Share

บทที่ 708

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
จ้านเป่ยว่างเห็นว่ามีคนมากมายอยู่ที่นี่ และมีพระสงฆ์ที่เป็นผู้อาวุโสด้วย หากเกิดอะไรขึ้นมาเขาก็รับผิดชอบไม่ไหว เขาจึงเข้าไปถามพระสงฆ์ว่า "ท่านอาจารย์ พวกท่านกลับห้องเพื่อซ่อนตัวสักหน่อย รอจับกุมมือสังหารแล้วค่อยสวดมนต์ต่อก็ไม่สายไปนะ"

อาจารย์จื้อหยวนส่ายหัว "ไม่จำเป็น โยมไปทำธุระเถิด ในเมื่อพิธีในคืนนี้ก็เริ่มแล้วหากสวดมนต์ไม่เสร็จข้าจะไม่ไปไหน"

"มีมือสังหาร มันอันตราย" จ้านเป่ยว่างร้อนใจขึ้นมา

อาจารย์จื้อหยวนยังพนมมือและกล่าวว่า "มือสังหารไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ข้า หากข้าได้รับบาดเจ็บหรือถูกฆ่าโดยไม่ได้ตั้งใจ มันจะเป็นชะตากรรมของข้า"

เมื่อเห็นว่าตนเองไม่สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้ จ้านเป่ยว่างจึงพูดกับคนที่เหลือว่า "ปกป้องพวกเขาไว้ให้ดี"

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็รีบวิ่งเข้าไปข้างในด้วยดาบในมือ

องค์หญิงใหญ่ถึงลานด้านตะวันตก นางกำลังเฝ้าอยู่ที่นี่ คนที่อยู่ต่อหน้านางคือองครักษ์สามสิบกว่าคน และทางเข้าคุกใต้ดินสี่ทาง มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่สำคัญที่สุด

นางคิดว่าเป้าหมายของซ่งซีซีคือแม่ของกู้ชิงหลาน หากต้องการช่วยนังนั่นก็ช่วยให้ออกไปเลย เพราะนางก็เป็นคนที่ใกล้จะตายอยู่แล้ว ต่อให้ช่วยนางออ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 709

    มีลูกธนูอยู่บนพื้นเป็นชุดๆ รวมเครื่องยิงหลายเครื่อง มีด ดาบ คันธนูและลูกธนูที่จัดวางเป็นแถวๆ และถังขนาดใหญ่หลายถังซ้อนกันอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะได้กลิ่นดินปืนถังถูกผนึกและปิดด้วยสิ่งของหลายชั้น แต่ยังคงมีกลิ่นของดินปืนอยู่ที่ที่ถังวางอยู่นั้นไม่มีแสงสว่าง มีเพียงทางเข้าคุกใต้ดินมีแสงไฟเท่านั้นเขาหันกลับมา และเห็นว่าองครักษ์มาถึงแล้ว และเห็นว่ามีแสงไฟส่องสว่างในคุกใต้ดิน หลายคนตกใจมากจนลืมก้าวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับมือสังหารเซี่ยหลูโม่ก้าวไปข้างหน้าด้วยดาบของเขา แล้วทำให้หลายๆ คนล้มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็เห็นจ้านเป่ยว่างเข้ามาพร้อมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงหลายคน ก่อนที่จ้านเป่ยว่างจะมองเห็นทุกสิ่งที่นี่ เขาก็ยกดาบขึ้นและฟาดไปที่มือสังหารเซี่ยหลูโม่ต่อสู้กับเขาเล็กน้อย ท่ามกลางแสงสลัว จ้านเป่ยว่างสบตาเข้ากับดวงตาของเขา และอาวุธในมือของเขาก็แข็งตัวอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยหลูโม่ใช้ประโยชน์จากเขาใจลอย และวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เดินออกไปจากคุกใต้ดินโดยเร็วหลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองดูทุกสิ่งในคุกใต้ดิน ชั่วขณะนั้น ดวงต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 710

    พบสมาชิกสี่คนในครอบครัวซ่งจืออันที่คุกใต้ดิน ทั้งยังมีผู้หญิงที่บ้าหรือป่วยเจ็ดแปดคนทันทีที่ปี้หมิงเห็นสมาชิกทั้งสี่คนของตระกูลซ่ง ดวงตาของเขาก็มืดลง และสั่งทันทีว่า "พาพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ ไปอยู่กับพวกฮูหยินเหล่านั้น ที่นั่นมีกองกำลังเมืองหลวงและทหารประจำจวนคอยเฝ้าอยู่ปลอดภัยดี"ห้องขังขนาดใหญ่ข้างๆ ก็ขังผู้หญิงไว้ด้วย แต่ผู้หญิงทุกคนที่ถูกจับกุมอยู่ที่นี่มีความพิการทางร่างกาย ขาดแขนบ้าง หรือขาหักบ้าง เสียโฉมบ้าง หรือถูกตัดลิ้นบ้าง ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากดูแลบาดแผลไม่ดี อาการบาดเจ็บจึงไม่หาย และคนหนึ่งที่ขาหักนั้นก็เกิดหนอนขึ้นมาเมื่อสมาชิกกองกำลังเมืองหลวงเข้ามาเห็นฉากนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือจวนองค์หญิง หากกล่าว่ามันคือนรกยังไม่เกินจริงเลยอดทนกลิ่นเหม็นจากร่างกายของพวกนางและช่วยยายออกไปทีละคนในลานหลัก อาจารย์จื้อหยวนและพระสงฆ์อื่นๆ ยังคงสวดมนต์ต่อ เนื่องจากมีสมาชิกกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนจึงคาดเดาว่าเพราะมีมือสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่าฮูหยินหลายคนที่มีนางเสิ่นเป็นผู้นำล้วนอยากจะออกไป แต่อาจารย์จื้อหยวนหยุดพวกนางไว้อาจารย์จ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 711

    คนที่ถูกส่งมาในเวลานี้มีกลิ่นเหม็นมาก และสองคนในนั้นก็เป็นคนบ้า หลังจากเดินเข้ามาก็วิ่งออกไปหยิบผลไม้สดบนโต๊ะบูชามากิน เหมือนกับอดอาหารมานานแล้วบางคนในบรรดานั้นได้แต่นอนอยู่บนพื้น ดูท่าว่าเหมือนป่วยมานานแล้ว และใบหน้าก็ซีดเมื่อทุกคนยังไม่ทราบตัวตนของคนเหล่านี้นั้น มีคนอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาก่อนจะเข้ามาก็ได้กลิ่นเหม็นอยู่แล้วกลิ่นเหม็นนั้นทำเอาคนอยากอาเจียนเหมือนกับกลิ่นเนื้อเน่าเปื่อย นางเสิ่นเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกแล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งให้ห่างๆพวกพระสงฆ์ลืมตาเมื่อเห็นสตรีผู้มีมือหรือเท้าพิการถูกส่งมาทีละคน ก็สวดมนต์ไม่หยุดผุ้เป็นพระสงฆ์ย่อมมีความเมตตากรุณา เมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าสังเวชนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสแค่ไหนก็อดโกรธไม่ได้เมื่อพวกฮูหยินเห็นสตรีที่ถูกอุ้มเข้ามานั้นต่างก็หายใจเข้าลึกๆ และหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณหยานหรูอวี้กางผ้าเช็ดหน้าออกเพื่อปิดปากและจมูกของตนเอง และเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพวกคุณนายใหญ่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชบนบาดแผลเหล่านั้น ใบหน้าที่แต่เดิมเป็นสีชมพูนั้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และหยานหรูอวี้ก็พูดอย่างเร่งรีบว่า "หาคนมาเร็วๆ ส่งพว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 712

    ในขณะนี้ จ้านเป่ยว่างรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่กำลังจะตายเขาจำได้ว่าตอนที่เขาไปชายแดนเฉิงหลิงครั้งแรก เขาถูกศัตรูปิดล้อมและเกือบถูกศัตรูฆ่าตายนั้น เป็นแม่ทัพเซียวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ด้วยเหตุนี้แม่ทัพเซียวก็ขาดแขนไปข้างหนึ่งตอนนั้น เขาก็เกิดความหวาดกลัวที่กำลังจะตายเมื่อเขาใจลอยนั้น เขาถูกเตะลงบนพื้น ทันใดนั้นเขาเห็นดาบอันวาววับฟาดฟันมาที่เขา เขารีบกลิ้งบนพื้นหลายครั้ง และกลิ้งไปถึงเท้าขององค์หญิงใหญ่"ไปลงนรกซะ!" องค์หญิงใหญ่ทำหน้าดุร้าย ยกดาบขึ้นแล้วแทงไปยังในอกของเขาจ้านเป่ยว่างจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างและพยายามใช้มันเป็นประโยชน์ให้ตนเองลุกขึ้น แต่องครักษ์ก็วิ่งเข้ามาหาเขาแล้วในช่วงเวลาวิกฤตินี้ กองกำลังเมืองหลวงจำนวนมากวิ่งเข้ามา ปี้หมิงบินลงมาบนบันได แล้วแตะทยังองครักษ์ที่ยกดาบไปเล็งยังจ้านเป่ยว่างออกไป และช่วยจ้านเป่ยว่างเอาไว้การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และปี้หมิงนำนักรบที่มีต่อสู้เก่งไปจัดการพวกเขา ไม่นานนักอีกฝ่ายก็พ่ายแพ้และดาบก็ถูกวางไว้บนคอขององครักษ์องค์หญิงใหญ่มองดูสถานการณ์ที่พลิกผันในชั่วพริบตา แม้ว่านางจะเตรียมใจไว่แล้ว แต่นางก็ยังรับไม่ได้ความพ่ายแพ้ที่รวดเร็ว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 713

    ในจวนองค์หญิงใหญ่ พวกคุณนายใหญ่และหยานหรูอวี้ก็ทยอยจากไป มีเพียงฮูหยินเสนาบดีเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ที่นี่เนื่องจากสตรีจำนวนมากที่ถูกร้ายนั้นก็ต้องการการรักษา จึงต้องมีคนเป็นผู้นำได้มาตัดสินเรื่องให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ องค์หญิงใหญ่ยังไม่ถูกจับกุมเลยหลังจากที่พวกของจ้านเป่ยว่างทำแผลเสร็จแล้ว รอให้กองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนทำเรื่องเสร็จก่อนแล้วถึงกับส่งพวกเขากลับ พวกเขาถูกจัดไว้ให้อยู่ในสถานที่บูชาเพื่อแยกจากสตรีที่อยู่ในห้องหลังจากที่ปี้หมิงจับทหารประจำจวนและองครักษ์ให้หมด เขาก็ขังคนรับใช้ในจวนองค์หญิงใหญ่ให้รวมตัวไว้ และควบคุมผู้ดูแลทั้งหมดก่อนที่จะมาพบพวกของจ้านเป่ยว่าง"เป็นยังไงบ้าง? ยังทนไหวไหม" ปี้หมิงถามบรรดาห้าคนนั้น มีสองคนบาดเจ็บสาหัส หยุดเลือดเอาไว้แล้ว แต่หมอแนะนำว่าอย่าเคลื่อนย้าย ดังนั้นจึงใช้ผ้าห่มหนาคลุมไว้จ้านเป่ยว่างและอีกสองคนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับสองคนนั้น อาการบาดเจ็บของพวกเขาถือว่าไม่ได้ร้ายแรงมาก ไม่ได้บาดเจ็บถึงจุดสำคัญยามนี้จ้านเป่ยว่างถึงรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ปี้หมิงมาถามเขาเขาอดทนต่อเจ็บปวดและตอบว่า "พอได้อยู่"

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 714

    นางคว้าผมหลินเฟิ้งเอ๋อจนนางล้มลงกับพื้น เจ็บปวดมากจนน้ำตาไหลแต่ไม่กล้าที่จะส่งเสียงกองกำลังเมืองหลวงที่ติดตามนางอยู่นั้นก็ไม่กล้าลงมือกับองค์หญิงใหญ่ อย่างหุนหันพลันแล่น เขาได้แต่เรียกอยู่ข้างๆ ว่า "ปล่อยนะ ปล่อยนางไป"ผมยุ่งเหยิงขององค์หญิงใหญ่ปกคลุมใบหน้าของนางไปครึ่งหนึ่ง และพูดอย่างเคร่งขรึมและเย็นชาว่า "เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าสั่งข้า กล้าสัมผัสข้าก็ลองดู"นางลากผมของหลินเฟิ้งเอ๋อ และเข้าหากองกำลังเมืองหลวง กองกำลังเมืองหลวงไม่กล้าทำอะไรนาง ได้แต่ถอยออกไปฮูหยินเสนาบดีลุกขึ้นเดินเข้าไปหานาง จากนั้นยกมือขึ้นตบหน้านางอย่างแรงฉาดหนึ่ง "ข้ากล้าแตะต้องเจ้า นังบ้าจะทำอย่างไร""ช่างบังอาจ!" องค์หญิงใหญ่ปล่อยหลินเฟิ้งเอ๋อ และต้องการเข้าไปฮูหยินเสนาบดีเช่นนี้กองกำลังเมืองหลวงไม่กล้าอยู่เฉยๆ ได้อีก และรีบห้ามเข้าไว้ องค์หญิงใหญ่สัมผัสฮูหยินเสนาบดีไม่ได้ และได้เกาใบหน้ากองกำลังเมืองหลวงด้วยเล็บของนาง และเกาใบหน้าของกองกำลังเมืองหลวงเกิดบาดเจ็บด้วยกองกำลังเมืองหลวงรู้สึกเจ็บมาก เมื่อเห็นว่านางบ้าคลั่งเช่นนี้ เขากัดฟันและแกล้งสะดุดล้ม จากนั้นหันไปทางด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงมัน องค์ห

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 715

    ทุกคนเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม คิดว่าได้ค้นพบสิ่งของไม่ธรรมดาในลานด้านตะวันตกแล้วเซี่ยหลูโม่นั่งลง ซ่งซีซีก็รินชาหนึ่งถ้วยแล้วยื่นให้ "ดื่มน้ำก่อนแล้วข้าจะให้ใคนเอาอาหารที่อุ่นอยู่ในหม้อมาให้ท่าน"เขาไม่มีอะไรจะกินหรือดื่มในคุกใต้ดิน คงหิวแย่แล้วเซี่ยหลูโม่ดื่มน้ำรวดเดียว คอของเขาแห้งจนแทบจะลุกเป็นไฟได้แล้วงหลังจากที่ซ่งซีซีสั่งเสร็จก็กลับไปห้องอ่านหนังสือทันทีเซี่ยหลูโม่ไม่รอให้พวกเขาถามและพูดว่า "ซีซี ครอบครัวท่านอาของเจ้าปลอดภัยดี โชคดีที่ไม่ได้ถูกทรมาน ไม่ได้โดนตี แค่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินและคงตกใจไม่น้อย"ซ่งซีซีเบิกตากว้าง "ท่านอาของข้าก็ถูกจับตัวไปจริงๆ เหรอ""อืม ดีที่เขาอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นภรรยาและลูกๆ ของเขาคงจะตกใจตาย"เซี่ยหลูโม่เทน้ำอีกแก้วแล้วดื่มหมดในอึกเดียวก่อนพูดต่อ "คนที่ขังอยู่ในคุกใต้ดินเกือบเป็นอนุภรรยาของฝู้หม่ากู้ทั้งหมด ตอนนี้ได้รับการช่วยให้ออกมาแล้ว แต่มีคนพิการและได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย โหดร้ายสุดๆ อีกอย่าง ที่คุกใต้ดินในลานด้านตะวันตกได้ซ่อนพวกอาวุธ ชุดเกราะ และดินปืนด้วย เดาว่าพวกเขากำลังวางแผนว่าตอนที่เกิดการกบฏ ก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งแอบเข้ามาเมืองหลว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 716

    อาจารย์หยูกล่าวว่า "ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังค้นพบเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผลงานนี้ทางจวนเป่ยหมิงอ๋องของเราไม่สามารถรับได้ ใครไปเสี่ยงชีวิตมาก็ให้เป็นผลงานของคนๆ นั้นสิ อย่าพูดเขาอีกเลย ท่านอ๋องรีบกินเถอะ"อาจารย์หยูไม่ต้องการพูดถึงจ้านเป่ยว่างต่อไปเพื่อไม่ให้พระชายารู้สึกอึดอัด เขาจึงเร่งให้ท่านอ๋องกินข้าวแล้วค่อยไปอาบน้ำ กลิ่นคุกแรงเกินไปแต่เสิ่นว่านจือยังคงไม่พอใจเล็กน้อย "อย่างไรก็ตาม ให้จ้านเป่ยว่างสร้างผลงานโดยใช้ประโยชน์จากแผนการของเรา ข้าก็ไม่สบอารมณ์ ยอมให้ปี้หมิงรับผลงานนี้ไปมากกว่า"นางจะไม่มีวันลืมว่าจ้านเป่ยว่างเคยทำร้ายซีซี และยังพยายามหาทุกวิถีทางยึดสินเดิมของนางแม้ว่าพวกเขาจะออกศึกด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน นางดูถูกจ้านเป่ยว่างตลอดกาลอาจารย์หยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม "แน่นอนว่าปี้หมิงมีผลงานด้วย มิได้ให้จ้านเป่ยว่างแย่งชิงไปหมด จ้านเป่ยว่างก็ไม่ได้เข้าคุกใต้ดินด้วยคนเดียวนี่ คุณหนูเสิ่นไม่จำเป็นต้องจริงจังกับเรื่องนี้หรอก"เสิ่นว่านจือมองไปที่ซ่งซีซี "ซีซี เจ้ายังรู้สึกน่าขยะแขยงหรือเปล่า?"ซ่งซีซีส่ายหัว "พูดตามตรง พอตอนน

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1449

    พระอาการของจักรพรรดิ์ซูชิงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย พระองค์ก็ทรงเรียกดูฎีกาทันที พระองค์ทรงไว้วางพระทัยเสนาบดีมู่ แต่ก็มิได้ไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่พระองค์ทรงหวาดระแวงที่สุดก็คือ หากกองทัพไม่ได้อยู่ที่หนานเจียง และไม่ได้อยู่ที่ซีม่อน เพื่อติดตามโจมตีกองทัพแคว้นซา แต่กลับเป็นว่าเป่ยหมิงอ๋องกำลังนำทัพบุกกลับมายังเมืองหลวง และข่าวทั้งหมดถูกปิดกั้น มิอาจมาถึงพระองค์ หากเป็นเช่นนั้น ด้วยความเร็วของเซี่ยหลูโม่ ภายในสามเดือน กองทัพของเขาย่อมสามารถกวาดล้างและยึดครองทุกหัวเมืองที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น พระองค์จึงทรงต้องการตรวจสอบฎีกาจากแต่ละแคว้นด้วยพระองค์เอง บัดนี้ซ่งซีซีกลับไปประจำการที่จวนกองกำลังเมืองหลวงแล้วพระองค์จึงทรงมีรับสั่งให้เรียกตัวนางเข้าเฝ้าในห้องพระอักษร ครานี้มิใช่การสนทนาสัพเพเหระ หากแต่เป็นการไต่ถามว่านางมีข่าวเกี่ยวกับเซี่ยหลูโม่หรือไม่ ซ่งซีซีกราบทูลตามตรงว่านางเองก็เป็นกังวลอย่างยิ่ง จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรนาง ก็ไม่ทรงพบพิรุธใดๆ แต่ไม่ว่าความเป็นไปได้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนเป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น หากกองทัพของพวกเขาถูกซุ่มโจมตี นั่นหมายความว่ากองทัพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1448

    คืนนั้นหมอมหัศจรรย์ดันแบกหีบยาไปพร้อมกับหงเชวี่ย ออกจากร้านยา ก่อนออกเดินทาง เขาบอกกับหมอเวรกลางคืนของร้านยาเย่าหวังว่าจะไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของพระชายาอ๋อง รถม้าหยุดที่จวนอ๋อง หมอมหัศจรรย์ตั้นเดินพรวดพราดเข้าไปด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว เมื่อทุกคนทยอยออกมารับหน้า เขามองซ่งซีซีแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบายโทสะใส่นาง กลับหันไปเล่นงานอาจารย์หยูแทน "ใช้ข้าเป็นข้ออ้างอย่างน้อยก็ควรบอกข้าล่วงหน้าสักหน่อย! เกือบทำให้ข้าถูกผู้ตรวจการสวี่จับผิดได้แล้ว!" พอได้ยินท่านผู้เฒ่าโวยวายขึ้นมา ทุกคนถึงนึกขึ้นได้ว่าหมายถึงเรื่องอะไรอาจารย์หยูรีบขออภัยแล้วถามว่า “ผู้ตรวจการสวี่ถามท่านไปแล้วหรือ?” “เขาป่วย! องค์หญิงใหญ่หมิ่นชิงเชิญข้าไปตรวจอาการให้เขา พอเจอข้าเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็ก แล้วคอยถามอยู่นั่นว่าฮ่องเต้ยังมีหนทางรักษาหรือไม่ แรกๆ เขายังไม่บอกด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร ข้าฟังแล้วงงเป็นไก่ตาแตก!” หมอมหัศจรรย์ดันพูดจบก็ฮึดฮัด “ท่านไม่ได้หลุดพิรุธใช่หรือไม่?” ซ่งซีซีรีบถาม เพราะเรื่องที่ผู้ตรวจการสวี่ตั้งใจจะถวายฎีกาตักเตือนด้วยชีวิตทำให้พวกนางตกใจไม่น้อย เขาเป็นคนที่ยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1447

    หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเสิ่นว่านจือเอ่ยชวนผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไปเดินเล่นในลานกว้างของตึกว่างจิง ไม่ไกลจากตึกว่างจิงมีโรงแสดงศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งเต็มไปด้วยนักเล่านิทาน นักแสดงงิ้ว พ่อค้า และร้านขายอาหาร ครึกครื้นครบครันทุกอย่าง ตั้งแต่มาเมืองหลวง เสิ่นว่านจือก็ยุ่งตลอด ไม่เคยมีเวลาว่างไปเดินเที่ยวเล่นเลย ครั้งนี้จึงถือโอกาสแยก ผิงหนานป๋อ ออกไป ให้ซ่งซีซีได้พูดคุยกับจูจิ่นเป็นการส่วนตัว อีกทั้งตนเองก็จะได้ไปเที่ยวเล่นกับเฉินเฉินด้วย เมื่อคนอื่นออกไปแล้วซ่งซีซีกับจูจิ่นก็ลดเสียงให้เบาลง ก่อนหน้านี้ พวกนางไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เป็นประเด็นสำคัญเลย บัดนี้ ย่อมต้องกล่าวถึงบ้างแล้ว แขกที่เฝ้าดูจากภายนอก เมื่อเห็นผิงหนานป๋อและฮูหยินออกไป ต่างพากันเข้าใจว่าพระชายาเป่ยหมิงอ๋องจะลงโทษคุณหนูเจ็ดเป็นการส่วนตัว จึงตั้งใจเงี่ยหูฟัง รอชมเรื่องสนุก ทว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม สองคนนี้คุยกันด้วยเสียงเบาๆ แถมยังมีเสียงหัวเราะเป็นระยะๆ บรรยากาศกลับดูกลมเกลียวยิ่งกว่าเดิมเสียอีก! เมื่อมีบ่าวไพร่เข้าออกตลอดเวลา ก็มีคนช่างสังเกตจงใจเลิกม่านขึ้นด้านหนึ่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกสามารถมองเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1446

    ซ่งซีซีพร้อมด้วยเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินรออยู่ในเรือนหลันซี เมื่อเด็กในร้านนำผิงหนานป๋อและครอบครัว รวมถึงบ่าวไพร่เดินผ่านสวนเข้ามาถึงด้านหน้าเรือนหลันซีก็ร้องบอก ซ่งซีซีได้รับการพยุงจากเสิ่นว่านจือและเฉินเฉินออกมาต้อนรับด้วยตนเอง ผิงหนานป๋อและภรรยา รวมถึง คุณหนูเจ็ดจูจิ่นรีบคำนับทำความเคารพ ซ่งซีซีแย้มยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องมากพิธี เชิญด้านในนั่งเถอะ” ระหว่างที่ซ่งซีซีกล่าวคำเชื้อเชิญ นางก็ลอบพินิจทั้งสามคน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางพบเจอผู้คนมามากมาย การสังเกตสีหน้า แววตา และท่าทางก็พอจะทำให้นางมองเห็นอะไรบางอย่างได้ ผิงหนานป๋อสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีดำ ด้านในเป็นอาภรณ์ปักลายดอกไม้และวิหคขลิบทองบริเวณคอเสื้อ บริเวณอกมีสร้อยประคำขนาดใหญ่ห้อยอยู่ ดูเหมือนเป็นผู้มีฐานะดี แต่ก็แฝงกลิ่นอายของความละวางทางโลก ทว่าขณะยืนอยู่ ร่างของเขากลับโน้มเอียงไปทางบุตรสาวโดยไม่รู้ตัว รอยยิ้มบนใบหน้าเผยให้เห็นท่าทางประจบประแจงเล็กน้อย ชัดเจนว่าเป็นคนที่ไม่ถนัดเรื่องการเข้าสังคม ส่วนฮูหยินผิงหนานป๋อสวมเสื้อนอกสีแดงเข้มทับด้วยเสื้อคลุมขนจิ้งจอกขาว ทำให้ดูสดใสเปล่งประกาย นางเป็นสตรีร่างท้วม ผิวพรรณเปล่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1445

    ซ่งซีซีรู้สึกว่าคุณหนูเจ็ดไม่ควรต้องรับคำด่าทอโดยไร้เหตุผล อีกทั้งนางเองก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจวนป๋อผิงหนานในเมื่อเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนาง นางก็ต้องให้คำอธิบายที่เหมาะสม ดังนั้น นางจึงสั่งให้หัวหน้าลู่ส่งเทียบเชิญไปยังจวนป๋อผิงหนาน ขอเชิญทั้งครอบครัวไปตึกว่างจิงเพื่อร่วมรับประทานอาหาร ขณะเดียวกัน เมื่อส่งเทียบเชิญ นางก็ปล่อยข่าวนี้ออกไปด้วย ส่วนเหตุผลที่ไม่เชิญไปที่จวนของตนเอง นั่นเพราะเรื่องนี้ต้องการให้มีการชี้แจงความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ การนัดพบกันภายในจวนจึงไม่เหมาะสม ตึกว่างจิงเป็นสถานที่หรูหรา เพื่อแสดงความเคารพต่อจวนป๋อผิงหนานและคุณหนูเจ็ดการปล่อยข่าวล่วงหน้า ทำให้บรรดาพ่อค้าและขุนนางผู้สูงศักดิ์ที่ชอบสู่รู้เรื่องชาวบ้านย่อมไม่พลาดโอกาสเฝ้าดูเรื่องนี้ เมื่อมีคนจับตาอยู่มาก ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคลี่คลายปัญหา ภายในเรื่องนี้ยังมีเจตนาชดเชยให้กับคุณหนูเจ็ดตลอดหลายปีที่นางทำการค้า ผู้คนมักดูถูกนางเพียงเพราะเป็นสตรี ถูกเอาเปรียบและถูกกดขี่อยู่เสมอ จวนป๋อผิงหนาน ก็ไม่มีบุรุษคนใดที่สามารถเป็นเสาหลักได้ เดิมทีตระกูลนี้เคยเป็นตระกูลสูงศักดิ์ แต่บัดนี้กลับตกต่ำจนแท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1444

    ฮองเฮาถูกลงโทษให้กักบริเวณอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นไทเฮาที่มีรับสั่งให้กักบริเวณ อีกทั้งยังสั่งถอนข้ารับใช้ในตำหนักของนางไปกว่าครึ่ง คงเหลือเพียงคนสนิทไว้รับใช้ จากนั้นยังทรงเลือกคนที่ไว้ใจได้ให้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ที่ ตำหนักฉางชุน ขณะที่ฮองเฮาเฝ้าดูแลจักรพรรดิ์ซูชิงนางได้ยินอู๋ย่วนเจิ้งเอ่ยว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นโรคปอดเรื้อรัง แรกเริ่มนางยังไม่รู้ว่าโรคนี้คืออะไร แต่หลังจากถูกกักบริเวณ นางจึงถามหลานเจี่ยนกูกู เมื่อหลานเจี่ยนกูกูบอกว่านี่เป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต นางก็ทรุดตัวลงร้องไห้สะอึกสะอื้น ประการแรก นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงประชวร ประการที่สอง นางร้องไห้เพราะฮ่องเต้ทรงล้มป่วยด้วยโรคนี้ ก็สมควรต้องกำหนดองค์รัชทายาทแล้ว ทว่ากลับถูกไทเฮากักบริเวณ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังโง่เขลาไปล่วงเกินซ่งซีซีเพราะความสัมพันธ์ของ รองแม่ทัพซ่ง ฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับซ่งรุ่ยเป็นพิเศษ หากนางไม่เคยล่วงเกินซ่งซีซีและให้ซ่งซีซีส่งซ่งรุ่ยเข้ามาวัง เพื่ออยู่เป็นเพื่อน องค์ชายใหญ่ แล้วล่ะก็ฮ่องเต้คงจะทรงสนพระทัยในตัวเขามากขึ้น “หลานเจี่ยน ข้าควรทำสิ่งใด? ข้าทำอะไรได้บ้าง?” นางร่ำไห้ครู่หนึ่งแล้วก็คิดก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1443

    ฮองเฮา ยังมีหยาดน้ำตาเกาะบนใบหน้า ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงจากการร่ำไห้เมื่อได้ยินประโยคแรกที่ฮ่องเต้ตรัสหลังฟื้นคืนสติ กลับเป็นคำสั่งให้นางถอยออกไป นางถึงกับตะลึงงันอยู่กับที่พอฟื้นคืนสติ นางก็สะอื้นพลางเอ่ยว่า “หม่อมฉันไม่ไปเพคะ หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฮ่องเต้เพคะ”ไทเฮา เอ่ยด้วยสุรเสียงแหบพร่า ทว่ามีอำนาจล้นเหลือ “ประคองฮองเฮาออกไป”ฮองเฮาอยู่เฝ้าที่นี่นานเท่าใดไทเฮาก็อยู่เฝ้าที่นี่นานเท่านั้น ไม่เห็นว่าฮ่องเต้จะฟื้นคืนสติเสียที รอคอยมาจนใจแทบขาด ทว่ากลับต้องฝืนรักษาความสงบเพื่อมิให้เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่นอกตำหนักต้องขาดหลักยึดเดิมทีขุนนางทั้งหมดคุกเข่าอยู่ภายนอกตำหนัก ทว่าความหนาวเหน็บเกินทน พอไทเฮามาถึงก็ทรงให้พวกเขาเข้าไปคอยด้านในตำหนัก แต่พวกเขากลับยังยืนกรานจะคุกเข่าต่อไปฮ่องเต้สิ้นสติไปนานเท่าใด พวกเขาก็คุกเข่าอยู่อย่างนั้นตลอดมาไทเฮาคอยให้หมอหลวงตรวจชีพจรเสร็จก่อนจึงเดินเข้าไปนั่งใกล้ แล้วตรัสห้ามไม่ให้หมอหลวงเอ่ยสิ่งใดก่อนจะกล่าวด้วยสุรเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่เป็นไรแล้ว”นางกำมือของบุตรชายแน่น พระหัตถ์เย็นเฉียบจนจับข่มไว้สุดแรงก็ยังสั่นระริกอย่างห้ามมิได้จัก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1442

    จักรพรรดิ์ซูชิงกลับไม่รู้เลยว่าความวุ่นวายในครั้งนี้จะลุกลามใหญ่โตถึงเพียงนี้ ช่วงหลายวันที่ผ่านมา พระองค์ทรงให้ความร่วมมือกับหมอหลวงในการทดลองสูตรยารักษาใหม่ ทรงมอบหมายกิจการราชการสำคัญให้แก่เสนาบดีใหญ่ ตำรับยารักษาใหม่นี้เป็นผลจากการวิจัยอย่างหนักของหมอหลวงหลายคน ซึ่งใช้การบำบัดด้วยความร้อนเป็นหลัก ร่วมกับการฝังเข็ม และเสริมด้วยยาต้มเพื่อบำรุงร่างกาย ผ่านไปปหลายวัน มีผลดีอยู่บ้าง อาการปวดศีรษะลดลง และไม่ทรงมีเหงื่อออกในเวลากลางคืน ดังนั้น ในวันนี้ที่เสด็จมาร่วมประชุมราชการ พระพักตร์ของพระองค์ดูสดใสขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านมา เจ้ากรมฉีแม้จะได้ไปพบอวี้ฉื่อสวี่แล้ว แต่ความคิดของอวี้ฉื่อสวี่กลับไม่เปลี่ยนแปลง เขารู้สึกผิดหวังในตัวฮ่องเต้ เพราะทรงทำตัวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ และไม่สนใจสถานการณ์สงคราม เป็นการกระทำที่ดูไร้ความรับผิดชอบเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่เชื่อคำกล่าวของเจ้ากรมฉีที่ว่า การเลือกพระชายารองให้เป่ยหมิงอ๋องเป็นความคิดของฮองเฮา โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ ตามที่เขารู้มา ฮองเฮาเพิ่งถูกปลดจากการกักบริเวณได้ไม่นาน หลังจากได้รับอิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1441

    ฉีฮองเฮายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านแม่พูดอะไรเช่นนี้ เรื่องนี้จะไปเกี่ยวอะไรกับฮ่องเต้ได้? ฮ่องเต้มีงานราชกิจล้นมือ จะมายุ่งเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? ส่วนอวี้ฉื่อสวี่นั่น ข้าจะไปทำให้เขาตายได้อย่างไร?” อวี้ฉื่อสวี่ เป็นพ่อตาขององค์หญิงใหญ่หมินฉิง ฉีฮองเฮาเห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะไปขัดแย้งกับตระกูลนี้ ฉีฮูหยินใหญ่ถอนหายใจ “เจ้านี่ช่างโง่เขลาเสียจริง เป่ยหมิงอ๋องกำลังออกรบ เจ้ากลับไปยุ่งเรื่องหา พระชายารองให้เขา ไหนจะเรื่องที่ฮ่องเต้เคยให้พระชายาเป่ยหมิงอ๋องอยู่ในห้องทรงพระอักษรคนเดียวหลายวัน แล้วเสด็จไปเยี่ยมกลางดึก เรื่องนั้นยังไม่ได้รับการชี้แจงให้กระจ่าง เจ้ายังจะสร้างเรื่องนี้เพิ่มขึ้นมาอีก จะไม่ให้คนเขาคิดมากได้อย่างไร?” “นั่นมันพวกเขาคิดมากไปเองทั้งนั้น เป็นการคาดเดาแบบไม่มีมูล” ฉีฮองเฮากล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ฉีฮูหยินใหญ่เห็นสีหน้าที่ไม่ทุกข์ร้อนของนางก็ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ด้วยความผิดหวัง “อย่าว่าแต่เรื่องร้อยเรียงที่ผู้คนเขาคาดเดากันเลย แค่ฮ่องเต้ขมวดคิ้วหรือพูดอะไรออกมา ขุนนางก็ยังตีความกันไปต่างๆ นานา เจ้าจะพูดว่าไม่เกี่ยว แต่แม้แต่ในวังหลัง ฮ่องเต้ทำสีหน้ากับเจ้า เจ้าจะไม่

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status