ซ่งซีซีเฝ้าดูโดยไม่หลับตา เสิ่นว่านจือย้ายเก้าอี้มานั่งเฝ้าอยู่นอกม่าน และไม่มีใครกล้าเข้าไปฮูหยินเฉิงเอินป๋อให้คนมาส่งอาหารให้พวกนาง แต่ซ่งซีซีกินไม่ลง เสิ่นว่านจือกินไปสองสามคำ เมื่อนึกถึงหลานเอ่อร์เจ็บปวดจนบิดเบี้ยวร่างกายไปมา นางก็กินไม่ลงเช่นกัน รู้สึกอึดอัดมากในตอนกลางคืน หลานเอ่อร์ตื่นขึ้นมา นางลืมตาขึ้นและตะโกนเรียกท่านพี่ด้วยความงุนงง เมื่อเห็นซ่งซีซีจับมือนางไว้แน่นตลอด เมื่อได้นางเรียกก็ออกแรงมากขึ้น "อยู่ ข้าอยู่นี่"หงเชวี่ยถือโอกาสให้ยานาง นางว่าง่ายมาก หลังจากกินยาเสร็จแล้วก็ไม่ลืมตาขึ้นอีกและนอนต่อไป แต่น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของนาง ซ่งซีซีช่วยนางปาดออก "ไม่เป็นไร ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเราก็ผ่านมาแล้ว ต่อไปก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ"หลานเอ่อร์ซึ่งพลังงานหมดสิ้นลงราวกับทะเลสาบที่เหือดแห้ง นางต้องกินยาสามครั้งเพื่อทำน้ำกลับมา นางเหนื่อยมากจนหลับไปอีกครั้งหลังจากกินยาเสร็จหงเชวี่ยนอนหลับไปสักพักแล้วจึงเข้ามากระซิบกับซ่งซีซี "พระชายา ท่านไปพักผ่อนสักหน่อยก่อน ข้ามาเฝ้าดูให้""ไม่เป็นไร ข้าไม่ง่วง" ซ่งซีซีส่ายหัว "เจ้าคงเหนื่อยแย่ในกลางวัน เจ้าไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวยามสี่ก
ร่างกายของหลานเอ่อร์ยังอ่อนแอมาก นางรู้ว่าเด็กจากไปแล้ว นางรู้ว่าเด็กจากไปแล้วก่อนที่หมอมหัศจรรย์ดันมานางกลั้นน้ำตาไว้ต่อหน้าท่านพี่และไม่ร้องไห้ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเอข้าพักที่เรือนนั้น พอท่านพี่ออกไป นางก็ห่อผ้าห่มร้องหนักเลยเสิ่นว่านจือต้องการเข้าไปปลอบใจนาง แต่ซ่งซีซีหยุดไว้และส่ายหัว "คำปลอบของผู้ใดก็ไร้ผลหรอก นางต้องผ่านมันด้วยตนเอง"มีความเจ็บปวดบางอย่าง ให้ความปลอบใจจะไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ทำให้หลั่งน้ำตามากขึ้น ทำให้นคำนึงถึงความทรงจำและความเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้นหงเซียวเข้ามารายงานว่านางเสิ่นพระชายาอ๋องเยี่ยนและและชายารองจินได้ไปที่จวนป๋อผิงซี หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นว่านจือก็บอกกับซ่งซีซีซ่งซีซีอึ้งไป เพิ่งนึกถึงการมาเยี่ยมของนางจี ฮูหยินป๋อผิงซีเมื่อวานนี้ มันเป็นวันที่ยาวนานมากจริงๆ และนางก็มีภาพลวงตาว่าการมาเยี่ยมของนางจีเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว"ภายในขอบเขตที่เหมาะสม ให้จับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่อย่าเกินไป เดี๋ยวโดนสังเกตเห็น" ซ่งซีซีกล่าว"ไม่ต้องห่วง พวกนางคือคนที่ได้รับการฝึกฝนจากศิษย์พี่ผิง ทำอะไรรู้การรู้งานอยู่แล้ว"ซ่งซีซีพยักหน้า จากนั้นไปหาศิษย์พี่ซือโซ
ซ่งซีซีคิดถึงความเป็นไปได้นี้และกล่าวว่า "มันเป็นไปได้จริงๆ จริงๆ แล้วเหล่าเซี่ยคนนี้ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก คนประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะตกลงไปในกับดักนี้มากที่สุด"ดวงตาของเสิ่นว่านจือเบิกกว้าง "ข้าพูดแบบนี้ เจ้ายังเห็นด้วยหรือ อย่างน้อยเจ้าก็โต้แย้งข้าสักหน่อยสิ เจ้าฟังดูแล้วไม่รู้อึดอัดใจบ้างหรือ?"ซ่งซีซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ไม่ใช่วิเคราะห์เรื่องนี้เหรอ? มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ สักหน่อย แล้วทำไมถึงรู้สึกอึดอัดล่ะ?""ข้าก็ว่าสมมุตินะ""เรื่องสมมุติจะเห็นมันเป็นจริงได้อย่างไร"เสิ่นว่านจือมองดูนาง และอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วจิ้มหน้าผากของนาง "เจ้าเนี่ย ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้ามีความรู้สึกต่อเหล่าเซี่ยจริงๆ หรือเปล่า แม้ว่าข้าจะไม่เคยรักใครเลย แต่คนที่เป็นของข้าก็ต้องเป็นของข้าเท่านั้น ใครที่มีใจให้เขา แม้ว่าข้าแค่ได้ยินแค่คิดอย่างนั้นเอง ข้าก็จะไม่สบอารฒณ์ จะไม่พอใจ""ตระหนี่!" ซ่งซีซีเหลือบมองนาง "เมื่อเกิดเรื่องจริงๆ ค่อยมาโกรธก็ไม่สายนี่ เรื่องที่ยังไม่เคยเกิด แค่จินตนาเองแล้วก็อารมณ์เสียเอง ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของตนเองแต่ยังทำร้ายร่างกายของตนเองด้วย ยิ่งกว่านั้น
ซ่งซีซียิ้ม "ใช่ อย่างกับฮูหยินป๋อผิงซีด้วย สามารถแยกแยะอะไรถูกอะไรผิดได้ เรื่องระหว่างหวังชิงหลูและเจ้าสิบเอ็ด นางสามารถอยู่เข้าข้างเหตุผลแทนที่ไปช่วยคนในครอบครัวตนเอง สามารถทำเช่นนี้ได้ ถือว่าหายากจริงๆ ในตระกูลชั้นสูงมักจะยึดหลักการว่าเมื่อคนหนึ่งรุ่งเรืองงั้นทั้งครอบครัวจะรุ่งเรืองไป หากคนใดตนหนึ่งตกอับงั้นก็จะตกอับไปพร้อมกัน นางทำเช่นนี้ได้ถือว่าไม่ง่ายเลย""อืม คนที่เจ้าชื่นชม ข้าก็ชื่นชมด้วย" เสิ่นว่านจือเชิดถูที่ซ่งซีซี "ไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าตอนนี้อยู่ในจวนป๋อผิงซีกำลังคุยอะไรกับฮูหยินป๋อผิงซีสินะ คาดว่ากำลังช่วยท่านอ๋องคนแก่คนนั้นพยายามโน้มน้าวป๋อผิงซีหวังเบียวให้ไปเป็นพวกเลย"วันนี้จวนป๋อผิงซีเอิกเกริกมากจริงๆฮูหยินผู้เฒ่า นางจีฮูหยินป๋อผิงซี นางหลานฮูหยินรอง และผู้อาวุโสของตระกูลหวังบ้างต่างก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตานางเสิ่นและชายารองจินมาถึงพร้อมกับสาวใช้ องขวัญถูกกองไว้บนโต๊ะ มันสูงเท่ากับเนินเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางเสิ่นทุ่มเงินไปมากขนาดไหนเชียวนางเสิ่นหาใช่คนเจ้าแผนการ แต่นางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงสถานะของตนในฐานะพระชายาเอก และทำให้ดูเหนือกว่าชายารอง
ในจวนยังได้เชิญกลุ่มงิ้วมาในวันนี้ เพราะมาตรฐานในการต้อนรับพระชายาจะเรียบง่ายไปไม่ได้ และต้องเตรียมทั้งหมดเท่าที่จะทำได้แต่พอถามแล้วกลับไม่มีใครอยากดูงิ้ว เลยแล้วไปพวกนางอยู่จนถึงเย็น จากนั้นชายารองจินก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องของเราอยู่ที่เยี่ยนโจวมาโดยตลอดและแทบไม่ได้กลับเมืองหลวงเลย ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองหลวงมากนัก วันนี้เราสามารถพูดคุยกับฮูหยินอย่างสนุกสนาน ถือว่าเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ ไม่งั้นเดี๋ยวหาเวลาไปเที่ยวที่จวนอ๋องเยี่ยนดีไหม คุณชายอู๋เซี่ยงที่เดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับเราเป็นปรมาจารย์ทำนายที่มีชื่อเสียงในแคว้นซางของเรา จะถามโชคลาภ อนาคตหรือว่าสุขภาพล้วนแม่นยำหมด"ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประกาย "คุณชายอู๋เซี่ยง? เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวนี่ ขอท่านพระชายาช่วยแนะนำให้นะ เรารู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ"ชายารองจินพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฮูหยินผู้เฒ่า งั้นเราตกลงตามนี้นะ ท่านต้องมาถือว่าให้เกียรติเรานะ"ใบหน้าของนางจีแข็งทื่อด้วยรอยยิ้ม พอไปมาสู่กันเช่นนี้ งั้นสองตระกูลก็ถือว่าใกล้ชิดแล้ว อย่างน้อยคนนอกจะมองว่าเห็นคนสนิทกันไม่ได้อย่างแน่นอน!สมองของนางจีคิดท
อย่างไรก็ตาม พอเข้าหอต้าหลี่แล้ว คิดจะช่วยออกมาอย่างง่ายๆ ได้อย่างไรหญิงชราอดอาหารประท้วง หากถูกแพร่กระจายออกไปก็จะคิดว่าคนของทางจวนเฉิงเอินป๋อไม่กตัญญู ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวัง แต่ก็ใช้ความสัมพันธ์เท่าที่จะทำได้เพื่อหาคนไปขอร้องความเมตตาจากฮ่องเต้เฉิงเอินป๋อพอมีเส้นสายบ้าง โดยบอกกับเขาว่าในสถานการณ์นี้ ตราบใดที่ท่านหญิงให้อภัยเขาและยอมปล่อยเขาไป งั้นเหลียงเส้าก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการปล่อยตัวแต่ผู้ใดในจวนเฉิงเอินป๋อจะกล้าไปหาท่านหญิงล่ะ? ไม่มีหน้าไปทำและไม่กล้าด้วย เพราะพระชายาเป่ยหมิงอ๋องก็เฝ้าอยู่ที่นั่นในที่สุด เฉิงเอินป๋อก็ไปขอความช่วยเหลือกับอ๋องฮวย ตอนที่ทางหอต้าหลี่มาจับตัวเหลียงเส้านั้น อ๋องฮวยได้ออกหน้าช่วย ดูเหมือนว่าเขายังไม่ต้องการให้ท่านหญิงและเหลียงเส้าหย่ากัน ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ขอให้สองสามีภรรยาพวกเขาไปโน้มน้าวใจท่านหญิงแล้วอ๋องฮวยรับปาก ส่วนเขาจะไปจริงหรือไม่ คนของจวนเฉิงเอินป๋อก็ไม่รู้เรื่องพระชายาอ๋องฮวยอยากเจอหลานเอ่อร์มาโดยตลอด แต่เรื่องถึงขนาดนี้ พระราชโองการก็มาแล้ว คงต้องหย่าแน่ๆ ไม่มีทางอื่นแล้ว เพราะงั้นนางก็เลยอยากรับหล
สิ่งของทั้งหมดบนรถม้าถูกขนลงและวางไว้นอกห้องโถงหลักของจวนอ๋องฮวยพระชายาอ๋องฮวยไม่ได้มองเลย นางแค่ทำหน้าบึ้งตึงซ่งซีซีกล่าวว่า "ถ้าพระชายาอ๋องฮวยไม่ตรวจดูตอนนี้ เดี๋ยวค่อยตรวจที่หลังก็ได้ หากมีสิ่งใดขาดหายไปก็แค่ส่งคนมาแจ้งหน่อย ส่วนของขวัญที่ท่านแม่มอบให้พระชายาอ๋องฮวยนั้นก็คืนมาให้ด้วยนะ ข้าจำได้ว่ามียาของร้านขายยาเย่าหวังไม่น้อยเลย"พระชายาอ๋องฮวยหันหลังออกไปพูดอย่างเย็นชา "ยากินหมดตั้งนานแล้ว ให้ข้าคืนให้อย่างไร เจ้าทำเช่นนี้มิกลัวท่านแม่ของเจ้าจะเสียใจเหรอ?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ท่านแม่เอ็นดูหลานเอ่อร์มาโดยตลอด ถ้านางรู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อหลานเอ่อร์เช่นนี้ ข้าเชื่อว่านางจะตัดความเป็นพี่น้องกับเจ้าด้วยเช่นกัน"มีน้ำตาในดวงตาของพระชายาอ๋องฮวย "ซีซี ทำไมเจ้ากลายเป็นแบบนี้ ไม่แม้แต่เห็นน้าอยู่ในสายตา บีบบังคับให้น้องของเจ้าหย่า น้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจกัน เป็นเพราะตอนที่เจ้าหย่ากับจ้านเป่ยว่างนั้น น้าไม่ได้ออกหน้าช่วยเจ้าหรือ""อย่าพูดเรื่องเก่าๆ อีก หวังว่าพระชายาจะเป็นคนทำอะไรเด็ดขาดหน่อย"พระชายาอ๋องฮวยมองดูนางด้วยสีหน้าโศกเศร้าและเสียใจ "น้าคุยกับเจ้าดีๆ ได้ไหม? เราสองครอบครัวไม่
ซ่งซีซีจะปล่อยให้นางสมหวังได้อย่างไร? ในเมื่อนางไม่กลัวที่จะหน้าแตก ไม่กลัวจะทำให้ทางจวนอ๋องฮวยและจวนเฉิงเอินป๋อเสียหน้า งั้นก็เอาเลยซ่งซีซีกล่าวอย่างเคร่งเครียด "ก่อนอื่น เมื่อเหลียงเส้ารักใคร่อนุไม่สนใจภรรยาเอกนั้น หลานเอ่อร์ได้ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อแม่ของนาง แต่พวกเจ้าแค่อยู่เฉยๆ ยังให้นางอดทนเอาไว้ เป็นถึงท่านหญิงผู้สูงศักดิ์และเป็นภรรยาเอกของซื่อจื่อกลับต้องยอมให้หญิงงามเมืองคนหนึ่ง มิทราบว่าพวกเจ้าได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีของราชวงศ์หรือไม่ ที่สอง ครั้งแรกที่หลานเอ่อร์ถูกเหลียงเส้าทุบตีอย่างหนักจนต้องนอนพักบนเตียงเพื่อดูแลครรภ์ เจ้ากับท่านอ๋องไม่เคยออกหน้าเพื่อตำหนิเหลียงเส้าสักคำ แต่เพียงสั่งคนส่งอาหารเสริมไปที่จวนเฉิงเอินป๋อ แล้วให้นางอดทนต่อ รอให้เหลียงเส้ากลับเนื้อกลับใจ ที่สาม ที่หลานเอ่อร์แท้งบุตรเพราะถูกเหลียงเส้าผลักลงบันไดหิน และเกือบจะไม่รอดเลย ในช่วงเวลาวิกฤตนั้นคนที่นางเรียกคือท่านพี่ มิใช่เป็นเสด็จแม่อย่างกับเจ้า ตอนที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ก็โกรธที่เหลียงเส้าใจร้ายกับภรรยาของเขา และปฏิบัติต่อท่านหญิงอย่างโหดร้าย แทนที่จะรู้สึกห่วงใยเป็นทุกข์ใจกับลูกสาวตอนเอง กลั
อ๋องเยี่ยนและอ๋องฮวยถูกคุมตัวออกมาจากประตูเมือง โดยที่อู๋เซี่ยงเป็นคนพาพวกเขาออกมาเอง อ๋องฮวยนึกว่าเมื่อถึงตอนส่งตัว อู๋เซี่ยงจะสั่งให้คนปล่อยเขา แต่พอทหารจากกองทัพเมืองหลวงเข้ามาจับกุมกลับไม่มีคำสั่งใดๆ จากอู๋เซี่ยง เขาเริ่มหวาดหวั่น พยายามดิ้นรนมองไปที่อู๋เซี่ยง ดวงตาเต็มไปด้วยคำถาม อู๋เซี่ยงพยักหน้าให้เล็กน้อยเพื่อให้เขาวางใจ แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจ เพราะก่อนหน้านี้บอกไว้เพียงแค่จะมัดเขาออกไปด้วย แต่จะส่งมอบเฉพาะพี่สามเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับส่งตัวเขาพร้อมกับเขาให้ทหารจากเมืองหลวง หรือนี่หมายความว่าพวกเขาตั้งใจจะสละเขา? คิดได้ดังนั้น เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ข้าไม่มีความผิด ข้าเป็นคนจับอ๋องเยี่ยนไว้ พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เจ้าสิบเอ็ดฝางมองเขาอย่างเย็นชา “โง่เขลา!” “อู๋เซี่ยง!” หัวใจของอ๋องฮวยราวกับตกลงไปในหุบเหว เขาหันไปมองอู๋เซี่ยงอย่างร้อนรน ใบหน้าจากแข็งกร้าวแปรเปลี่ยนเป็นวิงวอน “ท่านอู๋เซี่ยง ท่านก็รู้ว่าข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่ได้คิดก่อกบฏ รีบบอกท่านแม่ทัพฝางให้ชัดเจนเสียที!” อู๋เซี่ยงหลุบตาลง กล่าวอย่างสงบว่า “เชื่อว่าฮิ่งเต้ของพวกเราจะทรงตัดสินค
อ๋องเยี่ยนยังไม่รู้ว่าการเจรจาครั้งนี้เป็นเพียงแค่ฉากบังหน้า สุดท้ายแล้วเขาจะถูกส่งมอบออกไป เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อให้กองกำลังของเจ้าสิบเอ็ดฝางบุกเข้าเมือง เจ้าสิบเอ็ดฝางยอมรับข้อเสนอการเจรจา เขาเดินทางไปเพียงลำพัง ฝ่ายอู๋เซี่ยงก็ไปเพียงคนเดียวเช่นกัน แม้จะมีคนติดตามอยู่ แต่ก็อยู่ห่างออกไปสิบจั้ง อู๋เซี่ยงแสร้งแสดงความบริสุทธิ์ใจว่า ขุนนางส่วนใหญ่ในเยี่ยนโจว รวมถึงตัวเขาเอง ต่างไม่รู้ว่าอ๋องเยี่ยนคิดก่อกบฏ ส่วนคนที่รู้ก็เพราะถูกข่มขู่ด้วยอำนาจของอ๋องเยี่ยนจนไม่กล้าพูด เจ้าสิบเอ็ดฝางแสดงท่าทีไม่เชื่อ คิดว่าพวกเขาล้วนสมคบคิดกันมานานแล้ว ท่าทีที่แข็งกร้าวของเจ้าสิบเอ็ดฝาง ทำให้อู๋เซี่ยงเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางสืบรู้เกี่ยวกับหนิงจวิ้นอ๋องหรือกองกำลังลับที่กำลังเดินทางมา นอกจากจะประเมินจากท่าทีของเขาแล้ว อู๋เซี่ยงยังมีความเชื่อมั่นในชิวเหมิงอย่างมาก ความนับถือและความไว้วางใจนี้ มาจากความสามารถของชิวเหมิงที่สามารถเกลี้ยกล่อมตระกูลเสิ่นได้ ก่อนหน้านี้ ทั้งอู๋เซี่ยงและอ๋องเยี่ยนพยายามมานานเพื่อดึงตระกูลเสิ่นเข้าร่วม แต่ก็ไม่อาจทำให้หัวหน้าตระกูลเสิ่นยอมรับได้ การที่ตระ
เจ้าสิบเอ็ดฝางได้รับรายงานจากสายลับมานานแล้วว่า มีกองกำลังลึกลับหลายกลุ่มกำลังรวมตัวกันนอกหนิงโจว และกำลังมุ่งหน้ามายังเยี่ยนโจว ก่อนหน้านี้ไม่นาน เขาก็ได้รับจดหมายจากอาจารย์หยู เตือนว่าอ๋องเยี่ยนอาจแสร้งยอมแพ้ ล่อลวงให้กองทัพเข้ามาในเมือง จากนั้นก็ทำศึกประสานภายในและภายนอก เขายังรู้อีกว่า อ๋องเยี่ยนเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งของหนิงจวิ้นอ๋องเท่านั้น เขาเองก็เคยเป็นสายลับเก็บข่าวมาหลายปี เพียงมีข้อมูลสองสามจุด เขาก็สามารถวิเคราะห์สถานการณ์และวางกลยุทธ์ได้ หลูหงกับฉีฟางที่เดิมควรจะประจำอยู่ในเมืองหลวง กลับปรากฏตัวที่นอกเยี่ยนโจวเพื่อสมทบกับเขาเมื่อวานนี้ ตอนแรกเขารู้สึกประหลาดใจ เพราะเมืองหลวงควรเป็นที่ที่อันตรายที่สุด เหตุใดจึงส่งทั้งสองคนนี้มาที่นี่ เมื่อได้ฟังฉีฟางอธิบาย เขาจึงรู้ว่าอาจารย์ของใต้เท้าซ่ง ประมุขแห่งสถาบันว่านซงเหมิน ได้เดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยตนเอง และนำคนจากยุทธภพไปช่วย เขาจึงวางใจ คนจากยุทธภพโดยทั่วไปจะไม่เข้าร่วมการเมืองของราชสำนัก แต่หากมีขบถสร้างความวุ่นวาย พวกเขาจะลงจากเขาเพื่อรักษาความยุติธรรม เหตุการณ์เช่นนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนอื่นเขาอาจไม
พอตกค่ำ จินซิวเต๋อพาสายลับกลับมารายงานอย่างรีบร้อนว่า “ท่านอ๋อง เฮ่อซวงจื้อได้รวบรวมกำลังพลที่กระจัดกระจายของพวกเราจนครบแล้ว อีกทั้งยังได้รับม้าอีกห้าร้อยตัวจากตระกูลเสิ่น กำลังเดินทางกลับมา ตามเวลาที่คาดไว้ อีกสามวันจะถึงขอรับ” อ๋องเยี่ยนลุกพรวดขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง “จริงหรือ!?” “เป็นความจริงแน่นอนขอรับ สายลับอยู่ด้านนอก ท่านอ๋องสามารถเรียกมาสอบถามได้” “รีบเรียกเข้ามา!” อ๋องเยี่ยนนั่งลง หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดกองกำลังก็ถูกรวบรวมทั้งหมด แต่เหตุใดตระกูลเสิ่นถึงยอมมอบม้าสงครามห้าร้อยตัว? ตั้งแต่เกิดเรื่องของเสิ่นว่านจือ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเสิ่นก็ขาดสะบั้นไปแล้ว สายลับเดินเข้ามา คุกเข่าลงข้างหนึ่ง “ท่านอ๋อง ใต้เท้าเฮ่อมีคำสั่งให้ข้าน้อยมารายงานว่า กองกำลังส่วนตัวถูกรวบรวมเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งอาจารย์ชิว ที่ปรึกษาของหนิงจวิ้นอ๋อง ได้นำกองทัพห้าพันนายและม้าห้าร้อยตัวมาช่วย หนิงจวิ้นอ๋องมีข้อเรียกร้องเพียงอย่างเดียว คือช่วยชีวิตท่านอ๋องฮุยออกมาให้ได้” อ๋องเยี่ยนได้ยินชื่อหนิงจวิ้นอ๋องก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่ไหนแต่ไรเขาพยายามจะดึงหนิงจวิ้นอ๋องมาร่วมมือ
ท่านอ๋องฮุยกำหมัดแน่น ก่อนจะเดินตามไปทันที เมื่อหมอมาตรวจดู ลุงสิบสามขาหักทั้งสองข้าง ฟันหักไปสามซี่ กระดูกใบหน้าหักหลายแห่ง แต่เขายังคงยิ้มให้ท่านอ๋องฮุย แม้ความเจ็บปวดจะทำให้เขาเจ็บปากปวดเขี้ยว เขาก็จะยิ้มเขาไม่เป็นไรหรอก ท่านอ๋องฮุยหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเจ็บปวด คนที่ติดตามเขามาทั้งชีวิตกลับต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาทั้งโกรธแค้นและรู้สึกหมดหนทาง ตราอาญาสิทธิ์ของเขานั้น ตอนที่อยู่หนิงโจวได้มีการหลอมขึ้นมาอีกหนึ่งชิ้น เพื่อป้องกันว่าหากวันใดวันหนึ่งหากลูกชายของเขาขโมยตราไปใช้บัญชาคนของเขา หากเขาทราบเรื่องได้ทันท่วงที ก็จะสามารถให้คนอื่นถืออีกหนึ่งตราไปหยุดยั้งได้แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้กลับได้ใช้ประโยชน์จริงๆ ความวุ่นวายเรื่องงานสร้างคลองสงบลงอย่างรวดเร็ว จินชางหมิงถูกปลดจากตำแหน่งฐานะตรวจสอบงานไม่รอบคอบ และถูกส่งตัวไปขังคุก ส่วนงานก่อสร้างคลองถูกมอบหมายให้ท่านโหวเซวียนผิงเป็นผู้ดูแลด้วยตนเอง สำหรับขุนนางกรมจัดการแม่น้ำคนอื่นๆ ทั้งหมดก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งฐานละเลยหน้าที่ แต่ทั้งจักรพรรดิ์ซูชิงและซ่งซีซีต่างก็รู้ดีว่า ผู้ที่ควบคุมการก่อสร้างคลองนั้น แม้ภายนอกจะดูเ
พอฟ้าสาง เหรินหยางอวิ๋นก็พาพวกเขาไปยังตึกว่างจิง ซ่งซีซีจึงได้รู้ว่าผู้ที่มาไม่ได้มีแค่อาจารย์จากสำนักของพวกนาง แต่ยังมีเหล่าประมุขและผู้อาวุโสจากหลายสำนักมาด้วย แม้แต่อาจารย์ของเสิ่นว่านจือ กุ้นเอ๋อร์ และหมั่นโถวก็ยังมาถึงที่นี่ เสิ่นว่านจือร้องเสียงดังสองครั้งเมื่อเห็นอาจารย์ของนาง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหา “ท่านอาจารย์ ท่านมาถึงที่นี่ได้อย่างไร? ทำไมไม่บอกข้าก่อนเลยเจ้าคะ?” ประมุขชื่อเยียนยิ้มอย่างเอ็นดูพลางมองศิษย์ตัวน้อยที่เป็นเหมือนขุมทรัพย์ของเขา “ได้ยินว่าพวกเจ้าต้องปกป้องเมืองหลวง ข้าย่อมต้องมาเองเพื่อเป็นกำลังเสริมช่วยพวกเจ้า” “ท่านอาจารย์ช่างดีจริงๆ เดี๋ยวข้าจะจัดหาที่ดินอีกผืนให้ท่านนะเจ้าคะ” เสิ่นว่านจือพูดพลางคล้องแขนท่านอาจารย์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ประมุขชื่อเยียนเอ็ดนางเบาๆ “ข้าจะเอาที่ดินมากมายของเจ้าไปทำอะไร? ไม่ต้องซื้อให้อีกแล้ว ข้าได้ยินมาว่าบนภูเขาตู๋กูมีบ่อน้ำแร่แห่งหนึ่ง ข้าอยากซื้อไว้ให้เหล่าศิษย์พี่ศิษย์น้องของเจ้าได้แช่พักฟื้นกล้ามเนื้อ เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง” เสิ่นว่านจือพยักหน้าอย่างใจกว้าง “จัดไป!” ทุกคนต่างมองประมุขชื่อเยียนด้วยสายตาอิจ
พวกมันมีวิชาตัวเบาที่สูงส่ง ต่างกระจายตัวหลบหนี เหรินหยางอวิ๋นจะตามจับคนใดคนหนึ่งนั้นพอทำได้ แต่จะไล่ตามให้หมดทุกคนก็เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ตาม เพียงแต่ในความมืด คว้าหูของซ่งซีซีได้ในมือเดียว แล้วบิดจนแทบจะพลิกกลับ “เจ้ากล้าดีนัก คิดจะรบโดยไม่ตั้งการป้องกันเลยหรือ? คิดว่าตนเองไร้เทียมทานแล้วอย่างนั้นหรือ? เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนที่เก่งกว่า เคยได้ยินหรือไม่?” ซ่งซีซีร้องโอดโอยเสียงดัง อาจารย์หยูจุดตะเกียงขึ้น ส่องให้เห็นรอยเลือดบนร่างกายของทุกคน เหรินหยางอวิ๋นเพิ่งเห็นว่าซ่งซีซีได้รับบาดเจ็บ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมือที่บิดหูของนาง กลับยิ่งออกแรงเพิ่มขึ้นกัดฟันพูดว่า “เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าเซี่ยทิงเหยียนจะทำอะไร? ถึงไม่ยอมเขียนจดหมายกลับไปขอความช่วยเหลือที่เหมยซาน? ข้าว่าเจ้ายิ่งนับวันยิ่งเหลิงเกินไปแล้ว รอให้อาจารย์อาของเจ้ามาถึงก่อนเถอะ เจ้าจะต้องเจอดีแน่” นี่เป็นครั้งแรกที่เหรินหยางอวิ๋นโกรธซ่งซีซีมากเช่นนี้ แต่ก่อนนางทำความผิดใหญ่โตแค่ไหน เขาก็ยังยอมก้มหัวมอบของกำนัลผู้อื่นไปขอโทษแทนนาง แต่คราวนี้กลับกลายเป็นซ่งซีซีที่ต้องก้มตัวขอร้องแทน “รู้แล้วว่าผิดเจ้าค
ท่านอ๋องฮุยให้นางวางดาบลง กล่าวว่า “คืนนี้จะไม่เคลื่อนไหว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้งสองฝ่าย” กู้ชิงหยิงถามว่า “ทำไมล่ะ? ท่านไม่ได้บอกหรือว่าเหรินหยางอวิ๋นนั้นเก่งกาจมาก? เขาออกโรงมาแล้วไม่สามารถจับตัวท่านเจ้าเมืองได้หรือ?” “ไม่จับหรอก” ท่านอ๋องฮุยยกมือขึ้นนวดคิ้ว “เจ้าสิบเอ็ดฝางล้อมเยี่ยนโจวไว้แต่กลับไม่เคลื่อนไหว ก็เพราะรู้ว่าชิวเหมิงได้คุมอำนาจของอ๋องเยี่ยนไปแล้ว อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนในเยี่ยนโจวก็เข้าร่วมกับกองทัพที่เรียกว่ากองทัพประชาชน หากเมืองหลวงแพ้ เยี่ยนโจวและหนิงโจวจะใช้ชื่อราชสำนักเป็นข้ออ้างเพื่อสังหารชาวบ้าน ซึ่งจะยิ่งก่อให้เกิดการลุกฮือที่รุนแรงยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ซ่งซีซีไม่สามารถเคลื่อนไหวก่อนเวลาได้” กู้ชิงหยิงรีบโยนดาบทิ้งทันที “แล้วทำไมท่านเจ้าเมืองถึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม?” ท่านอ๋องฮุยกล่าวว่า “ง่ายมาก เขาต้องการให้ชิวเหมิงขับไล่เจ้าสิบเอ็ดฝางและได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด จากนั้นจึงเปิดศึกกับมู่ฉงกุยเพื่อไม่ให้มู่ฉงกุยกลับไปเมืองหลวงเพื่อช่วยเหลืออ๋องได้ เขาจะได้ครองเมืองหลวงอย่างมั่นคง” ท่านอ๋องฮุยรู้แผนการของเขาเป็นอย่างดี “หลังจากนั
ประมาณช่วงตีสาม ฝนค่อยๆ ซาลง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าอากาศไม่ได้อบอ้าวนัก และหลับใหลได้หวานละมุนยิ่งขึ้นเงาร่างเจ็ดแปดสายพุ่งผ่านรัตติกาลของเมืองหลวงที่ถูกห้ามสัญจร ยามปลายเท้าสัมผัสหลังคาดั่งนกนางแอ่นโฉบผ่าน ไร้ซึ่งร่องรอยประหนึ่งเหยียบหิมะไร้เสียงเหล่าเงาร่างตกลงบนจวนกองกำลังเมืองหลวง ภายในจวนกองกำลังเมืองหลวงเหล่าทหารเวรยามได้ถอนออกไปแต่แรก เหลือเพียงพวกเขาสองสามคนในโถงใหญ่ ตั้งท่าเตรียมพร้อมอย่างเข้มงวดพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง กำอาวุธในมือแน่น …มาแล้ว!แสงตะเกียงริบหรี่ ขณะเงาดำปราดเข้ามา ลมฝ่ามือระลอกหนึ่งทำให้เปลวไฟดับสนิทในความมืดสนิท ยื่นมือออกไปยังไม่เห็นแม้สักนิ้วพวกเขาทำได้เพียงอาศัยฟังเสียงลมหายใจของฝ่ายตรงข้ามเพื่อกะตำแหน่งเซี่ยทิงเหยียนมีวรยุทธ์ภายในลึกล้ำ ไม่อาจเทียบกับผู้ใด ท่วงท่าลงมือรวดเร็วดุดัน ฟันกระบี่ผ่านอากาศมุ่งหมายคอหอยของซ่งซีซีโดยตรงซ่งซีซีกระโจนขึ้นเหยียบกระบี่หลบพ้น หมุนตัวลงพื้นด้วยหอกดอกท้อเหวี่ยงกวาด สลายภัยตรงหน้า แล้วอาศัยกลิ่นอายชี้ทางหาเสิ่นว่านจือ เบียดหลังชนกันเพื่อต้านศัตรูการประหัตประหารในความมืดมิดดุเดือดสุดเปรียบ ได้ยินเพียงเสียงอาวุธ