เสนาบดีกั๋วกงเว่ยยืนขึ้นและเตรียมตัวพาซ่งซีซีไปห้องหนังสือ แต่หลังจากก้าวไปได้สองก้าว เขาก็ถามซ่งซีซีว่า "สามารถให้ลูกชายคนโตของข้าไปด้วยไหม?"ซ่งซีซีรู้ว่าลูกชายคนโตของเขาคือซื่อจื่อ นางรู้จักอุปนิสัยของซื่อจื่อเว่ย และรู้ด้วยว่าเสนาบดีกั๋วกงไม่ค่อยชอบเขามากนัก "ได้"ซื่อจื่อเว่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเขารู้มาโดยตลอดว่าพ่อไม่ชอบเขา หรือคิดว่าเขาไร้ประโยชน์และไม่กล้าหาญพอ ดังนั้นพอมีเรื่องสำคัญเขาจึงมักจะน้องสามและน้องสีาเสมอตอนนี้แทนที่จะเรียกน้องสี่เข้าไป กลับเรียกเขาเข้าไป นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดคิดเลยในห้องหนังสือ เสนาบดีกั๋วกงเว่ยให้คนใช้จุดธูปเพื่อทำให้จิตใจสงบและสงบสติอารมณ์ด้วย เนื่องจากเขามีความโกรธรุนแรงและอารมณ์ไม่ดี ห้องหนังสือจึงสำรองธูปประเภทนี้ไว้ตลอดแต่วันนี้เขาจุดธูปนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่จุดให้ซ่งซีซี เขาหวังว่าซ่งซีซีจะสงบสติอารมณ์ และลืมการรออยู่นอกประตูเป็นเวลาครึ่งชั่วยามทั้งยังโดนน้ำสาดหลังจากนั่งลงแล้ว ซ่งซีซีก็เข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า "พูดตามตรงกับท่านเสนาบดีกั๋วกง เมื่อวานข้าไปเข้าเฝ้า ได้รายงานต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทระบุว
หลังจากออกจากเสนาบดีกั๋วกงเว่ยแล้ว ซ่งซีซีก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย พรุ่งนี้ยังต้องเจอกับตระกูลฉีอยู่เลยนอกจากตระกูลฉี ยังมีท่านอ๋องฮุย เซี่ยอวี้นได้ส่งคนให้ท่านอ๋องฮุยด้วยซ่งซีซีไม่คิดที่จะพากองกำลังเมืองหลวงไปที่จวนอ๋องฮุย นางวางแผนจะไปเยี่ยมเขากับเซี่ยหลูโม่ในตอนเย็นและแจ้งให้เขาทราบถึงเหตุการณ์นี้ด้วยเพราะท่านอ๋องผู้เฒ่ากลับเมืองหลวงโดยลำพัง และลูกๆ หลานๆ ของเขาทั้งหมดอยู่ในที่ดินศักดินา ฮ่องเต้จึงยังคงระมัดระวังเขาอยู่บ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่พบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของเซี่ยอวี้น อย่างน้อยก่อนที่มีหลักฐาน ฮ่องเต้จะต้องสงสัยเจ้าเมืองทุกแห่งอย่างแน่นอนในตอนเย็น เซี่ยหลูโม่นำซ่งซีซีไปที่จวนอ๋องฮุย โดยถือของขวัญอยู่ในมือ โดยบอกว่าไปเยี่ยมเยือนท่านอ๋องผู้เฒ่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ หลังอาหารค่ำ นักร้องที่เลี้ยงอยู่ในจวนก็เริ่มผลัดกันร้องเพลงให้เขาเมื่อเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาถึง เขานอนอยู่บนเก้าอี้เอน หลับตาและเอามือเคาะที่จับมือตามจังหวะเพลงอย่างเบาๆนักร้องคลุมหน้ากำลังร้องเพลงขณะเล่นกู่ฉิน เสียงของนางชัดเจนและไพเราะราวกับนกขมิ้นที่โผล่ออกมาจากหุบเขานิ้วเร
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านชราก็นำผู้หญิงคนหนึ่งในชุดแดงออกมา นางมีรูปร่างที่อวบมาก และชุดนั้นพันรอบร่างเผยให้เห็นวงกลมไขมันบนหน้าท้องของนางนางอ้วน แต่ก็ไม่ได้อ้วนมาก เพียงแต่ชุดไม่พอดีตัวและทำให้นางดูโปนแม้ว่านางจะอ้วน แต่ก็ยังยากที่จะปกปิดหน้าตาเดิม นางมีใบหน้าที่ดี ผิวขาว ผิวโปร่งแสง และเป็นสีชมพูแวววาวพ่อบ้านชราได้บอกนางแล้วว่าผู้มาเยี่ยมคือใคร ดังนั้นนางจึงไหว้ขณะที่เดินเข้ามา "กู้ชิงหยิงขอคารวะท่านอ๋อง คารวะเป่ยหมิงอ๋อง และคารวะพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเจ้าค่ะ"ดวงตาของนางเปล่งประกายเป็นพิเศษราวกับดวงดาวในท้องฟ้าอันมืดมิด หลังจากที่นางไหว้เสร็จ ก็ยืนด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของผู้หญิงแบบอ้วนๆ ช่างหวานจริงๆ"เจ้าชื่อกู้ชิงหยิง เพราะดี" ซ่งซีซีมองไปที่นาง ความรู้สึกที่มีต่อกู้ชิงหยิงแตกต่างจากบุตรีอนุคนอื่นๆ ของตระกูลกู้นางไม่มีเสน่ห์ที่ยั่วยวนคนอย่างกับกู้ชิงหวู่ และไม่มีความไม่ยอมใครอย่างกับกู้ชิงหลาน ยิ่งไม่มีความรู้สึกเศร้าแบบกู้ชิงลู่นางช่างอ่อนหวาน ดวงตาสดใส และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยนางตอบคำพูดของซ่งซีซีด้วยรอยยิ้มว่า "ชื่อของเราล้วนเพราะดี พ่อของข้าไม่มีความสาม
หลังจากออกจากจวนอ๋องฮุยแล้ว ซ่งซีซีก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอนุภรรยาและบุตรีอนุในจวนองค์หญิงใหญ่เป็นเหมือนภูเขาหนักอึ้งที่ทับหัวใจของซ่งซีซี หนักมากจนนางแทบจะหายใจไม่ออกนางรู้ดีว่าทำไมอนุภรรยาเหล่านั้นจึงถูกนำตัวไปยังจวนองค์หญิง และก็รู้ดีว่าพวกนางต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ก็เพราะองค์หญิงใหญ่ นางจะไม่โยนความผิดให้พ่อแม่ตนเองแม้แต่นิด แต่นางยังคงรู้สึกทุกข์ใจอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้หญิงเหล่านั้นที่ถูกทรมานอย่างน่าสังเวช ดวงตาไร้แววและเสียงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกนางตกใจหวาดกลัวทั้งหมดนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดใจมากทีเดียวการปรากฏตัวของกู้ชิงหยิงทำให้ซ่งซีซีได้รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเมื่อโฟมที่อยู่ใต้แสงแดดก็มีสีสันน แต่เมื่อทำมันแตก จริงๆ พื้นหลังก็ยังมืดเช่นกันลมแรงมากตอนกลางคืนทำให้ม่านรถส่งเสียงฟู่ๆเซี่ยหลูโม่กอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจต่างคิดอะไรอยู่ จริงๆ แล้วก็คิดเรื่องเดียวกันการกระทำของเซี่ยอวี้นทำให้ศีรษะที่อ๋องเยี่ยนโผล่ออกมานั้นหดลงกลับไป ดังนั้น อ๋องเยี่ยนน่าจะต้องคิดแผนว่าจะออกจากเมืองหล
เซี่ยหลูโม่รอเป็นครึ่งชั่วยามเต็มๆ แต่ก็ไม่เห็นเจ้ากรมฉีเซี่ยหลูโม่หัวเสียขึ้นมา ตระกูลฉีสุดยอดจริงๆ พวกเขาอุตส่าห์ส่งคนมาแจ้งในเมื่อคืนนี้ แต่วันนี้กลับไม่เห็นเงาเลยอาจเป็นเพราะเขาคิดว่าคนที่มาวันนี้เป็นซีซี เขาจึงจงใจทิ้งนางให้รอไปอย่างนั้นมันไม่เหมือนกับจวนเสนาบดีกั๋วกงเว่ยที่ไม่ให้ผู้คนเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เขาให้ความสำคัญกับภรรยามาโดยตลอด จะรังแกเขา อย่าคิดเลย รังแกซ่งซีซี ยิ่งไม่มีทางทันใดนั้น เขาก็ไม่สนว่าเจ้ากรมฉีจะยอมให้คนในตระกูลฉีรู้เรื่องหรือไม่และเปิดโปงเส้นสายขององค์หญิงใหญ่ที่นางจัดไว้ในนี้ต่อหน้าพวกผู้ชายของตระกูลฉีทั้งหมด คนๆ นั้นก็คือบ้านเล็กที่เจ้ากรมฉีเลี้ยงไว้ในข้างนอกจวน เลี้ยงมาสามปีแล้ว มีลูกสาวอยู่คนหนึ่งหลังจากพูดจบ เขาก็พาอาจารย์หยูจากไปผู้คนในตระกูลฉีต่างก็คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป เป็นไปได้ไงตระกูลฉีมีนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ตั้งหลายคน ตระกูลที่สำรวมกิริยามารยาท มีกฎเข้มงวด อย่าว่าแต่เลี้ยงบ้านเล็กไว้ แม่แต่อนุภรรยาในจวนก็ไม่มากนัก อีกอย่างลำดับชั้นของภรรยาและอนุภรรยาก็มีความชัดเจน อนุภรรยาคือทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาเอก ขึ้นอยู่กับภรรยาเอ
แต่ฉีหลิงซีคิดว่าแม้ว่าเรื่องนี้จะถูกปกปิดจากคนภายนอกได้ ก็ไม่สามารถซ่อนจากผู้คนภายในจวนได้ มีคนมากมายในจวน ย่อมมีคนบอกเรื่องนี้กับท่านปู่และท่านแม่เขามองไปนายท่านรอง และพูดว่า "ท่านอาเรื่องนี้ข้าจะไปถามซ่งซีซีให้รู้เรื่อง จากดูแหล่งข้อมูลของนาง หากแค่ได้ยินข่าวซุบซิบจากภายนอกก็กล้ามาหาว่าท่านพ่อมีบ้านเล็ก ข้าจะไม่ยอมแน่ๆ""อืม ไปเถอะ!" นายท่านรองรีบพูดขึ้นเขาไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่นายท่านรองจะไม่เชื่อว่าพี่ชายของเขาเป็นคนเช่นนี้อย่างแน่นอนข้อบังคับของบรรพบุรุษแขวนอยู่ที่สูง และตอนนี้พี่ชายเป็นหัวหน้าตระกูลฉี และเขาจะไม่มีวันทำเรื่องขาดสติเช่นนี้ไปเลี้ยงบ้านเล็กที่ข้างนอกฉีหลิงซีขี่ม้าไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง แต่กลับได้ยินว่าซ่งซีซีถูกเรียกตัวไปเข้าเฝ้าแม้ว่าเขาที่เป็นพี่ชายฮองเฮาไม่มีอำนาจเข้าพระราชวังได้ทุกเมื่อ แต่หากไปรายงานว่าจะไปเยี่ยมฮองเฮา แล้วฮองเฮาส่งคนไปรับเขาที่หน้าวัง งั้นเขาก็เข้าวังได้เลยก่อนอื่นเขาเคยสอบถามว่าซ่งซีซียังอยู่ในพระราชวังหรือไม่ เมื่อรู้ว่านางอยู่ เขาจึงส่งคนไปรายงานต่อฮองเฮาทันที เพื่อให้ฮองเฮาส่งคนไปรับเขาเมื่อเขาได้พบกับฮองเฮาที
ฮองเฮาฉีกล่าวอย่างไม่พอใจ "ไม่ว่ายังไง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านพ่อจะทำสิ่งนั้น พวกเขาต้องสืบสวนผิดพลาดไป เรื่องนี้ยังไม่ถูกแพร่กระจายใช่ไหม?""มีเพียงคนในจวนเท่านั้นที่รู้ ท่านอารองได้ออกคำสั่งอย่างเข้มงวดห้ามใครแพร่ข่าวเรื่องนี้ออกไป""แล้วตอนที่เจ้าเข้าวัง ท่านพ่อกลับมาหรือหรือ?" ฮองเฮาฉีถามฉีหลิงซีกล่าวว่า "ตอนข้าออกจากจวนนั้นท่านพ่อยังไม่กลับมา ข้าออกไปหาซ่งซีซีที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง เมื่อได้ยินว่านางเข้าวังแล้ว ข้าก็รีบมาด้วย คิดว่าเรียกนางมาสอบถามหน่อย เราจะได้หาทางออกมาจัดการ""อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เชื่อว่าท่านพ่อจะมีบ้านเล็กข้างนอก" ฮองเฮาฉีพูดอย่างเย็นชาฉีหลิงซีเชื่อเรื่องนี้ในตอนแรก เพราะเป็นท่านอ๋องที่พูดแต่หลังจากที่ท่านอารองพูดอย่างนั้น รวมกับความสงสัยของตนเองหลังจากคิดดูอีกที เรื่องนี้ไม่ได้ถูกสอบสวนจากท่านอ๋อง แต่ปล่อยเป็นหน้าที่ของกองกำลังเมืองหลวง ซ่งซีซีเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แม้ว่านางจะมีทักษะศิลปะการต่อสู้ที่สูงมาก แต่นางไม่เคยจัดการคดีมา ไม่เคยสืบเรื่องต่างๆ เลย เกรงว่าเหมือนกับผู้หญิงทั่วไปก็เชื่อแค่ข่าวลือพวกนั้นตระกูลฉีเป็นที่โดดเด่นในหลายปีมานี้ ซึ่
หลังจากการเปรียบเทียบดูแล้ว ปรากฎว่าวัสดุและฝีมือการผลิตของชุดเกราะของจวนองค์หญิงใหญ่นั้นได้ดีกว่าและมีรายละเอียดมากกว่าของกระทรวงกลาโหมเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดเกราะที่แม่ทัพสวมใส่นั้นมีความประณีตมากกว่าได้ลองมันในห้องหนังสือหลวง ฟันไปหลายครั้ง แต่มันก็ไม่หัก กลับทำให้มีดแตกผลการทดสอบของเครื่องยิงก็ออกมาเช่นกัน และมันไม่ดีเท่าของของกระทรวงกลาโหม ผลนี้ทำให้สีหน้าของจักรพรรดิ์ซูชิง ผู้โกรธแค้นได้อ่อนลงเล็กน้อยแต่อย่างน้อยก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าชิงลู่จากจวนเสนาบดีกั๋วกงไม่ได้โกหก นางไม่ได้เอาภาพวาดของเครื่องยิงและชุดเกราะออกไป เพราะมันแตกต่างกันถึงกระนั้น นายสี่เว่ยก็อาจจะถูกเอาความแน่ๆ ภาพวาดอาวุธเป็นของสำคัญขนาดนั้นกลับเปิดเผยให้คนนอกรู้โชคดีที่ฮ่องเต้ยังไม่เปลี่ยนใจการตัดสินที่เขามีต่อพวกผู้หญิงเหล่านั้น และเขาก็เห็นด้วยกับข้อเสนอที่ว่าจะจับตาดูไว้แบบรวมจากซ่งซีซี เพราะผู้หญิงเหล่านั้นถูกควบคุมไว้จริงๆ และไม่ได้ก่อเรื่องร้ายแรงใดๆ ไว้ งั้นเขาก็สามารถได้รับชื่นชมว่าเป็นฮ่องเต้ทรงมีเมตตากู้ชิงหวู่ที่ทำให้จวนเฉิงเอินป๋อเกิดความวุ่นวายนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็ได้พิจารณามาจะว่า