ร่างกายของหลานเอ่อร์ยังอ่อนแอมาก นางรู้ว่าเด็กจากไปแล้ว นางรู้ว่าเด็กจากไปแล้วก่อนที่หมอมหัศจรรย์ดันมานางกลั้นน้ำตาไว้ต่อหน้าท่านพี่และไม่ร้องไห้ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเอข้าพักที่เรือนนั้น พอท่านพี่ออกไป นางก็ห่อผ้าห่มร้องหนักเลยเสิ่นว่านจือต้องการเข้าไปปลอบใจนาง แต่ซ่งซีซีหยุดไว้และส่ายหัว "คำปลอบของผู้ใดก็ไร้ผลหรอก นางต้องผ่านมันด้วยตนเอง"มีความเจ็บปวดบางอย่าง ให้ความปลอบใจจะไม่ได้ช่วยอะไร มีแต่ทำให้หลั่งน้ำตามากขึ้น ทำให้นคำนึงถึงความทรงจำและความเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้นหงเซียวเข้ามารายงานว่านางเสิ่นพระชายาอ๋องเยี่ยนและและชายารองจินได้ไปที่จวนป๋อผิงซี หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เสิ่นว่านจือก็บอกกับซ่งซีซีซ่งซีซีอึ้งไป เพิ่งนึกถึงการมาเยี่ยมของนางจี ฮูหยินป๋อผิงซีเมื่อวานนี้ มันเป็นวันที่ยาวนานมากจริงๆ และนางก็มีภาพลวงตาว่าการมาเยี่ยมของนางจีเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว"ภายในขอบเขตที่เหมาะสม ให้จับตาดูอย่างใกล้ชิด แต่อย่าเกินไป เดี๋ยวโดนสังเกตเห็น" ซ่งซีซีกล่าว"ไม่ต้องห่วง พวกนางคือคนที่ได้รับการฝึกฝนจากศิษย์พี่ผิง ทำอะไรรู้การรู้งานอยู่แล้ว"ซ่งซีซีพยักหน้า จากนั้นไปหาศิษย์พี่ซือโซ
ซ่งซีซีคิดถึงความเป็นไปได้นี้และกล่าวว่า "มันเป็นไปได้จริงๆ จริงๆ แล้วเหล่าเซี่ยคนนี้ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึก คนประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะตกลงไปในกับดักนี้มากที่สุด"ดวงตาของเสิ่นว่านจือเบิกกว้าง "ข้าพูดแบบนี้ เจ้ายังเห็นด้วยหรือ อย่างน้อยเจ้าก็โต้แย้งข้าสักหน่อยสิ เจ้าฟังดูแล้วไม่รู้อึดอัดใจบ้างหรือ?"ซ่งซีซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง "ไม่ใช่วิเคราะห์เรื่องนี้เหรอ? มันไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ สักหน่อย แล้วทำไมถึงรู้สึกอึดอัดล่ะ?""ข้าก็ว่าสมมุตินะ""เรื่องสมมุติจะเห็นมันเป็นจริงได้อย่างไร"เสิ่นว่านจือมองดูนาง และอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วจิ้มหน้าผากของนาง "เจ้าเนี่ย ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้ามีความรู้สึกต่อเหล่าเซี่ยจริงๆ หรือเปล่า แม้ว่าข้าจะไม่เคยรักใครเลย แต่คนที่เป็นของข้าก็ต้องเป็นของข้าเท่านั้น ใครที่มีใจให้เขา แม้ว่าข้าแค่ได้ยินแค่คิดอย่างนั้นเอง ข้าก็จะไม่สบอารฒณ์ จะไม่พอใจ""ตระหนี่!" ซ่งซีซีเหลือบมองนาง "เมื่อเกิดเรื่องจริงๆ ค่อยมาโกรธก็ไม่สายนี่ เรื่องที่ยังไม่เคยเกิด แค่จินตนาเองแล้วก็อารมณ์เสียเอง ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของตนเองแต่ยังทำร้ายร่างกายของตนเองด้วย ยิ่งกว่านั้น
ซ่งซีซียิ้ม "ใช่ อย่างกับฮูหยินป๋อผิงซีด้วย สามารถแยกแยะอะไรถูกอะไรผิดได้ เรื่องระหว่างหวังชิงหลูและเจ้าสิบเอ็ด นางสามารถอยู่เข้าข้างเหตุผลแทนที่ไปช่วยคนในครอบครัวตนเอง สามารถทำเช่นนี้ได้ ถือว่าหายากจริงๆ ในตระกูลชั้นสูงมักจะยึดหลักการว่าเมื่อคนหนึ่งรุ่งเรืองงั้นทั้งครอบครัวจะรุ่งเรืองไป หากคนใดตนหนึ่งตกอับงั้นก็จะตกอับไปพร้อมกัน นางทำเช่นนี้ได้ถือว่าไม่ง่ายเลย""อืม คนที่เจ้าชื่นชม ข้าก็ชื่นชมด้วย" เสิ่นว่านจือเชิดถูที่ซ่งซีซี "ไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าตอนนี้อยู่ในจวนป๋อผิงซีกำลังคุยอะไรกับฮูหยินป๋อผิงซีสินะ คาดว่ากำลังช่วยท่านอ๋องคนแก่คนนั้นพยายามโน้มน้าวป๋อผิงซีหวังเบียวให้ไปเป็นพวกเลย"วันนี้จวนป๋อผิงซีเอิกเกริกมากจริงๆฮูหยินผู้เฒ่า นางจีฮูหยินป๋อผิงซี นางหลานฮูหยินรอง และผู้อาวุโสของตระกูลหวังบ้างต่างก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตานางเสิ่นและชายารองจินมาถึงพร้อมกับสาวใช้ องขวัญถูกกองไว้บนโต๊ะ มันสูงเท่ากับเนินเขา ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางเสิ่นทุ่มเงินไปมากขนาดไหนเชียวนางเสิ่นหาใช่คนเจ้าแผนการ แต่นางก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแสดงสถานะของตนในฐานะพระชายาเอก และทำให้ดูเหนือกว่าชายารอง
ในจวนยังได้เชิญกลุ่มงิ้วมาในวันนี้ เพราะมาตรฐานในการต้อนรับพระชายาจะเรียบง่ายไปไม่ได้ และต้องเตรียมทั้งหมดเท่าที่จะทำได้แต่พอถามแล้วกลับไม่มีใครอยากดูงิ้ว เลยแล้วไปพวกนางอยู่จนถึงเย็น จากนั้นชายารองจินก็ยิ้มแล้วพูดว่า "ท่านอ๋องของเราอยู่ที่เยี่ยนโจวมาโดยตลอดและแทบไม่ได้กลับเมืองหลวงเลย ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยมีเพื่อนในเมืองหลวงมากนัก วันนี้เราสามารถพูดคุยกับฮูหยินอย่างสนุกสนาน ถือว่าเรามีวาสนาต่อกันจริงๆ ไม่งั้นเดี๋ยวหาเวลาไปเที่ยวที่จวนอ๋องเยี่ยนดีไหม คุณชายอู๋เซี่ยงที่เดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมกับเราเป็นปรมาจารย์ทำนายที่มีชื่อเสียงในแคว้นซางของเรา จะถามโชคลาภ อนาคตหรือว่าสุขภาพล้วนแม่นยำหมด"ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเป็นประกาย "คุณชายอู๋เซี่ยง? เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากทีเดียวนี่ ขอท่านพระชายาช่วยแนะนำให้นะ เรารู้สึกซาบซึ้งใจจริงๆ"ชายารองจินพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ฮูหยินผู้เฒ่า งั้นเราตกลงตามนี้นะ ท่านต้องมาถือว่าให้เกียรติเรานะ"ใบหน้าของนางจีแข็งทื่อด้วยรอยยิ้ม พอไปมาสู่กันเช่นนี้ งั้นสองตระกูลก็ถือว่าใกล้ชิดแล้ว อย่างน้อยคนนอกจะมองว่าเห็นคนสนิทกันไม่ได้อย่างแน่นอน!สมองของนางจีคิดท
อย่างไรก็ตาม พอเข้าหอต้าหลี่แล้ว คิดจะช่วยออกมาอย่างง่ายๆ ได้อย่างไรหญิงชราอดอาหารประท้วง หากถูกแพร่กระจายออกไปก็จะคิดว่าคนของทางจวนเฉิงเอินป๋อไม่กตัญญู ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าไม่ค่อยมีความหวัง แต่ก็ใช้ความสัมพันธ์เท่าที่จะทำได้เพื่อหาคนไปขอร้องความเมตตาจากฮ่องเต้เฉิงเอินป๋อพอมีเส้นสายบ้าง โดยบอกกับเขาว่าในสถานการณ์นี้ ตราบใดที่ท่านหญิงให้อภัยเขาและยอมปล่อยเขาไป งั้นเหลียงเส้าก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการปล่อยตัวแต่ผู้ใดในจวนเฉิงเอินป๋อจะกล้าไปหาท่านหญิงล่ะ? ไม่มีหน้าไปทำและไม่กล้าด้วย เพราะพระชายาเป่ยหมิงอ๋องก็เฝ้าอยู่ที่นั่นในที่สุด เฉิงเอินป๋อก็ไปขอความช่วยเหลือกับอ๋องฮวย ตอนที่ทางหอต้าหลี่มาจับตัวเหลียงเส้านั้น อ๋องฮวยได้ออกหน้าช่วย ดูเหมือนว่าเขายังไม่ต้องการให้ท่านหญิงและเหลียงเส้าหย่ากัน ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ขอให้สองสามีภรรยาพวกเขาไปโน้มน้าวใจท่านหญิงแล้วอ๋องฮวยรับปาก ส่วนเขาจะไปจริงหรือไม่ คนของจวนเฉิงเอินป๋อก็ไม่รู้เรื่องพระชายาอ๋องฮวยอยากเจอหลานเอ่อร์มาโดยตลอด แต่เรื่องถึงขนาดนี้ พระราชโองการก็มาแล้ว คงต้องหย่าแน่ๆ ไม่มีทางอื่นแล้ว เพราะงั้นนางก็เลยอยากรับหล
สิ่งของทั้งหมดบนรถม้าถูกขนลงและวางไว้นอกห้องโถงหลักของจวนอ๋องฮวยพระชายาอ๋องฮวยไม่ได้มองเลย นางแค่ทำหน้าบึ้งตึงซ่งซีซีกล่าวว่า "ถ้าพระชายาอ๋องฮวยไม่ตรวจดูตอนนี้ เดี๋ยวค่อยตรวจที่หลังก็ได้ หากมีสิ่งใดขาดหายไปก็แค่ส่งคนมาแจ้งหน่อย ส่วนของขวัญที่ท่านแม่มอบให้พระชายาอ๋องฮวยนั้นก็คืนมาให้ด้วยนะ ข้าจำได้ว่ามียาของร้านขายยาเย่าหวังไม่น้อยเลย"พระชายาอ๋องฮวยหันหลังออกไปพูดอย่างเย็นชา "ยากินหมดตั้งนานแล้ว ให้ข้าคืนให้อย่างไร เจ้าทำเช่นนี้มิกลัวท่านแม่ของเจ้าจะเสียใจเหรอ?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "ท่านแม่เอ็นดูหลานเอ่อร์มาโดยตลอด ถ้านางรู้ว่าเจ้าปฏิบัติต่อหลานเอ่อร์เช่นนี้ ข้าเชื่อว่านางจะตัดความเป็นพี่น้องกับเจ้าด้วยเช่นกัน"มีน้ำตาในดวงตาของพระชายาอ๋องฮวย "ซีซี ทำไมเจ้ากลายเป็นแบบนี้ ไม่แม้แต่เห็นน้าอยู่ในสายตา บีบบังคับให้น้องของเจ้าหย่า น้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจกัน เป็นเพราะตอนที่เจ้าหย่ากับจ้านเป่ยว่างนั้น น้าไม่ได้ออกหน้าช่วยเจ้าหรือ""อย่าพูดเรื่องเก่าๆ อีก หวังว่าพระชายาจะเป็นคนทำอะไรเด็ดขาดหน่อย"พระชายาอ๋องฮวยมองดูนางด้วยสีหน้าโศกเศร้าและเสียใจ "น้าคุยกับเจ้าดีๆ ได้ไหม? เราสองครอบครัวไม่
ซ่งซีซีจะปล่อยให้นางสมหวังได้อย่างไร? ในเมื่อนางไม่กลัวที่จะหน้าแตก ไม่กลัวจะทำให้ทางจวนอ๋องฮวยและจวนเฉิงเอินป๋อเสียหน้า งั้นก็เอาเลยซ่งซีซีกล่าวอย่างเคร่งเครียด "ก่อนอื่น เมื่อเหลียงเส้ารักใคร่อนุไม่สนใจภรรยาเอกนั้น หลานเอ่อร์ได้ขอความช่วยเหลือจากครอบครัวพ่อแม่ของนาง แต่พวกเจ้าแค่อยู่เฉยๆ ยังให้นางอดทนเอาไว้ เป็นถึงท่านหญิงผู้สูงศักดิ์และเป็นภรรยาเอกของซื่อจื่อกลับต้องยอมให้หญิงงามเมืองคนหนึ่ง มิทราบว่าพวกเจ้าได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีของราชวงศ์หรือไม่ ที่สอง ครั้งแรกที่หลานเอ่อร์ถูกเหลียงเส้าทุบตีอย่างหนักจนต้องนอนพักบนเตียงเพื่อดูแลครรภ์ เจ้ากับท่านอ๋องไม่เคยออกหน้าเพื่อตำหนิเหลียงเส้าสักคำ แต่เพียงสั่งคนส่งอาหารเสริมไปที่จวนเฉิงเอินป๋อ แล้วให้นางอดทนต่อ รอให้เหลียงเส้ากลับเนื้อกลับใจ ที่สาม ที่หลานเอ่อร์แท้งบุตรเพราะถูกเหลียงเส้าผลักลงบันไดหิน และเกือบจะไม่รอดเลย ในช่วงเวลาวิกฤตนั้นคนที่นางเรียกคือท่านพี่ มิใช่เป็นเสด็จแม่อย่างกับเจ้า ตอนที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ก็โกรธที่เหลียงเส้าใจร้ายกับภรรยาของเขา และปฏิบัติต่อท่านหญิงอย่างโหดร้าย แทนที่จะรู้สึกห่วงใยเป็นทุกข์ใจกับลูกสาวตอนเอง กลั
ในห้องหนังสือของจวนเป่ยหมิงอ๋องอาจารย์หยูรายงานสถานการณ์เสร็จแล้วก็นั่งลงก่อนจะจิบชา"หลังจากที่เฉิงเอินป๋อออกมาจากจวนอ๋องฮวย เขาก็ตรงไปที่จวนอ๋องเยี่ยนแล้วเหรอ?" เซี่ยหลูโม่เลิกคิ้ว "ฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเราจะไม่ผิด พวกเขาพี่น้องกำลังสมรู้ร่วมคิดกับองค์หญิงใหญ่""เพียงแต่ว่าอ๋องฮวยคนนี้เก็บลึกจริงๆ ก่อนหน้านี้เราไม่เคยสนใจเขาเลย" อาจารย์หยูกล่าว"หลายปีมานี้ข้าอยู่ในสนามรบเขตหนานเจียงมาโดยตลอด เรื่องมากมายในเมืองหลวงล้วนไม่รู้เรื่อง" เซี่ยหลูโม่วิเคราะห์ว่า "ตอนนี้พวกเขาน่าจะยังไม่พร้อม ไม่เช่นนั้นเมื่อฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์นั้น พวกเขาจะต้องลงมือแล้ว ตอนนั้นชายแดนเฉิงหลิงเกิดโกลาหล เขตหนานเจียงเกิดสงคราม และจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์หลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา"อาจารย์หยูคิดอยู่ครู่หนึ่งส่ายหัวแล้วพูดว่า "ตอนนั้นมันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา แต่ไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะยึดแำนาจเป็นฮ่องเต้ มีปัญหาทั้งภายในและภายนอก มารับช่วงต่อที่ยุ่งยากเช่นนี้ต้องไปต่อยาก""ยุ่งยาก แต่ก็มีความเป็นไปได้มากที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ""ท่า
ผู้ใต้บัญชาทำงานรวดเร็วยิ่งนัก ตอนที่เขาลืมตาตื่น เครื่องทรมานก็ถูกขนเข้ามาเรียบร้อยแล้วเตาถ่านถูกตั้งขึ้น คีมเหล็กถูกเผาจนแดง แส้ที่เปื้อนเลือดฟาดกลางอากาศสองสามครั้ง เพี้ยะ เพี้ยะ ดังสะท้านใจหลิวเซิ่งถึงอย่างไรก็เคยฆ่าคนมาก่อน ใจคอจึงหนักแน่นแม้ยามเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ มิแม้แต่กระพริบตา กล่าวว่า “พวกเจ้าตั้งศาลเถื่อนเช่นนี้ ถือเป็นความผิดใหญ่หลวง พวกเจ้ายังมีขื่อมีแปหรือไม่?”คนบางประเภทก็มักเป็นเช่นนี้ คิดว่ากฎหมายใช้บังคับกับใครก็ได้ ยกเว้นตนเองตนกระทำผิด แต่กลับคิดใช้กฎหมายปกป้องตนกับคนประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องโต้แย้ง การโต้แย้งมีแต่จะยิ่งเปิดช่องให้เขาพูดจาไร้สาระมากขึ้นข้าหยิบคีมเหล็กที่ถูกเผาจนแดงก่ำหนีบเข้าที่แขนเขาทันที พอกดแน่นลงไป เสื้อก็ละลายจนเป็นรู เสียงเนื้อถูกไหม้ดัง ซี่ๆๆ…เสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่เป็นไร ที่นี่เป็นห้องใต้ดินลับ ต่อให้ร้องจนเสียงขาดหาย ก็ไม่มีผู้ใดได้ยินแม้กระดูกจะแข็งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเครื่องทรมาน ก็ไร้ซึ่งพลังต่อต้านข้ายังมิทันได้เริ่มถอนเล็บ เขาก็สารภาพทุกสิ่งอย่างละเอียดทั้งสองครอบครัวสนิทกันจริง พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายร
ข้ามองดูหลิวเซิ่งพูดยั่วยุนางไม่หยุด คล้ายจะจงใจยั่วยุให้นางคิดสั้น ไม่ได้มีเจตนาจะลงมือฆ่าเอง“ครอบครัวเจ้าตายหมดแล้ว เจ้ายังจะอยู่ต่อไปอย่างครึ่งคนครึ่งผี บ้าๆ บอๆ เช่นนี้อีกหรือ? เจ้าก็แค่สวะ ครอบครัวเจ้าก็เป็นสวะ! ยังจะกล้ามาหัวเราะเยาะข้าว่าสอบไม่ติดอีกหรือ? พวกเจ้ามันสมควรตายทั้งบ้าน เจ้าดูเชือกที่ห้องเก็บฟืนสิ ใช้มันแขวนคอตัวเองเสีย แล้วจะได้ไปอยู่กับครอบครัวเจ้า”“หากเจ้ายังไม่ตาย พวกเขาจะต้องตกนรกสิบแปดชั้น ถูกไฟเผาทุกวัน ถูกควักหัวใจ ถอนลิ้น เพราะพวกเจ้ามันใจดำอำมหิต ชอบใส่ร้ายป้ายสี นี่คือกรรมสนองที่สวรรค์ประทานให้ พวกทำชั่วไม่สมควรมีชีวิตอยู่”ข้ายิ่งฟังยิ่งโกรธจนแทบระเบิด คนทำชั่วคือเขาชัดๆ แต่กลับพลิกกลับความหมายเสียอย่างหน้าด้านๆแม่นางสุ่ยในยามนี้ก็บ้าเสียแล้ว หากถูกเขายั่วยุหนักเข้า ก็อาจคิดฆ่าตัวตายได้จริงๆข้าเปิดประตูพุ่งออกไป ห้องข้ากับห้องแม่นางสุ่ยอยู่ติดกัน พอข้าไปถึง หลิวเซิ่งยังไม่ทันตั้งตัว ยังปิดปากแม่นางสุ่ยอยู่เมื่อเห็นข้า แววตาเขาก็สั่นไหว รีบปล่อยมือทันทีแม่นางสุ่ยตกใจจนน้ำตาร่วง แต่นางไม่ได้ส่งเสียงร้อง แม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มีข้าจ้องหน้าเขาแ
สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง
ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที
ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา
เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ
แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ
ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่
บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า