มีลูกธนูอยู่บนพื้นเป็นชุดๆ รวมเครื่องยิงหลายเครื่อง มีด ดาบ คันธนูและลูกธนูที่จัดวางเป็นแถวๆ และถังขนาดใหญ่หลายถังซ้อนกันอยู่ที่มุมห้อง เมื่อเข้าไปใกล้ก็จะได้กลิ่นดินปืนถังถูกผนึกและปิดด้วยสิ่งของหลายชั้น แต่ยังคงมีกลิ่นของดินปืนอยู่ที่ที่ถังวางอยู่นั้นไม่มีแสงสว่าง มีเพียงทางเข้าคุกใต้ดินมีแสงไฟเท่านั้นเขาหันกลับมา และเห็นว่าองครักษ์มาถึงแล้ว และเห็นว่ามีแสงไฟส่องสว่างในคุกใต้ดิน หลายคนตกใจมากจนลืมก้าวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับมือสังหารเซี่ยหลูโม่ก้าวไปข้างหน้าด้วยดาบของเขา แล้วทำให้หลายๆ คนล้มลงกับพื้น จากนั้นเขาก็เห็นจ้านเป่ยว่างเข้ามาพร้อมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงหลายคน ก่อนที่จ้านเป่ยว่างจะมองเห็นทุกสิ่งที่นี่ เขาก็ยกดาบขึ้นและฟาดไปที่มือสังหารเซี่ยหลูโม่ต่อสู้กับเขาเล็กน้อย ท่ามกลางแสงสลัว จ้านเป่ยว่างสบตาเข้ากับดวงตาของเขา และอาวุธในมือของเขาก็แข็งตัวอยู่ครู่หนึ่งเซี่ยหลูโม่ใช้ประโยชน์จากเขาใจลอย และวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า เดินออกไปจากคุกใต้ดินโดยเร็วหลังจากที่จ้านเป่ยว่างตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็มองดูทุกสิ่งในคุกใต้ดิน ชั่วขณะนั้น ดวงต
พบสมาชิกสี่คนในครอบครัวซ่งจืออันที่คุกใต้ดิน ทั้งยังมีผู้หญิงที่บ้าหรือป่วยเจ็ดแปดคนทันทีที่ปี้หมิงเห็นสมาชิกทั้งสี่คนของตระกูลซ่ง ดวงตาของเขาก็มืดลง และสั่งทันทีว่า "พาพวกเขาออกไปเดี๋ยวนี้ ไปอยู่กับพวกฮูหยินเหล่านั้น ที่นั่นมีกองกำลังเมืองหลวงและทหารประจำจวนคอยเฝ้าอยู่ปลอดภัยดี"ห้องขังขนาดใหญ่ข้างๆ ก็ขังผู้หญิงไว้ด้วย แต่ผู้หญิงทุกคนที่ถูกจับกุมอยู่ที่นี่มีความพิการทางร่างกาย ขาดแขนบ้าง หรือขาหักบ้าง เสียโฉมบ้าง หรือถูกตัดลิ้นบ้าง ยิ่งกว่านั้น เนื่องจากดูแลบาดแผลไม่ดี อาการบาดเจ็บจึงไม่หาย และคนหนึ่งที่ขาหักนั้นก็เกิดหนอนขึ้นมาเมื่อสมาชิกกองกำลังเมืองหลวงเข้ามาเห็นฉากนี้ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือจวนองค์หญิง หากกล่าว่ามันคือนรกยังไม่เกินจริงเลยอดทนกลิ่นเหม็นจากร่างกายของพวกนางและช่วยยายออกไปทีละคนในลานหลัก อาจารย์จื้อหยวนและพระสงฆ์อื่นๆ ยังคงสวดมนต์ต่อ เนื่องจากมีสมาชิกกองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนจึงคาดเดาว่าเพราะมีมือสังหารมากขึ้นเรื่อยๆ หรือเปล่าฮูหยินหลายคนที่มีนางเสิ่นเป็นผู้นำล้วนอยากจะออกไป แต่อาจารย์จื้อหยวนหยุดพวกนางไว้อาจารย์จ
คนที่ถูกส่งมาในเวลานี้มีกลิ่นเหม็นมาก และสองคนในนั้นก็เป็นคนบ้า หลังจากเดินเข้ามาก็วิ่งออกไปหยิบผลไม้สดบนโต๊ะบูชามากิน เหมือนกับอดอาหารมานานแล้วบางคนในบรรดานั้นได้แต่นอนอยู่บนพื้น ดูท่าว่าเหมือนป่วยมานานแล้ว และใบหน้าก็ซีดเมื่อทุกคนยังไม่ทราบตัวตนของคนเหล่านี้นั้น มีคนอีกกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาก่อนจะเข้ามาก็ได้กลิ่นเหม็นอยู่แล้วกลิ่นเหม็นนั้นทำเอาคนอยากอาเจียนเหมือนกับกลิ่นเนื้อเน่าเปื่อย นางเสิ่นเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกแล้วซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งให้ห่างๆพวกพระสงฆ์ลืมตาเมื่อเห็นสตรีผู้มีมือหรือเท้าพิการถูกส่งมาทีละคน ก็สวดมนต์ไม่หยุดผุ้เป็นพระสงฆ์ย่อมมีความเมตตากรุณา เมื่อเห็นสถานการณ์อันน่าสังเวชนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุโสแค่ไหนก็อดโกรธไม่ได้เมื่อพวกฮูหยินเห็นสตรีที่ถูกอุ้มเข้ามานั้นต่างก็หายใจเข้าลึกๆ และหลีกเลี่ยงโดยสัญชาตญาณหยานหรูอวี้กางผ้าเช็ดหน้าออกเพื่อปิดปากและจมูกของตนเอง และเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพวกคุณนายใหญ่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชบนบาดแผลเหล่านั้น ใบหน้าที่แต่เดิมเป็นสีชมพูนั้นก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และหยานหรูอวี้ก็พูดอย่างเร่งรีบว่า "หาคนมาเร็วๆ ส่งพว
ในขณะนี้ จ้านเป่ยว่างรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่กำลังจะตายเขาจำได้ว่าตอนที่เขาไปชายแดนเฉิงหลิงครั้งแรก เขาถูกศัตรูปิดล้อมและเกือบถูกศัตรูฆ่าตายนั้น เป็นแม่ทัพเซียวที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ด้วยเหตุนี้แม่ทัพเซียวก็ขาดแขนไปข้างหนึ่งตอนนั้น เขาก็เกิดความหวาดกลัวที่กำลังจะตายเมื่อเขาใจลอยนั้น เขาถูกเตะลงบนพื้น ทันใดนั้นเขาเห็นดาบอันวาววับฟาดฟันมาที่เขา เขารีบกลิ้งบนพื้นหลายครั้ง และกลิ้งไปถึงเท้าขององค์หญิงใหญ่"ไปลงนรกซะ!" องค์หญิงใหญ่ทำหน้าดุร้าย ยกดาบขึ้นแล้วแทงไปยังในอกของเขาจ้านเป่ยว่างจับดาบด้วยมือทั้งสองข้างและพยายามใช้มันเป็นประโยชน์ให้ตนเองลุกขึ้น แต่องครักษ์ก็วิ่งเข้ามาหาเขาแล้วในช่วงเวลาวิกฤตินี้ กองกำลังเมืองหลวงจำนวนมากวิ่งเข้ามา ปี้หมิงบินลงมาบนบันได แล้วแตะทยังองครักษ์ที่ยกดาบไปเล็งยังจ้านเป่ยว่างออกไป และช่วยจ้านเป่ยว่างเอาไว้การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และปี้หมิงนำนักรบที่มีต่อสู้เก่งไปจัดการพวกเขา ไม่นานนักอีกฝ่ายก็พ่ายแพ้และดาบก็ถูกวางไว้บนคอขององครักษ์องค์หญิงใหญ่มองดูสถานการณ์ที่พลิกผันในชั่วพริบตา แม้ว่านางจะเตรียมใจไว่แล้ว แต่นางก็ยังรับไม่ได้ความพ่ายแพ้ที่รวดเร็ว
ในจวนองค์หญิงใหญ่ พวกคุณนายใหญ่และหยานหรูอวี้ก็ทยอยจากไป มีเพียงฮูหยินเสนาบดีเท่านั้นที่เฝ้าอยู่ที่นี่เนื่องจากสตรีจำนวนมากที่ถูกร้ายนั้นก็ต้องการการรักษา จึงต้องมีคนเป็นผู้นำได้มาตัดสินเรื่องให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ องค์หญิงใหญ่ยังไม่ถูกจับกุมเลยหลังจากที่พวกของจ้านเป่ยว่างทำแผลเสร็จแล้ว รอให้กองกำลังเมืองหลวงและค่ายลาดตระเวนทำเรื่องเสร็จก่อนแล้วถึงกับส่งพวกเขากลับ พวกเขาถูกจัดไว้ให้อยู่ในสถานที่บูชาเพื่อแยกจากสตรีที่อยู่ในห้องหลังจากที่ปี้หมิงจับทหารประจำจวนและองครักษ์ให้หมด เขาก็ขังคนรับใช้ในจวนองค์หญิงใหญ่ให้รวมตัวไว้ และควบคุมผู้ดูแลทั้งหมดก่อนที่จะมาพบพวกของจ้านเป่ยว่าง"เป็นยังไงบ้าง? ยังทนไหวไหม" ปี้หมิงถามบรรดาห้าคนนั้น มีสองคนบาดเจ็บสาหัส หยุดเลือดเอาไว้แล้ว แต่หมอแนะนำว่าอย่าเคลื่อนย้าย ดังนั้นจึงใช้ผ้าห่มหนาคลุมไว้จ้านเป่ยว่างและอีกสองคนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับสองคนนั้น อาการบาดเจ็บของพวกเขาถือว่าไม่ได้ร้ายแรงมาก ไม่ได้บาดเจ็บถึงจุดสำคัญยามนี้จ้านเป่ยว่างถึงรู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว ปี้หมิงมาถามเขาเขาอดทนต่อเจ็บปวดและตอบว่า "พอได้อยู่"
นางคว้าผมหลินเฟิ้งเอ๋อจนนางล้มลงกับพื้น เจ็บปวดมากจนน้ำตาไหลแต่ไม่กล้าที่จะส่งเสียงกองกำลังเมืองหลวงที่ติดตามนางอยู่นั้นก็ไม่กล้าลงมือกับองค์หญิงใหญ่ อย่างหุนหันพลันแล่น เขาได้แต่เรียกอยู่ข้างๆ ว่า "ปล่อยนะ ปล่อยนางไป"ผมยุ่งเหยิงขององค์หญิงใหญ่ปกคลุมใบหน้าของนางไปครึ่งหนึ่ง และพูดอย่างเคร่งขรึมและเย็นชาว่า "เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร กล้าสั่งข้า กล้าสัมผัสข้าก็ลองดู"นางลากผมของหลินเฟิ้งเอ๋อ และเข้าหากองกำลังเมืองหลวง กองกำลังเมืองหลวงไม่กล้าทำอะไรนาง ได้แต่ถอยออกไปฮูหยินเสนาบดีลุกขึ้นเดินเข้าไปหานาง จากนั้นยกมือขึ้นตบหน้านางอย่างแรงฉาดหนึ่ง "ข้ากล้าแตะต้องเจ้า นังบ้าจะทำอย่างไร""ช่างบังอาจ!" องค์หญิงใหญ่ปล่อยหลินเฟิ้งเอ๋อ และต้องการเข้าไปฮูหยินเสนาบดีเช่นนี้กองกำลังเมืองหลวงไม่กล้าอยู่เฉยๆ ได้อีก และรีบห้ามเข้าไว้ องค์หญิงใหญ่สัมผัสฮูหยินเสนาบดีไม่ได้ และได้เกาใบหน้ากองกำลังเมืองหลวงด้วยเล็บของนาง และเกาใบหน้าของกองกำลังเมืองหลวงเกิดบาดเจ็บด้วยกองกำลังเมืองหลวงรู้สึกเจ็บมาก เมื่อเห็นว่านางบ้าคลั่งเช่นนี้ เขากัดฟันและแกล้งสะดุดล้ม จากนั้นหันไปทางด้านข้างเพื่อหลีกเลี่ยงมัน องค์ห
ทุกคนเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม คิดว่าได้ค้นพบสิ่งของไม่ธรรมดาในลานด้านตะวันตกแล้วเซี่ยหลูโม่นั่งลง ซ่งซีซีก็รินชาหนึ่งถ้วยแล้วยื่นให้ "ดื่มน้ำก่อนแล้วข้าจะให้ใคนเอาอาหารที่อุ่นอยู่ในหม้อมาให้ท่าน"เขาไม่มีอะไรจะกินหรือดื่มในคุกใต้ดิน คงหิวแย่แล้วเซี่ยหลูโม่ดื่มน้ำรวดเดียว คอของเขาแห้งจนแทบจะลุกเป็นไฟได้แล้วงหลังจากที่ซ่งซีซีสั่งเสร็จก็กลับไปห้องอ่านหนังสือทันทีเซี่ยหลูโม่ไม่รอให้พวกเขาถามและพูดว่า "ซีซี ครอบครัวท่านอาของเจ้าปลอดภัยดี โชคดีที่ไม่ได้ถูกทรมาน ไม่ได้โดนตี แค่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินและคงตกใจไม่น้อย"ซ่งซีซีเบิกตากว้าง "ท่านอาของข้าก็ถูกจับตัวไปจริงๆ เหรอ""อืม ดีที่เขาอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นภรรยาและลูกๆ ของเขาคงจะตกใจตาย"เซี่ยหลูโม่เทน้ำอีกแก้วแล้วดื่มหมดในอึกเดียวก่อนพูดต่อ "คนที่ขังอยู่ในคุกใต้ดินเกือบเป็นอนุภรรยาของฝู้หม่ากู้ทั้งหมด ตอนนี้ได้รับการช่วยให้ออกมาแล้ว แต่มีคนพิการและได้รับบาดเจ็บไปไม่น้อย โหดร้ายสุดๆ อีกอย่าง ที่คุกใต้ดินในลานด้านตะวันตกได้ซ่อนพวกอาวุธ ชุดเกราะ และดินปืนด้วย เดาว่าพวกเขากำลังวางแผนว่าตอนที่เกิดการกบฏ ก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งแอบเข้ามาเมืองหลว
อาจารย์หยูกล่าวว่า "ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังค้นพบเรื่องใหญ่เช่นนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ผลงานนี้ทางจวนเป่ยหมิงอ๋องของเราไม่สามารถรับได้ ใครไปเสี่ยงชีวิตมาก็ให้เป็นผลงานของคนๆ นั้นสิ อย่าพูดเขาอีกเลย ท่านอ๋องรีบกินเถอะ"อาจารย์หยูไม่ต้องการพูดถึงจ้านเป่ยว่างต่อไปเพื่อไม่ให้พระชายารู้สึกอึดอัด เขาจึงเร่งให้ท่านอ๋องกินข้าวแล้วค่อยไปอาบน้ำ กลิ่นคุกแรงเกินไปแต่เสิ่นว่านจือยังคงไม่พอใจเล็กน้อย "อย่างไรก็ตาม ให้จ้านเป่ยว่างสร้างผลงานโดยใช้ประโยชน์จากแผนการของเรา ข้าก็ไม่สบอารมณ์ ยอมให้ปี้หมิงรับผลงานนี้ไปมากกว่า"นางจะไม่มีวันลืมว่าจ้านเป่ยว่างเคยทำร้ายซีซี และยังพยายามหาทุกวิถีทางยึดสินเดิมของนางแม้ว่าพวกเขาจะออกศึกด้วยกัน แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน นางดูถูกจ้านเป่ยว่างตลอดกาลอาจารย์หยูกล่าวด้วยรอยยิ้ม "แน่นอนว่าปี้หมิงมีผลงานด้วย มิได้ให้จ้านเป่ยว่างแย่งชิงไปหมด จ้านเป่ยว่างก็ไม่ได้เข้าคุกใต้ดินด้วยคนเดียวนี่ คุณหนูเสิ่นไม่จำเป็นต้องจริงจังกับเรื่องนี้หรอก"เสิ่นว่านจือมองไปที่ซ่งซีซี "ซีซี เจ้ายังรู้สึกน่าขยะแขยงหรือเปล่า?"ซ่งซีซีส่ายหัว "พูดตามตรง พอตอนน