Share

บทที่ 779

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นายสี่เว่ยพูดด้วยความโกรธจัด "ไม่จำเป็น มีอะไรก็รีบถาม ถามเสร็จก็ไสหัวออกไป!"

"เจ้าสี่!" ซื่อจื่อเว่ยก็โมโหเช่นกัน "อย่าหยาบคาย"

นายสี่เว่ยกลอกตาแล้วพูดว่า "พี่ชาย พี่อย่าขี้ขลาดมากนัก ทำไมคุถึงกลัวนาง เราทำทุกอย่างอย่างซื่อตรงทำไมต้องกลัว"

ซ่งซีซีมองไปที่นายสี่เว่ย และรู้ว่าอารมณ์ของเขาเหมือนกับเสนาบดีกั๋วกงเว่ยไม่มีผิด แต่เสนาบดีกั๋วกงเว่ยมีความสามารถจริงๆ ดังนั้นแม้ว่าหลายคนจะรู้สึกว่าไม่พอใจอารมณ์ของเขามากนัก แต่เมื่อพิจารณาถึงผลงานทางทหารที่เขาทำ ก็จะเลือกให้อดทนไว้

นายสี่เว่ยแตกต่างออกไป เขาอาศัยอิทธิพลของพ่อ พอเจอกับสิ่งที่ไม่พอใจเขาจะเห่าอย่างดุเดือด เขาเป็นสุนัขที่พึ่งพาอำนาจของคนอื่น ด้วยอารมณ์ร้อนแบบนี้ เลยไม่มีผู้คนในกระทรวงกลาโหมกล้าไปมีเรื่องกับเขา ซึ่งทำให้เขายิ่งหยิ่งมากขึ้น

แน่นอนว่าซ่งซีซีจะไม่ตามใจเขาและพูดว่า "ได้ ในเมื่อไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อความหลิงเข้ามา งั้นข้าจะใช้สมองมาจำบทสนทนา นายสี่เว่ยใช่ไหม? ช่วยนำอนุชิงลู่ของเจ้าออกมาด้วย ข้ามีเรื่องจะถามนาง"

อนุชิงลู่เข้าจวนมาเจ็ดปีแล้วและให้กำเนิดบุตรชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคนนางเป็นคนที่นายสี่เว่ยรักมาก
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 780

    กู้ชิงลู่สวมชุดสีเขียวอ่อนธรรมดา เสื้อคลุมที่มีแขนเสื้อกว้างและตรงนั้นทำให้ร่างกายของนางดูเบาบางมากผู้หญิงที่ให้กำเนิดลูกสามคนยังคงมีผิวที่ขาวกระจ่างใส และไม่มีรอยย่นที่มุมตาแม้แต่น้อย ผมสีดำถูกหวีเป็นมวยลูกปัด และปิ่นปักผมที่ฝังด้วยไข่มุกมีรูปโค้งเล็กๆ ใส่อยู่ศีรษะและด้านข้างทำให้นางดูเหมือนดอกไม้สีขาวบนภูเขา ทั้งงดงามและบริสุทธิ์จากสภาพของนางก็สามารถเห็นได้ว่านางมีชีวิตที่ดีในจวนเสนาบดีกั๋วกงจริงๆ และไม่เคยเผชิญกับความยากลำบากใดๆ ในชีวิตนางเป็นที่โปรดปรานจริงๆซ่งซีซีเคยเห็นบุตรีอนุคนอื่นๆ มาก่อน มีแต่นางคนเดียวนอายที่ไม่เคยเจอกับปัญหาในชีวิต ยิ่งมีความเอียดอ่อนราวกับถูกดูแลเป็นอย่างดีมาหลังจากที่นางมาถึงก็ประพฤติตนสุภาพ โค้งคำนับ และยืนเคียงข้างโดยเอามือลง โดยรักษาระยะห่างจากชายคนนั้นเมื่อซ่งซีซีเรียกนางว่า "กู้ชิงลู่" สีหน้าของนางไม่ได้เปลี่ยนไปราวกับรู้ว่าวันนี้จะมาถึงในไม่ช้านางคุกเข่าลงตรงๆ และเงยหน้าขึ้นพร้อมกับมองด้วยความโล่งใจ "ใช่เจ้าค่ะ ข้าชื่อกู้ชิงลู่ ข้าไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ฝู้หม่ากู้เป็นท่านพ่อของข้า และทางจวนองค์หญิงใหญ่และจวนโหวกู้เป็นครอบครัวผู้ให้กำเนิดข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 781

    จู่ๆ นายสี่เว่ยก็อารมณ์ปรี๊ดแตกและเข้าไปตบหน้าชิงลู่อย่างแรง ตามด้วยเสียงคำราม "นังสารเลว ข้าปฏิบัติต่อเจ้าดีขนาดนี้ และเจ้ากลับทรยศข้าเหรอ?"ชิงลู่ล้มลงกับพื้น และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของนางอย่างช้าๆ นางใช้มือทั้งสองข้างท้าวพื้น โดยยังคงคุกเข่าตัวตรง แต่น้ำตาก็ไหลอาบแก้ว ริมฝีปากสั่นสองสามครั้ง และพูดด้วยเสียงร้องไห้ "ข้าขอโทษ ข้ามีบาปที่ไม่อาจอภัยได้ ข้ายอมรับ""เจ้าทำให้พวกเราเดือดร้อนไปด้วย" นายสี่เว่ยใช้เท้าเตะไปที่นางอีกครั้ง และพูดด้วยความโกรธ "ข้าเคยถามเจ้า เจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่ เจ้ากล้าโกหกข้าได้ยังไง"ชิงลู่นอนร้องไห้อยู่บนพื้น แต่ก็ไม่สามารถเรียกความเห็นอกเห็นใจและความรักของชายผู้คนนี้ที่มีต่อนางกลับคืนมาได้ซ่งซีซีถอนหายใจแทบไม่ได้ยิน โชคดีที่ฮ่องเต้ทรงเอ่ยปากในเมื่อวานนี้ ไม่เช่นนั้นหากจวนเสนาบดีกั๋วกงเว่ยระเบิดออกไป อย่าคิดว่าจะมีคนรอดชีวิตได้ตอนนี้ฮ่องเต้บอกว่าพวกเขาล้วนเป็นเหยื่อแล้ว งั้นเขาจะไม่เปลี่ยนคำพูดง่ายๆ เอาเสนาบดีกั๋วกงเว่ยและตระกูลฉีไว้ท้ายสุดถือว่าฉลาดจริงๆซ่งซีซีถามชิงลู่ที่นอนอยู่บนพื้นพลางร้องไห้ว่า "ภาพวาดทั้งสองที่เจ้าเอาไปนั้นมีเกรา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 782

    เสนาบดีกั๋วกงเว่ยยืนขึ้นและเตรียมตัวพาซ่งซีซีไปห้องหนังสือ แต่หลังจากก้าวไปได้สองก้าว เขาก็ถามซ่งซีซีว่า "สามารถให้ลูกชายคนโตของข้าไปด้วยไหม?"ซ่งซีซีรู้ว่าลูกชายคนโตของเขาคือซื่อจื่อ นางรู้จักอุปนิสัยของซื่อจื่อเว่ย และรู้ด้วยว่าเสนาบดีกั๋วกงไม่ค่อยชอบเขามากนัก "ได้"ซื่อจื่อเว่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเขารู้มาโดยตลอดว่าพ่อไม่ชอบเขา หรือคิดว่าเขาไร้ประโยชน์และไม่กล้าหาญพอ ดังนั้นพอมีเรื่องสำคัญเขาจึงมักจะน้องสามและน้องสีาเสมอตอนนี้แทนที่จะเรียกน้องสี่เข้าไป กลับเรียกเขาเข้าไป นี่เป็นสิ่งที่เกินความคาดคิดเลยในห้องหนังสือ เสนาบดีกั๋วกงเว่ยให้คนใช้จุดธูปเพื่อทำให้จิตใจสงบและสงบสติอารมณ์ด้วย เนื่องจากเขามีความโกรธรุนแรงและอารมณ์ไม่ดี ห้องหนังสือจึงสำรองธูปประเภทนี้ไว้ตลอดแต่วันนี้เขาจุดธูปนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง แต่จุดให้ซ่งซีซี เขาหวังว่าซ่งซีซีจะสงบสติอารมณ์ และลืมการรออยู่นอกประตูเป็นเวลาครึ่งชั่วยามทั้งยังโดนน้ำสาดหลังจากนั่งลงแล้ว ซ่งซีซีก็เข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า "พูดตามตรงกับท่านเสนาบดีกั๋วกง เมื่อวานข้าไปเข้าเฝ้า ได้รายงานต่อฝ่าบาท ฝ่าบาทระบุว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 783

    หลังจากออกจากเสนาบดีกั๋วกงเว่ยแล้ว ซ่งซีซีก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ผ่อนคลาย พรุ่งนี้ยังต้องเจอกับตระกูลฉีอยู่เลยนอกจากตระกูลฉี ยังมีท่านอ๋องฮุย เซี่ยอวี้นได้ส่งคนให้ท่านอ๋องฮุยด้วยซ่งซีซีไม่คิดที่จะพากองกำลังเมืองหลวงไปที่จวนอ๋องฮุย นางวางแผนจะไปเยี่ยมเขากับเซี่ยหลูโม่ในตอนเย็นและแจ้งให้เขาทราบถึงเหตุการณ์นี้ด้วยเพราะท่านอ๋องผู้เฒ่ากลับเมืองหลวงโดยลำพัง และลูกๆ หลานๆ ของเขาทั้งหมดอยู่ในที่ดินศักดินา ฮ่องเต้จึงยังคงระมัดระวังเขาอยู่บ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากไม่พบบุคคลที่อยู่เบื้องหลังของเซี่ยอวี้น อย่างน้อยก่อนที่มีหลักฐาน ฮ่องเต้จะต้องสงสัยเจ้าเมืองทุกแห่งอย่างแน่นอนในตอนเย็น เซี่ยหลูโม่นำซ่งซีซีไปที่จวนอ๋องฮุย โดยถือของขวัญอยู่ในมือ โดยบอกว่าไปเยี่ยมเยือนท่านอ๋องผู้เฒ่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจริงๆ หลังอาหารค่ำ นักร้องที่เลี้ยงอยู่ในจวนก็เริ่มผลัดกันร้องเพลงให้เขาเมื่อเซี่ยหลูโม่และซ่งซีซีมาถึง เขานอนอยู่บนเก้าอี้เอน หลับตาและเอามือเคาะที่จับมือตามจังหวะเพลงอย่างเบาๆนักร้องคลุมหน้ากำลังร้องเพลงขณะเล่นกู่ฉิน เสียงของนางชัดเจนและไพเราะราวกับนกขมิ้นที่โผล่ออกมาจากหุบเขานิ้วเร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 784

    หลังจากนั้นไม่นาน พ่อบ้านชราก็นำผู้หญิงคนหนึ่งในชุดแดงออกมา นางมีรูปร่างที่อวบมาก และชุดนั้นพันรอบร่างเผยให้เห็นวงกลมไขมันบนหน้าท้องของนางนางอ้วน แต่ก็ไม่ได้อ้วนมาก เพียงแต่ชุดไม่พอดีตัวและทำให้นางดูโปนแม้ว่านางจะอ้วน แต่ก็ยังยากที่จะปกปิดหน้าตาเดิม นางมีใบหน้าที่ดี ผิวขาว ผิวโปร่งแสง และเป็นสีชมพูแวววาวพ่อบ้านชราได้บอกนางแล้วว่าผู้มาเยี่ยมคือใคร ดังนั้นนางจึงไหว้ขณะที่เดินเข้ามา "กู้ชิงหยิงขอคารวะท่านอ๋อง คารวะเป่ยหมิงอ๋อง และคารวะพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเจ้าค่ะ"ดวงตาของนางเปล่งประกายเป็นพิเศษราวกับดวงดาวในท้องฟ้าอันมืดมิด หลังจากที่นางไหว้เสร็จ ก็ยืนด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มของผู้หญิงแบบอ้วนๆ ช่างหวานจริงๆ"เจ้าชื่อกู้ชิงหยิง เพราะดี" ซ่งซีซีมองไปที่นาง ความรู้สึกที่มีต่อกู้ชิงหยิงแตกต่างจากบุตรีอนุคนอื่นๆ ของตระกูลกู้นางไม่มีเสน่ห์ที่ยั่วยวนคนอย่างกับกู้ชิงหวู่ และไม่มีความไม่ยอมใครอย่างกับกู้ชิงหลาน ยิ่งไม่มีความรู้สึกเศร้าแบบกู้ชิงลู่นางช่างอ่อนหวาน ดวงตาสดใส และดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยนางตอบคำพูดของซ่งซีซีด้วยรอยยิ้มว่า "ชื่อของเราล้วนเพราะดี พ่อของข้าไม่มีความสาม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 785

    หลังจากออกจากจวนอ๋องฮุยแล้ว ซ่งซีซีก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอนุภรรยาและบุตรีอนุในจวนองค์หญิงใหญ่เป็นเหมือนภูเขาหนักอึ้งที่ทับหัวใจของซ่งซีซี หนักมากจนนางแทบจะหายใจไม่ออกนางรู้ดีว่าทำไมอนุภรรยาเหล่านั้นจึงถูกนำตัวไปยังจวนองค์หญิง และก็รู้ดีว่าพวกนางต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ก็เพราะองค์หญิงใหญ่ นางจะไม่โยนความผิดให้พ่อแม่ตนเองแม้แต่นิด แต่นางยังคงรู้สึกทุกข์ใจอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นผู้หญิงเหล่านั้นที่ถูกทรมานอย่างน่าสังเวช ดวงตาไร้แววและเสียงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกนางตกใจหวาดกลัวทั้งหมดนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดใจมากทีเดียวการปรากฏตัวของกู้ชิงหยิงทำให้ซ่งซีซีได้รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเมื่อโฟมที่อยู่ใต้แสงแดดก็มีสีสันน แต่เมื่อทำมันแตก จริงๆ พื้นหลังก็ยังมืดเช่นกันลมแรงมากตอนกลางคืนทำให้ม่านรถส่งเสียงฟู่ๆเซี่ยหลูโม่กอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขา ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรแต่ในใจต่างคิดอะไรอยู่ จริงๆ แล้วก็คิดเรื่องเดียวกันการกระทำของเซี่ยอวี้นทำให้ศีรษะที่อ๋องเยี่ยนโผล่ออกมานั้นหดลงกลับไป ดังนั้น อ๋องเยี่ยนน่าจะต้องคิดแผนว่าจะออกจากเมืองหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 786

    เซี่ยหลูโม่รอเป็นครึ่งชั่วยามเต็มๆ แต่ก็ไม่เห็นเจ้ากรมฉีเซี่ยหลูโม่หัวเสียขึ้นมา ตระกูลฉีสุดยอดจริงๆ พวกเขาอุตส่าห์ส่งคนมาแจ้งในเมื่อคืนนี้ แต่วันนี้กลับไม่เห็นเงาเลยอาจเป็นเพราะเขาคิดว่าคนที่มาวันนี้เป็นซีซี เขาจึงจงใจทิ้งนางให้รอไปอย่างนั้นมันไม่เหมือนกับจวนเสนาบดีกั๋วกงเว่ยที่ไม่ให้ผู้คนเข้าบ้าน แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่านี้เขาให้ความสำคัญกับภรรยามาโดยตลอด จะรังแกเขา อย่าคิดเลย รังแกซ่งซีซี ยิ่งไม่มีทางทันใดนั้น เขาก็ไม่สนว่าเจ้ากรมฉีจะยอมให้คนในตระกูลฉีรู้เรื่องหรือไม่และเปิดโปงเส้นสายขององค์หญิงใหญ่ที่นางจัดไว้ในนี้ต่อหน้าพวกผู้ชายของตระกูลฉีทั้งหมด คนๆ นั้นก็คือบ้านเล็กที่เจ้ากรมฉีเลี้ยงไว้ในข้างนอกจวน เลี้ยงมาสามปีแล้ว มีลูกสาวอยู่คนหนึ่งหลังจากพูดจบ เขาก็พาอาจารย์หยูจากไปผู้คนในตระกูลฉีต่างก็คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป เป็นไปได้ไงตระกูลฉีมีนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ตั้งหลายคน ตระกูลที่สำรวมกิริยามารยาท มีกฎเข้มงวด อย่าว่าแต่เลี้ยงบ้านเล็กไว้ แม่แต่อนุภรรยาในจวนก็ไม่มากนัก อีกอย่างลำดับชั้นของภรรยาและอนุภรรยาก็มีความชัดเจน อนุภรรยาคือทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาเอก ขึ้นอยู่กับภรรยาเอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 787

    แต่ฉีหลิงซีคิดว่าแม้ว่าเรื่องนี้จะถูกปกปิดจากคนภายนอกได้ ก็ไม่สามารถซ่อนจากผู้คนภายในจวนได้ มีคนมากมายในจวน ย่อมมีคนบอกเรื่องนี้กับท่านปู่และท่านแม่เขามองไปนายท่านรอง และพูดว่า "ท่านอาเรื่องนี้ข้าจะไปถามซ่งซีซีให้รู้เรื่อง จากดูแหล่งข้อมูลของนาง หากแค่ได้ยินข่าวซุบซิบจากภายนอกก็กล้ามาหาว่าท่านพ่อมีบ้านเล็ก ข้าจะไม่ยอมแน่ๆ""อืม ไปเถอะ!" นายท่านรองรีบพูดขึ้นเขาไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร แต่นายท่านรองจะไม่เชื่อว่าพี่ชายของเขาเป็นคนเช่นนี้อย่างแน่นอนข้อบังคับของบรรพบุรุษแขวนอยู่ที่สูง และตอนนี้พี่ชายเป็นหัวหน้าตระกูลฉี และเขาจะไม่มีวันทำเรื่องขาดสติเช่นนี้ไปเลี้ยงบ้านเล็กที่ข้างนอกฉีหลิงซีขี่ม้าไปที่สำนักกองกำลังเมืองหลวง แต่กลับได้ยินว่าซ่งซีซีถูกเรียกตัวไปเข้าเฝ้าแม้ว่าเขาที่เป็นพี่ชายฮองเฮาไม่มีอำนาจเข้าพระราชวังได้ทุกเมื่อ แต่หากไปรายงานว่าจะไปเยี่ยมฮองเฮา แล้วฮองเฮาส่งคนไปรับเขาที่หน้าวัง งั้นเขาก็เข้าวังได้เลยก่อนอื่นเขาเคยสอบถามว่าซ่งซีซียังอยู่ในพระราชวังหรือไม่ เมื่อรู้ว่านางอยู่ เขาจึงส่งคนไปรายงานต่อฮองเฮาทันที เพื่อให้ฮองเฮาส่งคนไปรับเขาเมื่อเขาได้พบกับฮองเฮาที

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1520

    ครรภ์ของฝูเจาอี๋ เดิมทีก็มั่นคงดี หมอหลวงเองก็กล่าวว่าไม่มีปัญหาใหญ่อันใด แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอเข้าสู่เดือนเหมันต์ ครรภ์นี้กลับเริ่มไม่มั่นคง อีกทั้งยังมีเลือดออกถึงสองครั้งหมอหลวงจินทุ่มเทสรรพวิธีเพื่อรักษาครรภ์ของนางไว้ ทำให้พอประคองสถานการณ์ได้ แต่นางก็ต้องนอนพักอยู่บนเตียง ยังไม่อาจลุกเดินไปไหนได้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด หมอหลวงย่อมให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ตรวจสอบทั้งอาหารการกินและข้าวของที่ใช้ในวังอย่างละเอียด ทว่ากลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงคาดว่าน่าจะเป็นผลมาจากการที่ฝ่าบาทเสวยโอสถมาเป็นเวลานาน จึงทำให้ครรภ์นี้ไม่มั่นคงจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเป็นกังวลอย่างยิ่งกับครรภ์นี้ นับตั้งแต่นางต้องนอนพักรักษาครรภ์ ฝ่าบาทก็ทรงเสด็จมาเยี่ยมเกือบวันเว้นวัน บางคราก็ทรงประทับร่วมเสวยพระกระยาหารเมื่อเอาใจใส่สิ่งหนึ่ง ก็ย่อมละเลยอีกสิ่งหนึ่งไป ทำให้ช่วงนี้ฝ่าบาทแทบไม่ได้เสด็จไปยังตำหนักของซูเฟย อีกทั้งยังมิได้ทรงเรียกองค์ชายสามเข้าพบที่ห้องพระอักษรเลยส่วนเต๋อเฟยนั้น เนื่องจากต้องดูแลกิจการในวังหลัง เมื่อพอมีเวลาว่างก็มักจะพาองค์ชายรองมาเยี่ยมฝูเจาอี๋ด้วย ดังนั้นจึงได้มีโอกา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1519

    ในวังหลัง เดิมทีมีผู้คาดเดาเกี่ยวกับพระอาการของฝ่าบาทไม่น้อย แม้ยามนี้ฝูเจาอี๋จะตั้งครรภ์ ทว่าหมอมหัศจรรย์กลับพำนักอยู่ในวัง เป็นหลักฐานว่าพระวรกายของฝ่าบาทหาใช่เพียงต้องบำรุงรักษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นดังนั้น การที่ฝ่าบาทโปรดปรานเช่นนี้ ทำให้บางคนเริ่มอยู่นิ่งไม่ได้โดยเฉพาะฮองเฮา นางรับรู้เรื่องพระอาการของฝ่าบาทอยู่บ้าง ตอนนี้หมอมหัศจรรย์กลับเข้าวังเพื่อถวายการรักษา ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรนางไม่อาจคาดเดา เพียงแต่รู้สึกว่าฝ่าบาทอาจอยู่ในช่วงที่พละกำลังถดถอยเต็มที่แล้วครรภ์ของฝูเจาอี๋ นางไม่ได้ใส่ใจ ไม่ว่าบุตรในครรภ์จะเป็นชายหรือหญิงก็ยังไม่อาจทราบได้ ต่อให้เป็นองค์ชาย ก็ยังไม่ถึงคราวของเขาแต่การที่ฝ่าบาททรงเอ็นดูองค์ชายสามถึงเพียงนี้ กลับทำให้นางรู้สึกถึงภัยคุกคามเดิมทีฝ่าบาทให้ทางเลือกแก่นาง นางเลือกตำแหน่งฮองเฮา เลือกมีชีวิตรอด ทว่าหลังจากนิ่งเฉยมาพักหนึ่ง นางก็เข้าใจว่าฝ่าบาทจะไม่ทรงละทิ้งองค์ชายใหญ่ได้รวดเร็วเพียงนั้น ยิ่งตอนนี้องค์ชายใหญ่ขยันขันแข็งศึกษาหาความรู้ แม้แต่ไท่ฝู่และเสด็จอายังเอ่ยปากชม นางยังสืบมาว่าฝ่าบาททรงพอพระทัยองค์ชายใหญ่อยู่ไม่น้อยองค์ชายรองและองค์ชายสามล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1518

    จักรพรรดิ์ซูชิงทรงประชุมหารือกับขุนนางในห้องทรงอักษรยาวนานจนถึงดึกดื่น สุดท้ายเป็นหมอมหัศจรรย์ดันที่ต้องเข้าไปขัดจังหวะ แจ้งว่าดึกมากแล้ว พระองค์ถึงกับเหยียดพระกรพลางแย้มพระสรวล “ถึงกับดึกเพียงนี้แล้วรึ? เช่นนั้นก็เลิกประชุมเถิด ประตูวังใกล้จะปิดแล้ว”แม้จะเป็นช่วงเวลาดึกมากแล้ว แต่พระองค์กลับยังดูสดชื่น โดยเฉพาะบนพระพักตร์ที่มีเลือดฝาดขึ้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้ที่ประชวรเลยซ่งซีซีรอให้เซี่ยหลูโม่ประชุมเสร็จ ก่อนจะออกจากวังกลับจวนพร้อมกันนางอ่อนล้ามาก พิงไหล่ของเซี่ยหลูโม่แล้วเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเมื่อรถม้ามาถึงหน้าจวน เซี่ยหลูโม่อุ้มนางขึ้นมา ซ่งซีซีรับรู้ได้รางๆ แต่ก็ขี้เกียจจะตื่น เลยปล่อยให้เขาอุ้มเข้าไป อ้อมแขนอบอุ่นแข็งแกร่งช่างสบายเหลือเกินตลอดสามเดือนที่ผ่านมา นอกจากตอนอยู่ที่ด่านเฉิงหลิง นางแทบไม่มีคืนไหนที่สามารถนอนหลับได้อย่างสนิทใจ แต่เมื่อกลับถึงจวน ก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์ ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกทว่า…นอนหลับไปก็ยังรู้สึกว่ามีมือร้อนจัดคู่หนึ่งลูบไล้ไปทั่วร่างนางยังคงหลับตา เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า “ลืมที่ท่านลุงดันบอกไปแล้วหรือ?”เสียงร้อนผ่าวกระซิบข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1517

    วันที่ 15 เดือนสิบ คณะทูตจึงเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงในที่สุดกองทัพซวนเจียได้รับคำสั่งให้แยกย้ายไปพักก่อน ขณะที่หลี่เต๋อฮวยและขุนนางจากสำนักหงหลู่ต้องเข้าเฝ้าพระองค์เพื่อถวายรายงาน ส่วนฉินอ๋องที่ตลอดทางอ่อนแอราวกับช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตอนนี้กลับกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที กล่าวว่าจะเข้าเฝ้าพร้อมกับพวกเขาด้วยส่วนซ่งซีซีนั้น ถูกเซี่ยหลูโม่ที่เฝ้ารออยู่ที่ประตูเมืองรับตัวกลับจวนไปก่อนแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาสั่งให้คนคอยเฝ้ารอที่ประตูเมืองทุกวัน บางครั้งตอนพักกลางวันก็ยังมารอด้วยตนเอง และวันนี้ก็บังเอิญได้พบกันจริงๆขณะที่หลี่เต๋อฮวยและคนอื่นๆเข้าเฝ้าในวัง ซ่งซีซีก็ได้เข้าไปคารวะฮุ่ยไท่เฟยก่อนแล้วเมื่อฮุ่ยไท่เฟยรู้ว่านางเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ก็ให้รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ถวายคำนับก่อนออกไป และกลับไปยังเรือนเหมยฮวาหลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากของนางกลับดูบวมขึ้นเล็กน้อย รุ่ยจูที่เห็นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเหลือบมองไปทางท่านอ๋อง พระชายาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ ท่านอ๋องยืนกรานจะปรนนิบัติด้วยตัวเอง แต่ดูเหมือนจะปรนนิบัติได้ไม่ดีเท่าไรน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1516

    เมื่อได้พักฟื้นอยู่ห้าวันที่ด่านเฉิงหลิง ฉินอ๋องก็ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อฉินอ๋องหายดี ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางกลับเมืองหลวงแม้จะอาลัยเพียงใด ซ่งซีซีก็ทำได้เพียงกลั้นน้ำตากล่าวคำอำลา นางคุกเข่าคารวะต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่หลายครั้ง จนแทบจะทำให้ท่านน้ำตาคลอหลี่เต๋อฮวยเป็นผู้ที่เคารพนับถือแม่ทัพใหญ่เซียวที่สุด เมื่อซ่งซีซีเพียงแค่น้ำตาคลอ แต่เขากลับปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเต็มที่ เพราะเขารู้ว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ อาจไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพผู้เฝ้ารักษาด่านเฉิงหลิงมาเป็นสิบๆ ปีอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ เมื่อมองดูอีกครั้งก็ดูแก่ชรากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานอนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยากลำบาก ทายาทตระกูลเซียวก็คงไม่ยอมให้ท่านเดินทางกลับอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวสนทนากับหลี่เต๋อฮวยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าแทนที่จะบรรเทาความรู้สึกของเขา กลับทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีกด้านนางหนานผู้เป็นป้าใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถามถึงเรื่องของ พระชายาอ๋องฮวยเลย จนกระทั่งถึงเวลาต้องอำลากัน นางจึงดึงซ่งซีซีไปค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1515

    การเดินทางกลับเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเก้าอากาศไม่ร้อนจัดอีกต่อไป เริ่มมีความเย็นสบายแผ่วเบาซูลันจีนำทัพออกมาส่งด้วยตัวเอง พาพวกเขาไปจนถึงเมืองลู่เปินเอ่อร์ตลอดเส้นทางขากลับ ไม่มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อข้ามภูเขาสลับซับซ้อนมาได้ ก็เข้าสู่เขตแดนของแคว้นซางเดิมทีพวกเขาไม่ได้แจ้งแม่ทัพใหญ่เซียวล่วงหน้า คิดว่าคงไม่มีใครมารับ แต่ทันทีที่เข้าสู่ชายแดนแคว้นซาง ก็พบว่าจ้านเป่ยว่างนำทัพเซียวเจียจวินรออยู่ที่นั่นเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยปลอดภัย จ้านเป่ยว่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขากระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ ก่อนลงจากหลังม้าแล้วทำความเคารพฉินอ๋อง หลี่เต๋อฮวยและขุนนางท่านอื่นๆ “ท่านอ๋อง เสนาบดีหลี่ ท่านขุนนางทั้งหลาย แม่ทัพใหญ่เซียวสั่งให้ข้านำทัพมาคอยเฝ้ารอที่นี่ทุกวัน เพื่อคุ้มกันพวกท่านกลับไปยังเฉิงหลิงกวน”หลี่เต๋อฮวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะกลับมาวันนี้?”จ้านเป่ยว่างตอบว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่ทราบ เพียงแต่สั่งให้ข้าและกองทัพมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลี่เต๋อฮวยรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเป็นคนรอบคอบย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status