Share

บทที่ 635

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เซี่ยหลูโม่ถามว่า "ตอนนี้นางเป็นยังไงบ้าง? เด็กคนนั้นไม่อยู่แล้วจริงๆ หรือ?"

"ไม่อยู่แล้ว นางเกือบจะเลือดออกเยอะ โชคดีที่หมอมหัศจรรย์ดันอยู่ที่นี่ ดังนั้นเอาชีวิตรอดแล้ว แต่ต้องพักฟื้นอย่างน้อยถึงปีถึงกับหายดี ตอนนี้นางหลับไปแล้ว เมื่อนางตื่นขึ้นคงต้องเศร้าใจอีก"

เซี่ยหลูโม่ถอนหายใจ "ถึงยังไงก็ตั้งครรภ์มาสิบเดือนเลย นางต้องเศร้าใจอยู่แล้ว"

ใบหน้าของซ่งซีซีซีดเล็กน้อย "นางเกือบจะไม่รอดด้วย ศิษย์น้อง อย่าปล่อยเหลียงเส้าไป อย่างน้อยต้องให้เขาติดคุกสักสองสามปี"

"ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้า" เซี่ยหลูโม่รู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นนางดูบอบบางแต่แข็งแกร่งท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อหลานเอ่อร์คลอดนั้น ซีซีคงจะกลัวมากกลัวที่จะสูญเสียหลานเอ่อร์ไป

ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นยา เหลียงเส้า!

"รอจนกว่าหลานเอ่อร์ออกไปก่อนค่อยดำเนินการ" ซ่งซีซีกล่าว "เผื่อสร้างปัญหาอะไรให้นางอีก ถ้าจับตัวเหลียงเส้าออกไปตอนนี้ จะต้องมีคนจำนวนมากร้องขอหลานเอ่อร์อย่างแน่นอน ข้าไม่ต้องการให้คนพวกนั้นมารบกวนนาง"

"เอาล่ะ ข้าจะกลับไปที่หอต้าหลี่ก่อน พรุ่งนี้เจ้าพาหลานเอ่อร์ออกไปแล้ว ข้าค่อยส่งคนไปจับกุมเหลียงเส้า
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 636

    ซ่งซีซีเฝ้าดูโดยไม่หลับตา เสิ่นว่านจือย้ายเก้าอี้มานั่งเฝ้าอยู่นอกม่าน และไม่มีใครกล้าเข้าไปฮูหยินเฉิงเอินป๋อให้คนมาส่งอาหารให้พวกนาง แต่ซ่งซีซีกินไม่ลง เสิ่นว่านจือกินไปสองสามคำ เมื่อนึกถึงหลานเอ่อร์เจ็บปวดจนบิดเบี้ยวร่างกายไปมา นางก็กินไม่ลงเช่นกัน รู้สึกอึดอัดมากในตอนกลางคืน หลานเอ่อร์ตื่นขึ้นมา นางลืมตาขึ้นและตะโกนเรียกท่านพี่ด้วยความงุนงง เมื่อเห็นซ่งซีซีจับมือนางไว้แน่นตลอด เมื่อได้นางเรียกก็ออกแรงมากขึ้น "อยู่ ข้าอยู่นี่"หงเชวี่ยถือโอกาสให้ยานาง นางว่าง่ายมาก หลังจากกินยาเสร็จแล้วก็ไม่ลืมตาขึ้นอีกและนอนต่อไป แต่น้ำตาก็ไหลออกมาจากหางตาของนาง ซ่งซีซีช่วยนางปาดออก "ไม่เป็นไร ช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดเราก็ผ่านมาแล้ว ต่อไปก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ"หลานเอ่อร์ซึ่งพลังงานหมดสิ้นลงราวกับทะเลสาบที่เหือดแห้ง นางต้องกินยาสามครั้งเพื่อทำน้ำกลับมา นางเหนื่อยมากจนหลับไปอีกครั้งหลังจากกินยาเสร็จหงเชวี่ยนอนหลับไปสักพักแล้วจึงเข้ามากระซิบกับซ่งซีซี "พระชายา ท่านไปพักผ่อนสักหน่อยก่อน ข้ามาเฝ้าดูให้""ไม่เป็นไร ข้าไม่ง่วง" ซ่งซีซีส่ายหัว "เจ้าคงเหนื่อยแย่ในกลางวัน เจ้าไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวยามสี่ก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 637

    ร่างกายของหลานเอ่อร์ยังอ่อนแอมาก นางรู้ว่าเด็กจากไปแล้ว นางรู้ว่าเด็กจากไปแล้วก่อนที่หมอมหัศจรรย์ดันมานางกลั้นน้ำตาไว้ต่อหน้าท่านพี่และไม่ร้องไห้ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเอข้าพักที่เรือนนั้น พอท่านพี่ออกไป นางก็ห่อผ้าห่มร้องหนักเลยเสิ่นว่านจือต้องการเข้าไปปลอบใจนาง แต่ซ่งซีซีหยุดไว้และส่ายหัว "คำปลอบของผู้ใดก็ไร้ผลหรอก นางต้องผ่านมันด้วยตนเอง"มีความเจ็บปวดบางอย่าง ให้ความปลอบใจจะไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ทำให้หลั่งน้ำตามากขึ้น ทำให้นคำนึงถึงความทรงจำและความเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้นหงเซียวเข้ามารายงานว่านางเสิ่นพระชายาอ๋องเยี่ยนและและชายารองจินได้ไปที่จวนป๋อผิงซี หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นว่านจือก็บอกกับซ่งซีซีซ่งซีซีอึ้งไป เพิ่งนึกถึงการมาเยี่ยมของนางจี ฮูหยินป๋อผิงซีเมื่อวานนี้ มันเป็นวันที่ยาวนานมากจริงๆ และนางก็มีภาพลวงตาว่าการมาเยี่ยมของนางจีเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว"ภายในขอบเขตที่เหมาะสม ให้จับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่อย่าเกินไป เดี๋ยวโดนสังเกตเห็น" ซ่งซีซีกล่าว"ไม่ต้องห่วง พวกนางคือคนที่ได้รับการฝึกฝนจากศิษย์พี่ผิง ทำอะไรรู้การรู้งานอยู่แล้ว"ซ่งซีซีพยักหน้า จากนั้นไปหาศิษย์พี่ซือโซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 638

    ซ่งซีซีคิดถึงความเป็นไปได้นี้และกล่าวว่า "มันเป็นไปได้จริงๆ จริงๆ แล้วเหล่าเซี่ยคนนี้ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก คนประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะตกลงไปในกับดักนี้มากที่สุด"ดวงตาของเสิ่นว่านจือเบิกกว้าง "ข้าพูดแบบนี้ เจ้ายังเห็นด้วยหรือ อย่างน้อยเจ้าก็โต้แย้งข้าสักหน่อยสิ เจ้าฟังดูแล้วไม่รู้อึดอัดใจบ้างหรือ?"ซ่งซีซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ไม่ใช่วิเคราะห์เรื่องนี้เหรอ? มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ สักหน่อย แล้วทำไมถึงรู้สึกอึดอัดล่ะ?""ข้าก็ว่าสมมุตินะ""เรื่องสมมุติจะเห็นมันเป็นจริงได้อย่างไร"เสิ่นว่านจือมองดูนาง และอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วจิ้มหน้าผากของนาง "เจ้าเนี่ย ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้ามีความรู้สึกต่อเหล่าเซี่ยจริงๆ หรือเปล่า แม้ว่าข้าจะไม่เคยรักใครเลย แต่คนที่เป็นของข้าก็ต้องเป็นของข้าเท่านั้น ใครที่มีใจให้เขา แม้ว่าข้าแค่ได้ยินแค่คิดอย่างนั้นเอง ข้าก็จะไม่สบอารฒณ์ จะไม่พอใจ""ตระหนี่!" ซ่งซีซีเหลือบมองนาง "เมื่อเกิดเรื่องจริงๆ ค่อยมาโกรธก็ไม่สายนี่ เรื่องที่ยังไม่เคยเกิด แค่จินตนาเองแล้วก็อารมณ์เสียเอง ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของตนเองแต่ยังทำร้ายร่างกายของตนเองด้วย ยิ่งกว่านั้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 639

    ซ่งซีซียิ้ม "ใช่ อย่างกับฮูหยินป๋อผิงซีด้วย สามารถแยกแยะอะไรถูกอะไรผิดได้ เรื่องระหว่างหวังชิงหลูและเจ้าสิบเอ็ด นางสามารถอยู่เข้าข้างเหตุผลแทนที่ไปช่วยคนในครอบครัวตนเอง สามารถทำเช่นนี้ได้ ถือว่าหายากจริงๆ ในตระกูลชั้นสูงมักจะยึดหลักการว่าเมื่อคนหนึ่งรุ่งเรืองงั้นทั้งครอบครัวจะรุ่งเรืองไป หากคนใดตนหนึ่งตกอับงั้นก็จะตกอับไปพร้อมกัน นางทำเช่นนี้ได้ถือว่าไม่ง่ายเลย""อืม คนที่เจ้าชื่นชม ข้าก็ชื่นชมด้วย" เสิ่นว่านจือเชิดถูที่ซ่งซีซี "ไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าตอนนี้อยู่ในจวนป๋อผิงซีกำลังคุยอะไรกับฮูหยินป๋อผิงซีสินะ คาดว่ากำลังช่วยท่านอ๋องคนแก่คนนั้นพยายามโน้มน้าวป๋อผิงซีหวังเบียวให้ไปเป็นพวกเลย"วันนี้จวนป๋อผิงซีเอิกเกริกมากจริงๆฮูหยินผู้เฒ่า นางจีฮูหยินป๋อผิงซี นางหลานฮูหยินรอง และผู้อาวุโสของตระกูลหวังบ้างต่างก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตานางเสิ่นและชายารองจินมาถึงพร้อมกับสาวใช้ องขวัญถูกกองไว้บนโต๊ะ มันสูงเท่ากับเนินเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางเสิ่นทุ่มเงินไปมากขนาดไหนเชียวนางเสิ่นหาใช่คนเจ้าแผนการ แต่นางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงสถานะของตนในฐานะพระชายาเอก และทำให้ดูเหนือกว่าชายารอง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 640

    ในจวนยังได้เชิญกลุ่มงิ้วมาในวันนี้ เพราะมาตรฐานในการต้อนรับพระชายาจะเรียบง่ายไปไม่ได้ และต้องเตรียมทั้งหมดเท่าที่จะทำได้แต่พอถามแล้วกลับไม่มีใครอยากดูงิ้ว เลยแล้วไปพวกนางอยู่จนถึงเย็น จากนั้นชายารองจินก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องของเราอยู่ที่เยี่ยนโจวมาโดยตลอดและแทบไม่ได้กลับเมืองหลวงเลย ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองหลวงมากนัก วันนี้เราสามารถพูดคุยกับฮูหยินอย่างสนุกสนาน ถือว่าเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ ไม่งั้นเดี๋ยวหาเวลาไปเที่ยวที่จวนอ๋องเยี่ยนดีไหม คุณชายอู๋เซี่ยงที่เดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับเราเป็นปรมาจารย์ทำนายที่มีชื่อเสียงในแคว้นซางของเรา จะถามโชคลาภ อนาคตหรือว่าสุขภาพล้วนแม่นยำหมด"ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประกาย "คุณชายอู๋เซี่ยง? เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวนี่ ขอท่านพระชายาช่วยแนะนำให้นะ เรารู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ"ชายารองจินพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฮูหยินผู้เฒ่า งั้นเราตกลงตามนี้นะ ท่านต้องมาถือว่าให้เกียรติเรานะ"ใบหน้าของนางจีแข็งทื่อด้วยรอยยิ้ม พอไปมาสู่กันเช่นนี้ งั้นสองตระกูลก็ถือว่าใกล้ชิดแล้ว อย่างน้อยคนนอกจะมองว่าเห็นคนสนิทกันไม่ได้อย่างแน่นอน!สมองของนางจีคิดท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 641

    อย่างไรก็ตาม พอเข้าหอต้าหลี่แล้ว คิดจะช่วยออกมาอย่างง่ายๆ ได้อย่างไรหญิงชราอดอาหารประท้วง หากถูกแพร่กระจายออกไปก็จะคิดว่าคนของทางจวนเฉิงเอินป๋อไม่กตัญญู ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวัง แต่ก็ใช้ความสัมพันธ์เท่าที่จะทำได้เพื่อหาคนไปขอร้องความเมตตาจากฮ่องเต้เฉิงเอินป๋อพอมีเส้นสายบ้าง โดยบอกกับเขาว่าในสถานการณ์นี้ ตราบใดที่ท่านหญิงให้อภัยเขาและยอมปล่อยเขาไป งั้นเหลียงเส้าก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการปล่อยตัวแต่ผู้ใดในจวนเฉิงเอินป๋อจะกล้าไปหาท่านหญิงล่ะ? ไม่มีหน้าไปทำและไม่กล้าด้วย เพราะพระชายาเป่ยหมิงอ๋องก็เฝ้าอยู่ที่นั่นในที่สุด เฉิงเอินป๋อก็ไปขอความช่วยเหลือกับอ๋องฮวย ตอนที่ทางหอต้าหลี่มาจับตัวเหลียงเส้านั้น อ๋องฮวยได้ออกหน้าช่วย ดูเหมือนว่าเขายังไม่ต้องการให้ท่านหญิงและเหลียงเส้าหย่ากัน ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ขอให้สองสามีภรรยาพวกเขาไปโน้มน้าวใจท่านหญิงแล้วอ๋องฮวยรับปาก ส่วนเขาจะไปจริงหรือไม่ คนของจวนเฉิงเอินป๋อก็ไม่รู้เรื่องพระชายาอ๋องฮวยอยากเจอหลานเอ่อร์มาโดยตลอด แต่เรื่องถึงขนาดนี้ พระราชโองการก็มาแล้ว คงต้องหย่าแน่ๆ ไม่มีทางอื่นแล้ว เพราะงั้นนางก็เลยอยากรับหล

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 642

    สิ่งของทั้งหมดบนรถม้าถูกขนลงและวางไว้นอกห้องโถงหลักของจวนอ๋องฮวยพระชายาอ๋องฮวยไม่ได้มองเลย นางแค่ทำหน้าบึ้งตึงซ่งซีซีกล่าวว่า "ถ้าพระชายาอ๋องฮวยไม่ตรวจดูตอนนี้ เดี๋ยวค่อยตรวจที่หลังก็ได้ หากมีสิ่งใดขาดหายไปก็แค่ส่งคนมาแจ้งหน่อย ส่วนของขวัญที่ท่านแม่มอบให้พระชายาอ๋องฮวยนั้นก็คืนมาให้ด้วยนะ ข้าจำได้ว่ามียาของร้านขายยาเย่าหวังไม่น้อยเลย"พระชายาอ๋องฮวยหันหลังออกไปพูดอย่างเย็นชา "ยากินหมดตั้งนานแล้ว ให้ข้าคืนให้อย่างไร เจ้าทำเช่นนี้มิกลัวท่านแม่ของเจ้าจะเสียใจเหรอ?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ท่านแม่เอ็นดูหลานเอ่อร์มาโดยตลอด ถ้านางรู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อหลานเอ่อร์เช่นนี้ ข้าเชื่อว่านางจะตัดความเป็นพี่น้องกับเจ้าด้วยเช่นกัน"มีน้ำตาในดวงตาของพระชายาอ๋องฮวย "ซีซี ทำไมเจ้ากลายเป็นแบบนี้ ไม่แม้แต่เห็นน้าอยู่ในสายตา บีบบังคับให้น้องของเจ้าหย่า น้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจกัน เป็นเพราะตอนที่เจ้าหย่ากับจ้านเป่ยว่างนั้น น้าไม่ได้ออกหน้าช่วยเจ้าหรือ""อย่าพูดเรื่องเก่าๆ อีก หวังว่าพระชายาจะเป็นคนทำอะไรเด็ดขาดหน่อย"พระชายาอ๋องฮวยมองดูนางด้วยสีหน้าโศกเศร้าและเสียใจ "น้าคุยกับเจ้าดีๆ ได้ไหม? เราสองครอบครัวไม่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 643

    ซ่งซีซีจะปล่อยให้นางสมหวังได้อย่างไร? ในเมื่อนางไม่กลัวที่จะหน้าแตก ไม่กลัวจะทำให้ทางจวนอ๋องฮวยและจวนเฉิงเอินป๋อเสียหน้า งั้นก็เอาเลยซ่งซีซีกล่าวอย่างเคร่งเครียด "ก่อนอื่น เมื่อเหลียงเส้ารักใคร่อนุไม่สนใจภรรยาเอกนั้น หลานเอ่อร์ได้ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อแม่ของนาง แต่พวกเจ้าแค่อยู่เฉยๆ ยังให้นางอดทนเอาไว้ เป็นถึงท่านหญิงผู้สูงศักดิ์และเป็นภรรยาเอกของซื่อจื่อกลับต้องยอมให้หญิงงามเมืองคนหนึ่ง มิทราบว่าพวกเจ้าได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีของราชวงศ์หรือไม่ ที่สอง ครั้งแรกที่หลานเอ่อร์ถูกเหลียงเส้าทุบตีอย่างหนักจนต้องนอนพักบนเตียงเพื่อดูแลครรภ์ เจ้ากับท่านอ๋องไม่เคยออกหน้าเพื่อตำหนิเหลียงเส้าสักคำ แต่เพียงสั่งคนส่งอาหารเสริมไปที่จวนเฉิงเอินป๋อ แล้วให้นางอดทนต่อ รอให้เหลียงเส้ากลับเนื้อกลับใจ ที่สาม ที่หลานเอ่อร์แท้งบุตรเพราะถูกเหลียงเส้าผลักลงบันไดหิน และเกือบจะไม่รอดเลย ในช่วงเวลาวิกฤตนั้นคนที่นางเรียกคือท่านพี่ มิใช่เป็นเสด็จแม่อย่างกับเจ้า ตอนที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ก็โกรธที่เหลียงเส้าใจร้ายกับภรรยาของเขา และปฏิบัติต่อท่านหญิงอย่างโหดร้าย แทนที่จะรู้สึกห่วงใยเป็นทุกข์ใจกับลูกสาวตอนเอง กลั

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1516

    เมื่อได้พักฟื้นอยู่ห้าวันที่ด่านเฉิงหลิง ฉินอ๋องก็ฟื้นตัวขึ้นมาบ้างแล้วเมื่อฉินอ๋องหายดี ก็ถึงเวลาต้องออกเดินทางกลับเมืองหลวงแม้จะอาลัยเพียงใด ซ่งซีซีก็ทำได้เพียงกลั้นน้ำตากล่าวคำอำลา นางคุกเข่าคารวะต่อหน้าแม่ทัพใหญ่เซียวอยู่หลายครั้ง จนแทบจะทำให้ท่านน้ำตาคลอหลี่เต๋อฮวยเป็นผู้ที่เคารพนับถือแม่ทัพใหญ่เซียวที่สุด เมื่อซ่งซีซีเพียงแค่น้ำตาคลอ แต่เขากลับปิดหน้าและร้องไห้ออกมาเต็มที่ เพราะเขารู้ว่า บางทีตลอดชีวิตนี้ อาจไม่มีโอกาสได้พบกับท่านแม่ทัพผู้เฝ้ารักษาด่านเฉิงหลิงมาเป็นสิบๆ ปีอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวเข้าสู่วัยชราโดยสมบูรณ์ เมื่อมองดูอีกครั้งก็ดูแก่ชรากว่าครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าฮ่องเต้จะพระราชทานอนุญาตให้ท่านกลับเมืองหลวงได้ แต่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยากลำบาก ทายาทตระกูลเซียวก็คงไม่ยอมให้ท่านเดินทางกลับอีกแล้วแม่ทัพใหญ่เซียวสนทนากับหลี่เต๋อฮวยอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าแทนที่จะบรรเทาความรู้สึกของเขา กลับทำให้เขาร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีกด้านนางหนานผู้เป็นป้าใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยถามถึงเรื่องของ พระชายาอ๋องฮวยเลย จนกระทั่งถึงเวลาต้องอำลากัน นางจึงดึงซ่งซีซีไปค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1515

    การเดินทางกลับเริ่มขึ้นในช่วงต้นเดือนเก้าอากาศไม่ร้อนจัดอีกต่อไป เริ่มมีความเย็นสบายแผ่วเบาซูลันจีนำทัพออกมาส่งด้วยตัวเอง พาพวกเขาไปจนถึงเมืองลู่เปินเอ่อร์ตลอดเส้นทางขากลับ ไม่มีการลอบสังหารเกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อข้ามภูเขาสลับซับซ้อนมาได้ ก็เข้าสู่เขตแดนของแคว้นซางเดิมทีพวกเขาไม่ได้แจ้งแม่ทัพใหญ่เซียวล่วงหน้า คิดว่าคงไม่มีใครมารับ แต่ทันทีที่เข้าสู่ชายแดนแคว้นซาง ก็พบว่าจ้านเป่ยว่างนำทัพเซียวเจียจวินรออยู่ที่นั่นเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาโดยปลอดภัย จ้านเป่ยว่างก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด เขากระตุ้นม้าเข้ามาใกล้ ก่อนลงจากหลังม้าแล้วทำความเคารพฉินอ๋อง หลี่เต๋อฮวยและขุนนางท่านอื่นๆ “ท่านอ๋อง เสนาบดีหลี่ ท่านขุนนางทั้งหลาย แม่ทัพใหญ่เซียวสั่งให้ข้านำทัพมาคอยเฝ้ารอที่นี่ทุกวัน เพื่อคุ้มกันพวกท่านกลับไปยังเฉิงหลิงกวน”หลี่เต๋อฮวยเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราจะกลับมาวันนี้?”จ้านเป่ยว่างตอบว่า “แม่ทัพใหญ่ไม่ทราบ เพียงแต่สั่งให้ข้าและกองทัพมาเฝ้าอยู่ที่นี่ทุกวัน”“ที่แท้เป็นเช่นนี้” หลี่เต๋อฮวยรู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่เซียวเป็นคนรอบคอบย

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1511

    ทว่า ซ่งซีซีสังเกตเห็นว่าบรรดาญาติวงศ์ตระกูลและขุนนางของซีจิงดูเหมือนไม่รู้เรื่องที่เป่ยถังจะเข้ามาแทรกแซงการเจรจา พวกเขาล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงหลังจากตกตะลึง พวกเขากลับแสดงความยินดีและมั่นใจออกมา คิดดูแล้วพวกเขาก็คงเห็นว่าการที่เป่ยถังเข้าร่วมเป็นการช่วยหนุนหลังซีจิงเห็นเช่นนี้ซ่งซีซีกลับรู้สึกวางใจขึ้นเล็กน้อยเพราะหากเป็นเช่นนั้นจักรพรรดินีหยวนซินย่อมสามารถแจ้งพวกเขาล่วงหน้าได้ อย่างน้อยก็ควรให้ขุนนางที่ร่วมเจรจารับรู้แต่นางเหตุใดจึงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้เล่าดูเหมือนว่ามีเพียงความเป็นไปได้หนึ่งเดียว นางเองก็หวังให้ต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนปรนกัน อีกทั้งบรรดาขุนนางในราชสำนักที่สนับสนุนนางนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางจึงเชิญเป่ยถังอันเฟิงชินอ๋องมา เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้เช่นนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าคืนก่อนที่จักรพรรดินีหยวนซินเรียกนางและเสิ่นว่านจือเข้าเฝ้าในวัง เหตุใดนางจึงกล่าวถ้อยคำว่าความปรารถนามิอาจเป็นจริง การสอบเข้ารับราชการของสตรีเป็นเพียงตัวอย่างที่ยกขึ้นมา นางต้องการสื่อว่าหลายๆ นโยบายล้วนผลักดันได้ยากหลังจากวิเคราะห์เหตุการณ์โดยละเอียดซ่งซีซีพลันรู้สึกมองโลกในแง่ดีขึ้นหลังจากง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status