Share

บทที่ 672

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
นางถูกลักพาตัว ก่อนหน้านี้ นางมีพ่อแม่มีพี่ชาย นางเป็นเด็กซน แต่คนในครอบครัวต่างก็เอ็นดูนาง เจ้ากระต่ายนี้มิใช่พี่ชายของคุณหนูเสิ่นทำให้นาง เป็นพี่ชายของนางทำให้นางต่างหาก

แต่หลายๆ เรื่องนางจำไม่ได้แล้ว จำไม่ได้ว่าพ่อแม่และพี่ชายมีหน้าตาเป็นอย่างไร ใช่แล้ว นางยังมีปู่ย่าด้วย ท่านปู่ท่านย่าก็ตามใจนางมาก มีเสียงที่อ่อนโยนและอบอุ่นอยู่ในความทรงจำของนาง "เสี่ยวไป๋ของปู่เมื่อไหร่จะโตขึ้นล่ะ เมื่อไรจะได้รู้ความบ้างล่ะ?"

เสิ่นว่านจือยืนเงียบๆ อยู่ข้างนาง มองทิวทัศน์ของแม่น้ำหนานเจียง และชมเบาๆ "อยู่ตึกเจียงจิงนี้ชมทัศนียภาพแม่น้ำก็ดูสวยงามจริงๆ"

คำว่า "เจียงจิง" ราวกับสายฟ้าผ่าเข้าสมองของนาง

"หยูเจียงจิง หากเจ้ายังเอาแต่ใจนางอีก นางจะเสียนิสัยได้ ต่อไปจะหาคู่ครองได้อย่างไร"

"หยูเจียงจิง มานี่เร็วเข้า ลูกสาวขาหัก"

หน้าอกของนางกระเพื่อมอย่างรวดเร็ว ในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ นางกลับเหงื่อออกไปหมด ซึ่งหยดลงมาบนหน้าผากของนาง "ข้า..."

นางพูดด้วยความยากลำบากและเสียงเบามาก "พ่อของข้าชื่อหยูเจียงจิง เจ้ากระต่ายนี้เป็นพี่ชายข้าทำให้ข้า เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อกี้เป็นเรื่องของข้า เจ้ารู้พ่อแม่พี่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 673

    แม้ว่าจะไม่มีใครขึ้นมาที่นี่ แต่ก็ถูกทำความสะอาดอย่างดี และมีโครงชิงช้าบนแท่นขนาดเล็กที่สามารถรองรับคนสองสามคนนั่งด้วยกันไม่มีราวกั้น ทั้งชานชาลาก็ไม่มีราวกั้น หากเล่นชิงช้าให้แกว่งออกไป ถ้าจับไม่แน่นก็ล้มได้ง่ายเสิ่นว่านจือชวนหยูไป๋นั่งบนชิงช้า หันหน้าไปทางทิวทัศน์แม่น้ำและแกว่งไปมาเบาๆในใจของหยูไป๋ยังคงกลัวเล็กน้อย เพราะทักษะการต่อสู้ของนางไม่ได้เก่งมากนัก และวิชาตัวเบาก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน นางจับเชือกข้างชิงช้าไว้แน่น"เมื่อพบข้าที่จวนโหวกู้เจ้ายังไม่รู้จักตัวตนของข้า เหตใดพอกลับไปก็แน่ใจได้แล้ว?" หยูไป๋ไม่เข้าใจจุดนี้ ทั้งหมดนี้บังเอิญมากจนดูเหมือนเป็นกับดักที่ออกแบบมาอย่างดีเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "วันนั้นข้ารู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยกับเจ้าเพราะไฝบนริมฝีปากของเจ้า ท่านแม่ของพระชายาเสิ่นว่านจือก็มีไฝที่มุมปากด้วย และใบหน้าก็คล้ายกับพระชายาเป่ยหมิงอ๋องเล็กน้อยด้วย นอกจากนี้กิริยาท่าทางบางอย่างของเจ้าข้าก็รู้สึกคุ้นเคยในตอนนั้น แต่จำไม่ได้ว่าดูเหมือนใคร ตอนนี้ข้านึกได้แล้วดูเหมือนอาจารย์หยู""อาจารย์หยู?" หยูไป๋กล่าวคำสามคำนี้ รู้สึกแปลกหน้ามาก นางจำชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยื่นขนมพุทราให้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 674

    แต่นางหาเลี้ยงชีพกับหัวหน้ากลุ่มมาตั้งแต่เด็ก นางรู้ว่าใจคนไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น นางไม่เป็นอะไรกับองค์หญิงใหญ่ และช่วยชีวิตนางยังหาคู่ครองที่ดีให้นาง ซึ่งมันฟังดูเหลือเชื่อมากอีกอย่างนางมาเมืองหลวงได้ระยะหนึ่งแล้ว และไม่เห็นนางจะจับคู่อะไรให้ตนเอง นางอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกแล้ว หากต้องการจับคู่ให้นางอย่างจริงใจ คงทำเรื่องไปตั้งนานแล้วอันที่จริงนาองก็ไม่รู้ว่าตนเองอายุเท่าไหร่ แต่เมื่อหัวหน้ากลุ่มช่วยชีวิตนาง โดยบอกว่านางเป็นเด็กอายุเจ็ดแปดขวบ จากการคำนวณ บัดนี้ก็อายุยี่สิบกลางๆยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงในจวน ถ้านางมีใจจะทำจริงก็ควรจะให้ตัวเองออกมาแสดงตัวหน่อย แต่ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง นางก็ถูกขังไว้ที่ลานหลัง อย่าว่าแต่ออกไป แม้แต่ประตูห้องก็ออกไปไม่ได้ แม่นมอธิบายกับนางว่าเพราะนางยังเรียนมารยาทไม่เสร็จ หากออกไปจะไปเสียหน้ากับแขกผู้มีเกียรติได้"เจ้าบอกว่าที่องค์หญิงใหญ่ชีวิตข้าอาจมีเรื่องแอบแฝง จริงหรือเปล่า?" นางถามด้วยอาการหายใจลำบาก"ไม่แน่ใจ ดังนั้นเราจำเป็นต้องสอบสวน เจ้าบอกสถานการณ์ในขณะนั้นให้ฟังได้ไหม? นอกจากนี้ยังมีการแยกย้ายกลุ่มกายกรรมของเจ้าด้วย"หยูไป๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 675

    เมื่อหยูไป๋กลับไปที่จวนโหวกู้ ฮูหยินโหวกู้ก็เข้ามาถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทันทีนางเป็นถึงฮูหยินจวนโหวผู้สูงศักดิ์ ในปกติที่นางสุภาพกับสาวกายกรรมมากเพราะได้เห็นแก่หน้าองค์หญิงใหญ่ แต่เมื่อเห็นนางตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่านางเสียท่าไป จึงถามแบบดุเดือดว่า "เคยร้องไห้หรือ เจ้า ร้องไห้ต่อหน้าพวกนางหรือ?"หยูไป๋ลูบหน้าอก ราวกับยังคงหวาดกลัวอยู่ "ฮูหยินมิทราบว่าที่ที่เราไปคือตึกว่างจิง เดิมทีเราอยู่บนชั้นสูงสุดแล้ว แต่เพื่อทดสอบความกล้าหาญของข้า คุณหนูเสิ่นกล่าวว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางเป็นแม่ทัพ ในฐานะภรรยาของเขาไม่สามารถเป็นคนขี้ขลาดได้ จึงจับมือข้าแล้วบินขึ้นไปจุดสูงสุด บินอยู่กลางอากาศจริงๆ ข้าตกใจแทบแย่ แต่ข้าไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าคุณหนูเสิ่น ที่นั่นลมมันแรง พัดจนข้าตาแดง ข้าร้องไห้ตอนเรากลับถึงรถม้า หากฮูหยินไม่เชื่อก็ถามไห่ถังได้นะ"ฮูหยินโหวกู้เงยหน้าขึ้นแล้วถามไห่ถัง "ที่นางพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?"ไห่ถังตอบตามความเป็นจริงว่า "เรียนฮูหยินเจ้าค่ะ เป็นแบบนี้จริงๆ คุณหนูเสิ่นมองที่หน้าต่างแล้วถามคุณหนูแบบยั่วยุเล็กน้อยว่ากล้าขึ้นไปหรือไม่ ยังบอกการเป็นฝางฮูหยินไม่สามารถเป็นคนขี้ขลาดได้ ข้าน้อยค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 676

    เสิ่นว่านจือก็กลับไปที่จวนอ๋อง และเรียกซ่งซีซีและอาจารย์หยูไปที่ห้องอ่านหนังสือ เซี่ยหลูโม่ยังไม่กลับมา อาจารย์หยูรีบร้อนที่จะฟังผล ดังนั้นเขาจึงทนไม่ไหวที่จะรอท่านอ๋องกลับมาคำพูดแรกของนางก็ทำให้อาจารย์หยูร้องไห้ "อาจารย์หยู ข้าแน่ใจว่านางเป็นน้องสาวของเจ้า"นับตั้งแต่เสิ่นว่านจือออกไป เขาก็กระสับกระส่าย กลัว กลัวมาก กลัวว่าเมื่อเสิ่นว่านจือกลับมาจะส่ายหัวให้เขาดังนั้นเมื่อเสิ่นว่านจือออกไปนานเท่าไร เขาก็กระวนกระวายใจนานเท่านั้น เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนอยู่แล้ว และวันนี้มีรอยคล้ำใต้ตาอย่างลึก ในที่สุดได้รอเสิ่นว่านจือกลับมา ก่อนที่เขาจะหายใจเสร็จก่อนค่อยถาม ทว่าเสิ่นว่านจือก็พูดก่อนหลังจากอึ้งไป น้ำตาก็ไหลลงมาพระชายาและคุณหนูเสิ่นต่างก็อยู่ด้วย เขานั่งลงเก้าอี้หลังโต๊ะด้วยขาที่สั่นเทา เขาเอนตัวลงบนโต๊ะเป็นเวลานานก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น และถามด้วยตาแดง "คุณหนูเสิ่น เจ้าต้องรับผิดชอบสิ่งที่เจ้าพูดนะ เจ้าแน่ใจจริงๆ ใช่ไหม?""แน่ใจ นางได้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตและเล่าเรื่องที่นางยังจำได้หลายอย่างให้ข้าฟัง อีกอย่างมีบางสิ่งที่เจ้าไม่ได้บอกข้าด้วย เจ้าถูกแม่ของเจ้าทุบตีด้วยไม้ปัดขนนกใช

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 677

    ซ่งซีซีขัดจังหวะ "เจ้าบอกว่ากลุ่มกายกรรมมักถูกคนหาเรื่องเป็นบ่อยครั้งในหลายปีก่อน ถูกหาเรื่องอย่างไร นางได้บอกไหม""มี คนที่หาเรื่องพวกนั้นพังเครื่องมือต่างๆ ของพวกเขาไป จากนั้นก็ได้ซื้อใหม่หลายครั้ง แต่ก็โดนทำลาย ทำให้หัวหน้ากลุ่มโกรธมาก""เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?""นางบอกว่ามันเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว และเหตุการณ์นี้กินเวลาไปครึ่งปีแล้ว""อืม จดจำไว้ว่าองค์หญิงใหญ่อาจจะได้ไปอำเภอหยงเมื่อห้าปีที่แล้วหรือว่านางส่งคนไปที่นั่น" ซ่งซีซีพูดกับอาจารย์หยูอาจารย์หยูพยักหน้า "พระชายาเตือนข้าไว้แล้ว เอาแต่ฟังเรื่องของนางจนลืมไปว่าหนี้บุญคุณช่วยชีวิตขององค์หญิงใหญ่จำเป็นต้องสอบสวนด้วย"อาจารย์หยูไม่เคยประมาทขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้เขาตื่นตัวไปจริงๆเสิ่นว่านจือกล่าวต่อ "หลังจากที่กลุ่มกายกรรมถูกยุบ ทุกคนแยกย้ายกันเป็นเวลาหลายเดือน เหลือนางคนเดียวที่ไม่มีญาติพี่น้องใดๆ และทำอะไรไม่ถูก แต่ต่อมาเนื่องจากหัวหน้ากลุ่มมีสุขภาพไม่ดีก็เลยกลับมา หยูไป๋ก็อยู่ที่อำเภอหยงเพื่อดูแลเขา อย่างน้อยก็นับว่ามีญาติอยู่รอบๆ อาศัยความสามารถของนาง นางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ขึ้นเขาเก็บสมุนไพรและล่าสัตว์ และสมุนไพ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 678

    ปัญหาที่อยู่ต่อหน้าในตอนนี้คือเจ้าสิบเอ็ดฝางควรถ่วงเวลากับการแต่งงานครั้งนี้ได้อย่างไรต่อมาทางจวนโหวกู้จะเร่งเขาอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางใช้วิธีอะไรมาถ่วงเวลาจากการคาดเดาของพวกเขา หากเจ้าสิบเอ็ดฝางปฏิเสธตรงๆ งั้นหยูไป๋ก็จะกลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้งขององค์หญิงใหญ่ มีสองทางออก หากมิใช่ส่งไปให้โหวกู้เป็นนอนุภรรยา ก็ให้นางแต่งงานกับคนแก่เป็นอนุภรรยาหรือไม่ก็เป็นสาวใช้ต้นห้องแต่หากให้เจ้าสิบเอ็ดฝางตอบตกลงก่อน นี่ก็ไม่เหมาะ เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางไม่มีใจเช่นนี้ ตอนแรกนางลู่ก็ชอบอยู่ แต่พอรู้ว่าเป็นแผนการก็ย่อมไม่เห็นด้วยแน่ๆอีกอย่างแม้ว่าในที่สุดทั้งสองครอบครัวจะได้ถูกตาต้องใจกันและต้องการหารือเรื่องการแต่งงานจริงๆ งั้นพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็ควรจะเป็นพวกอาจารย์หยู แทนที่จะเป็นทางจวนโหวกู้ อาจารย์หยูจะไม่ยอมให้น้องสาวต้องเจอเรื่องกลุ้มใจอีกหลังจากที่อาจารย์หยูผ่านอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เขาก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน จึงพูดก่อนว่า "จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ แม้ว่าต้องการชีวิตข้าก็ได้ แต่นางไม่ได้ นางเป็นแม่นางที่บริสุทธิ์ ไม่สามารถเพราะแผนการและทำลายชื่อเสียงของนาง"การได้เจอของที่หาย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 679

    ฝู้หม่ากู้ออกมาจากคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง และเดินด้วยเท้าหนักไปที่ห้องโถงด้านข้าง องค์หญิงใหญ่กำลังรอเขาอยู่หลังจากที่เขาได้พบกับซ่งซีซี และรู้เกี่ยวกับแผนการของพวกนาง เขาถึงมีโอกาสเข้าไปในคุกใต้ดิน เพื่อให้ของกินของใช้แก่เฟิ้งเอ๋อ ยังสามารถพานางออกจากคุกใต้ดินและเดินเล่นในสวนหลังบ้านหลังจากได้ยินแผนนี้จาก องค์หญิงใหญ่ก็คิดจะทอดทิ้งกู้ชิงหลานแล้วเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้ และหากเขาถูกบังคับตั้งแต่แรก งั้นตอนนี้เขาก็เข้ามาเกี่ยวด้วยแล้วทางจวนโหวกู้และจวนองค์หญิงใหญ่ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนา นอกจากต้องเชื่อฟังคำสั่งแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้อีกเมื่อเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง องค์หญิงใหญ่ให้คนข้างๆ ออกไปหมด และพูดเบาๆ ว่า "นั่งลง!"ฝู้หม่ากู้นั่งลงแล้วกล่าวว่า "ขอบพระทัยองค์หญิง"องค์หญิงใหญ่ดื่มชาช้าๆ นางไม่พูดอะไร และฝู้หม่ากู้ก็เงียบ"ได้เจอกับนางแล้ว สบายใจแล้วสินะ" องค์หญิงใหญ่เป่าฟองชาแล้วพูดอย่างใจเย็น"ขอบพระทัยที่องค์หญิงให้ยา" ฝู้หม่ากู้กล่าวองค์หญิงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเขา แม้ว่าเรื่องบางเรื่องนางรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่เมื่อมองดูชายเจ้าเล่ห์คนนี้ บางครั้งนางก็อดไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 680

    องค์หญิงใหญ่สะบัดมือให้เขาออกไป คิดว่านางไม่เห็นความรังเกียจในดวงตาของเขาเหรอ? ยิ่งเขารังเกียจมากเท่าไร นางก็ยิ่งต้องการให้เขาจำไว้ว่าเขาและ ทางจวนโหวกู้ล้วนเป็นทาสของนางตลอดกาลหลังจากที่ฝู้หม่ากู้จากไป นางก็เรียกแม่นมฝางเข้ามา "คืนนี้ฝู้หม่าจะมา จุดตะเกียงให้เร็วหน่อย จุดธูปด้วย และอย่าลืมให้ฝู้หม่าดื่มสมุนไพรคุมกำเนิดก่อนเข้าห้อง"แม่นมฝางตอบว่า "เจ้าค่ะ ข้า"น้อยรับทราบเจ้าค่ะ"องค์หญิงใหญ่หลับตาลงและ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม่นมฝางไม่ถอยออกไป หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็พูดว่า "องค์หญิง ท่านไม่เคยชอบเข้าใกล้ชิดฝู้หม่าเลย ทำไมท่านจึงต้องบังคับตัวเองด้วยล่ะ"องค์หญิงใหญ่ไม่ลืมตาและถอนหายใจจนแทบไม่ได้ยิน "จู่ๆ ข้าก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมา""ฝู้หม่าคือฝู้หม่า และบุคคลนั้นคือคนนั้น ทุกครั้งที่ท่านร่วมรักกับฝู้หม่า ท่านก็ไม่มีความสุขนะ" แม่นมฝางเป็นพี่เลี้ยงเด็กของนาง มีสถานะสูงในจวน และคำบางคำก็มีแต่นางเท่านั้นที่กล้าพูดองค์หญิงใหญ่ลืมตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย "เจ้าคิดว่าข้าควรเลี้ยงเด็กไว้เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขไงั้นหรือ?""ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าน้อยแค่ห่วงใยท่าน

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status