แชร์

บทที่ 618

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-09 18:29:09
เจ้าสิบเอ็ดยิ้มอย่างขมขื่น "ข้าเป็นคนส่งข่าวที่ข้าจะนัดบอดออกไป บัดนี้คงไม่สามารถบอกว่าข้าทำเพื่อให้หวังชิงหลูตายใจ จริงๆ แล้วข้ายังไม่คิดที่จะแต่งงานสินะ นี่จะทำให้คนอื่นคิดว่าข้าเป็นคนไม่น่าไว้ใจได้"

เสิ่นว่านจือถามว่า "งั้นเจ้าบอกมา หากเจ้าคิดจะแต่งงานจริงๆ จะพิจารณาคุณหนูหยานไหม"

"น้องเอ๊ย ข้าจะคู่ควรกับนางได้อย่างไร" เจ้าสิบเอ็ดยังคงยืนยันคำพูดเดิม และเสริมว่า "จริงๆ แล้วข้าก็ไม่รู้จักนาง รู้แต่ว่านางมีชื่อเสียงมาก แต่ถึงยังไงก็อายุน้อยกว่าข้าเกือบสิบปี อีกอย่างข้าเคยแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่ง จะให้อีกฝ่ายเสียเปรียบเช่นนั้นไม่ได้นะ"

"นางยินยอมล่ะ" เสิ่นว่านจือกล่าว

เจ้าสิบเอ็ดยิ้ม "จะยินยอมได้ยังไง แค่สาวน้อยชื่นชมวีรบุรุษที่กล้าหาญก็เท่านั้น แค่อารมณ์ชั่ววูบ คงต้องอย่างที่ท่านอ๋องว่า หาข้ออ้างดีๆ เพื่อปฏิเสธแบบอ้อมๆ อย่าทำร้ายศักดิ์ศรีในตัวตระกูลหยานและคุณหนูเลย น้อง เจ้าหัวไว ช่วยพี่คิดหน่อยสิ"

เสิ่นว่านจือกล่าวว่า "ข้าจะไม่ช่วยให้เจ้าหาวิธีวิธีปฏิเสธอีกฝ่ายหรอก ข้ามีความคิดเช่นเดียวกับแม่บุญธรรม หวังว่าเจ้าจะแต่งงานและมีลูกโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องกังวลว่าหวังชิงหลูตจะม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 619

    ข้ออ้างเป็นอาจารย์หยูคิดให้ โดยบอกว่าได้ถามเจ้าสิบเอ็ดฝางแล้ว บัดนี้ทางราชสำนักยังไม่ได้สั่งงานให้เขา ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าเขาจะถูกส่งไปที่ไหน คุณหนูหยานเป็นแก้วตาดวงใจของไทฟู่ ถ้าแต่งงานกับเขา ในอนาคตจะประจำอยู่ต่างถิ่น สี่ห้าปีก็ไม่อาจกลับเมืองหลวงครั้งหนึ่งได้คุณหนูหยานเป็นคนบริสุทธิ์และกตัญญู นางจะอยู่ห่างจากครอบครัวและติดตามเขาไปที่ชายแดนเพื่อใช้ชีวิตยากลำบากเช่นนั้นได้อย่างไรทุกคนคิดว่านี่เป็นเหตุผลที่ดี เพราะหยานหรูอวี้มีความกตัญญูต่อปู่ย่าตายายของนางมาก อีกอย่างท่านปู่ท่านย่าก็แก่แล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะออกจากเมืองหลวงและจากพวกเขาไปเนื่องจากเซี่ยหลูโม่ต้องการกลับไปหอต้าหลี่ในวันรุ่งขึ้น ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือจึงไปที่จวนไทฟู่เองหยานหรูอวี้ก็ออกมาพบด้วย นางสวมเสื้อคอปกสีเหลืองห่านและกระโปรงจีบที่มีสีเดียวกัน ปักผีเสื้อหลายตัวบนกระโปรง นาง ขณะที่นางเดินนั้น ด้ายเงินส่งแสงจางๆ ราวกับว่าผีเสื้อกำลังบินอยู่"ข้าหยานหรูอวี้ขอคารวะท่านพระชายา!" นางไหว้ตามมารยาท กิริยาท่าทางเพียบพร้อมมาก หาที่ติไม่ได้เลย นี่ก็คือสตรีจะตระกูลชั้นสูง"คุณหนูหยานไม่จำเป็นต้องมากพิธี" ซ่งซีซี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-09
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 0620

    นางโน้มตัวเข้าไปในอ้อมแขนของท่านย่า พักไปเป็นเวลานานถึงกับเงยหน้าขึ้น ตาแดงแต่ก็สดใส ราวกับว่าสิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริงซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมองหน้ากัน รู้สึกแปลกเล็กน้อยแต่พวกนางมาที่นี่เพื่อให้หยานหรูอวี้ยอมแพ้ งั้นก็ถือว่าให้คำตอบกับทั้งไทฟู่และเจ้าสิบเอ็ดฝาง จึงไม่คิดจะพูดอะไรหลังจากออกจากจวนไทฟู่แล้ว ทั้งสองคนก็กลับจวน เดี๋ยวค่อยส่งคนไปบอกเจ้าสิบเอ็ดฝางก็พอเดิมทีซ่งซีซีวางแผนที่จะบอกเขาถึงผลลัพธ์ก็เท่านั้น แต่หลังจากครุ่นคิดดีๆ ก็ให้เสิ่นว่านจือไปด้วยตนเองเพื่อบอกเขาทุกอย่างที่หยานหรูอวี้พูดแม้ว่านางจะทื่อๆ กับเรื่องรักใคร่ แต่นางยังคงมองเห็นความรู้สึกเจ็บปวดใจที่หยานหรูอวี้ตัดสินใจอย่างรวดเร็วนั้นความรู้สึกที่นางมีต่อเจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบแน่นอน แต่พวกเขาเคยสุงสิงกันมาก่อนหรือไม่?พูดตามหลักแล้วก็ไม่น่าจะได้นี่ พวกเขาห่างกันเกือบสิบปี และเจ้าสิบเอ็ดก็เข้าร่วมกองทัพตั้งแต่เนิ่นๆ เขาน่าจะติดตามแม่ทัพจูที่สถานีรักษาความปลอดภัยจิงเจียวเมื่ออายุได้สิบห้าปี แม้ว่าอยู่สถานีรักษาความปลอดภัยจิงเจียวเขาสามารถกลับบ้าน แต่ก็ไม่น่าสุงสิงกับหยานหรูอวี้นี่หลังจาก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-10
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 621

    หวังชิงหลูตกตะลึงนางไม่เคยเห็นนางจีสูญเสียการควบคุมเช่นนี้มาก่อน นามักสงบนิ่งอยู่เสมอ เผชิญกับปัญหาอย่างใจเย็น ต่อให้เป็นปัญหาใหญ่นางก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดายแต่ตอนนี้ นางดูเหมือนผู้หญิงบ้า"เห็นชัดเจนหรือยัง นี่ก็คือเจ้า เจ้าที่อยู่ในสายตาของทุกคน บ้าๆ บอๆ โดยไม่คำนึงถึงฐานะ ไม่มีมารยาท ไร้ยางอาย และแม้กระทั่งหน้าตาก็ไม่ต้องกานเลย"นางคว้ามือไปจับหวังชิงหลู แล้วพูดว่า "เอาน่า ไหนบอกว่าจะไปกับท่านแม่ไม่ใช่เหรอ? ไปกับข้า ให้แม่โกรธตาย แบ้วเจ้าก็ ฆ่าตัวตายไปเลย ครอบครัวนี้จะได้สงบสักที"หวังชิงหลูสะดุ้งจนถอยหลังออกไป มองนางจีด้วยความหวาดกลัว นางอ้าปากค้าง ไม่ ไม่ นางไม่ใช่แบบนี้ นางไม่ได้บ้าขนาดนั้น "พี่สะใภ้ ข้าไม่ไป ข้าไม่ไปแล้ว"จินซิ่วช่วยพยุงนางจีนั่งลง และน้ำตาของนางจีก็ไหลอาบแก้ม นางจำได้ว่านับตั้งแต่ที่นางแต่งเข้าจวนป๋อผิงซี บอกได้ว่าทุ่มเทกับครอบครัวนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะแม่สามีน้องๆ ทุกคน หรือว่าลูกของอนุภรรยาสามี นางไม่เคยปฏิบัติต่อคนไหนอย่างเลวร้ายมาก่อนในช่วงไม่กี่ปีก่อน อนุภรรยาก่อโวยวาย และท่านสามีก็เข้าข้างพวกนาง ทำให้นางต้องน้องใจด้วย ต่อมานางไปทุกที่เพื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-10
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 622

    นางหมินจากจวนแม่ทัพไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง หลังจากได้ยินว่าหวังชิงหลูถูกนำตัวกลับไปบ้านพ่อแม่ จึงไปที่จวนป๋อผิงซีทันทีจ้านเป่ยว่างกำลังเข้าเวร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องก่อกวนเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ นางหมินเลยต้องมา นางปรากฏตัวในจวนป๋อผิงซีด้วยร่างกายที่ "ป่วยมานาน" นางถอนหายใจยาว เรื่องที่ไปที่มานางไม่รู้ แต่จะไปตามหาซ่งซีซีถึงจวนอ๋อง นางคิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับจ้านเป่ยว่างแน่ๆฮูหยินป๋อผิงซีไม่ได้พูดอะไรอื่น เพียงบอกนางว่าหวังชิงหลูตั้งท้อง ให้พากลับไปดูแลให้ดีๆนางหมินไม่กล้าถามอะไรอีก แต่นางมีข้อสงสัยอยู่ในใจ การตั้งท้องเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ทำไมไปก่อกวนที่จวนอ๋องล่ะ?หวังชิงหลูตั้งท้อง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านและจ้านเป่ยว่างต่างก็มีความสุขมากในตอนกลางคืน จ้านเป่ยว่างดูแลนางอย่างระมัดระวัง และหวังชิงหลูก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้อย่างเงียบๆ นางยังคงรู้สึกน้อยใจ แต่ถ้าเขาสามารถปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ชีวิตนี้ก็ยังไปต่อได้แต่ในที่สุดข่าวที่นางไปตระกูลฝางก็ถูกแพร่สะพัดในสองวันข้างหน้า และก็แพร่สะพัดไปทั่วฮูหยินผู้เฒ่าที่สำคัญกับชื่อเสียงมาตลอดได้เรียกนางไปพบ จากนั้นถามอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-10
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่623

    พระชายาอ๋องเยี่ยนส่งจดหมายขอเยี่ยมให้จวนป๋อผิงซี โดยบอกว่าจะไปเยี่ยมในพรุ่งนี้ นางจีคิดถึงสิ่งที่พระชายาพูดถึง และใบหน้าก็เคร่งขรึมมากนางจีคิดอยู่พักหนึ่งแล้วบอกจินซิ่วว่า "เตรียมของขวัญมาด้วย ข้าอยากไปจวนเป่ยหมิงอ๋อง""ฮูหยิน ต้องส่งจดหมายขอพบก่อนไหม" จินซิ่วถาม "ไปแบบนี้จะเสียมารยาทไหม?""ไม่ต้อง ตอนที่ข้าพาคุณหนูสามออกไปนั้น ข้าบอกกับพระชายา ว่าข้าจะกลับไปกล่าวขอโทษอีกครั้ง ไม่ถือว่าเสียมารยาท" พรุ่งนี้จะมีคนจากจวนอ๋องเยี่ยนมาเยี่ยม ดังนั้นรอไม่ไหวที่จะส่งจดหมายขอพบเพื่อนัดหมายณ จวนเป่ยหมิงอ๋องซ่งซีซีมองดูใบหน้าที่แดงและบวมของนางจี โดยมีรอยนิ้วที่ชัดเจนมาก แล้วถามว่า "เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"นางจียิ้มอย่างขมขื่น "ไม่เป็นไร ข้าตบเอง ที่จวนป๋อผิงซียังไม่มีใครกล้าตบหน้าข้า"ซ่งซีซีไม่อยากถามถึงเรื่องครอบครัวของนาง แค่มองฮูหยินป๋อผิงซีหน้าซีดเซียวแต่ยังคงสง่างามและเพียบพร้อม นางชื่นชมจริงๆ มีผู้นำสตรีที่รู้จักจัดการกับอารมณ์ตนเอง สำหรับตระกูลชั้นสูงมันสำคัญมากทีเดียวซ่งซีซีกล่าวว่า "จริงๆ แล้ว ฮูหยินไม่จำเป็นต้องมากล่าวขอโทษหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าไม่ได้เก็บนางไว้ใส่ใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-11
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 624

    ซ่งซีซีพูดถึงขนาดนี้แล้ว นางจีไม่มีทางจะไม่เข้าใจเรื่องอื่นนางไม่กล้าคิด และไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงอย่างนางจะคิดได้ อย่างน้อยนางสามารถรับประกันได้ว่าจวนป๋อผิงซีไปมาหาสู่กันกับทุกคนอย่างบริสุทธิ์ใจหลังจากที่นางจีจากไป อาจารย์หยูก็เข้ามาปกติแล้วอาจารย์หยูจะไม่ค่อยมาพบพระชายาตามลำพัง แต่ตั้งแต่ที่นางจีเข้ามาเขาก็สังเกตดูอยู่ และฟังอยู่นอกประตูอยู่พักใหญ่ซ่งซีซีรู้ด้วยว่าเขากำลังฟังอยู่ข้างนอก จึงถามว่า "อาจารย์หยูคิดว่าข้าตอบแบบนี้เหมาะสมไหม""เหมาะสมมาก" อาจารย์หยูยกมือไหว้ "พระชายาจะพูดตรงไปไม่ได้แต่หากไม่เตือนสักหน่อยก็ไม่ได้ เพราะทหารที่เขตหนานเจียงหากมิใช่กองทัพตระกูลซ่งก็คือกองทัพเป่ยหมิง"ซ่งซีซีถอนหายใจ "ใช่ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไม่สามารถนั่งเฉยๆ ได้ แต่จวนป๋อผิงซีบัดนี้มีนางจีเป็นผู้นำ เรื่องบางเรื่องนางไม่ควรรู้มากไป ไม่งั้นจะทำให้นางตกใจได้""ดังนั้น พระชายาเตือนแบบพอดีเลย" อาจารย์หยูพูดจบ "ข้าน้อยยังมีธุระ"ซ่งซีซีมองดูเขาหันหลังกลับออกไปทั้งอย่างนั้น และตกใจอยู่ครู่หนึ่งโดยคิดว่าเขาเข้ามาเพื่อหารือเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าแค่เข้ามาเพื่อชื่นชมนางก็แค่นั้นหรือ?นางหัวเรา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-11
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 625

    หลังจากที่จิ้งเยว่ เสิ่นว่านจือก็พูดว่า "คนนี้แค่มองดูก็น่ารังเกียจ"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "อย่าว่านะ มันค่อนข้างใช้งานได้ดี ถึงยังไงก็เป็นคนที่มาจากวัง ทุกวันนี้ง่นของเป่าจูน้อยลงไม่น้อย"เสิ่นว่านจือยิ้มและพูดว่า "เมื่อไหร่เจ้าจะปล่อยยัยเป่าจูออกไปล่ะ? ถึงเวลาที่นางจะต้องแต่งงานแล้ว"ซ่งซีซีถอนหายใจ "ก็คิดวางแผนหลังผ่านช่วงนี้ไปก็มองหาให้นาง แต่ก็อาลัยอาวรณ์ แต่นางอายุเท่าข้า ถ้ายังไม่ปล่อยไปจะกลายเป็นหญิงวัยกลางแล้ว""เมิ่งเทียนเซิงเป็นยังไงบ้าง?" เสิ่นว่านจือถามพร้อมกับเลิกคิ้ว"ข้ากลัวว่าเขาจะทำให้เป่าจูอดอยากจนตาย"เสิ่นว่านจือระเบิดหัวเราะออกมา "ก็จริง เขาต้องการเลี้ยงดูพิกาย แล้วเงินที่เขาหามานั้นจะมีเท่าไรจะเก็บไว้ให้ภรรยาได้ล่ะ คนอย่างกับเขาอย่าแต่งงานจะดีกว่า มีแต่สร้างปัญหาให้ฝ่ายหญิง เจ้ายังจำได้ไหม ตอนเขายังเด็กยังบอกว่าจะแต่งงานกับเจ้ามิใช่หรือ โดนศิษย์พี่ซือโซไล่ตามจะซัดเขา บอกว่าอายุน้อยๆ กลับแกล้งคนเป็นแล้ว"ซ่งซีซีหัวเราะ แต่นางรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ภูเขาเหม่ยชานและเมืองหลวงดูเหมือนจะเป็นสันปันน้ำ ทำให้ชีวิตของนางแบ่งออกไปสองส่วนแม้ว่าตอนนี้จะกลับไปที่ภูเขา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-11
  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 626

    ศิษย์พี่หลัวโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ "ยายแก่ ออกไปให้พ้นเลย ข้าทนกับเจ้ามานานแล้ว ข้าเคารพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ใครจะไปรู้ว่าเจ้านี่ไม่ใช่มนุษย์คนเลย ชีวิตนี้ข้าไม่เคยด่าคนแก่เลย ข้าจะเว้นให้เจ้า อย่าบังคับให้ข้ามาตบปากเจ้าระวังคำพูดด้วย ไม่งั้นข้าจะเย็บให้เจ้า"ศิษย์พี่หลัวเคารพผู้เฒ่าและรักเด็ก แต่ก็เป็นคนอยู่แวดวงการต่อสู้มา นางจะเคารพอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายได้คืบจะเอาศอก งั้นก็หย่าหาว่านางไม่เกรงใจแล้วแหละคุณนายใหญ่กลอกตาด้วยความโกรธ และฮูหยินเฉิงเอินป๋อรีบช่วยพยุงนางเข้าไป ขณะที่เดินพลางกระซิบ "ท่านแม่อย่าไปทะเลาะเลย อีกหน่อยเดี๋ยวพระชายาเป่ยหมิงอ๋องมา จะเห็นเข้าแล้วก็ไม่ดี""ข้ากลัวนางหรือไง?" คนที่คุณนายใหญ่รำคาญที่สุดก็คือซ่งซีซี "แม้ว่านางจะเป็นพระชายา แต่ก็ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของจวนเฉิงเอินป๋อได้ แม้แต่พระชายาอ๋องฮวยก็ไม่พูดอะไรเลย นางแค่คนนอกมายุ่งอะไรด้วย"แต่เมื่อฟังเสียงกรีดร้องจากข้างใน คุณนายใหญ่ก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่หลายครั้ง "ไหนบอกว่าลูกศิษย์ของหมอมหัศจรรย์ดันอยู่ข้างในหรือ นางทำอะไรอยู่ ทำไมต้องใช้ยากระตุ้นการเจ็บครรภ์ด้วย?"พวกนางเดินขึ้นบันไดหินไป สตรี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-12

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1360

    พวกมันมีวิชาตัวเบาที่สูงส่ง ต่างกระจายตัวหลบหนี เหรินหยางอวิ๋นจะตามจับคนใดคนหนึ่งนั้นพอทำได้ แต่จะไล่ตามให้หมดทุกคนก็เป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้ไล่ตาม เพียงแต่ในความมืด คว้าหูของซ่งซีซีได้ในมือเดียว แล้วบิดจนแทบจะพลิกกลับ “เจ้ากล้าดีนัก คิดจะรบโดยไม่ตั้งการป้องกันเลยหรือ? คิดว่าตนเองไร้เทียมทานแล้วอย่างนั้นหรือ? เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคนที่เก่งกว่า เคยได้ยินหรือไม่?” ซ่งซีซีร้องโอดโอยเสียงดัง อาจารย์หยูจุดตะเกียงขึ้น ส่องให้เห็นรอยเลือดบนร่างกายของทุกคน เหรินหยางอวิ๋นเพิ่งเห็นว่าซ่งซีซีได้รับบาดเจ็บ แต่เขากลับไม่ยอมปล่อยมือที่บิดหูของนาง กลับยิ่งออกแรงเพิ่มขึ้นกัดฟันพูดว่า “เจ้าไม่รู้เลยหรือว่าเซี่ยทิงเหยียนจะทำอะไร? ถึงไม่ยอมเขียนจดหมายกลับไปขอความช่วยเหลือที่เหมยซาน? ข้าว่าเจ้ายิ่งนับวันยิ่งเหลิงเกินไปแล้ว รอให้อาจารย์อาของเจ้ามาถึงก่อนเถอะ เจ้าจะต้องเจอดีแน่” นี่เป็นครั้งแรกที่เหรินหยางอวิ๋นโกรธซ่งซีซีมากเช่นนี้ แต่ก่อนนางทำความผิดใหญ่โตแค่ไหน เขาก็ยังยอมก้มหัวมอบของกำนัลผู้อื่นไปขอโทษแทนนาง แต่คราวนี้กลับกลายเป็นซ่งซีซีที่ต้องก้มตัวขอร้องแทน “รู้แล้วว่าผิดเจ้าค

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1359

    ท่านอ๋องฮุยให้นางวางดาบลง กล่าวว่า “คืนนี้จะไม่เคลื่อนไหว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสำหรับทั้งสองฝ่าย” กู้ชิงหยิงถามว่า “ทำไมล่ะ? ท่านไม่ได้บอกหรือว่าเหรินหยางอวิ๋นนั้นเก่งกาจมาก? เขาออกโรงมาแล้วไม่สามารถจับตัวท่านเจ้าเมืองได้หรือ?” “ไม่จับหรอก” ท่านอ๋องฮุยยกมือขึ้นนวดคิ้ว “เจ้าสิบเอ็ดฝางล้อมเยี่ยนโจวไว้แต่กลับไม่เคลื่อนไหว ก็เพราะรู้ว่าชิวเหมิงได้คุมอำนาจของอ๋องเยี่ยนไปแล้ว อีกทั้งชาวบ้านบางส่วนในเยี่ยนโจวก็เข้าร่วมกับกองทัพที่เรียกว่ากองทัพประชาชน หากเมืองหลวงแพ้ เยี่ยนโจวและหนิงโจวจะใช้ชื่อราชสำนักเป็นข้ออ้างเพื่อสังหารชาวบ้าน ซึ่งจะยิ่งก่อให้เกิดการลุกฮือที่รุนแรงยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ซ่งซีซีไม่สามารถเคลื่อนไหวก่อนเวลาได้” กู้ชิงหยิงรีบโยนดาบทิ้งทันที “แล้วทำไมท่านเจ้าเมืองถึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม?” ท่านอ๋องฮุยกล่าวว่า “ง่ายมาก เขาต้องการให้ชิวเหมิงขับไล่เจ้าสิบเอ็ดฝางและได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด จากนั้นจึงเปิดศึกกับมู่ฉงกุยเพื่อไม่ให้มู่ฉงกุยกลับไปเมืองหลวงเพื่อช่วยเหลืออ๋องได้ เขาจะได้ครองเมืองหลวงอย่างมั่นคง” ท่านอ๋องฮุยรู้แผนการของเขาเป็นอย่างดี “หลังจากนั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1358

    ประมาณช่วงตีสาม ฝนค่อยๆ ซาลง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าอากาศไม่ได้อบอ้าวนัก และหลับใหลได้หวานละมุนยิ่งขึ้นเงาร่างเจ็ดแปดสายพุ่งผ่านรัตติกาลของเมืองหลวงที่ถูกห้ามสัญจร ยามปลายเท้าสัมผัสหลังคาดั่งนกนางแอ่นโฉบผ่าน ไร้ซึ่งร่องรอยประหนึ่งเหยียบหิมะไร้เสียงเหล่าเงาร่างตกลงบนจวนกองกำลังเมืองหลวง ภายในจวนกองกำลังเมืองหลวงเหล่าทหารเวรยามได้ถอนออกไปแต่แรก เหลือเพียงพวกเขาสองสามคนในโถงใหญ่ ตั้งท่าเตรียมพร้อมอย่างเข้มงวดพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง กำอาวุธในมือแน่น …มาแล้ว!แสงตะเกียงริบหรี่ ขณะเงาดำปราดเข้ามา ลมฝ่ามือระลอกหนึ่งทำให้เปลวไฟดับสนิทในความมืดสนิท ยื่นมือออกไปยังไม่เห็นแม้สักนิ้วพวกเขาทำได้เพียงอาศัยฟังเสียงลมหายใจของฝ่ายตรงข้ามเพื่อกะตำแหน่งเซี่ยทิงเหยียนมีวรยุทธ์ภายในลึกล้ำ ไม่อาจเทียบกับผู้ใด ท่วงท่าลงมือรวดเร็วดุดัน ฟันกระบี่ผ่านอากาศมุ่งหมายคอหอยของซ่งซีซีโดยตรงซ่งซีซีกระโจนขึ้นเหยียบกระบี่หลบพ้น หมุนตัวลงพื้นด้วยหอกดอกท้อเหวี่ยงกวาด สลายภัยตรงหน้า แล้วอาศัยกลิ่นอายชี้ทางหาเสิ่นว่านจือ เบียดหลังชนกันเพื่อต้านศัตรูการประหัตประหารในความมืดมิดดุเดือดสุดเปรียบ ได้ยินเพียงเสียงอาวุธ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1357

    ค่ำคืนฤดูร้อนชื้นแฉะ ทำให้ใจผู้คนพลันหงุดหงิดโดยไม่รู้สาเหตุคืนนี้อ๋องฮุยเบื่ออาหาร เพียงตักสองสามคำก็วางตะเกียบลงแล้วกล่าวว่าจะกลับไปห้องหนังสือเพื่อฝึกคัดอักษรผ่อนใจ พากู้ชิงหยิงออกไปด้วยก่อนกู้ชิงหยิงจะจากไปยังหยิบจานขนมสองจานใหญ่ติดมือไปด้วย นางไม่อาจปล่อยให้ท้องหิวได้หนิงจวิ้นอ๋องยังคงแต่งกายเป็นลุงกวน พอเห็นอ๋องฮุยกลับห้องหนังสือก็ไม่ขัดขวาง เพราะไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ก็มีคนจับตาดูชายชราอยู่ตลอดทว่ายามค่ำคืนนี้ หนิงจวิ้นอ๋องมีภารกิจสำคัญยิ่งกว่ารอคอย เขากลับเข้าห้องตน เปลี่ยนเป็นชุดรัตติกาล แล้วนั่งหน้ากระจกทองเหลือง เปิดหีบที่บรรจุหน้ากากหนังมนุษย์หลายแผ่น เขาค่อยๆ ลอกหน้ากากที่สวมอยู่ก่อนออก แล้วเลือกอีกแผ่นหนึ่งมาสวมแทน หน้ากากเหล่านี้แนบสนิทจนมองไม่ออกว่าเป็นของปลอมแม้จะต้องปิดผ้าดำที่ใบหน้าไว้ แต่เขายังคงพิถีพิถันทาสีให้เนียนเสมอกันบริเวณรอยต่อระหว่างใบหน้าและลำคอ เช่นนี้ ต่อให้ผ้าดำถูกดึงออกก็ยากจะสังเกตพบพิรุธมีผู้มาเคาะประตูด้านนอก เขาจึงปิดผ้าดำบนใบหน้าแล้วกล่าวว่า “เข้ามา”ร่างหนึ่งราวภูตพรายย่างเข้ามาเงียบงัน เอ่ยเบาๆ ว่า “นายท่าน เสิ่นชิงเหอและหยูจินพาเมิ่งเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1356

    ในที่สุด ค่ำวันนั้นความขัดแย้งก็ปะทุรุนแรงขึ้นกรมดูแลทางน้ำมีทหารคุมกำกับแรงงานอาญาให้ทำงาน ด้วยเมื่อวานฝนเทกระหน่ำทำให้หยุดงานไป วันนี้ครั้นฟ้าอึมครึมไร้ฝน จินชางหมิงจึงสั่งให้คนงานเร่งงานให้เร็วกว่ากำหนดถึงสามวันคนงานไม่ยินยอม เกิดปะทะคารมกับคนของกรมดูแลทางน้ำ จินชางหมิงโมโหจึงสะบัดไม้กระบองฟาดลงไปที่คนงานผู้หนึ่ง เพียงไม้เดียวนี้ทำให้เหล่าคนงานโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดนับร้อยคนกรูเข้ารุมทำร้ายข้าราชการของกรมทางน้ำ โชคดีที่ซ่งซีซีวางคนเฝ้าดูอยู่รอบด้าน เมื่อเหตุเกิดขึ้น จึงมีผู้รีบไปแจ้งลู่เจินลู่เจินแม้กังวลว่านี่อาจเป็นอุบายของอีกฝ่าย แต่จากการสืบสวนพบว่าไม่ใช่แรงงานอาญาทั้งหมดเป็นคนของหนิงจวิ้นอ๋อง พวกที่ถูกยุยงให้ปะทะกับข้าราชการกลุ่มนี้อาจเป็นเพียงคนงานธรรมดาเท่านั้นดังนั้น เขาจึงนำคนไปห้ามทัพด้านหนึ่ง อีกด้านส่งคนไปกราบทูลใต้เท้าซ่งซ่งซีซีเห็นว่าใกล้ค่ำแล้ว ยามราตรีเมืองหลวงจะประกาศห้ามออกนอกเคหสถาน หากยังชกต่อยกันไม่เลิกรา เกรงว่าศัตรูจะฉวยโอกาสปะปนก่อเหตุได้ง่ายนางจึงสั่งให้ปี้หมิงนำกองกำลังเมืองหลวงไป ด้านหนึ่งก็ส่งคนแจ้งโหวเซวียนผิงให้เรียกตัวจินชางหมิงกลับมาแล้วกั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1355

    ครั้งนี้เหรินหยางอวิ๋นยังได้นำปืนใหญ่เข้ามาด้วยหนึ่งลำ ทว่าตอนนี้สามารถวางทิ้งไว้เพียงนอกเมือง ยังไม่อาจขนเข้าไปได้ปืนใหญ่นี้ดัดแปลงมาจากปืนใหญ่เสื้อฉาดของเป่ยถัง ในอดีตลานบ้านของอูโซเว่ยเคยถูกปืนใหญ่นี้ถล่มจนราบคาบมาแล้วผ่านไปอีกสองวัน เหล่าสำนักที่ได้รับเชิญในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งก่อนล้วนเข้ามาในเมืองใเมืองาบหลากหลาย เพราะทราบดีว่าชาวยุทธ์จะถูกสอบถามอย่างยืดเยื้อ จึงพากันปลอมแปลงตัวกันหมดเหรินหยางอวิ๋นจงใจคัดเลือกคนของเขาเหลิ่งเยว่ ให้ไปเฝ้าระวังผลัดเวรกันที่จวนกองกำลังเมืองหลวง และจวนเป่ยหมิงอ๋องที่ทำเช่นนี้เพราะมีเหตุผลอยู่ คนของเขาเหลิ่งเยว่ไม่ค่อยปรากฏตัวในยุทธภพ เมืองหลวงยิ่งไม่ได้ย่างกราย หนิงจวิ้นอ๋องคงไม่เคยพบพวกเขา ให้พวกเขามาคอยปกป้องซ่งซีซีอย่างลับๆ เช่นนี้ย่อมวางใจได้มากกว่าเหรินหยางอวิ๋นมั่นใจนักว่าก้าวต่อไปของหนิงจวิ้นอ๋องคือสังหารซีซี ถ้าไม่นับสิ่งที่เขาคาดเดาพลาดไปบ้าง เขานั้นไม่เคยคาดเดาพลาดเลยเขาจัดเลี้ยงที่ตึกว่างจิง เชิญทุกคนมากินดื่มมื้อหนึ่ง เรื่องสำคัญย่อมต้องสนทนากับพวกเขาเป็นการส่วนตัว“เรื่องอื่นพวกเราอย่าเพิ่งใส่ใจ ก่อนอื่นต้องคุ้มครองความปลอดภ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1354

    พวกเขาเข้ามาในเมืองแล้ว เพราะมีขบวนค้าจากที่อื่นตามมาอีก เขาจึงไปตรวจสอบขบวนพ่อค้าวาณิชเหล่านั้นให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา จึงปล่อยพวกเขาผ่านทว่าขณะหันศีรษะไป เขากลับเห็นขบวนค้าติดตามกลุ่มคนเมื่อครู่นั้นเดินไปด้วยกัน ในหมู่บุคคลเหล่านั้นมีอยู่หนึ่งคนที่หันหลังให้อย่างคุ้นตายิ่ง ดูประหนึ่งเป็นอาจารย์อาแห่งสถาบันว่านซงเหมินอาจารย์อาผู้นั้นดูเหมือนจะชื่ออูโซเว่ย แต่ก็นะ แค่ส่วนที่เห็นจากด้านหลังก็ละม้ายคล้าย ส่วนใบหน้าหากลองนึกดูแล้วกลับไม่เหมือนเลยสักนิดอย่างไรก็ดี เขายังคงตัดสินใจส่งคนไม่กี่คนให้สะกดรอยตามขบวนพ่อค้า เพื่อสังเกตดูว่ามีความผิดปกติหรือไม่ครั้นผ่านไปครึ่งชั่วโมง มีข่าวว่าพวกเขาพักอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่งบนถนนตงหลัน แถบนั้นล้วนเป็นที่พำนักของขุนนางและตระกูลทรงอำนาจ แม้พ่อค้ามั่งคั่งแค่ไหนก็ยากจะซื้อบ้านเรือนตรงนั้นได้ปี้หมิงส่งคนไปสืบความ จึงรู้ว่าสถานที่ที่พวกเขาเข้าพักนั้นคือคฤหาสน์ของอ๋องต่างสกุล ซึ่งถูกปล่อยร้างมานาน ไม่มีผู้พำนัก ได้ยินว่าเจ้าของเดิมเดิมย้ายไปตั้งรกรากที่อื่นนานแล้วปี้หมิงรู้สึกเหมือนมีลับลมคมในอะไรสักอย่าง แต่ครุ่นคิดแล้วก็คิดไม่ออกสมองมืดมนว่างเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1353

    ทางฝั่งหนิงโจวมีข่าวส่งมาว่า หนิงจวิ้นอ๋องตัวปลอม ถูกเปิดโปงแล้ว เขาเป็นเพียงชายธรรมดาที่มีหน้าตาคล้ายหนิงจวิ้นอ๋อง เดิมทีเป็นราษฎรคนหนึ่ง ถูกหนิงจวิ้นอ๋องพาตัวไปยังจวน ฝึกฝนให้เลียนแบบอิริยาบถทุกกระเบียดนิ้วของหนิงจวิ้นอ๋องเมื่อหนิงจวิ้นอ๋องละทิ้งหนิงโจว ตัวปลอมผู้นี้จึงกลายเป็นร่างแทน ออกไปยังสถานที่ที่หนิงจวิ้นอ๋องโปรดปราน นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมเมื่อตรวจสอบในคราแรก จึงกล่าวกันว่าหนิงจวิ้นอ๋องแทบไม่เคยออกจากแดนศักดินาของตนที่แท้แต่แรกเริ่ม เขาได้ปลอมแปลงอำพรางตัว ตระเวนเคลื่อนไหวไปทั่วทุกสารทิศ“ควบคุมตัวชายผู้นั้นไว้แล้วหรือไม่?” ซ่งซีซีรีบเอ่ยถามทันที “วางใจได้ นำตัวคนไปแล้ว” อาจารย์หยูตอบ ซ่งซีซีผ่อนลมหายใจเบาๆ “เช่นนี้ก็ดีแล้ว หนิงโจวจะได้ไม่มีหนิงจวิ้นอ๋องปรากฏขึ้นอีก ข้านับว่ามองเห็นกลอุบายของหนิงจวิ้นอ๋องแจ่มชัด เขาซ่อนตัวภายใต้นามลุงกวน คำสั่งทั้งหมดส่งออกจากจวนอ๋องฮุย ดังนั้นคนที่ทุกฝ่ายรู้จักว่าเป็นกบฏก็คืออ๋องฮุย ซึ่งเขาอยู่ที่หนิงโจวมาตลอด ไม่ได้มีส่วนร่วมในการก่อกบฏเลยสักนิด”อาจารย์หยูกล่าว “ใช่แล้ว หากพลาดพลั้ง ทุกอย่างก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขายังสามารถอ้างว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1352

    ซ่งซีซีร่วมปรึกษาราชการต่อเนื่องกันหลายวัน นางจึงเข้าใจวาจาของเสนาบดีอย่างแท้จริง บางเรื่องมีผู้เห็นต่างกันมากมาย ล้วนมีเหตุผลในแบบของตน ถกเถียงกันไม่หยุดหย่อน จะมีผู้เห็นด้วยหรือคัดค้านอย่างไรก็ไม่อาจนำไปสู่ข้อชี้นำชัดเจนนางรู้สึกว่าตนไม่อาจเข้าร่วมการประชุมอีกต่อไป หลายวันที่ผ่านมานางถูกกระแสความเห็นนับไม่ถ้วนห้อมล้อม จนไม่อาจตัดสินใจว่าจะขยับก้าวไปทางใดยิ่งไปกว่านั้น พระอาการของฝ่าบาทก็ยังไม่ทุเลาสิ้น พระองค์ทรงไอไม่หยุด ต้องฝืนพระวรกายไว้ มีคนฉวยโอกาสกระตุ้นให้แต่งตั้งรัชทายาทในเวลานี้ผู้ที่เสนอความเห็นนี้คือเหล่าศิษย์ที่เคยเป็นคนของเจ้ากรมฉี เป็นขุนนางหนุ่มซึ่งเดิมทีถูกฮองเฮาฉีโน้มน้าวให้ช่วยผลักดันเรื่ององค์รัชทายาท ครั้นเห็นฝ่าบาทประชวร แผ่นดินมีภัยรอบด้าน จึงฉวยจังหวะเสนอให้รีบกำหนดองค์รัชทายาทโดยเร็วเจ้ากรมฉีโกรธจนใบหน้าถอดสี แม้จะขอคัดค้านเต็มกำลังต่อเบื้องพระพักตร์ แต่กลับทำให้คนมองว่าการถอยนี้คือการรุกอีกรูปแบบหนึ่ง หรืออาจเป็นการปัดความรับผิดชอบอย่างเต็มที่เพราะเรื่องนี้ จักรพรรดิ์ซูชิงถึงกับสำรอกโลหิตอีกครั้ง ทำให้ทุกคนร้อนใจอลหม่านปั่นป่วนยิ่งนักซ่งซีซีจึงอ้า

DMCA.com Protection Status