ฝู้หม่ากู้ออกมาจากคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง และเดินด้วยเท้าหนักไปที่ห้องโถงด้านข้าง องค์หญิงใหญ่กำลังรอเขาอยู่หลังจากที่เขาได้พบกับซ่งซีซี และรู้เกี่ยวกับแผนการของพวกนาง เขาถึงมีโอกาสเข้าไปในคุกใต้ดิน เพื่อให้ของกินของใช้แก่เฟิ้งเอ๋อ ยังสามารถพานางออกจากคุกใต้ดินและเดินเล่นในสวนหลังบ้านหลังจากได้ยินแผนนี้จาก องค์หญิงใหญ่ก็คิดจะทอดทิ้งกู้ชิงหลานแล้วเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้ และหากเขาถูกบังคับตั้งแต่แรก งั้นตอนนี้เขาก็เข้ามาเกี่ยวด้วยแล้วทางจวนโหวกู้และจวนองค์หญิงใหญ่ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนา นอกจากต้องเชื่อฟังคำสั่งแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้อีกเมื่อเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง องค์หญิงใหญ่ให้คนข้างๆ ออกไปหมด และพูดเบาๆ ว่า "นั่งลง!"ฝู้หม่ากู้นั่งลงแล้วกล่าวว่า "ขอบพระทัยองค์หญิง"องค์หญิงใหญ่ดื่มชาช้าๆ นางไม่พูดอะไร และฝู้หม่ากู้ก็เงียบ"ได้เจอกับนางแล้ว สบายใจแล้วสินะ" องค์หญิงใหญ่เป่าฟองชาแล้วพูดอย่างใจเย็น"ขอบพระทัยที่องค์หญิงให้ยา" ฝู้หม่ากู้กล่าวองค์หญิงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเขา แม้ว่าเรื่องบางเรื่องนางรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่เมื่อมองดูชายเจ้าเล่ห์คนนี้ บางครั้งนางก็อดไม
องค์หญิงใหญ่สะบัดมือให้เขาออกไป คิดว่านางไม่เห็นความรังเกียจในดวงตาของเขาเหรอ? ยิ่งเขารังเกียจมากเท่าไร นางก็ยิ่งต้องการให้เขาจำไว้ว่าเขาและ ทางจวนโหวกู้ล้วนเป็นทาสของนางตลอดกาลหลังจากที่ฝู้หม่ากู้จากไป นางก็เรียกแม่นมฝางเข้ามา "คืนนี้ฝู้หม่าจะมา จุดตะเกียงให้เร็วหน่อย จุดธูปด้วย และอย่าลืมให้ฝู้หม่าดื่มสมุนไพรคุมกำเนิดก่อนเข้าห้อง"แม่นมฝางตอบว่า "เจ้าค่ะ ข้า"น้อยรับทราบเจ้าค่ะ"องค์หญิงใหญ่หลับตาลงและ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม่นมฝางไม่ถอยออกไป หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็พูดว่า "องค์หญิง ท่านไม่เคยชอบเข้าใกล้ชิดฝู้หม่าเลย ทำไมท่านจึงต้องบังคับตัวเองด้วยล่ะ"องค์หญิงใหญ่ไม่ลืมตาและถอนหายใจจนแทบไม่ได้ยิน "จู่ๆ ข้าก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมา""ฝู้หม่าคือฝู้หม่า และบุคคลนั้นคือคนนั้น ทุกครั้งที่ท่านร่วมรักกับฝู้หม่า ท่านก็ไม่มีความสุขนะ" แม่นมฝางเป็นพี่เลี้ยงเด็กของนาง มีสถานะสูงในจวน และคำบางคำก็มีแต่นางเท่านั้นที่กล้าพูดองค์หญิงใหญ่ลืมตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย "เจ้าคิดว่าข้าควรเลี้ยงเด็กไว้เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขไงั้นหรือ?""ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าน้อยแค่ห่วงใยท่าน
องค์หญิงใหญ่มองแม่นมด้วยรอยยิ้มจางๆ "เจ้ารีบร้อนอะไรกัน ยังไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่สอบสวนมาให้ชัดเจนแล่วว่าเขาจะออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองซุยโจวในวันที่สามสิบ กันยายน ทั้งหมดมีสามคน รวมทั้งคนขับรถม้าและเด็กใช้คนหนึ่ง จะนำพวกเขาทั้งหมดกลับไปที่จวนองค์หญิง และกักขังพวกเขาไว้ในคุกใต้ดินก่อน ใครจะรู้ว่าพวกเขาหายตัวไป พอรอเทศกาลหันอี้ผ่านไป ข้าค่อยลงมือก็ไม่สาย"แม่นมฝางรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนี้ "องค์หญิง ซ่งฮวยอันปฏิบัติต่อท่านอย่างไร้หัวใจ้เช่นนี้ ที่ท่านอยากมีทายาททำไมต้องตามหาคนของตระกูลซ่งด้วยล่ะ แม้ว่าฝู้หม่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ถึงยังไงเขาเป็นราชบุตรเขยที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านนี่นะ"องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าปากขมขื่น ความขมขื่นนี้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางกำหมัดแน่นเพื่อประคองขมับและหลับตาลง คำพูดของนางแทบจะพูดกัดฟันกรอด "เขาโหดเหี้ยมและใจร้าย ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้ากลับไม่ยอมให้เขาสมปรารถนา ข้าอยากให้กำเนิดบุตรชายของตระกูลซ่ง เพื่อที่วิญญาณของเขาจะไม่สงบสุข"แม่นมฝางถอนหายใจ "ท่านนี่แค่โกรธและหาเรื่องกับคนตาย มิใช่ต้องการมีบุตรชายจริงๆ ถ้าท่านอยากได้ก็ทำไปนานแล้ว ทำไม
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังเชียงออกมาจากกระทรวงโยธาธิการ และรถม้ารออยู่ด้านนอกแล้ว ก่อนขึ้นรถม้าเขาพูดว่า "ไปที่ปลายถนนฉางเล่อก่อน สองวันก่อนฮูหยินบอกว่าอยากกินเกี๊ยวของเหล่าจาง ไปซื้อของดิบกลับไปปรุงเอง""เกรงว่าตอนนี้ไม่ได้เปิดร้านนะ" คนขับบอกแผงขายเกี๊ยวของเหล่าจางนั้นตั้งขึ้นเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น เมืองหลวงแคว้นซางก็เจริญรุ่งเรือง ส่วนถนนฉางเล่อและถนนเป่ยอันก็เอิกเกริกมากหลังฟ้ามืด"ใกล้แล้ว พอถึงที่นั่นค่อยรอสักพักก็ได้" หวังเชียงพูดคนขับรถม้ายิ้ม "นายคนรองรักฮูหยินสองจริงๆ นะ"หวังเชียงเอาพัดในมือไปตีหัวของคนขับเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นางเป็นสตรีที่ดีได้แต่งงานกับข้า มีลูกๆ ให้ข้า ข้าจะไม่ทำดีกับนางได้อย่างไร เจ้าก็เช่นกัน ให้ปฏิบัติต่อหยานเอ๋อร์ให้ดีๆ ด้วย"คนขับรถม้ายิ้ม "ข้าน้อยรับทราบขอรับ"คนขับรถม้าเป็นเด็กที่เกิดจากคนรับใช้ที่บ้าน และหยานเอ๋อร์ถูกซื้อมาตั้งแต่นางยังเด็ก สองปีก่อนได้ตัดสินให้พวกเขาแต่งงานกัน หยานเอ๋อร์ตอนนี้รับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินรองนางหลานเมื่อรถม้ามาถึงสุดถนนฉางเล่อ พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มตั้งแผงขายของทีละร้าน เหล่าจางอายุเยอะแล้วเลยทำอะไรก็ช้าๆ หว
เกี๊ยวนึ่งถูกส่งมาอย่างร้อนๆ และมีกลิ่นหอม คุณหนูว่านขอบคุณหวังเชียง "ขอบคุณใต้เท้าหวังที่เมตตานะ ครั้งต่อไปมาซื้อใบชาที่ร้านข้า ข้าจะคิดส่วนลดให้นะ"หวังเชียงมองดูนาง "ส่วนลดเท่าไหร่?"คุณหนูว่านกระพริบตาและถามอย่างฉลาดว่า "ใต้เท้าหวังอยากได้ส่วนลดเท่าไหร่ล่ะ"คุณหนูว่านมีรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์โดยเฉพาะเวลาที่นางกระพริบตาพร้อมรอยยิ้มที่เบ่งบานบนริมฝีปากของนาง ราวกับดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานในตอนกลางคืน เมื่อผู้ชายเห็นนางในสภาพแบบนี้ ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน ก็ย่อมรู้สึกหวั่นไหวใจเล็กน้อยแต่หวังเชียงราวกับมองไม่เห็นความงามของนาง และเขาแค่สนใจว่าใบชามีส่วนลดเท่าไร "คุณหนูให้ราคากับใต้เท้าซุนเท่าไรก็ให้ราคานั้นกับข้าด้วยเถอะ"คุณหนูว่านระเบิดเสียงหัวเราะ มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาสวยงาม "ไม่ได้สิ บุญคุณที่ใต้เท้ายอมให้ข้ากินเกี๊ยวก่อน ข้าจะตอบแทนอย่างดี หากเจ้ามาด้วยตนเอง ซื้อหนึ่งตาชั่ง แถมให้ครึ่งตาชั่งเป็นอย่างไรบ้าง?"หวังเชียงพูดอย่างมีความสุข "งั้นตกลงตามนี้นะ""ตกลงตามนี้!" คุณหนูว่านยิ้มให้เขา ราวกับกล้วยไม้ในหุบเขา ทั้งเย็นชาและสวยงามตระการตาแต่หวังเชียงมองไปทางอื่นแ
แน่นอนว่าหวังเชียงจะไม่รู้ว่าคุณหนูว่านคนนั้นมุ่งเป้าที่เขา หากเขาได้ฉลาดเช่นนั้นก็คงไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วยในกระทรวงโยธาธิการแล้วกลับถึงจวน ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวกำลังรอเขาอยู่ เขายื่นเกี๊ยวให้คนใช้ เพื่อให้พวกเขาปรุงอย่างโดยเร็ว ให้ทุกคนได้กินคนละชามอย่างร้อนๆนางจีพูดติดตลกว่า "กลับมาช้าขนาดนี้ ที่แท้ไปซื้อเกี๊ยวเหรอ? เจ้ารองเนี่ย ตอนนี้ในสายตาเจ้ามีแต่ภรรยาเท่านั้นแล้ว ไม่มีแม่อีกแล้ว ทำให้แม่ต้องทนหิวเพื่อรอเจ้ากลับมา"หวังเชียงรีบกล่าวขอโทษ และอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมาว่า "เดิมทีก็เร็วกว่านี้ได้ แต่เหล่าจางทำช้ามาก ต่อมาคุณหนูว่านก็มา โดยบอกว่านางหิวแย่ขอร้องให้ข้ายอมให้พวกนางสองคนกินก่อน ก็เลยกลับมาสายหน่อย""คุณหนูว่าน" นางจีจับใจความสำคัญได้ นางรู้จักน้องคนนี้เป็นอย่างดี และมักจะไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิง ทำไมจู่ๆ มีคุณหนูว่านโผล่มานางถามต่อว่า "คุณหนูว่านคือใครหรือ""คนที่เปิดร้านใบชา ตอนที่ใต้เท้าซุนจัดงานเงี้ยง ก็ให้นางไปส่งใบชา ใต้เท้าซุนแนะนำให้รู้จัก ข้าก็ได้ให้เถี่ยจู่ไปซื้อใบชาที่นั่นด้วย นั่นไง คืออันที่ข้านำกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน"นางหลานตอบว่า "ใบชาพอได้อยู่ แต่ราค
นกพิราบของร้านอวี๋นยี่บินไปทั่วสถานที่ แลกเปลี่ยนข้อความอย่างต่อเนื่อง หลังจากบินอยู่หลายๆ วัน พวกมันก็มาถึงเมืองหลวงในตอนเย็นสองวันก่อนเทศกาลหันอี้ หลังจากที่พวกหงเซียวได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ลงในจดหมายฉบับเดียวและส่งไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋องในตอนเย็นหงเซียวมอบให้แก่เสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือไม่ได้เปิดซองจดหมาย นางเรียกให้ทุกคนไปที่ห้องอ่านหนังสือโดยตรงและมอบให้กับอาจารย์หยู เพราะเรื่องรชนี้เกี่ยวกับหยูไป๋ งั้นปล่อยให้อาจารย์หยูอ่านก่อนจะดีกว่าหลังจากที่อาจารย์หยูอ่านเสร็จแล้ว เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดออกมา "กล้าดียังไง มันเป็นเรื่องสมรู้ร่วมคิดจริงๆ บุญคุณช่วยชีวิตอะไรกัน ล้วนเป็นแผนการชัดๆ"เซี่ยหลูโม่รับจดหมายมาอ่าน จากนั้นก็พูดคร่าวๆ ว่า "คนที่มาก่อปัญหาคือพวกอันธพาลในท้องถิ่นที่ถูกจ้างไปก่อเรื่อง คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคือเจ้าของจวนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหยง นั่นก็คือองค์หญิงใหญ่ ทุกครั้งที่องค์หญิงใหญ่ไปที่นั่นก็จะพักที่นั่น ซีซีที่เจ้าเคยให้ตรวจสอบว่าก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ในกลุ่มกายกรรม องค์หญิงใหญ่ได้ไปที่อำเภอหยงหรือไม่ นางไปแล้วจริงๆ คาดว่านางคงดูการแสดงกายกรรมของพวกเขาแล้
ทางตระกูลฝางไม่มีความคิดเห็นใดๆ องค์หญิงใหญ่เร่งไปแล้วหลายครั้ง สุดท้ายฮูหยินโหวกู้ก็ต้องไปตระกูลฝางด้วยตนเองเมื่อถึงตระกูลฝาง พอถามดูแล้วถึงรู้ว่าที่แท้เจ้าสิบเอ็ดได้ไปที่ซูโจวเพื่อเยี่ยมหวังหวู่จากกลุ่มชีซื่อ บอกว่าหวังหวู่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งเขาและฉีฟาง บุตรบุญธรรมของตระกูลฉีก็ไปที่นั่นแล้วนางลู่แสดงความขอโทษ "ที่จริงแล้วเรื่องนี้ควรจะตกลงกันให้เร็วๆ แต่เจ้าเด็กคนนี้ยืนกรานที่จะไปเยี่ยมสหายของเขา ต้องรอกลับมาค่อยให้คำตอบ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ข้าชอบใจคุณหนูเซี่ยมากนะ เจ้าก็รู้ ตั้งแต่ที่ข้าเห็นนางในวันนั้น ข้าตาสว่างเลย อยากให้นางเป็นลูกสะใภ้ของข้าเร็วๆ เลย"นางลู่พูดอย่างจริงใจ และบวกกับการแสดงออกในวันนั้นก็ดูท่าชอบใจมากด้วยจริงๆ ฮูหยินโหวกู้เลยเชื่อที่นางพูด "แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่วันนั้นก็เจอหน้ามาแล้ว ตอนกลับมาไม่ได้ถามว่าเขาถูกใจหรือไม่หรือ หากถูกใจ ก็ตกลงเรื่องแต่งงานให้เร็วๆ ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของนางอีก"ฮูหยินโหวกู้พูดเองเออเองว่า "นอกจากนี้ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ การคลุมถุงชนนี้ ตราบใดที่เขาไม่ขัดแย้งกับเรื่องนี้ เจ้ามาตัดสิน