Share

บทที่ 680

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
องค์หญิงใหญ่สะบัดมือให้เขาออกไป คิดว่านางไม่เห็นความรังเกียจในดวงตาของเขาเหรอ? ยิ่งเขารังเกียจมากเท่าไร นางก็ยิ่งต้องการให้เขาจำไว้ว่าเขาและ ทางจวนโหวกู้ล้วนเป็นทาสของนางตลอดกาล

หลังจากที่ฝู้หม่ากู้จากไป นางก็เรียกแม่นมฝางเข้ามา "คืนนี้ฝู้หม่าจะมา จุดตะเกียงให้เร็วหน่อย จุดธูปด้วย และอย่าลืมให้ฝู้หม่าดื่มสมุนไพรคุมกำเนิดก่อนเข้าห้อง"

แม่นมฝางตอบว่า "เจ้าค่ะ ข้า"น้อยรับทราบเจ้าค่ะ"

องค์หญิงใหญ่หลับตาลงและ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม่นมฝางไม่ถอยออกไป หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็พูดว่า "องค์หญิง ท่านไม่เคยชอบเข้าใกล้ชิดฝู้หม่าเลย ทำไมท่านจึงต้องบังคับตัวเองด้วยล่ะ"

องค์หญิงใหญ่ไม่ลืมตาและถอนหายใจจนแทบไม่ได้ยิน "จู่ๆ ข้าก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมา"

"ฝู้หม่าคือฝู้หม่า และบุคคลนั้นคือคนนั้น ทุกครั้งที่ท่านร่วมรักกับฝู้หม่า ท่านก็ไม่มีความสุขนะ" แม่นมฝางเป็นพี่เลี้ยงเด็กของนาง มีสถานะสูงในจวน และคำบางคำก็มีแต่นางเท่านั้นที่กล้าพูด

องค์หญิงใหญ่ลืมตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย "เจ้าคิดว่าข้าควรเลี้ยงเด็กไว้เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขไงั้นหรือ?"

"ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าน้อยแค่ห่วงใยท่าน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Korakot Bumrungsawat
นิยายสนุกมากทุกเรื่องเลยค่ะ แต่มีบางเรื่องที่ไปต่อไม่ได้ เสียดายมากกกด ...️
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 681

    องค์หญิงใหญ่มองแม่นมด้วยรอยยิ้มจางๆ "เจ้ารีบร้อนอะไรกัน ยังไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่สอบสวนมาให้ชัดเจนแล่วว่าเขาจะออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองซุยโจวในวันที่สามสิบ กันยายน ทั้งหมดมีสามคน รวมทั้งคนขับรถม้าและเด็กใช้คนหนึ่ง จะนำพวกเขาทั้งหมดกลับไปที่จวนองค์หญิง และกักขังพวกเขาไว้ในคุกใต้ดินก่อน ใครจะรู้ว่าพวกเขาหายตัวไป พอรอเทศกาลหันอี้ผ่านไป ข้าค่อยลงมือก็ไม่สาย"แม่นมฝางรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนี้ "องค์หญิง ซ่งฮวยอันปฏิบัติต่อท่านอย่างไร้หัวใจ้เช่นนี้ ที่ท่านอยากมีทายาททำไมต้องตามหาคนของตระกูลซ่งด้วยล่ะ แม้ว่าฝู้หม่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ถึงยังไงเขาเป็นราชบุตรเขยที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านนี่นะ"องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าปากขมขื่น ความขมขื่นนี้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางกำหมัดแน่นเพื่อประคองขมับและหลับตาลง คำพูดของนางแทบจะพูดกัดฟันกรอด "เขาโหดเหี้ยมและใจร้าย ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้ากลับไม่ยอมให้เขาสมปรารถนา ข้าอยากให้กำเนิดบุตรชายของตระกูลซ่ง เพื่อที่วิญญาณของเขาจะไม่สงบสุข"แม่นมฝางถอนหายใจ "ท่านนี่แค่โกรธและหาเรื่องกับคนตาย มิใช่ต้องการมีบุตรชายจริงๆ ถ้าท่านอยากได้ก็ทำไปนานแล้ว ทำไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 682

    เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังเชียงออกมาจากกระทรวงโยธาธิการ และรถม้ารออยู่ด้านนอกแล้ว ก่อนขึ้นรถม้าเขาพูดว่า "ไปที่ปลายถนนฉางเล่อก่อน สองวันก่อนฮูหยินบอกว่าอยากกินเกี๊ยวของเหล่าจาง ไปซื้อของดิบกลับไปปรุงเอง""เกรงว่าตอนนี้ไม่ได้เปิดร้านนะ" คนขับบอกแผงขายเกี๊ยวของเหล่าจางนั้นตั้งขึ้นเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น เมืองหลวงแคว้นซางก็เจริญรุ่งเรือง ส่วนถนนฉางเล่อและถนนเป่ยอันก็เอิกเกริกมากหลังฟ้ามืด"ใกล้แล้ว พอถึงที่นั่นค่อยรอสักพักก็ได้" หวังเชียงพูดคนขับรถม้ายิ้ม "นายคนรองรักฮูหยินสองจริงๆ นะ"หวังเชียงเอาพัดในมือไปตีหัวของคนขับเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นางเป็นสตรีที่ดีได้แต่งงานกับข้า มีลูกๆ ให้ข้า ข้าจะไม่ทำดีกับนางได้อย่างไร เจ้าก็เช่นกัน ให้ปฏิบัติต่อหยานเอ๋อร์ให้ดีๆ ด้วย"คนขับรถม้ายิ้ม "ข้าน้อยรับทราบขอรับ"คนขับรถม้าเป็นเด็กที่เกิดจากคนรับใช้ที่บ้าน และหยานเอ๋อร์ถูกซื้อมาตั้งแต่นางยังเด็ก สองปีก่อนได้ตัดสินให้พวกเขาแต่งงานกัน หยานเอ๋อร์ตอนนี้รับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินรองนางหลานเมื่อรถม้ามาถึงสุดถนนฉางเล่อ พ่อค้าแม่ค้าก็เริ่มตั้งแผงขายของทีละร้าน เหล่าจางอายุเยอะแล้วเลยทำอะไรก็ช้าๆ หว

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 683

    เกี๊ยวนึ่งถูกส่งมาอย่างร้อนๆ และมีกลิ่นหอม คุณหนูว่านขอบคุณหวังเชียง "ขอบคุณใต้เท้าหวังที่เมตตานะ ครั้งต่อไปมาซื้อใบชาที่ร้านข้า ข้าจะคิดส่วนลดให้นะ"หวังเชียงมองดูนาง "ส่วนลดเท่าไหร่?"คุณหนูว่านกระพริบตาและถามอย่างฉลาดว่า "ใต้เท้าหวังอยากได้ส่วนลดเท่าไหร่ล่ะ"คุณหนูว่านมีรูปลักษณ์ที่อ่อนหวานและมีเสน่ห์โดยเฉพาะเวลาที่นางกระพริบตาพร้อมรอยยิ้มที่เบ่งบานบนริมฝีปากของนาง ราวกับดอกกล้วยไม้ที่เบ่งบานในตอนกลางคืน เมื่อผู้ชายเห็นนางในสภาพแบบนี้ ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหน ก็ย่อมรู้สึกหวั่นไหวใจเล็กน้อยแต่หวังเชียงราวกับมองไม่เห็นความงามของนาง และเขาแค่สนใจว่าใบชามีส่วนลดเท่าไร "คุณหนูให้ราคากับใต้เท้าซุนเท่าไรก็ให้ราคานั้นกับข้าด้วยเถอะ"คุณหนูว่านระเบิดเสียงหัวเราะ มองอีกฝ่ายด้วยดวงตาสวยงาม "ไม่ได้สิ บุญคุณที่ใต้เท้ายอมให้ข้ากินเกี๊ยวก่อน ข้าจะตอบแทนอย่างดี หากเจ้ามาด้วยตนเอง ซื้อหนึ่งตาชั่ง แถมให้ครึ่งตาชั่งเป็นอย่างไรบ้าง?"หวังเชียงพูดอย่างมีความสุข "งั้นตกลงตามนี้นะ""ตกลงตามนี้!" คุณหนูว่านยิ้มให้เขา ราวกับกล้วยไม้ในหุบเขา ทั้งเย็นชาและสวยงามตระการตาแต่หวังเชียงมองไปทางอื่นแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 684

    แน่นอนว่าหวังเชียงจะไม่รู้ว่าคุณหนูว่านคนนั้นมุ่งเป้าที่เขา หากเขาได้ฉลาดเช่นนั้นก็คงไม่ใช่แค่เป็นผู้ช่วยในกระทรวงโยธาธิการแล้วกลับถึงจวน ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวกำลังรอเขาอยู่ เขายื่นเกี๊ยวให้คนใช้ เพื่อให้พวกเขาปรุงอย่างโดยเร็ว ให้ทุกคนได้กินคนละชามอย่างร้อนๆนางจีพูดติดตลกว่า "กลับมาช้าขนาดนี้ ที่แท้ไปซื้อเกี๊ยวเหรอ? เจ้ารองเนี่ย ตอนนี้ในสายตาเจ้ามีแต่ภรรยาเท่านั้นแล้ว ไม่มีแม่อีกแล้ว ทำให้แม่ต้องทนหิวเพื่อรอเจ้ากลับมา"หวังเชียงรีบกล่าวขอโทษ และอดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมาว่า "เดิมทีก็เร็วกว่านี้ได้ แต่เหล่าจางทำช้ามาก ต่อมาคุณหนูว่านก็มา โดยบอกว่านางหิวแย่ขอร้องให้ข้ายอมให้พวกนางสองคนกินก่อน ก็เลยกลับมาสายหน่อย""คุณหนูว่าน" นางจีจับใจความสำคัญได้ นางรู้จักน้องคนนี้เป็นอย่างดี และมักจะไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิง ทำไมจู่ๆ มีคุณหนูว่านโผล่มานางถามต่อว่า "คุณหนูว่านคือใครหรือ""คนที่เปิดร้านใบชา ตอนที่ใต้เท้าซุนจัดงานเงี้ยง ก็ให้นางไปส่งใบชา ใต้เท้าซุนแนะนำให้รู้จัก ข้าก็ได้ให้เถี่ยจู่ไปซื้อใบชาที่นั่นด้วย นั่นไง คืออันที่ข้านำกลับมาเมื่อไม่กี่วันก่อน"นางหลานตอบว่า "ใบชาพอได้อยู่ แต่ราค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 685

    นกพิราบของร้านอวี๋นยี่บินไปทั่วสถานที่ แลกเปลี่ยนข้อความอย่างต่อเนื่อง หลังจากบินอยู่หลายๆ วัน พวกมันก็มาถึงเมืองหลวงในตอนเย็นสองวันก่อนเทศกาลหันอี้ หลังจากที่พวกหงเซียวได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ลงในจดหมายฉบับเดียวและส่งไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋องในตอนเย็นหงเซียวมอบให้แก่เสิ่นว่านจือ แต่เสิ่นว่านจือไม่ได้เปิดซองจดหมาย นางเรียกให้ทุกคนไปที่ห้องอ่านหนังสือโดยตรงและมอบให้กับอาจารย์หยู เพราะเรื่องรชนี้เกี่ยวกับหยูไป๋ งั้นปล่อยให้อาจารย์หยูอ่านก่อนจะดีกว่าหลังจากที่อาจารย์หยูอ่านเสร็จแล้ว เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดออกมา "กล้าดียังไง มันเป็นเรื่องสมรู้ร่วมคิดจริงๆ บุญคุณช่วยชีวิตอะไรกัน ล้วนเป็นแผนการชัดๆ"เซี่ยหลูโม่รับจดหมายมาอ่าน จากนั้นก็พูดคร่าวๆ ว่า "คนที่มาก่อปัญหาคือพวกอันธพาลในท้องถิ่นที่ถูกจ้างไปก่อเรื่อง คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาคือเจ้าของจวนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอหยง นั่นก็คือองค์หญิงใหญ่ ทุกครั้งที่องค์หญิงใหญ่ไปที่นั่นก็จะพักที่นั่น ซีซีที่เจ้าเคยให้ตรวจสอบว่าก่อนและหลังเกิดเหตุการณ์ในกลุ่มกายกรรม องค์หญิงใหญ่ได้ไปที่อำเภอหยงหรือไม่ นางไปแล้วจริงๆ คาดว่านางคงดูการแสดงกายกรรมของพวกเขาแล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 686

    ทางตระกูลฝางไม่มีความคิดเห็นใดๆ องค์หญิงใหญ่เร่งไปแล้วหลายครั้ง สุดท้ายฮูหยินโหวกู้ก็ต้องไปตระกูลฝางด้วยตนเองเมื่อถึงตระกูลฝาง พอถามดูแล้วถึงรู้ว่าที่แท้เจ้าสิบเอ็ดได้ไปที่ซูโจวเพื่อเยี่ยมหวังหวู่จากกลุ่มชีซื่อ บอกว่าหวังหวู่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งเขาและฉีฟาง บุตรบุญธรรมของตระกูลฉีก็ไปที่นั่นแล้วนางลู่แสดงความขอโทษ "ที่จริงแล้วเรื่องนี้ควรจะตกลงกันให้เร็วๆ แต่เจ้าเด็กคนนี้ยืนกรานที่จะไปเยี่ยมสหายของเขา ต้องรอกลับมาค่อยให้คำตอบ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง แต่ข้าชอบใจคุณหนูเซี่ยมากนะ เจ้าก็รู้ ตั้งแต่ที่ข้าเห็นนางในวันนั้น ข้าตาสว่างเลย อยากให้นางเป็นลูกสะใภ้ของข้าเร็วๆ เลย"นางลู่พูดอย่างจริงใจ และบวกกับการแสดงออกในวันนั้นก็ดูท่าชอบใจมากด้วยจริงๆ ฮูหยินโหวกู้เลยเชื่อที่นางพูด "แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แต่วันนั้นก็เจอหน้ามาแล้ว ตอนกลับมาไม่ได้ถามว่าเขาถูกใจหรือไม่หรือ หากถูกใจ ก็ตกลงเรื่องแต่งงานให้เร็วๆ ข้าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแต่งงานของนางอีก"ฮูหยินโหวกู้พูดเองเออเองว่า "นอกจากนี้ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ การคลุมถุงชนนี้ ตราบใดที่เขาไม่ขัดแย้งกับเรื่องนี้ เจ้ามาตัดสิน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 687

    เห็นแก่เรื่องนี้ เขาก็เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ บุตรชายนามสกุลกู้ ต่อไปจะต้องเป็นร่วมทุกข์ร่วมสุขกับจวนโหวกู้แน่นอน"ข้าจะกลับไปเตือนพวกเขาสักหน่อย" ฝู้หม่ากู้ตอบองค์หญิงใหญ่ถามว่า "ใกล้เทศกาลหันอี้ ได้เชิญอาจารย์จื้อหยวนหรือยัง?""เชิญแล้ว ครั้งนี้รวมอาจารย์จื้อหยวนด้วย ทั้งหมดมีพระภิกษุผู้มีชื่อเสียงแปดรูป ข้าจะไปรับพวกเขาด้วยตนเองในตอนเช้าตรู่ของวันที่หนึ่ง"องค์หญิงใหญ่ตอบรับอืม แล้วแสดงน้ำใจเป็นพิเศษ "วันนั้นให้แม่เจ้าก็มาด้วยเถอะ แต่ต้องบอกนางว่าต้องอยู่ทั้งคืน ถ้านางทนความยากลำบากนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องมา""ทนได้ ทนได้แน่นอน ท่านเป็นชาวพุทธมาหลายปีแล้วและอยากมาร่วมงานมาโดยตลอด" ฝู้หม่ากู้รีบตอบ พวกฮูหยินที่มาร่วมเทศกาลหันอี้นั้นรวมถึงฮูหยินเสนาบดีมู่ ฮูหยินไทฟู่ คุณนายใหญ่หลี่เป็นต้น ล้วนเป็นคุณนายใหญ่หรือฮูหยินจากตระกูลขุนนาง และสามีหรือลูกหลานของพวกนางต่างดำรงตำแหน่งสำคัญในราชสำนักนอกจากนี้ พวกนางมีความเมตตากรุณาและใจดีต่อผู้อื่น หากท่านแม่ได้สนิทกับพวกนาง ต่อไปก็มีผลประโยชน์อย่างมากต่อลูกหลานในจวนโหวกู้ในอนาคต และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาจวนองค์หญิงอย่างเดียวองค์หญิงใหญ่ไม่คิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 688

    รถม้าออกจากเมือง ซ่งจืออันต้องไปเมืองซุยโจว งานที่นั่นเกิดเรื่องนิดหน่อย แม้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ท่านพ่อกำชับให้เขาไปด้วยตนเองเดิมทีเขาอยู่ซุยโจวมาตลอด แต่เนื่องจากภรรยาตั้งครรภ์ เขาจึงส่งนางกลับไปเมืองหลวงเพื่อรอการคลอดบุตร หลังจากจัดการเรื่องในซุยโจวอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็สามารถฝากเรื่องไว้กับหัวหน้าร้าน ที่เขากลับเมืองหลวงก็วางแผนทำธุรกิจอื่นในเมืองหลวงด้วยเขาเป็นพ่อคนมานานแล้ว แต่งงานเมื่ออายุยี่สิบปี และตอนนี้มีบุตรชายสองคน เขาหวังว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกสาวมีคนน้อยมากในครอบครัวที่รับอนุภรรยา และเขาก็ไม่ได้แต่งอนุภรรยา ความสัมพันธ์ระหว่าเขากับภรรยาก็ใกล้ชิดมาก ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจอยู่ข้างนอกก็มักจะนำนางไปด้วย ปัจจุบันนี้ธุรกิจค่อยๆ กลับมาอยู่เมืองหลวง งั้นพวกเขาสี่คน...ไม่สิ ห้าคนในครอบครัวนี้ก็จะอยู่ในเมืองหลวงเขาไม่ได้ไปเยี่ยมซีซี แต่ได้ไปเจอรุ่ยเอ๋อร์ในสถาบันการศึกษาแล้ว ครูของเขาเป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันด้วย ดังนั้นเขาจึงสามารถเข้าไปเยี่ยมชมในสถาบันได้อย่างราบรื่นเหตุผลที่เขาไม่ได้ไปจวนอ๋อง ก็เพราะธุรกิจของเขายังไม่มั่นคงอย่างเป็นทางการ ไท่กงบอกว่าเขาไปควรไปจนกว่าธ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1516

    เมื่อได้พักฟื้นอยู่ห้าวันที่ด่านเฉิงหลิง ฉินอ๋องก็ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อฉินอ๋องหายดี ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางกลับเมืองหลวงแม้จะอาลัยเพียงใด ซ่งซีซีก็ทำได้เพียงกลั้นน้ำตากล่าวคำอำลา นางคุกเข่าคารวะต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่หลายครั้ง จนแทบจะทำให้ท่านน้ำตาคลอหลี่เต๋อฮวยเป็นผู้ที่เคารพนับถือแม่ทัพใหญ่เซียวที่สุด เมื่อซ่งซีซีเพียงแค่น้ำตาคลอ แต่เขากลับปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเต็มที่ เพราะเขารู้ว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ อาจไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพผู้เฝ้ารักษาด่านเฉิงหลิงมาเป็นสิบๆ ปีอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ เมื่อมองดูอีกครั้งก็ดูแก่ชรากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานอนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยากลำบาก ทายาทตระกูลเซียวก็คงไม่ยอมให้ท่านเดินทางกลับอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวสนทนากับหลี่เต๋อฮวยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าแทนที่จะบรรเทาความรู้สึกของเขา กลับทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีกด้านนางหนานผู้เป็นป้าใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถามถึงเรื่องของ พระชายาอ๋องฮวยเลย จนกระทั่งถึงเวลาต้องอำลากัน นางจึงดึงซ่งซีซีไปค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1515

    การเดินทางกลับเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเก้าอากาศไม่ร้อนจัดอีกต่อไป เริ่มมีความเย็นสบายแผ่วเบาซูลันจีนำทัพออกมาส่งด้วยตัวเอง พาพวกเขาไปจนถึงเมืองลู่เปินเอ่อร์ตลอดเส้นทางขากลับ ไม่มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อข้ามภูเขาสลับซับซ้อนมาได้ ก็เข้าสู่เขตแดนของแคว้นซางเดิมทีพวกเขาไม่ได้แจ้งแม่ทัพใหญ่เซียวล่วงหน้า คิดว่าคงไม่มีใครมารับ แต่ทันทีที่เข้าสู่ชายแดนแคว้นซาง ก็พบว่าจ้านเป่ยว่างนำทัพเซียวเจียจวินรออยู่ที่นั่นเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยปลอดภัย จ้านเป่ยว่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขากระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ ก่อนลงจากหลังม้าแล้วทำความเคารพฉินอ๋อง หลี่เต๋อฮวยและขุนนางท่านอื่นๆ “ท่านอ๋อง เสนาบดีหลี่ ท่านขุนนางทั้งหลาย แม่ทัพใหญ่เซียวสั่งให้ข้านำทัพมาคอยเฝ้ารอที่นี่ทุกวัน เพื่อคุ้มกันพวกท่านกลับไปยังเฉิงหลิงกวน”หลี่เต๋อฮวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะกลับมาวันนี้?”จ้านเป่ยว่างตอบว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่ทราบ เพียงแต่สั่งให้ข้าและกองทัพมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลี่เต๋อฮวยรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเป็นคนรอบคอบย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1511

    ทว่า ซ่งซีซีสังเกตเห็นว่าบรรดาญาติวงศ์ตระกูลและขุนนางของซีจิงดูเหมือนไม่รู้เรื่องที่เป่ยถังจะเข้ามาแทรกแซงการเจรจา พวกเขาล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงหลังจากตกตะลึง พวกเขากลับแสดงความยินดีและมั่นใจออกมา คิดดูแล้วพวกเขาก็คงเห็นว่าการที่เป่ยถังเข้าร่วมเป็นการช่วยหนุนหลังซีจิงเห็นเช่นนี้ซ่งซีซีกลับรู้สึกวางใจขึ้นเล็กน้อยเพราะหากเป็นเช่นนั้นจักรพรรดินีหยวนซินย่อมสามารถแจ้งพวกเขาล่วงหน้าได้ อย่างน้อยก็ควรให้ขุนนางที่ร่วมเจรจารับรู้แต่นางเหตุใดจึงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้เล่าดูเหมือนว่ามีเพียงความเป็นไปได้หนึ่งเดียว นางเองก็หวังให้ต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนปรนกัน อีกทั้งบรรดาขุนนางในราชสำนักที่สนับสนุนนางนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางจึงเชิญเป่ยถังอันเฟิงชินอ๋องมา เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้เช่นนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าคืนก่อนที่จักรพรรดินีหยวนซินเรียกนางและเสิ่นว่านจือเข้าเฝ้าในวัง เหตุใดนางจึงกล่าวถ้อยคำว่าความปรารถนามิอาจเป็นจริง การสอบเข้ารับราชการของสตรีเป็นเพียงตัวอย่างที่ยกขึ้นมา นางต้องการสื่อว่าหลายๆ นโยบายล้วนผลักดันได้ยากหลังจากวิเคราะห์เหตุการณ์โดยละเอียดซ่งซีซีพลันรู้สึกมองโลกในแง่ดีขึ้นหลังจากง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status