แต่นางหาเลี้ยงชีพกับหัวหน้ากลุ่มมาตั้งแต่เด็ก นางรู้ว่าใจคนไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น นางไม่เป็นอะไรกับองค์หญิงใหญ่ และช่วยชีวิตนางยังหาคู่ครองที่ดีให้นาง ซึ่งมันฟังดูเหลือเชื่อมากอีกอย่างนางมาเมืองหลวงได้ระยะหนึ่งแล้ว และไม่เห็นนางจะจับคู่อะไรให้ตนเอง นางอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกแล้ว หากต้องการจับคู่ให้นางอย่างจริงใจ คงทำเรื่องไปตั้งนานแล้วอันที่จริงนาองก็ไม่รู้ว่าตนเองอายุเท่าไหร่ แต่เมื่อหัวหน้ากลุ่มช่วยชีวิตนาง โดยบอกว่านางเป็นเด็กอายุเจ็ดแปดขวบ จากการคำนวณ บัดนี้ก็อายุยี่สิบกลางๆยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงในจวน ถ้านางมีใจจะทำจริงก็ควรจะให้ตัวเองออกมาแสดงตัวหน่อย แต่ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยง นางก็ถูกขังไว้ที่ลานหลัง อย่าว่าแต่ออกไป แม้แต่ประตูห้องก็ออกไปไม่ได้ แม่นมอธิบายกับนางว่าเพราะนางยังเรียนมารยาทไม่เสร็จ หากออกไปจะไปเสียหน้ากับแขกผู้มีเกียรติได้"เจ้าบอกว่าที่องค์หญิงใหญ่ชีวิตข้าอาจมีเรื่องแอบแฝง จริงหรือเปล่า?" นางถามด้วยอาการหายใจลำบาก"ไม่แน่ใจ ดังนั้นเราจำเป็นต้องสอบสวน เจ้าบอกสถานการณ์ในขณะนั้นให้ฟังได้ไหม? นอกจากนี้ยังมีการแยกย้ายกลุ่มกายกรรมของเจ้าด้วย"หยูไป๋
เมื่อหยูไป๋กลับไปที่จวนโหวกู้ ฮูหยินโหวกู้ก็เข้ามาถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทันทีนางเป็นถึงฮูหยินจวนโหวผู้สูงศักดิ์ ในปกติที่นางสุภาพกับสาวกายกรรมมากเพราะได้เห็นแก่หน้าองค์หญิงใหญ่ แต่เมื่อเห็นนางตาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่านางเสียท่าไป จึงถามแบบดุเดือดว่า "เคยร้องไห้หรือ เจ้า ร้องไห้ต่อหน้าพวกนางหรือ?"หยูไป๋ลูบหน้าอก ราวกับยังคงหวาดกลัวอยู่ "ฮูหยินมิทราบว่าที่ที่เราไปคือตึกว่างจิง เดิมทีเราอยู่บนชั้นสูงสุดแล้ว แต่เพื่อทดสอบความกล้าหาญของข้า คุณหนูเสิ่นกล่าวว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางเป็นแม่ทัพ ในฐานะภรรยาของเขาไม่สามารถเป็นคนขี้ขลาดได้ จึงจับมือข้าแล้วบินขึ้นไปจุดสูงสุด บินอยู่กลางอากาศจริงๆ ข้าตกใจแทบแย่ แต่ข้าไม่ได้ร้องไห้ต่อหน้าคุณหนูเสิ่น ที่นั่นลมมันแรง พัดจนข้าตาแดง ข้าร้องไห้ตอนเรากลับถึงรถม้า หากฮูหยินไม่เชื่อก็ถามไห่ถังได้นะ"ฮูหยินโหวกู้เงยหน้าขึ้นแล้วถามไห่ถัง "ที่นางพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?"ไห่ถังตอบตามความเป็นจริงว่า "เรียนฮูหยินเจ้าค่ะ เป็นแบบนี้จริงๆ คุณหนูเสิ่นมองที่หน้าต่างแล้วถามคุณหนูแบบยั่วยุเล็กน้อยว่ากล้าขึ้นไปหรือไม่ ยังบอกการเป็นฝางฮูหยินไม่สามารถเป็นคนขี้ขลาดได้ ข้าน้อยค
เสิ่นว่านจือก็กลับไปที่จวนอ๋อง และเรียกซ่งซีซีและอาจารย์หยูไปที่ห้องอ่านหนังสือ เซี่ยหลูโม่ยังไม่กลับมา อาจารย์หยูรีบร้อนที่จะฟังผล ดังนั้นเขาจึงทนไม่ไหวที่จะรอท่านอ๋องกลับมาคำพูดแรกของนางก็ทำให้อาจารย์หยูร้องไห้ "อาจารย์หยู ข้าแน่ใจว่านางเป็นน้องสาวของเจ้า"นับตั้งแต่เสิ่นว่านจือออกไป เขาก็กระสับกระส่าย กลัว กลัวมาก กลัวว่าเมื่อเสิ่นว่านจือกลับมาจะส่ายหัวให้เขาดังนั้นเมื่อเสิ่นว่านจือออกไปนานเท่าไร เขาก็กระวนกระวายใจนานเท่านั้น เมื่อคืนนอนไม่หลับทั้งคืนอยู่แล้ว และวันนี้มีรอยคล้ำใต้ตาอย่างลึก ในที่สุดได้รอเสิ่นว่านจือกลับมา ก่อนที่เขาจะหายใจเสร็จก่อนค่อยถาม ทว่าเสิ่นว่านจือก็พูดก่อนหลังจากอึ้งไป น้ำตาก็ไหลลงมาพระชายาและคุณหนูเสิ่นต่างก็อยู่ด้วย เขานั่งลงเก้าอี้หลังโต๊ะด้วยขาที่สั่นเทา เขาเอนตัวลงบนโต๊ะเป็นเวลานานก่อนที่จะเงยหน้าขึ้น และถามด้วยตาแดง "คุณหนูเสิ่น เจ้าต้องรับผิดชอบสิ่งที่เจ้าพูดนะ เจ้าแน่ใจจริงๆ ใช่ไหม?""แน่ใจ นางได้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตและเล่าเรื่องที่นางยังจำได้หลายอย่างให้ข้าฟัง อีกอย่างมีบางสิ่งที่เจ้าไม่ได้บอกข้าด้วย เจ้าถูกแม่ของเจ้าทุบตีด้วยไม้ปัดขนนกใช
ซ่งซีซีขัดจังหวะ "เจ้าบอกว่ากลุ่มกายกรรมมักถูกคนหาเรื่องเป็นบ่อยครั้งในหลายปีก่อน ถูกหาเรื่องอย่างไร นางได้บอกไหม""มี คนที่หาเรื่องพวกนั้นพังเครื่องมือต่างๆ ของพวกเขาไป จากนั้นก็ได้ซื้อใหม่หลายครั้ง แต่ก็โดนทำลาย ทำให้หัวหน้ากลุ่มโกรธมาก""เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่?""นางบอกว่ามันเกิดขึ้นเมื่อห้าปีที่แล้ว และเหตุการณ์นี้กินเวลาไปครึ่งปีแล้ว""อืม จดจำไว้ว่าองค์หญิงใหญ่อาจจะได้ไปอำเภอหยงเมื่อห้าปีที่แล้วหรือว่านางส่งคนไปที่นั่น" ซ่งซีซีพูดกับอาจารย์หยูอาจารย์หยูพยักหน้า "พระชายาเตือนข้าไว้แล้ว เอาแต่ฟังเรื่องของนางจนลืมไปว่าหนี้บุญคุณช่วยชีวิตขององค์หญิงใหญ่จำเป็นต้องสอบสวนด้วย"อาจารย์หยูไม่เคยประมาทขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้เขาตื่นตัวไปจริงๆเสิ่นว่านจือกล่าวต่อ "หลังจากที่กลุ่มกายกรรมถูกยุบ ทุกคนแยกย้ายกันเป็นเวลาหลายเดือน เหลือนางคนเดียวที่ไม่มีญาติพี่น้องใดๆ และทำอะไรไม่ถูก แต่ต่อมาเนื่องจากหัวหน้ากลุ่มมีสุขภาพไม่ดีก็เลยกลับมา หยูไป๋ก็อยู่ที่อำเภอหยงเพื่อดูแลเขา อย่างน้อยก็นับว่ามีญาติอยู่รอบๆ อาศัยความสามารถของนาง นางทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ขึ้นเขาเก็บสมุนไพรและล่าสัตว์ และสมุนไพ
ปัญหาที่อยู่ต่อหน้าในตอนนี้คือเจ้าสิบเอ็ดฝางควรถ่วงเวลากับการแต่งงานครั้งนี้ได้อย่างไรต่อมาทางจวนโหวกู้จะเร่งเขาอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางใช้วิธีอะไรมาถ่วงเวลาจากการคาดเดาของพวกเขา หากเจ้าสิบเอ็ดฝางปฏิเสธตรงๆ งั้นหยูไป๋ก็จะกลายเป็นหมากที่ถูกทอดทิ้งขององค์หญิงใหญ่ มีสองทางออก หากมิใช่ส่งไปให้โหวกู้เป็นนอนุภรรยา ก็ให้นางแต่งงานกับคนแก่เป็นอนุภรรยาหรือไม่ก็เป็นสาวใช้ต้นห้องแต่หากให้เจ้าสิบเอ็ดฝางตอบตกลงก่อน นี่ก็ไม่เหมาะ เห็นๆ อยู่ว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางไม่มีใจเช่นนี้ ตอนแรกนางลู่ก็ชอบอยู่ แต่พอรู้ว่าเป็นแผนการก็ย่อมไม่เห็นด้วยแน่ๆอีกอย่างแม้ว่าในที่สุดทั้งสองครอบครัวจะได้ถูกตาต้องใจกันและต้องการหารือเรื่องการแต่งงานจริงๆ งั้นพ่อแม่ของฝ่ายหญิงก็ควรจะเป็นพวกอาจารย์หยู แทนที่จะเป็นทางจวนโหวกู้ อาจารย์หยูจะไม่ยอมให้น้องสาวต้องเจอเรื่องกลุ้มใจอีกหลังจากที่อาจารย์หยูผ่านอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เขาก็คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน จึงพูดก่อนว่า "จะให้ข้าทำอะไรก็ได้ แม้ว่าต้องการชีวิตข้าก็ได้ แต่นางไม่ได้ นางเป็นแม่นางที่บริสุทธิ์ ไม่สามารถเพราะแผนการและทำลายชื่อเสียงของนาง"การได้เจอของที่หาย
ฝู้หม่ากู้ออกมาจากคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง และเดินด้วยเท้าหนักไปที่ห้องโถงด้านข้าง องค์หญิงใหญ่กำลังรอเขาอยู่หลังจากที่เขาได้พบกับซ่งซีซี และรู้เกี่ยวกับแผนการของพวกนาง เขาถึงมีโอกาสเข้าไปในคุกใต้ดิน เพื่อให้ของกินของใช้แก่เฟิ้งเอ๋อ ยังสามารถพานางออกจากคุกใต้ดินและเดินเล่นในสวนหลังบ้านหลังจากได้ยินแผนนี้จาก องค์หญิงใหญ่ก็คิดจะทอดทิ้งกู้ชิงหลานแล้วเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำเช่นนี้ และหากเขาถูกบังคับตั้งแต่แรก งั้นตอนนี้เขาก็เข้ามาเกี่ยวด้วยแล้วทางจวนโหวกู้และจวนองค์หญิงใหญ่ถูกผูกไว้อย่างแน่นหนา นอกจากต้องเชื่อฟังคำสั่งแล้ว เขาทำอะไรไม่ได้อีกเมื่อเข้าไปในห้องโถงด้านข้าง องค์หญิงใหญ่ให้คนข้างๆ ออกไปหมด และพูดเบาๆ ว่า "นั่งลง!"ฝู้หม่ากู้นั่งลงแล้วกล่าวว่า "ขอบพระทัยองค์หญิง"องค์หญิงใหญ่ดื่มชาช้าๆ นางไม่พูดอะไร และฝู้หม่ากู้ก็เงียบ"ได้เจอกับนางแล้ว สบายใจแล้วสินะ" องค์หญิงใหญ่เป่าฟองชาแล้วพูดอย่างใจเย็น"ขอบพระทัยที่องค์หญิงให้ยา" ฝู้หม่ากู้กล่าวองค์หญิงใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเขา แม้ว่าเรื่องบางเรื่องนางรู้ว่ามันเป็นอย่างไร แต่เมื่อมองดูชายเจ้าเล่ห์คนนี้ บางครั้งนางก็อดไม
องค์หญิงใหญ่สะบัดมือให้เขาออกไป คิดว่านางไม่เห็นความรังเกียจในดวงตาของเขาเหรอ? ยิ่งเขารังเกียจมากเท่าไร นางก็ยิ่งต้องการให้เขาจำไว้ว่าเขาและ ทางจวนโหวกู้ล้วนเป็นทาสของนางตลอดกาลหลังจากที่ฝู้หม่ากู้จากไป นางก็เรียกแม่นมฝางเข้ามา "คืนนี้ฝู้หม่าจะมา จุดตะเกียงให้เร็วหน่อย จุดธูปด้วย และอย่าลืมให้ฝู้หม่าดื่มสมุนไพรคุมกำเนิดก่อนเข้าห้อง"แม่นมฝางตอบว่า "เจ้าค่ะ ข้า"น้อยรับทราบเจ้าค่ะ"องค์หญิงใหญ่หลับตาลงและ มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แม่นมฝางไม่ถอยออกไป หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็พูดว่า "องค์หญิง ท่านไม่เคยชอบเข้าใกล้ชิดฝู้หม่าเลย ทำไมท่านจึงต้องบังคับตัวเองด้วยล่ะ"องค์หญิงใหญ่ไม่ลืมตาและถอนหายใจจนแทบไม่ได้ยิน "จู่ๆ ข้าก็คิดถึงใครบางคนขึ้นมา""ฝู้หม่าคือฝู้หม่า และบุคคลนั้นคือคนนั้น ทุกครั้งที่ท่านร่วมรักกับฝู้หม่า ท่านก็ไม่มีความสุขนะ" แม่นมฝางเป็นพี่เลี้ยงเด็กของนาง มีสถานะสูงในจวน และคำบางคำก็มีแต่นางเท่านั้นที่กล้าพูดองค์หญิงใหญ่ลืมตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย "เจ้าคิดว่าข้าควรเลี้ยงเด็กไว้เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขไงั้นหรือ?""ข้าน้อยไม่ได้หมายความอย่างนั้น ข้าน้อยแค่ห่วงใยท่าน
องค์หญิงใหญ่มองแม่นมด้วยรอยยิ้มจางๆ "เจ้ารีบร้อนอะไรกัน ยังไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่สอบสวนมาให้ชัดเจนแล่วว่าเขาจะออกจากเมืองหลวงไปยังเมืองซุยโจวในวันที่สามสิบ กันยายน ทั้งหมดมีสามคน รวมทั้งคนขับรถม้าและเด็กใช้คนหนึ่ง จะนำพวกเขาทั้งหมดกลับไปที่จวนองค์หญิง และกักขังพวกเขาไว้ในคุกใต้ดินก่อน ใครจะรู้ว่าพวกเขาหายตัวไป พอรอเทศกาลหันอี้ผ่านไป ข้าค่อยลงมือก็ไม่สาย"แม่นมฝางรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนี้ "องค์หญิง ซ่งฮวยอันปฏิบัติต่อท่านอย่างไร้หัวใจ้เช่นนี้ ที่ท่านอยากมีทายาททำไมต้องตามหาคนของตระกูลซ่งด้วยล่ะ แม้ว่าฝู้หม่าเป็นคนขี้ขลาด แต่ถึงยังไงเขาเป็นราชบุตรเขยที่ถูกต้องตามกฎหมายของท่านนี่นะ"องค์หญิงใหญ่รู้สึกว่าปากขมขื่น ความขมขื่นนี้มาจากก้นบึ้งของหัวใจ นางกำหมัดแน่นเพื่อประคองขมับและหลับตาลง คำพูดของนางแทบจะพูดกัดฟันกรอด "เขาโหดเหี้ยมและใจร้าย ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า แต่ข้ากลับไม่ยอมให้เขาสมปรารถนา ข้าอยากให้กำเนิดบุตรชายของตระกูลซ่ง เพื่อที่วิญญาณของเขาจะไม่สงบสุข"แม่นมฝางถอนหายใจ "ท่านนี่แค่โกรธและหาเรื่องกับคนตาย มิใช่ต้องการมีบุตรชายจริงๆ ถ้าท่านอยากได้ก็ทำไปนานแล้ว ทำไม