Share

บทที่ 776

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ในจวนเสนาบดีกั๋วกงเว่ย ผู้ชายที่มีตำแหน่งข้าราชการได้ออกไปหมดเลย คนที่ไม่มีงานถูกเสนาบดีกั๋วกงเว่ยเรียกให้มารวมตัวที่ห้องโถงหลัก ซึ่งพวกเขาฟังเสียงเคาะประตูเป็นระยะๆ

ตลอดชีวิตของเขา อารมณ์ต่างๆ ก็แสดงอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจน และเขาไม่เคยซ่อนมันไว้ เขาเป็นถึงเสนาบดีกั๋วกงเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ และยศถาบรรดาศักดิ์นี้เขาได้มาด้วยความพยายามของตนเอง แม้ว่าลูกหลานของเขาจะได้รับข้าราชการ แต่ก็มีระดับงานไม่สูงนัก ไม่ทำให้คนอื่นอิจฉาริษยาขณะเดียวกันจะไม่กระตุ้นความสงสัยจากฮ่องเต้

ดังนั้น ตราบใดที่เขาไม่ทำร้ายผู้ใดถึงชีวิต ก็ไม่มีใครกล้ามาทำตัวเย่อหยิ่งต่อหน้าเขา ผู้บัญชาการของกองทัพซวนเจียอะไรกัน เขาแค่ยอมรับกองทัพซวนเจีย ส่วนผู้บัญชาการก็แค่เศษขยะเท่านั้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เสนาบดีกั๋วกงเว่ยหยิบถ้วยชาขึ้นมาแล้วเป่าช้าๆ เขามองไปที่ลูกๆ และหลานๆ ที่เป็นกังวลแล้วพูดว่า "ไม่ต้องไปสน ปล่อยให้พวกเขาเคาะต่อไป"

"ท่านพ่อ ไม่เหมาะที่ปล่อยให้พวกเขาอยู่หน้าประตูสินะ ไม่ว่ายังไงนางมาทำงานตามคำสั่งจากฮ่องเต้นะ" เว่ยลี่หมิน ลูกชายคนโตของเสนาบดีกั๋วกงเว่ยถามอย่างระมัดระวัง

เว่ยลี่หมินเป็นขุนนางทหารด้วย
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 777

    เสนาบดีกั๋วกงเว่ยมักจะเชื่อฟังคำพูดของเขามากที่สุด และความคิดของเขาก็ตรงกันกับเสนาบดีกั๋วกงเว่ยเอง เสนาบดีกั๋วกงเว่ยก็คิดเช่นนั้น และถึงขนาดพูดคำพูดพวกนี้มาก่อนทันทีที่นายสี่กล่าวเช่นนี้ ทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย หลักๆ เป็นเพราะเสนาบดีกั๋วกงเว่ยเห็นด้วยก่อน เขามักจะชื่นชมบุตรชายคนนี้โดยตรงการคัดค้านของซื่อจื่อเว่ยดูเหมือนจะไร้น้ำหนักเล็กน้อย แต่ถึงแม้จะไร้น้ำหนัก แต่เขาก็ยังคงแสดงความคิดเห็นว่า "น้องสี่พูดแบบนี้ก็ผิด กองกำลังเมืองหลวงย่อมมีวิธีจัดการคดีของตัวเองโดยธรรมชาติ ซ่งซีซีเกิดในตระกูลแม่ทัพ และสร้างผลงานทางทหารในเขตหนานเจียงด้วย หากนางไม่มีความสามารถ ฮ่องเต้ก็คงไม่เปิดข้อยกเว้นให้นางในราชวงศ์เราและมอบงานสำคัญให้นาง บวกกับคดีที่นางช่วยจัดการนั้นไม่ใช่คดีธรรมดา แต่เป็นคดีกบฎ จริงๆ แล้ว คำว่าทำงานตามพระราชกฤษฎีกาก็มากพอที่นำเรากลับไปสอบสวนที่หอต้าหลี่ แต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น กลับมาหาเราถึงที่ ขนาดรออยู่ข้างนอกตั้งครึ่งชั่วยาม แสดงว่านางให้เกียรติจวนจวนเสนาบดีกั๋วกงมามากพอแล้ว""อีกอย่าง ท่านพ่อ คดีนี้เกี่ยวข้องกับคนมากมาย และพวกเขาคงไม่ค่อยมีเวลาว่าง ถ้าไม่ใช่จำเป็นจริงๆ พวกเขาค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 778

    นายสี่เว่ยลุกขึ้นยืนทันทีและตะโกนใส่องครักษ์ด้านหลังด้วยความโกรธว่า "เกิดอะไรขึ้น? บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าเปิดประตู ใครเปิดประตูให้""ข้าเข้ามาด้วยตัวเอง หลังจากรอครึ่งชั่วยาม พวกเจ้าไม่เพียงแต่ไม่เปิดประตู ยังคิดจะใช้น้ำสกปรกไล่ำวกเรา งั้นข้าก็ต้องทำด้วยวิธีนี้แล้ว"ซ่งซีซีก้าวเข้าไปและมองไปรอบๆ ที่ผู้คนที่อยู่ในนั้น เสนาบดีกั๋วกงมีอายุมากที่สุด รองมาด้วยสองคนที่อยู่ข้างๆ น่าจะเป็นน้องรองน้องสามของเสนาบดีกั๋วกงเว่ย งั้นก็คือคนของบ้านรองและบ้านสามก่อนที่จะมา ซ่งซีซีเคยเห็นภาพเหมือนของผู้คนเข้ารับราชาการของจวนจวนเสนาบดีกั๋วกง ดังนั้นนางจึงจำพวกเขาได้ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมสีฟ้าด้วยสีหน้ากังวล และมองนางอย่างประหลาดใจนั้นน่าจะคือซื่อจื่อของเสนาบดีกั๋วกงเว่ยชื่อเว่ยลี่หมินซ่งซีซีจำชายที่พูดด้วยความโกรธเมื่อกี้ได้ เว่ยลี่กั๋ว ลูกชายคนที่สี่ของเสนาบดีกั๋วกงเว่ย นางจำเขาได้เพราะเขาเป็นหัวหน้าธุรการของกระทรวงกลาโหม ที่นางมาครั้งนี้ก็เพระเขาและเรื่องอนุภรรยาของเขาที่ชื่อชิงลู่เมื่อเสนาบดีกั๋วกงเว่ยได้ยินว่านางบุกเข้ามาโดยตรง เขาก็ยิ่งโกรธมากขึ้น "เจ้าช่างบังอาจจัง ข้าไม่อนุญาตให้เจ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 779

    นายสี่เว่ยพูดด้วยความโกรธจัด "ไม่จำเป็น มีอะไรก็รีบถาม ถามเสร็จก็ไสหัวออกไป!""เจ้าสี่!" ซื่อจื่อเว่ยก็โมโหเช่นกัน "อย่าหยาบคาย"นายสี่เว่ยกลอกตาแล้วพูดว่า "พี่ชาย พี่อย่าขี้ขลาดมากนัก ทำไมคุถึงกลัวนาง เราทำทุกอย่างอย่างซื่อตรงทำไมต้องกลัว"ซ่งซีซีมองไปที่นายสี่เว่ย และรู้ว่าอารมณ์ของเขาเหมือนกับเสนาบดีกั๋วกงเว่ยไม่มีผิด แต่เสนาบดีกั๋วกงเว่ยมีความสามารถจริงๆ ดังนั้นแม้ว่าหลายคนจะรู้สึกว่าไม่พอใจอารมณ์ของเขามากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงผลงานทางทหารที่เขาทำ ก็จะเลือกให้อดทนไว้นายสี่เว่ยแตกต่างออกไป เขาอาศัยอิทธิพลของพ่อ พอเจอกับสิ่งที่ไม่พอใจเขาจะเห่าอย่างดุเดือด เขาเป็นสุนัขที่พึ่งพาอำนาจของคนอื่น ด้วยอารมณ์ร้อนแบบนี้ เลยไม่มีผู้คนในกระทรวงกลาโหมกล้าไปมีเรื่องกับเขา ซึ่งทำให้เขายิ่งหยิ่งมากขึ้นแน่นอนว่าซ่งซีซีจะไม่ตามใจเขาและพูดว่า "ได้ ในเมื่อไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเข้ามา งั้นข้าจะใช้สมองมาจำบทสนทนา นายสี่เว่ยใช่ไหม? ช่วยนำอนุชิงลู่ของเจ้าออกมาด้วย ข้ามีเรื่องจะถามนาง"อนุชิงลู่เข้าจวนมาเจ็ดปีแล้วและให้กำเนิดบุตรชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคนนางเป็นคนที่นายสี่เว่ยรักมาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 780

    กู้ชิงลู่สวมชุดสีเขียวอ่อนธรรมดา เสื้อคลุมที่มีแขนเสื้อกว้างและตรงนั้นทำให้ร่างกายของนางดูเบาบางมากผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกสามคนยังคงมีผิวที่ขาวกระจ่างใส และไม่มีรอยย่นที่มุมตาแม้แต่น้อย ผมสีดำถูกหวีเป็นมวยลูกปัด และปิ่นปักผมที่ฝังด้วยไข่มุกมีรูปโค้งเล็กๆ ใส่อยู่ศีรษะและด้านข้างทำให้นางดูเหมือนดอกไม้สีขาวบนภูเขา ทั้งงดงามและบริสุทธิ์จากสภาพของนางก็สามารถเห็นได้ว่านางมีชีวิตที่ดีในจวนเสนาบดีกั๋วกงจริงๆ และไม่เคยเผชิญกับความยากลำบากใดๆ ในชีวิตนางเป็นที่โปรดปรานจริงๆซ่งซีซีเคยเห็นบุตรีอนุคนอื่นๆ มาก่อน มีแต่นางคนเดียวนอายที่ไม่เคยเจอกับปัญหาในชีวิต ยิ่งมีความเอียดอ่อนราวกับถูกดูแลเป็นอย่างดีมาหลังจากที่นางมาถึงก็ประพฤติตนสุภาพ โค้งคำนับ และยืนเคียงข้างโดยเอามือลง โดยรักษาระยะห่างจากชายคนนั้นเมื่อซ่งซีซีเรียกนางว่า "กู้ชิงลู่" สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปราวกับรู้ว่าวันนี้จะมาถึงในไม่ช้านางคุกเข่าลงตรงๆ และเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองด้วยความโล่งใจ "ใช่เจ้าค่ะ ข้าชื่อกู้ชิงลู่ ข้าไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ฝู้หม่ากู้เป็นท่านพ่อของข้า และทางจวนองค์หญิงใหญ่และจวนโหวกู้เป็นครอบครัวผู้ให้กำเนิดข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 781

    จู่ๆ นายสี่เว่ยก็อารมณ์ปรี๊ดแตกและเข้าไปตบหน้าชิงลู่อย่างแรง ตามด้วยเสียงคำราม "นังสารเลว ข้าปฏิบัติต่อเจ้าดีขนาดนี้ และเจ้ากลับทรยศข้าเหรอ?"ชิงลู่ล้มลงกับพื้น และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางอย่างช้าๆ นางใช้มือทั้งสองข้างท้าวพื้น โดยยังคงคุกเข่าตัวตรง แต่น้ำตาก็ไหลอาบแก้ว ริมฝีปากสั่นสองสามครั้ง และพูดด้วยเสียงร้องไห้ "ข้าขอโทษ ข้ามีบาปที่ไม่อาจอภัยได้ ข้ายอมรับ""เจ้าทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย" นายสี่เว่ยใช้เท้าเตะไปที่นางอีกครั้ง และพูดด้วยความโกรธ "ข้าเคยถามเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ เจ้ากล้าโกหกข้าได้ยังไง"ชิงลู่นอนร้องไห้อยู่บนพื้น แต่ก็ไม่สามารถเรียกความเห็นอกเห็นใจและความรักของชายผู้คนนี้ที่มีต่อนางกลับคืนมาได้ซ่งซีซีถอนหายใจแทบไม่ได้ยิน โชคดีที่ฮ่องเต้ทรงเอ่ยปากในเมื่อวานนี้ ไม่เช่นนั้นหากจวนเสนาบดีกั๋วกงเว่ยระเบิดออกไป อย่าคิดว่าจะมีคนรอดชีวิตได้ตอนนี้ฮ่องเต้บอกว่าพวกเขาล้วนเป็นเหยื่อแล้ว งั้นเขาจะไม่เปลี่ยนคำพูดง่ายๆ เอาเสนาบดีกั๋วกงเว่ยและตระกูลฉีไว้ท้ายสุดถือว่าฉลาดจริงๆซ่งซีซีถามชิงลู่ที่นอนอยู่บนพื้นพลางร้องไห้ว่า "ภาพวาดทั้งสองที่เจ้าเอาไปนั้นมีเกรา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 782

    เสนาบดีกั๋วกงเว่ยยืนขึ้นและเตรียมตัวพาซ่งซีซีไปห้องหนังสือ แต่หลังจากก้าวไปได้สองก้าว เขาก็ถามซ่งซีซีว่า "สามารถให้ลูกชายคนโตของข้าไปด้วยไหม?"ซ่งซีซีรู้ว่าลูกชายคนโตของเขาคือซื่อจื่อ นางรู้จักอุปนิสัยของซื่อจื่อเว่ย และรู้ด้วยว่าเสนาบดีกั๋วกงไม่ค่อยชอบเขามากนัก "ได้"ซื่อจื่อเว่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเขารู้มาโดยตลอดว่าพ่อไม่ชอบเขา หรือคิดว่าเขาไร้ประโยชน์และไม่กล้าหาญพอ ดังนั้นพอมีเรื่องสำคัญเขาจึงมักจะน้องสามและน้องสีาเสมอตอนนี้แทนที่จะเรียกน้องสี่เข้าไป กลับเรียกเขาเข้าไป นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดคิดเลยในห้องหนังสือ เสนาบดีกั๋วกงเว่ยให้คนใช้จุดธูปเพื่อทำให้จิตใจสงบและสงบสติอารมณ์ด้วย เนื่องจากเขามีความโกรธรุนแรงและอารมณ์ไม่ดี ห้องหนังสือจึงสำรองธูปประเภทนี้ไว้ตลอดแต่วันนี้เขาจุดธูปนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่จุดให้ซ่งซีซี เขาหวังว่าซ่งซีซีจะสงบสติอารมณ์ และลืมการรออยู่นอกประตูเป็นเวลาครึ่งชั่วยามทั้งยังโดนน้ำสาดหลังจากนั่งลงแล้ว ซ่งซีซีก็เข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า "พูดตามตรงกับท่านเสนาบดีกั๋วกง เมื่อวานข้าไปเข้าเฝ้า ได้รายงานต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทระบุว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 783

    หลังจากออกจากเสนาบดีกั๋วกงเว่ยแล้ว ซ่งซีซีก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย พรุ่งนี้ยังต้องเจอกับตระกูลฉีอยู่เลยนอกจากตระกูลฉี ยังมีท่านอ๋องฮุย เซี่ยอวี้นได้ส่งคนให้ท่านอ๋องฮุยด้วยซ่งซีซีไม่คิดที่จะพากองกำลังเมืองหลวงไปที่จวนอ๋องฮุย นางวางแผนจะไปเยี่ยมเขากับเซี่ยหลูโม่ในตอนเย็นและแจ้งให้เขาทราบถึงเหตุการณ์นี้ด้วยเพราะท่านอ๋องผู้เฒ่ากลับเมืองหลวงโดยลำพัง และลูกๆ หลานๆ ของเขาทั้งหมดอยู่ในที่ดินศักดินา ฮ่องเต้จึงยังคงระมัดระวังเขาอยู่บ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่พบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของเซี่ยอวี้น อย่างน้อยก่อนที่มีหลักฐาน ฮ่องเต้จะต้องสงสัยเจ้าเมืองทุกแห่งอย่างแน่นอนในตอนเย็น เซี่ยหลูโม่นำซ่งซีซีไปที่จวนอ๋องฮุย โดยถือของขวัญอยู่ในมือ โดยบอกว่าไปเยี่ยมเยือนท่านอ๋องผู้เฒ่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ หลังอาหารค่ำ นักร้องที่เลี้ยงอยู่ในจวนก็เริ่มผลัดกันร้องเพลงให้เขาเมื่อเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาถึง เขานอนอยู่บนเก้าอี้เอน หลับตาและเอามือเคาะที่จับมือตามจังหวะเพลงอย่างเบาๆนักร้องคลุมหน้ากำลังร้องเพลงขณะเล่นกู่ฉิน เสียงของนางชัดเจนและไพเราะราวกับนกขมิ้นที่โผล่ออกมาจากหุบเขานิ้วเร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 784

    หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านชราก็นำผู้หญิงคนหนึ่งในชุดแดงออกมา นางมีรูปร่างที่อวบมาก และชุดนั้นพันรอบร่างเผยให้เห็นวงกลมไขมันบนหน้าท้องของนางนางอ้วน แต่ก็ไม่ได้อ้วนมาก เพียงแต่ชุดไม่พอดีตัวและทำให้นางดูโปนแม้ว่านางจะอ้วน แต่ก็ยังยากที่จะปกปิดหน้าตาเดิม นางมีใบหน้าที่ดี ผิวขาว ผิวโปร่งแสง และเป็นสีชมพูแวววาวพ่อบ้านชราได้บอกนางแล้วว่าผู้มาเยี่ยมคือใคร ดังนั้นนางจึงไหว้ขณะที่เดินเข้ามา "กู้ชิงหยิงขอคารวะท่านอ๋อง คารวะเป่ยหมิงอ๋อง และคารวะพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเจ้าค่ะ"ดวงตาของนางเปล่งประกายเป็นพิเศษราวกับดวงดาวในท้องฟ้าอันมืดมิด หลังจากที่นางไหว้เสร็จ ก็ยืนด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของผู้หญิงแบบอ้วนๆ ช่างหวานจริงๆ"เจ้าชื่อกู้ชิงหยิง เพราะดี" ซ่งซีซีมองไปที่นาง ความรู้สึกที่มีต่อกู้ชิงหยิงแตกต่างจากบุตรีอนุคนอื่นๆ ของตระกูลกู้นางไม่มีเสน่ห์ที่ยั่วยวนคนอย่างกับกู้ชิงหวู่ และไม่มีความไม่ยอมใครอย่างกับกู้ชิงหลาน ยิ่งไม่มีความรู้สึกเศร้าแบบกู้ชิงลู่นางช่างอ่อนหวาน ดวงตาสดใส และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยนางตอบคำพูดของซ่งซีซีด้วยรอยยิ้มว่า "ชื่อของเราล้วนเพราะดี พ่อของข้าไม่มีความสาม

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status