Share

บทที่ 682

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังเชียงออกมาจากกระทรวงโยธาธิการ และรถม้ารออยู่ด้านนอกแล้ว ก่อนขึ้นรถม้าเขาพูดว่า "ไปที่ปลายถนนฉางเล่อก่อน สองวันก่อนฮูหยินบอกว่าอยากกินเกี๊ยวของเหล่าจาง ไปซื้อของดิบกลับไปปรุงเอง"

"เกรงว่าตอนนี้ไม่ได้เปิดร้านนะ" คนขับบอก

แผงขายเกี๊ยวของเหล่าจางนั้นตั้งขึ้นเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น เมืองหลวงแคว้นซางก็เจริญรุ่งเรือง ส่วนถนนฉางเล่อและถนนเป่ยอันก็เอิกเกริกมากหลังฟ้ามืด

"ใกล้แล้ว พอถึงที่นั่นค่อยรอสักพักก็ได้" หวังเชียงพูด

คนขับรถม้ายิ้ม "นายคนรองรักฮูหยินสองจริงๆ นะ"

หวังเชียงเอาพัดในมือไปตีหัวของคนขับเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นางเป็นสตรีที่ดีได้แต่งงานกับข้า มีลูกๆ ให้ข้า ข้าจะไม่ทำดีกับนางได้อย่างไร เจ้าก็เช่นกัน ให้ปฏิบัติต่อหยานเอ๋อร์ให้ดีๆ ด้วย"

คนขับรถม้ายิ้ม "ข้าน้อยรับทราบขอรับ"

คนขับรถม้าเป็นเด็กที่เกิดจากคนรับใช้ที่บ้าน และหยานเอ๋อร์ถูกซื้อมาตั้งแต่นางยังเด็ก สองปีก่อนได้ตัดสินให้พวกเขาแต่งงานกัน หยานเอ๋อร์ตอนนี้รับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินรองนางหลาน

เมื่อรถม้ามาถึงสุดถนนฉางเล่อ พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มตั้งแผงขายของทีละร้าน เหล่าจางอายุเยอะแล้วเลยทำอะไรก็ช้าๆ หว
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 683

    เกี๊ยวนึ่งถูกส่งมาอย่างร้อนๆ และมีกลิ่นหอม คุณหนูว่านขอบคุณหวังเชียง "ขอบคุณใต้เท้าหวังที่เมตตานะ ครั้งต่อไปมาซื้อใบชาที่ร้านข้า ข้าจะคิดส่วนลดให้นะ"หวังเชียงมองดูนาง "ส่วนลดเท่าไหร่?"คุณหนูว่านกระพริบตาและถามอย่างฉลาดว่า "ใต้เท้าหวังอยากได้ส่วนลดเท่าไหร่ล่ะ"คุณหนูว่านมีรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์โดยเฉพาะเวลาที่นางกระพริบตาพร้อมรอยยิ้มที่เบ่งบานบนริมฝีปากของนาง ราวกับดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานในตอนกลางคืน เมื่อผู้ชายเห็นนางในสภาพแบบนี้ ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน ก็ย่อมรู้สึกหวั่นไหวใจเล็กน้อยแต่หวังเชียงราวกับมองไม่เห็นความงามของนาง และเขาแค่สนใจว่าใบชามีส่วนลดเท่าไร "คุณหนูให้ราคากับใต้เท้าซุนเท่าไรก็ให้ราคานั้นกับข้าด้วยเถอะ"คุณหนูว่านระเบิดเสียงหัวเราะ มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาสวยงาม "ไม่ได้สิ บุญคุณที่ใต้เท้ายอมให้ข้ากินเกี๊ยวก่อน ข้าจะตอบแทนอย่างดี หากเจ้ามาด้วยตนเอง ซื้อหนึ่งตาชั่ง แถมให้ครึ่งตาชั่งเป็นอย่างไรบ้าง?"หวังเชียงพูดอย่างมีความสุข "งั้นตกลงตามนี้นะ""ตกลงตามนี้!" คุณหนูว่านยิ้มให้เขา ราวกับกล้วยไม้ในหุบเขา ทั้งเย็นชาและสวยงามตระการตาแต่หวังเชียงมองไปทางอื่นแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 684

    แน่นอนว่าหวังเชียงจะไม่รู้ว่าคุณหนูว่านคนนั้นมุ่งเป้าที่เขา หากเขาได้ฉลาดเช่นนั้นก็คงไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วยในกระทรวงโยธาธิการแล้วกลับถึงจวน ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวกำลังรอเขาอยู่ เขายื่นเกี๊ยวให้คนใช้ เพื่อให้พวกเขาปรุงอย่างโดยเร็ว ให้ทุกคนได้กินคนละชามอย่างร้อนๆนางจีพูดติดตลกว่า "กลับมาช้าขนาดนี้ ที่แท้ไปซื้อเกี๊ยวเหรอ? เจ้ารองเนี่ย ตอนนี้ในสายตาเจ้ามีแต่ภรรยาเท่านั้นแล้ว ไม่มีแม่อีกแล้ว ทำให้แม่ต้องทนหิวเพื่อรอเจ้ากลับมา"หวังเชียงรีบกล่าวขอโทษ และอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมาว่า "เดิมทีก็เร็วกว่านี้ได้ แต่เหล่าจางทำช้ามาก ต่อมาคุณหนูว่านก็มา โดยบอกว่านางหิวแย่ขอร้องให้ข้ายอมให้พวกนางสองคนกินก่อน ก็เลยกลับมาสายหน่อย""คุณหนูว่าน" นางจีจับใจความสำคัญได้ นางรู้จักน้องคนนี้เป็นอย่างดี และมักจะไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิง ทำไมจู่ๆ มีคุณหนูว่านโผล่มานางถามต่อว่า "คุณหนูว่านคือใครหรือ""คนที่เปิดร้านใบชา ตอนที่ใต้เท้าซุนจัดงานเงี้ยง ก็ให้นางไปส่งใบชา ใต้เท้าซุนแนะนำให้รู้จัก ข้าก็ได้ให้เถี่ยจู่ไปซื้อใบชาที่นั่นด้วย นั่นไง คืออันที่ข้านำกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน"นางหลานตอบว่า "ใบชาพอได้อยู่ แต่ราค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 685

    นกพิราบของร้านอวี๋นยี่บินไปทั่วสถานที่ แลกเปลี่ยนข้อความอย่างต่อเนื่อง หลังจากบินอยู่หลายๆ วัน พวกมันก็มาถึงเมืองหลวงในตอนเย็นสองวันก่อนเทศกาลหันอี้ หลังจากที่พวกหงเซียวได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ลงในจดหมายฉบับเดียวและส่งไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋องในตอนเย็นหงเซียวมอบให้แก่เสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือไม่ได้เปิดซองจดหมาย นางเรียกให้ทุกคนไปที่ห้องอ่านหนังสือโดยตรงและมอบให้กับอาจารย์หยู เพราะเรื่องรชนี้เกี่ยวกับหยูไป๋ งั้นปล่อยให้อาจารย์หยูอ่านก่อนจะดีกว่าหลังจากที่อาจารย์หยูอ่านเสร็จแล้ว เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดออกมา "กล้าดียังไง มันเป็นเรื่องสมรู้ร่วมคิดจริงๆ บุญคุณช่วยชีวิตอะไรกัน ล้วนเป็นแผนการชัดๆ"เซี่ยหลูโม่รับจดหมายมาอ่าน จากนั้นก็พูดคร่าวๆ ว่า "คนที่มาก่อปัญหาคือพวกอันธพาลในท้องถิ่นที่ถูกจ้างไปก่อเรื่อง คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคือเจ้าของจวนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหยง นั่นก็คือองค์หญิงใหญ่ ทุกครั้งที่องค์หญิงใหญ่ไปที่นั่นก็จะพักที่นั่น ซีซีที่เจ้าเคยให้ตรวจสอบว่าก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ในกลุ่มกายกรรม องค์หญิงใหญ่ได้ไปที่อำเภอหยงหรือไม่ นางไปแล้วจริงๆ คาดว่านางคงดูการแสดงกายกรรมของพวกเขาแล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 686

    ทางตระกูลฝางไม่มีความคิดเห็นใดๆ องค์หญิงใหญ่เร่งไปแล้วหลายครั้ง สุดท้ายฮูหยินโหวกู้ก็ต้องไปตระกูลฝางด้วยตนเองเมื่อถึงตระกูลฝาง พอถามดูแล้วถึงรู้ว่าที่แท้เจ้าสิบเอ็ดได้ไปที่ซูโจวเพื่อเยี่ยมหวังหวู่จากกลุ่มชีซื่อ บอกว่าหวังหวู่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งเขาและฉีฟาง บุตรบุญธรรมของตระกูลฉีก็ไปที่นั่นแล้วนางลู่แสดงความขอโทษ "ที่จริงแล้วเรื่องนี้ควรจะตกลงกันให้เร็วๆ แต่เจ้าเด็กคนนี้ยืนกรานที่จะไปเยี่ยมสหายของเขา ต้องรอกลับมาค่อยให้คำตอบ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ข้าชอบใจคุณหนูเซี่ยมากนะ เจ้าก็รู้ ตั้งแต่ที่ข้าเห็นนางในวันนั้น ข้าตาสว่างเลย อยากให้นางเป็นลูกสะใภ้ของข้าเร็วๆ เลย"นางลู่พูดอย่างจริงใจ และบวกกับการแสดงออกในวันนั้นก็ดูท่าชอบใจมากด้วยจริงๆ ฮูหยินโหวกู้เลยเชื่อที่นางพูด "แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่วันนั้นก็เจอหน้ามาแล้ว ตอนกลับมาไม่ได้ถามว่าเขาถูกใจหรือไม่หรือ หากถูกใจ ก็ตกลงเรื่องแต่งงานให้เร็วๆ ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของนางอีก"ฮูหยินโหวกู้พูดเองเออเองว่า "นอกจากนี้ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ การคลุมถุงชนนี้ ตราบใดที่เขาไม่ขัดแย้งกับเรื่องนี้ เจ้ามาตัดสิน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 687

    เห็นแก่เรื่องนี้ เขาก็เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ บุตรชายนามสกุลกู้ ต่อไปจะต้องเป็นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับจวนโหวกู้แน่นอน"ข้าจะกลับไปเตือนพวกเขาสักหน่อย" ฝู้หม่ากู้ตอบองค์หญิงใหญ่ถามว่า "ใกล้เทศกาลหันอี้ ได้เชิญอาจารย์จื้อหยวนหรือยัง?""เชิญแล้ว ครั้งนี้รวมอาจารย์จื้อหยวนด้วย ทั้งหมดมีพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงแปดรูป ข้าจะไปรับพวกเขาด้วยตนเองในตอนเช้าตรู่ของวันที่หนึ่ง"องค์หญิงใหญ่ตอบรับอืม แล้วแสดงน้ำใจเป็นพิเศษ "วันนั้นให้แม่เจ้าก็มาด้วยเถอะ แต่ต้องบอกนางว่าต้องอยู่ทั้งคืน ถ้านางทนความยากลำบากนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมา""ทนได้ ทนได้แน่นอน ท่านเป็นชาวพุทธมาหลายปีแล้วและอยากมาร่วมงานมาโดยตลอด" ฝู้หม่ากู้รีบตอบ พวกฮูหยินที่มาร่วมเทศกาลหันอี้นั้นรวมถึงฮูหยินเสนาบดีมู่ ฮูหยินไทฟู่ คุณนายใหญ่หลี่เป็นต้น ล้วนเป็นคุณนายใหญ่หรือฮูหยินจากตระกูลขุนนาง และสามีหรือลูกหลานของพวกนางต่างดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักนอกจากนี้ พวกนางมีความเมตตากรุณาและใจดีต่อผู้อื่น หากท่านแม่ได้สนิทกับพวกนาง ต่อไปก็มีผลประโยชน์อย่างมากต่อลูกหลานในจวนโหวกู้ในอนาคต และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจวนองค์หญิงอย่างเดียวองค์หญิงใหญ่ไม่คิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 688

    รถม้าออกจากเมือง ซ่งจืออันต้องไปเมืองซุยโจว งานที่นั่นเกิดเรื่องนิดหน่อย แม้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ท่านพ่อกำชับให้เขาไปด้วยตนเองเดิมทีเขาอยู่ซุยโจวมาตลอด แต่เนื่องจากภรรยาตั้งครรภ์ เขาจึงส่งนางกลับไปเมืองหลวงเพื่อรอการคลอดบุตร หลังจากจัดการเรื่องในซุยโจวอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็สามารถฝากเรื่องไว้กับหัวหน้าร้าน ที่เขากลับเมืองหลวงก็วางแผนทำธุรกิจอื่นในเมืองหลวงด้วยเขาเป็นพ่อคนมานานแล้ว แต่งงานเมื่ออายุยี่สิบปี และตอนนี้มีบุตรชายสองคน เขาหวังว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกสาวมีคนน้อยมากในครอบครัวที่รับอนุภรรยา และเขาก็ไม่ได้แต่งอนุภรรยา ความสัมพันธ์ระหว่าเขากับภรรยาก็ใกล้ชิดมาก ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจอยู่ข้างนอกก็มักจะนำนางไปด้วย ปัจจุบันนี้ธุรกิจค่อยๆ กลับมาอยู่เมืองหลวง งั้นพวกเขาสี่คน...ไม่สิ ห้าคนในครอบครัวนี้ก็จะอยู่ในเมืองหลวงเขาไม่ได้ไปเยี่ยมซีซี แต่ได้ไปเจอรุ่ยเอ๋อร์ในสถาบันการศึกษาแล้ว ครูของเขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในสถาบันได้อย่างราบรื่นเหตุผลที่เขาไม่ได้ไปจวนอ๋อง ก็เพราะธุรกิจของเขายังไม่มั่นคงอย่างเป็นทางการ ไท่กงบอกว่าเขาไปควรไปจนกว่าธ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 689

    เขาพยายามดิ้นรน แต่ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อยและอ่อนแอราวกับป่วยหนักประตูถูกผลักให้เปิดออกพร้อมกับเสียง "แค่ก" เขารีบหันศีรษะไปมอง และเห็นใครบางคนเดินอ้อมฉากบังตามานางหวีผมเป็นทรงมวยตกหลังม้า(เป็นลักษณะมวยเอียงคล้ายกับคนกำลังตกลงมาและเป็นมวยแกละคล้ายหลังม้า) ประดับด้วยปิ่นระย้า เสื้อคอเหลี่ยมสีขาวมีแถบสีเขียว และเสื้อคลุมผ้าต่วนลายเมฆ นางดูอายุประมาณสี่สิบปี ยังบำรุงหน้าตาเป็นอย่างดี แต่ใบหน้าของนางดูสง่างามและจริงจัง ค่อนข้างจะมีพลังที่น่าเกรงขามของผู้นำมีคนเดินตามข้างหลังนาง และย้ายเก้าอี้ไปข้างเตียง นางค่อยๆ นั่งลงและสบตากับสายตาที่ตกตระหนกและสงสัยของซ่งจืออันด้วยสายตาที่เย็นชา"เจ้า...เจ้าเป็นใคร?" ซ่งจืออันไม่เคยเห็นองค์หญิงใหญ่มาก่อน แต่รู้ดีว่าตัวตนของนางย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนองค์หญิงใหญ่เห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของเขา และใจของนางก็หดหู่ถึงสุดขีด ราวกับว่าไฟที่จุดไว้ถูกราดด้วยน้ำในทันที ดับลงจนไม่มีประกายไฟเหลืออยู่แม้แต่น้อยหน้าตาคล้ายกัน แต่กิริยาท่าทางและความกล้าหาญต่างกันราวฟ้ากับดิน"เจ้ากลัวข้าเหรอ" องค์หญิงใหญ่ถามช้าๆ โดยไม่ได้ปิดบังความรังเกียจในดวงตาของนา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 690

    เมื่อแม่นมฝางได้ยินว่าให้ขังไว้คุกใต้ดิน นางก็รีบไล่ตามไป "องค์หญิง ท่านเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม?"องค์หญิงใหญ่เพียงรู้สึกหงุดหงิดมาก "ขังไว้ที่คุกใต้ดินไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน""เจ้าค่ะ ท่านอย่าทรงโกรธ เดี๋ยวจะไม่ดีต่อสุขภาพของตนเอง" แม่นมฝางเกลี้ยกล่อม"ไม่มีใครเทียบเขาได้ ถึงเขาจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ แต่ถ้าไม่ใช่เขายังไงก็ไม่ใช่เขา เขาไม่สามารถทำให้ข้ารู้สึกหวั่นไหวใจใดๆ เลย มีใบหน้าเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้ามองดูแล้วก็รู้สึกโกรธด้วย"ดวงตาของนางอายแววความกราดเกรี้ยว สาวเท้าเดินกลับห้อง พอนั่งลงแต่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดมาก "คนใช้ ไปเอาน้ำกับสบู่มา ข้าจะล้างมือ"สาวใช้ต่างๆ เริ่มทำหน้าที่ของตนเอง นางล้างมือที่สัมผัสกับซ่งจืออันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับทุกครั้งที่นางจุดตะเกียง หลังจากร่วมรักกับฝู้หม่าเสร็จ นางก็ต้องแช่ตัวในถังน้ำร้อนถังแล้วถังเล่า เพื่อชำระล้างความสกปรกที่ทำให้น่าเกียจออกไปแม่นมฝางสั่งให้สาวใช้ออกไป มองดูองค์หญิงใหญ่ที่มีทีท่าบ้าคลั่งนั้น ได้แต่ถอนหายใจ "องค์หญิง ที่ท่านรักซ่งฮวยอันเพราะรักหน้าตาของเขาหรือเปล่า เขาตายแล้วก็คือตายแล้ว แม้ว่ามีคนที่หน้าตาเหมือนเป๊ะนั้น

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1606

    ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1605

    ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status