Share

บทที่ 688

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update Last Updated: 2024-07-23 18:00:00
รถม้าออกจากเมือง ซ่งจืออันต้องไปเมืองซุยโจว งานที่นั่นเกิดเรื่องนิดหน่อย แม้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ท่านพ่อกำชับให้เขาไปด้วยตนเอง

เดิมทีเขาอยู่ซุยโจวมาตลอด แต่เนื่องจากภรรยาตั้งครรภ์ เขาจึงส่งนางกลับไปเมืองหลวงเพื่อรอการคลอดบุตร หลังจากจัดการเรื่องในซุยโจวอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็สามารถฝากเรื่องไว้กับหัวหน้าร้าน ที่เขากลับเมืองหลวงก็วางแผนทำธุรกิจอื่นในเมืองหลวงด้วย

เขาเป็นพ่อคนมานานแล้ว แต่งงานเมื่ออายุยี่สิบปี และตอนนี้มีบุตรชายสองคน เขาหวังว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกสาว

มีคนน้อยมากในครอบครัวที่รับอนุภรรยา และเขาก็ไม่ได้แต่งอนุภรรยา ความสัมพันธ์ระหว่าเขากับภรรยาก็ใกล้ชิดมาก ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจอยู่ข้างนอกก็มักจะนำนางไปด้วย ปัจจุบันนี้ธุรกิจค่อยๆ กลับมาอยู่เมืองหลวง งั้นพวกเขาสี่คน...ไม่สิ ห้าคนในครอบครัวนี้ก็จะอยู่ในเมืองหลวง

เขาไม่ได้ไปเยี่ยมซีซี แต่ได้ไปเจอรุ่ยเอ๋อร์ในสถาบันการศึกษาแล้ว ครูของเขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในสถาบันได้อย่างราบรื่น

เหตุผลที่เขาไม่ได้ไปจวนอ๋อง ก็เพราะธุรกิจของเขายังไม่มั่นคงอย่างเป็นทางการ ไท่กงบอกว่าเขาไปควรไปจนกว่าธ
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 689

    เขาพยายามดิ้นรน แต่ไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อยและอ่อนแอราวกับป่วยหนักประตูถูกผลักให้เปิดออกพร้อมกับเสียง "แค่ก" เขารีบหันศีรษะไปมอง และเห็นใครบางคนเดินอ้อมฉากบังตามานางหวีผมเป็นทรงมวยตกหลังม้า(เป็นลักษณะมวยเอียงคล้ายกับคนกำลังตกลงมาและเป็นมวยแกละคล้ายหลังม้า) ประดับด้วยปิ่นระย้า เสื้อคอเหลี่ยมสีขาวมีแถบสีเขียว และเสื้อคลุมผ้าต่วนลายเมฆ นางดูอายุประมาณสี่สิบปี ยังบำรุงหน้าตาเป็นอย่างดี แต่ใบหน้าของนางดูสง่างามและจริงจัง ค่อนข้างจะมีพลังที่น่าเกรงขามของผู้นำมีคนเดินตามข้างหลังนาง และย้ายเก้าอี้ไปข้างเตียง นางค่อยๆ นั่งลงและสบตากับสายตาที่ตกตระหนกและสงสัยของซ่งจืออันด้วยสายตาที่เย็นชา"เจ้า...เจ้าเป็นใคร?" ซ่งจืออันไม่เคยเห็นองค์หญิงใหญ่มาก่อน แต่รู้ดีว่าตัวตนของนางย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนองค์หญิงใหญ่เห็นความตื่นตระหนกในดวงตาของเขา และใจของนางก็หดหู่ถึงสุดขีด ราวกับว่าไฟที่จุดไว้ถูกราดด้วยน้ำในทันที ดับลงจนไม่มีประกายไฟเหลืออยู่แม้แต่น้อยหน้าตาคล้ายกัน แต่กิริยาท่าทางและความกล้าหาญต่างกันราวฟ้ากับดิน"เจ้ากลัวข้าเหรอ" องค์หญิงใหญ่ถามช้าๆ โดยไม่ได้ปิดบังความรังเกียจในดวงตาของนา

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 690

    เมื่อแม่นมฝางได้ยินว่าให้ขังไว้คุกใต้ดิน นางก็รีบไล่ตามไป "องค์หญิง ท่านเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม?"องค์หญิงใหญ่เพียงรู้สึกหงุดหงิดมาก "ขังไว้ที่คุกใต้ดินไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน""เจ้าค่ะ ท่านอย่าทรงโกรธ เดี๋ยวจะไม่ดีต่อสุขภาพของตนเอง" แม่นมฝางเกลี้ยกล่อม"ไม่มีใครเทียบเขาได้ ถึงเขาจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ แต่ถ้าไม่ใช่เขายังไงก็ไม่ใช่เขา เขาไม่สามารถทำให้ข้ารู้สึกหวั่นไหวใจใดๆ เลย มีใบหน้าเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้ามองดูแล้วก็รู้สึกโกรธด้วย"ดวงตาของนางอายแววความกราดเกรี้ยว สาวเท้าเดินกลับห้อง พอนั่งลงแต่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดมาก "คนใช้ ไปเอาน้ำกับสบู่มา ข้าจะล้างมือ"สาวใช้ต่างๆ เริ่มทำหน้าที่ของตนเอง นางล้างมือที่สัมผัสกับซ่งจืออันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหมือนกับทุกครั้งที่นางจุดตะเกียง หลังจากร่วมรักกับฝู้หม่าเสร็จ นางก็ต้องแช่ตัวในถังน้ำร้อนถังแล้วถังเล่า เพื่อชำระล้างความสกปรกที่ทำให้น่าเกียจออกไปแม่นมฝางสั่งให้สาวใช้ออกไป มองดูองค์หญิงใหญ่ที่มีทีท่าบ้าคลั่งนั้น ได้แต่ถอนหายใจ "องค์หญิง ที่ท่านรักซ่งฮวยอันเพราะรักหน้าตาของเขาหรือเปล่า เขาตายแล้วก็คือตายแล้ว แม้ว่ามีคนที่หน้าตาเหมือนเป๊ะนั้น

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 691

    บ้านของซ่งจืออันอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังเก่า เป็นบ้านพักที่มีทางเข้าสองทางและทางออกสองทางและมีลานบ้านด้วยในวันธรรมดา นางหวง ภรรยาของซ่งจืออันจะมาเยี่ยมแม่สามีหลังอาหารเย็นเพื่อมาทำงานเย็บปักถักร้อยกับแม่สามีด้วย ทำเสื้อผ้าให้ทารกในครรภ์ หรือทำของเล่นให้บุตรชายสองคนของนางด้วยแต่คืนนี้ นางไม่ได้มา แม้กระทั่งไม่ได้ยินเสียงเด็กสองคนเล่นด้วยซ้ำ แม่ซ่งรู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย จึงส่งพี่เลี้ยงซือไปตรวจดูสักหน่อย พี่เลี้ยงซือถามดูพอถึงบ้านของนางหวง จากนั้นกานเซียะ สาวใช้ข้างกายของนางหวงพูดด้วยความประหลาดใจว่า "ฮูหยินน้อยได้ไปทำงานปักที่เรือนฮูหยินแล้วมิใช่หรือ ออกไปตั้งครึ่งชั่วยามแล้ว และพานายน้อยสองคนไปด้วย"พี่เลี้ยงซือแปลกใจ "ไม่เห็นเลย เพราะฮูหยินไม่ได้เจอฮูหยินน้อย เลยสั่งข้ามาถามดู"กานเซียะกล่าวว่า "เป็นไปได้ยังไง ได้ไปแล้วจริงๆ หลังมื้อเย็นได้กลับมาดื่มยาป้องกันทารกในครรภ์เสร็จก็ออกไปแล้ว""นางบอกว่าไปเรือนฮูหยินหรือ?""ใช่ หว่านเซียะก็ได้ตามนางไปด้วยนี่ ก่อนที่ฮูหยินน้อยจะออกไปยังสั่งให้ข้าน้อยทำความสะอาดระเบียง ข้าน้อยจึงไม่ตามนางไปด้วย"พี่เลี้ยงซือบอกว่า "ไม่เห็นเลย หรือว่าได้แวะ

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 692

    เซี่ยหลูโม่เห็นอาจารย์หยูถือกระดาษใบหนึ่งอยู่ในมือ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ที่อยู่ของแม่ลูกสามคนนั้นลุงฟูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทำไมไม่ส่งคนเยอะๆ ไปตามหาล่ะ? ดึกขนาดนี้ ต้องหาคนให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นหากเกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็สายแล้วเขามองไปที่คุณหนู ซ่งซีซียังคงเงียบ เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ลุงฟู ทำตามที่อาจารย์หยูบอก นำคนไปตามหาก็พอ ส่วนทางด้านตระกูลซ่งเจ้าไม่ต้องพูดอะไรมาก แค่บอกว่าทางจวนอ๋องจะส่งคนไปตามหา หากพรุ่งนี้ยังหาไม่เจอก็ให้เขาไปแจ้งความที่สำนักเขตจิงจ้าว"ขนาดท่านเขยก็พูดเช่นนั้นแล้ว ลุงฟูตอบว่า "ขอรับ จะทำตามที่ท่านอ๋องสั่งขอรับ"ทันทีที่ลุงฟูจากไป เสิ่นว่านจือก็วิ่งเข้ามา นางเพิ่งอาบน้ำเสร็จในห้อง และได้ยินคนในจวนบอกว่าลุงฟูจากจวนเสนาบดีกั๋วกงมาหา กลัวว่าได้เกิดอะไรขึ้นจึงวิ่งมา"เกิดอะไรขึ้น?" ผมของเสิ่นว่านจือยังไม่แห้งเลย แค่มัดด้วยปิ่นปักผมชิ้นหนึ่งอาจารย์หยูจับกระดาษในมือและให้กุ้นเอ๋อร์นำคนไปเฝ้าข้างนอก "ข้อความจากสายลับที่เราแอบจัดอยู่ในจวนองค์หญิงใหญ่ โดยบอกว่าคืนนี้ตู้ฉิน หัวหน้าองครักษ์ขององค์หญิงใหญ่พาลูกน้องออกไปสองสามคน ไม่นานเขาก็กลับมาจากประตูด้านข้างและอุ้ม

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 693

    เสิ่นว่านจือถามว่า "มีแผนที่ของจวนองค์หญิงใหญ่หรือไม่ คุกใต้ดินอยู่ที่ไหน?"เซี่ยหลูโม่ตอบ "จะต้องมีแผนที่อยู่แล้ว จะลงมือในคืนพรุ่งนี้ จะไม่มีแผนที่ได้อย่างไร"จู่ๆ เสิ่นว่านจือก็รู้สึกหงุดหงิดมาก นางกับพวกของหงเซียวเป็นกลุ่มที่สืบข่าวกรองเหล่านี้ แต่กลับไม่ได้ข่าวใหญ่ใดๆ "พวกเจ้าแอบจัดคนให้เข้าไปได้อย่างไร ขนาดมีสายลับที่จวนองค์หญิงใหญ่อย่างเงียบๆ ได้ยังไง? นี่เป็นสถานที่ที่จัดคนเข้าไปได้ยากที่สุดแล้วมั้ง? อีกอย่างทำงานสำคัญด้วย ทำไมจัดอย่างง่ายดาย อีกอย่างมีมากกว่าหนึ่งคนด้วย"อาจารย์หยูไม่อยากพูดถึงเรื่องทำความสะอาดโถชักโครกด้วย เลยเปลี่ยนเรื่องเข้าประเด็นว่า "แผนเบื้องต้นคือให้ท่านอ๋องแอบเข้าไป แต่ในเวลานี้ ไม่สามารถจะฝากข้อความไว้ได้ในสถานที่ที่กำหนดให้พวกเขาเห็นเพราะฉะนั้นพวกเขาจะช่วยอะไรไม่ได้ ต้องพึ่งพาท่านอ๋องแอบเข้าไปด้วยตนเอง ดีที่เรารู้จักการจัดระบบความปลดภัยและแผนลาดตระเวนของจวนองค์หญิง แอบเข้าไปตอนยามไฮ่จะดีที่สุด บัดนี้ก็ใกล้จะยามจือแล้ว พลาดเวลาที่ดีที่สุดไปแล้ว"เซี่ยหลูโม่กล่าวว่า "ข้าต้องออกเดินทางทันที เปลี่ยนชุดกลางคืนก่อน"เขาหันไปมองซ่งซีซี แล้วพูดอย่าปลอบใ

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 694

    ซ่งซีซีไม่ตอบนาง "พรุ่งนี้ ข้ากับท่านอ๋องจะออกจากเมือง ช่วยทาสีเล็บให้ข้าที จะได้ไม่ต้องตื่นเช้าในวันพรุ่งนี้""คุณหนู พรุ่งนี้จะไปไหนเหรอ? จะพาข้าน้อยไปด้วยไหม?" เป่าจูถามอย่างมีความสุข"ไม่พาเจ้าไปด้วย" ซ่งซีซีจ้องมองนางอย่างแกล้งๆ "เอาแต่คิดไปเที่ยว"จิ้งซินยังคงมองไปรอบๆ มันแปลกจัง เมื่อกี้ท่านอ๋องและพระชายาได้เข้าไปในห้องด้วยกันชัดๆ ทำไมมีแต่พระชายา แล้วท่านอ๋องล่ะเขาไม่ได้ออกไปทางประตูอย่างแน่นอน ประตูถูกล็อคตลอดเวลา เป็นไปได้ไหมที่เขากระโดดออกไปนอกหน้าต่าง? ทำไมลึกลับจัง?เมื่อนำสีทาเล็บออกมา ทั้งสองคนกำลังจะทำเล็บให้ซ่งซีซีอยู่ กลับได้ยินเสียงของเสิ่นว่านจือดังขึ้น "ซีซี ทำไมต่างหูไข่มุกตงจูที่เจ้าให้ข้าถึงหายไป? อยู่กับเจ้าหรือเปล่า?"เสิ่นว่านจือกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ "ช่วยดูให้หน่อยสิว่ามันอยู่ที่นี่หรือเปล่า"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "เจ้าไม่เคยถอดต่างหูในเรือนของข้าเลย ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? เป็นเพราะเจ้าถอดมันออกแล้ววางไว้ที่ไหนสักแห่งแล้วลืมมันไปหรือเปล่า? ได้เช็คดูอย่างละเอียดแล้วหรือยัง?"เสิ่นว่านจือเปิดกล่งเก็บของและกล่องเก็บเครื่องประ

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 695

    การค้นหาครั้งใหญ่เช่นนี้ต้องกวนสนมฮุ่ยไทเฟยเข้าแน่ๆไทเฟยเข้านอนตั้งนานแล้ว และกำลังหลับสนิทอยู่ก็ได้ยินเสียงโวยวายจากข้างนอก จึงถามแม่นมเกาซึ่งนอนห้องเดียวกันให้ออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้ยินว่ามีคนรับใช้ในจวนขโมยของและขโมยต่างหูไข่มุกตงจูของเสิ่นว่านจือไป นางก็โกรธเล็กน้อย "ค่าแรงและสวัสดิการของจวนอ๋องดีกว่าจวนอื่นๆ ตั้งเยอะ ยังมีคนที่ไม่รู้จักพออีก หากได้จับตัวได้ก็ต้องให้หักมือทิ้งเลย""พระชายามาแล้ว" คนนอกเข้ามารายงานในคืนที่หนาวเย็น สนมฮุ่ยไทเฟยไม่ยอมลุกจากผ้าห่มที่อุ่นๆ และพูดว่า "นางไม่ได้ดูแลสถานการณ์โดยรวมภายนอก มาทำอะไรที่นี่ที่นี่ ข้าก็เข้านอนแล้ว""เสด็จแม่" ซ่งซีซีสาวเท้าเข้ามา นางมาที่นี่ด้วยตนเอง ต่างหูตงจู่จะถูกพบได้จากเตียงของจิ้งซินเท่านั้นในคืนนี้ และจิ้งซินเคยเป็นคนของไทเฟย ดังนั้นนางจึงมาเฝ้าที่นี่ก่อน เมื่อถูกค้นพบแล้วค่อยหารือกับนางว่าต้องจัดการอย่างไร"เจ้ามาที่นี่ทำไม กลางคืนหนาวจัดเช่นนี้ ไม่รู้ใส่เสื้อให้เยอะๆ หน่อยหรือไง" ใบหน้าที่ไม่พอใจของสนมฮุ่ยไทเฟยเปลี่ยนเป็นดีอกดีใจขึ้นมาทันทีหลังจากเห็นซ่งซีซี "มานั่งนี่สิ"ซ่งซีซีไหว้ให้นาง นางรู้ดีว่าเส

    Last Updated : 2024-07-23
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 696

    ไม่นานหลังจากนั้น จิ้งซินก็ถูกพาเข้ามา ใบหน้าของนางซีดเผือด แม่นมเหลียงนำกล่องไม้ที่พบจากใต้เตียงของนางขึ้นมา และเทสิ่งของทั้งหมดลงในกล่องบนโต๊ะนอกจากต่างหูไข่มุกตงจูแล้ว ยังมีเครื่องประดับอื่นๆ อีกมากมาย แค่ดูก็รู้แล้วว่ามันมีราคาไม่น้อยเลย นอกจากนี้ ยังมีตัวเงินหลายใบอยู่ใต้กล่องไม้อีกด้วย เมื่อเปิดมันออก ล้วนเป็นตัวเงินหนึ่งร้อยตำลึง และยังมีทองคำสองแท่ง แท่งเงินห้าแท่ง เศษเงินอีกมากมายสนมฮุ่ยไทเฟยเบิกตากว้าง นางได้ลุกขึ้นหลังจากสาวใช้ไปชงชาให้แล้ว ตอนนี้เมื่อมองดูสิ่งของบนโต๊ะ นางหยิบปิ่นปักผมทองชิ้นใดชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู ปิ่นปักผมนั้นมีอัญมณีฝังอยู่ ผลิตภัณฑ์นี้สนมฮุ่ยไทเฟยคุ้มเคยมาก ล้วนเป็นสิ้นค้าจากร้านจิน ของที่เลียนแบบจากร้านจินจิงจากนั้นก็หยิบกำไลขึ้นมาอีกอันหนึ่งแล้วมองดู ฝีมืองานก็คล้ายกันเครื่องประดับดังกล่าวมีสิบกว่าชิ้น รวมถึงตัวเงิน แท่งทองคำ และแท่งเงินพวกนั้น พอคำนวณคร่าวๆ จะรวมกันได้เงินหลายพันตำลึงทีแรกสนมฮุ่ยไทเฟยคิดว่านางขโมยของไป แต่คนในจวนอ๋องมีใครบ้างที่จะใช้เครื่องประดับจากร้านจินล่ะ? แม้ว่าเครื่องประดับของนางในก่อนหน้านี้ก็เอาไปขายหมดแล้ว หลังจากวาดเส

    Last Updated : 2024-07-23

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1384

    กู้ชิงหวู่กำหมัดแน่น ดวงตาเปล่งประกายแห่งความโกรธ "ดังนั้นข้าถึงบอกว่า สวรรค์ไม่ยุติธรรม ไยต้องเป็นเช่นนี้?" "เจ้าพูดเอง ด้วยชาติกำเนิดที่ดีของข้า รวมถึงสตรีหน้าเหลืองที่เจ้ากล่าวถึง นางก็เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์" ซ่งซีซีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เต็มไปด้วยท่าทีเหนือกว่า กู้ชิงหวู่เกลียดชังท่าทางเช่นนี้ที่สุด มันเหมือนกับอดีตองค์หญิงใหญ่ที่อยู่บนหอคอยสูง ในขณะที่ตนต้องก้มต่ำอยู่ในโคลนตม นางโกรธจัด หน้าอกสะท้อนขึ้นลง "ถึงจะเป็นสตรีผู้สูงศักดิ์แล้วอย่างไร? ก็ยังถูกสามีรังเกียจอยู่ดีมิใช่หรือ?" "หวังเบียวหรือ? นางไม่เคยใส่ใจเขาเลย มีแต่เจ้าที่มองเขาเหมือนสมบัติ" ซ่งซีซีตอบอย่างไม่ใส่ใจ "สำหรับข้า เขาก็ไม่ใช่สมบัติอะไร แค่ขยะชิ้นหนึ่ง" กู้ชิงหวู่ตอบด้วยแววตาดุดัน ซ่งซีซีหัวเราะเยาะ "ข้ารู้ว่าไม่ใช่เช่นนั้น เจ้าถึงกับให้กำเนิดบุตรให้เขา ทั้งที่รู้ว่าการหนีจากสนามรบเป็นความผิดร้ายแรง เจ้ากลับไม่สนใจและหนีตามเขาไป ข้าเคยเจอคนปากไม่ตรงกับใจเช่นเจ้ามานักต่อนัก" "ไร้สาระ!" กู้ชิงหวู่ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ใบหน้าแดงก่ำ แต่ไม่นานก็หัวเราะเยาะ "ฮะ คิดจะหลอกข้าหรือ? ใช่ ข้ารักเขาจนถ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1383

    สถานที่อันเป็นมงคลนี้ถูกเลือกโดยสำนักโหรหลวง เป็นสถานที่ที่งดงามด้วยภูเขาและสายน้ำ มีหมู่บ้านอยู่ใกล้ๆ สองแห่ง แม้จะเรียกว่าด้านข้างพระราชสุสาน แต่ความจริงแล้วห่างจากพระราชสุสานถึงสามสิบลี้ หลังจากงานศพ กู้ชิงหยิงมาพบซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเพื่อกล่าวลา บอกว่าจะไปสร้างกระท่อมเล็กๆ อยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงเพื่อเฝ้าสุสานของบิดาบุญธรรม เสิ่นว่านจือถามว่านางต้องการความช่วยเหลือเรื่องเงินหรือไม่ นางตอบว่าไม่จำเป็น เพราะนางจะขายเครื่องประดับที่เคยซื้อไว้ ก็เพียงพอจะกลายเป็นคนมีฐานะเล็กๆ ได้ วันที่นางจากไปพอดีกับวันที่เจ้าสิบเอ็ดฝางคุมตัวอ๋องเยี่ยนและคนอื่นๆ กลับเมืองหลวง นางยืนอยู่ที่ประตูเมือง มองเข้าไปในรถนักโทษที่มีอ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวย ความเกลียดชังพลันผุดขึ้นในใจ แต่เมื่อเห็นชาวบ้านต่างด่าทอและโยนใบไม้เน่าใส่พวกเขา นางก็รู้สึกคลายความโกรธ เพราะคิดว่าคนชั่วได้กรรมของตนเองแล้ว สำหรับนาง นับจากนี้ก็เป็นอิสระแล้ว ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาผูกมัดนางได้อีก ในการคุมตัวครั้งนี้ ยังมีข้าราชการของหนิงโจวและชิวเหมิงถูกนำตัวกลับมาด้วย สิ่งที่ทำให้ซ่งซีซีประหลาดใจคือ นางยังเห็นกู้ชิงหวู่ด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1382

    ใช้เวลาห้าวันกว่าจะกวาดล้างเศษซากกบฏได้หมดสิ้น เจ้าสิบเอ็ดฝางและมู่ฉงกุยส่งข่าวชัยชนะมาว่าได้จับชิวเหมิงกบฏตัวสำคัญเป็นเชลย พร้อมนำตัวอ๋องเยี่ยน อ๋องหวย และอู๋เซียงผู้ทรยศกลับมายังเมืองหลวง ซึ่งอีกไม่นานจะมาถึง ยกเว้นเพียงหวังเบียวที่ยังคงหลบหนี นอกนั้นกบฏส่วนใหญ่ล้วนถูกจับกุมได้หมดแล้ว วันที่ 25 เดือนเจ็ด สำนักราชวังจัดพิธีศพให้ท่านอ๋องฮุย เพราะเหตุการณ์กบฏของเซี่ยทิงเหยียน พิธีศพจึงจัดอย่างเรียบง่าย และจักรพรรดิ์ซูชิงทรงเรียกขุนนางมาหารือว่าท่านอ๋องฮุยควรได้ฝังในสุสานอ๋องหรือไม่ แม้ว่าท่านอ๋องฮุยจะบริสุทธิ์ แต่ความผิดของเซี่ยทิงเหยียนเป็นโทษที่เกี่ยวพันถึงทั้งตระกูล ซ่งซีซีไม่ได้รับการเรียกตัวให้เข้าร่วมพิธี นางจึงพาผู้คนจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาร่วมงานศพของอ๋องฮุย พิธีศพจัดอย่างเรียบง่าย ไม่มีขุนนางมาร่วมงาน นอกจากจักรพรรดิ์จะทรงอนุญาตให้อ๋องฮุยฝังในสุสานอ๋อง มิฉะนั้นจะไม่มีใครกล้าเข้าร่วม กู้ชิงหยิงสวมชุดไว้ทุกข์คุกเข่าเผากระดาษหน้าโลงศพ ศพของอ๋องฮุยถูกบรรจุในโลงแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดฝา เมื่อซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมาถึง ยังสามารถไปดูหน้าศพครั้งสุดท้ายได้ มีโลงศพสา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1381

    เมื่อได้ยินว่าอ๋องฮุยปลิดชีพตนเอง เซี่ยทิงเหยียนถึงกับอึ้งไป ก่อนจะร้องไห้เสียงดังว่า “เสด็จพ่อ ทำไมต้องกลัวโทษจนถึงกับฆ่าตัวตาย? ลูกสัญญาไว้ว่าจะรับโทษแทนท่านแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ กู้ชิงหยิงที่ไม่ได้หวังจะมีชีวิตรอดอยู่แล้วก็พุ่งเข้าไปชกหัวเขาอย่างแรง หมัดของกู้ชิงหยิงใหญ่โตนัก ฟาดเข้าที่กระหม่อมของเซี่ยทิงเหยียนจนเขารู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า หูอื้ออยู่นานก่อนจะเงยหน้ามองนางด้วยสายตาเย็นเยียบดุจอสรพิษ กู้ชิงหยิงถ่มน้ำลายใส่เขาแล้วกล่าวว่า “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน เจ้าใช้อำนาจข่มขู่ชีวิตชาวเมืองหนิงโจวและคนเก่าของวังให้ท่านอ๋องต้องรับผิดแทนเจ้า ท่านอ๋องไม่เคยมีจิตคิดกบฏ แม้แต่ตอนที่ถูกเจ้าจับตาอย่างใกล้ชิด ท่านยังพยายามส่งข่าวให้ใต้เท้าซ่ง เจ้าจงหยุดทำลายชื่อเสียงของท่านอ๋องหลังจากตายเถิด” นางพูดจบก็รีบคุกเข่าลง น้ำตาไหลอาบหน้า “ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดพิจารณา ท่านอ๋องไม่ได้ก่อกบฏ แต่เป็นเซี่ยทิงเหยียนที่พูดเองว่า หากเขาสำเร็จ ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี แต่หากล้มเหลว ลูกน้องของเขาจะสังหารชาวเมืองหนิงโจว เขาข่มขู่ท่านอ๋องเช่นนี้มาตลอด คนเก่าของวังที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องถูกเขาฆ่าจนแทบไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1380

    จักรพรรดิ์ซูชิงมองลงมาจากที่สูง ดวงตาเต็มไปด้วยความชิงชัง “อย่างนั้นหรือ? แม้เจ้าจะยอมรับโทษแทนบิดา แต่ข้าไม่อาจกล่าวโทษผู้บริสุทธิ์โดยไร้เหตุผลได้ ใครกันที่เป็นกบฏวางแผนชิงบัลลังก์ ข้าจะสืบสวนให้กระจ่างเอง” “ฝ่าบาท” เซี่ยทิงเหยียนน้ำตาคลอ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง “ไม่ต้องสืบสวนแล้ว ขอพระองค์ทรงตัดสินโทษกระหม่อมเถิด เสด็จพ่อเพียงหลงผิดชั่วขณะ” จักรพรรดิ์ซูชิงหัวเราะเยาะ “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก เหตุใดถึงไร้เกียรติเช่นนี้? ไหนล่ะความตระหนักของผู้แพ้ในสงคราม เจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะเป็นยอดคนผู้ห้าวหาญ ผู้เช่นเจ้ากล้าหมายปองบัลลังก์ คิดจะเป็นประมุขของแผ่นดินหรือ? เซี่ยทิงเหยียน อย่าให้ผู้ติดตามเจ้าเขาต้องผิดหวังนัก” “กระหม่อมยินดีรับโทษแทนเสด็จพ่อ! ขอพระองค์โปรดเมตตาไว้ชีวิตเสด็จพ่อด้วย” เซี่ยทิงเหยียนไม่สนว่าจักรพรรดิ์ซูชิงจะตรัสสิ่งใด เขาก็ยังคงกล่าวแต่คำนี้ด้วยความปวดร้าวและความกตัญญู ขุนนางที่อยู่ในที่นั้นย่อมไม่เชื่อ ต่างตำหนิเขาด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงความทะเยอทะยานราวหมาป่า แต่หากคนใดหน้าหนาเพียงพอ ย่อมไม่สะทกสะท้านต่อคำด่าว่า เขายังคงแสดงสีหน้าเจ็บปวดและกล่าวว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1379

    ภายใต้การบัญชาของสือหงเซิน กองกำลังทหารส่วนตัวเหล่านี้ไม่เพียงไม่ล่าถอย แต่กลับต่อสู้อย่างดุดันยิ่งขึ้น พวกเขาไม่ใช่ทหารส่วนตัวของอ๋องเยี่ยน จำนวนกว่า 10,000 คน ล้วนเป็นผู้ที่เซี่ยทิงเหยียนคัดเลือกอย่างพิถีพิถันตลอดหลายปี และผ่านการฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน ในหมู่พวกเขา หลายคนมีชีวิตที่ขมขื่น และความเกลียดชังต่อโลกนี้ พวกเขาหวังว่าจะพลิกชะตาชีวิตของตนเองด้วยสงครามครั้งนี้ ดังนั้นตราบใดที่ยังมีผู้บัญชาการอยู่ข้างหน้า พวกเขาก็ไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ กองทัพซวนเจียสามารถเอาชนะพวกเขาได้ แต่ชัยชนะนี้จะไม่ได้มาอย่างง่ายๆ และรวดเร็ว ซ่งซีซีรู้ว่าหากพวกเขาไม่ยอมจำนน จำนวนผู้เสียชีวิตจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น นางจึงเลือกกำลังพลที่ดีที่สุดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงกลุ่มย่อยเหม่ยซานของพวกเขา วางแผนจะตัดศีรษะของสือหงเซินท่ามกลางกองทัพกบฏ เมื่อทัพไร้แม่ทัพ การสงครามย่อมสงบได้เร็วขึ้น ซ่งซีซีวางแผนให้หมั่นโถวและกุ้นเอ๋อร์เข้าไปทำลายรูปขบวนของพวกเขาก่อน จากนั้นนางและเสิ่นว่านจือจะบุกเข้าไปตัดศีรษะแล้วรีบถอยออกมา นี่คือการตัดหัวแม่ทัพศัตรูท่ามกลางกองทัพนับพันอย่างแท้จริง เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เพราะเหล่าก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1378

    เซี่ยทิงเหยียนควบม้าออกไป และเห็นชิวเหมิงอยู่ไกลๆ เขาจึงวางใจจริงๆ เขารู้ดีว่าชิวเหมิงพร้อมจะแลกทุกสิ่ง ชายคนหนึ่ง หากทุ่มเทอย่างเต็มที่และไม่กลัวตาย ย่อมสามารถสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ได้ นี่คือสงครามที่เขาเฝ้าฝันถึง การต่อสู้เพื่ออุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ของตนเอง ความเยือกเย็นและสงบนิ่งที่เคยมีถูกแทนที่ด้วยเลือดร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง ความปรารถนาที่จะครอบครองแผ่นดินมอบพลังและความเชื่อมั่นแก่เขา เขาเชื่อมั่นว่าความทะเยอทะยานคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้ แต่เขาไม่รู้เลยว่า ความทะเยอทะยานไม่เคยเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักและความเกลียดชัง รวมถึงความยุติธรรมและความสามัคคี มันคือความรักชาติของซ่งซีซี ผู้บัญชาการแห่งกองทัพซวนเจีย! มันคือความเกลียดชังจากการล้างโคตรตระกูลของซ่งซีซี! และยิ่งไปกว่านั้นคือการรวมพลังกันของทหารและชาวยุทธภพ เพื่อขับไล่กบฏและปกป้องความยุติธรรมของประชาชน เซี่ยทิงเหยียนสังเกตเห็นความผิดปกติในทันที ทหารที่ชิวเหมิงนำมา ต่างถอดเครื่องแบบออกพร้อมกัน เผยให้เห็นเสื้อผ้าธรรมดาที่สวมอยู่ด้านใน ซึ่งปักอักษร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1377

    ภายในจวนอ๋องฮุย สายฝนพรำๆ ไหลหยดจากชายคา บรรยากาศทั้งจวนชื้นแฉะไปหมด ท่านอ๋องฮุยยืนอยู่ใต้ระเบียง ฟังเหมือนจะได้ยินเสียงการต่อสู้ แต่บางทีอาจเป็นเพียงเสียงฝน เขายืนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ลุงสิบสามพักอยู่ที่นี่ เขาขาทั้งสองข้างหักและจะไม่มีวันยืนได้อีก นอกจากขาที่บาดเจ็บแล้ว บนใบหน้าของเขาก็มีรอยกระดูกหัก ความเจ็บปวดทรมานเขาไม่หยุดหย่อน บาดแผลที่กระดูก ความเจ็บปวดที่แทงลึกถึงใจ ท่านอ๋องฮุยไม่ค่อยมาเยี่ยมบ่อยนัก เพราะทุกครั้งที่มา ลุงสิบสามจะต้องทำเหมือนไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย นั่นทำให้เขารู้สึกทรมานใจยิ่งกว่า กู้ชิงหยิงอยู่ด้านใน ช่วยเช็ดหน้า นวดมือและหลังให้เขา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับจากการนอนนานเกินไป เมื่อเห็นท่านอ๋องฮุยเข้ามา นางจึงยกน้ำออกไปพร้อมถามว่า “ข้ากำลังจะป้อนโจ๊ก ท่านกินหรือยัง?” “ยังไม่ได้กิน เอามาเพิ่มอีกชาม ข้าจะกินเป็นเพื่อนเขา” ท่านอ๋องฮุยลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง ลุงสิบสามยิ้มให้เขา ริมฝีปากที่แตกยังไม่หายดีและยังบวมอยู่ การยิ้มเช่นนี้ทำให้เกรงว่าจะฉีกจนเลือดออกอีกครั้ง “อย่ายิ้ม” ท่านอ๋องฮุยตบไหล่เขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1376

    ทุกคนหันมาคิดถึงสถานการณ์ของท่านอ๋องฮุย แม้แต่การส่งจดหมายยังต้องทำอย่างวกวนและซับซ้อน ชัดเจนว่าสถานการณ์ของเขานั้นลำบากอย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ที่เสิ่นว่านจือและพรรคพวกไปพักที่นั่น พวกเขาแทบไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ กระทั่งใกล้จะจากไปจึงพบว่าลุงกวนมีท่าทีไม่ชอบมาพากล “ท่านอ๋องฮุยทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการตัดญาติขาดมิตรเพื่อความถูกต้องแล้ว” อาจารย์หยูพูดด้วยความเคารพ ในฐานะลูกหลานตระกูลเซี่ย เขาคงไม่ต้องการเห็นศึกกบฏชิงบัลลังก์นี้ โดยเฉพาะผู้ก่อกบฏนั้นคือบุตรชายของเขาเอง ดังนั้น ท่านอ๋องฮุยน่าจะกำลังเจ็บปวดอย่างที่สุด จากการสืบสวนก่อนหน้านี้ที่ทราบเบื้องลึกบางส่วน อาจารย์หยูกล่าวด้วยความสะเทือนใจ “เซี่ยทิงเหยียนใช้ชื่อของเขาเป็นเครื่องมือในการก่อกบฏและช่วงชิงบัลลังก์ ทำให้เขาต้องทนแบกรับความเสื่อมเสียเช่นนี้ในบั้นปลายชีวิต” ในเมื่อเป็นพ่อกับลูก แม้เขาจะถูกผลักดันขึ้นสู่บัลลังก์ก็ตาม คนทั้งแผ่นดินย่อมไม่เชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ชนชั้นขุนนางและสามัญชนต่างก็ประณามเขาทั้งคำพูดและลายลักษณ์อักษร กองกำลังหลักของศัตรูก็ต้องมุ่งเป้าหมายมาที่เขา ทุกคนค่อยๆ สงบอารมณ์และกลับมามีสต

DMCA.com Protection Status