นเคือง บัดนี้เมื่อทรงเชิญนางมาแล้ว ก็ควรพูดจากันดีๆ อธิบายเรื่องเข้าใจผิดให้กระจ่าง เรื่องก็จะจบลง” ฮองเฮาหัวเราะเยาะตนเอง ก่อนจะกล่าวด้วยความขุ่นเคือง “ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดเช่นนั้น แต่เจ้าเองก็ได้ยินว่าตอนที่ข้าขอตัวออกมา ฮ่องเต้ตรัสว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า ต่อให้ซ่งซีซีจะตีหรือด่าข้า ข้าก็ต้องอดทนรับไว้ พระองค์มิได้เห็นข้าเป็นฮองเฮาเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่อยากให้คนที่อยู่ในดวงใจของพระองค์ได้ระบายความโกรธออกมา” ฮองเฮา เอ่ยด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ ดันถ้วยรังนกออกไป น้ำตาหยดแหมะลงบนโต๊ะ “เขาทรงป่วยจนเลอะเลือนไปแล้ว หรือแท้จริงทรงโปรดปรานซ่ง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1450

    ปีนี้ งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าในวัง เงียบเหงากว่าปีที่แล้วมาก ฮองเฮา แม้จะได้รับอนุญาตให้พ้นโทษกักบริเวณเป็นเวลา หนึ่งวัน แต่นางกลับแทบไม่ได้พูดอะไรเลย ดูท่าทางเหมือนมีเรื่องในใจมากมาย แม้แต่เหล่าพระโอรสพระธิดาที่เข้ามาทักทาย นางก็เพียงรับคำอย่างเรียบเฉย จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงอ่อนล้ายิ่งนัก ตั้งแต่เช้าตรู่ทรงต้องเสด็จออกประกอบพิธีบวงสรวงสวรรค์ วุ่นวายไปทั้งวันจนหมดเรี่ยวแรง ไทเฮาเองก็ทรงได้รับลมเย็นจนประชวร จึงทรงลุกจากที่นั่งแต่เนิ่นๆ โดยมี สนมฮุ่ยไทเฟย ประคองกลับไปยังตำหนักฉืออัน ตอนที่ไทเฮาเสด็จออกจากงานฮองเฮารีบสั่งการทันที “พาองค์ชายใหญ่ ไปยังตำหนักฉืออันให้ไปอยู่ข้างพระวรกายของไทเฮา” จักรพรรดิ์ซูชิงขมวดพระขนง “เสด็จแม่ประชวร เจ้าให้เขาไปอยู่ด้วยทำไม?” ฮองเฮาสีพระพักตร์เคร่งขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เสด็จแม่ทรงรักและเอ็นดูเขานัก บัดนี้พระองค์ทรงประชวร เขาก็ต้องไปอยู่ข้างกาย คอยปรนนิบัติ” กล่าวจบ นางก็ทอดถอนใจอย่างเศร้าสร้อย “เดิมควรเป็นหม่อมฉันที่ต้องคอยดูแลปรนนิบัติพระอาการของไทเฮาแต่หม่อมฉันกลับไร้ความสามารถ เช่นนั้นก็ให้เขาทำหน้าที่กตัญญูแทนหม่อมฉันเถิด” จักร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status