Share

บทที่ 621

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
หวังชิงหลูตกตะลึง

นางไม่เคยเห็นนางจีสูญเสียการควบคุมเช่นนี้มาก่อน นามักสงบนิ่งอยู่เสมอ เผชิญกับปัญหาอย่างใจเย็น ต่อให้เป็นปัญหาใหญ่นางก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้ นางดูเหมือนผู้หญิงบ้า

"เห็นชัดเจนหรือยัง นี่ก็คือเจ้า เจ้าที่อยู่ในสายตาของทุกคน บ้าๆ บอๆ โดยไม่คำนึงถึงฐานะ ไม่มีมารยาท ไร้ยางอาย และแม้กระทั่งหน้าตาก็ไม่ต้องกานเลย"

นางคว้ามือไปจับหวังชิงหลู แล้วพูดว่า "เอาน่า ไหนบอกว่าจะไปกับท่านแม่ไม่ใช่เหรอ? ไปกับข้า ให้แม่โกรธตาย แบ้วเจ้าก็ ฆ่าตัวตายไปเลย ครอบครัวนี้จะได้สงบสักที"

หวังชิงหลูสะดุ้งจนถอยหลังออกไป มองนางจีด้วยความหวาดกลัว นางอ้าปากค้าง ไม่ ไม่ นางไม่ใช่แบบนี้ นางไม่ได้บ้าขนาดนั้น "พี่สะใภ้ ข้าไม่ไป ข้าไม่ไปแล้ว"

จินซิ่วช่วยพยุงนางจีนั่งลง และน้ำตาของนางจีก็ไหลอาบแก้ม นางจำได้ว่านับตั้งแต่ที่นางแต่งเข้าจวนป๋อผิงซี บอกได้ว่าทุ่มเทกับครอบครัวนี้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะแม่สามีน้องๆ ทุกคน หรือว่าลูกของอนุภรรยาสามี นางไม่เคยปฏิบัติต่อคนไหนอย่างเลวร้ายมาก่อน

ในช่วงไม่กี่ปีก่อน อนุภรรยาก่อโวยวาย และท่านสามีก็เข้าข้างพวกนาง ทำให้นางต้องน้องใจด้วย ต่อมานางไปทุกที่เพื่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 622

    นางหมินจากจวนแม่ทัพไปที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง หลังจากได้ยินว่าหวังชิงหลูถูกนำตัวกลับไปบ้านพ่อแม่ จึงไปที่จวนป๋อผิงซีทันทีจ้านเป่ยว่างกำลังเข้าเวร ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องก่อกวนเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ นางหมินเลยต้องมา นางปรากฏตัวในจวนป๋อผิงซีด้วยร่างกายที่ "ป่วยมานาน" นางถอนหายใจยาว เรื่องที่ไปที่มานางไม่รู้ แต่จะไปตามหาซ่งซีซีถึงจวนอ๋อง นางคิดว่าต้องเกี่ยวข้องกับจ้านเป่ยว่างแน่ๆฮูหยินป๋อผิงซีไม่ได้พูดอะไรอื่น เพียงบอกนางว่าหวังชิงหลูตั้งท้อง ให้พากลับไปดูแลให้ดีๆนางหมินไม่กล้าถามอะไรอีก แต่นางมีข้อสงสัยอยู่ในใจ การตั้งท้องเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ทำไมไปก่อกวนที่จวนอ๋องล่ะ?หวังชิงหลูตั้งท้อง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านและจ้านเป่ยว่างต่างก็มีความสุขมากในตอนกลางคืน จ้านเป่ยว่างดูแลนางอย่างระมัดระวัง และหวังชิงหลูก็นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขาและร้องไห้อย่างเงียบๆ นางยังคงรู้สึกน้อยใจ แต่ถ้าเขาสามารถปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ ชีวิตนี้ก็ยังไปต่อได้แต่ในที่สุดข่าวที่นางไปตระกูลฝางก็ถูกแพร่สะพัดในสองวันข้างหน้า และก็แพร่สะพัดไปทั่วฮูหยินผู้เฒ่าที่สำคัญกับชื่อเสียงมาตลอดได้เรียกนางไปพบ จากนั้นถามอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่623

    พระชายาอ๋องเยี่ยนส่งจดหมายขอเยี่ยมให้จวนป๋อผิงซี โดยบอกว่าจะไปเยี่ยมในพรุ่งนี้ นางจีคิดถึงสิ่งที่พระชายาพูดถึง และใบหน้าก็เคร่งขรึมมากนางจีคิดอยู่พักหนึ่งแล้วบอกจินซิ่วว่า "เตรียมของขวัญมาด้วย ข้าอยากไปจวนเป่ยหมิงอ๋อง""ฮูหยิน ต้องส่งจดหมายขอพบก่อนไหม" จินซิ่วถาม "ไปแบบนี้จะเสียมารยาทไหม?""ไม่ต้อง ตอนที่ข้าพาคุณหนูสามออกไปนั้น ข้าบอกกับพระชายา ว่าข้าจะกลับไปกล่าวขอโทษอีกครั้ง ไม่ถือว่าเสียมารยาท" พรุ่งนี้จะมีคนจากจวนอ๋องเยี่ยนมาเยี่ยม ดังนั้นรอไม่ไหวที่จะส่งจดหมายขอพบเพื่อนัดหมายณ จวนเป่ยหมิงอ๋องซ่งซีซีมองดูใบหน้าที่แดงและบวมของนางจี โดยมีรอยนิ้วที่ชัดเจนมาก แล้วถามว่า "เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?"นางจียิ้มอย่างขมขื่น "ไม่เป็นไร ข้าตบเอง ที่จวนป๋อผิงซียังไม่มีใครกล้าตบหน้าข้า"ซ่งซีซีไม่อยากถามถึงเรื่องครอบครัวของนาง แค่มองฮูหยินป๋อผิงซีหน้าซีดเซียวแต่ยังคงสง่างามและเพียบพร้อม นางชื่นชมจริงๆ มีผู้นำสตรีที่รู้จักจัดการกับอารมณ์ตนเอง สำหรับตระกูลชั้นสูงมันสำคัญมากทีเดียวซ่งซีซีกล่าวว่า "จริงๆ แล้ว ฮูหยินไม่จำเป็นต้องมากล่าวขอโทษหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าไม่ได้เก็บนางไว้ใส่ใจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 624

    ซ่งซีซีพูดถึงขนาดนี้แล้ว นางจีไม่มีทางจะไม่เข้าใจเรื่องอื่นนางไม่กล้าคิด และไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงอย่างนางจะคิดได้ อย่างน้อยนางสามารถรับประกันได้ว่าจวนป๋อผิงซีไปมาหาสู่กันกับทุกคนอย่างบริสุทธิ์ใจหลังจากที่นางจีจากไป อาจารย์หยูก็เข้ามาปกติแล้วอาจารย์หยูจะไม่ค่อยมาพบพระชายาตามลำพัง แต่ตั้งแต่ที่นางจีเข้ามาเขาก็สังเกตดูอยู่ และฟังอยู่นอกประตูอยู่พักใหญ่ซ่งซีซีรู้ด้วยว่าเขากำลังฟังอยู่ข้างนอก จึงถามว่า "อาจารย์หยูคิดว่าข้าตอบแบบนี้เหมาะสมไหม""เหมาะสมมาก" อาจารย์หยูยกมือไหว้ "พระชายาจะพูดตรงไปไม่ได้แต่หากไม่เตือนสักหน่อยก็ไม่ได้ เพราะทหารที่เขตหนานเจียงหากมิใช่กองทัพตระกูลซ่งก็คือกองทัพเป่ยหมิง"ซ่งซีซีถอนหายใจ "ใช่ ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงไม่สามารถนั่งเฉยๆ ได้ แต่จวนป๋อผิงซีบัดนี้มีนางจีเป็นผู้นำ เรื่องบางเรื่องนางไม่ควรรู้มากไป ไม่งั้นจะทำให้นางตกใจได้""ดังนั้น พระชายาเตือนแบบพอดีเลย" อาจารย์หยูพูดจบ "ข้าน้อยยังมีธุระ"ซ่งซีซีมองดูเขาหันหลังกลับออกไปทั้งอย่างนั้น และตกใจอยู่ครู่หนึ่งโดยคิดว่าเขาเข้ามาเพื่อหารือเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าแค่เข้ามาเพื่อชื่นชมนางก็แค่นั้นหรือ?นางหัวเรา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 625

    หลังจากที่จิ้งเยว่ เสิ่นว่านจือก็พูดว่า "คนนี้แค่มองดูก็น่ารังเกียจ"ซ่งซีซียิ้มและพูดว่า "อย่าว่านะ มันค่อนข้างใช้งานได้ดี ถึงยังไงก็เป็นคนที่มาจากวัง ทุกวันนี้ง่นของเป่าจูน้อยลงไม่น้อย"เสิ่นว่านจือยิ้มและพูดว่า "เมื่อไหร่เจ้าจะปล่อยยัยเป่าจูออกไปล่ะ? ถึงเวลาที่นางจะต้องแต่งงานแล้ว"ซ่งซีซีถอนหายใจ "ก็คิดวางแผนหลังผ่านช่วงนี้ไปก็มองหาให้นาง แต่ก็อาลัยอาวรณ์ แต่นางอายุเท่าข้า ถ้ายังไม่ปล่อยไปจะกลายเป็นหญิงวัยกลางแล้ว""เมิ่งเทียนเซิงเป็นยังไงบ้าง?" เสิ่นว่านจือถามพร้อมกับเลิกคิ้ว"ข้ากลัวว่าเขาจะทำให้เป่าจูอดอยากจนตาย"เสิ่นว่านจือระเบิดหัวเราะออกมา "ก็จริง เขาต้องการเลี้ยงดูพิกาย แล้วเงินที่เขาหามานั้นจะมีเท่าไรจะเก็บไว้ให้ภรรยาได้ล่ะ คนอย่างกับเขาอย่าแต่งงานจะดีกว่า มีแต่สร้างปัญหาให้ฝ่ายหญิง เจ้ายังจำได้ไหม ตอนเขายังเด็กยังบอกว่าจะแต่งงานกับเจ้ามิใช่หรือ โดนศิษย์พี่ซือโซไล่ตามจะซัดเขา บอกว่าอายุน้อยๆ กลับแกล้งคนเป็นแล้ว"ซ่งซีซีหัวเราะ แต่นางรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา ภูเขาเหม่ยชานและเมืองหลวงดูเหมือนจะเป็นสันปันน้ำ ทำให้ชีวิตของนางแบ่งออกไปสองส่วนแม้ว่าตอนนี้จะกลับไปที่ภูเขา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 626

    ศิษย์พี่หลัวโกรธมากเมื่อได้ยินคำพูดนี้ "ยายแก่ ออกไปให้พ้นเลย ข้าทนกับเจ้ามานานแล้ว ข้าเคารพเจ้าเป็นผู้ใหญ่ ใครจะไปรู้ว่าเจ้านี่ไม่ใช่มนุษย์คนเลย ชีวิตนี้ข้าไม่เคยด่าคนแก่เลย ข้าจะเว้นให้เจ้า อย่าบังคับให้ข้ามาตบปากเจ้าระวังคำพูดด้วย ไม่งั้นข้าจะเย็บให้เจ้า"ศิษย์พี่หลัวเคารพผู้เฒ่าและรักเด็ก แต่ก็เป็นคนอยู่แวดวงการต่อสู้มา นางจะเคารพอีกฝ่าย หากอีกฝ่ายได้คืบจะเอาศอก งั้นก็หย่าหาว่านางไม่เกรงใจแล้วแหละคุณนายใหญ่กลอกตาด้วยความโกรธ และฮูหยินเฉิงเอินป๋อรีบช่วยพยุงนางเข้าไป ขณะที่เดินพลางกระซิบ "ท่านแม่อย่าไปทะเลาะเลย อีกหน่อยเดี๋ยวพระชายาเป่ยหมิงอ๋องมา จะเห็นเข้าแล้วก็ไม่ดี""ข้ากลัวนางหรือไง?" คนที่คุณนายใหญ่รำคาญที่สุดก็คือซ่งซีซี "แม้ว่านางจะเป็นพระชายา แต่ก็ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวของจวนเฉิงเอินป๋อได้ แม้แต่พระชายาอ๋องฮวยก็ไม่พูดอะไรเลย นางแค่คนนอกมายุ่งอะไรด้วย"แต่เมื่อฟังเสียงกรีดร้องจากข้างใน คุณนายใหญ่ก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่หลายครั้ง "ไหนบอกว่าลูกศิษย์ของหมอมหัศจรรย์ดันอยู่ข้างในหรือ นางทำอะไรอยู่ ทำไมต้องใช้ยากระตุ้นการเจ็บครรภ์ด้วย?"พวกนางเดินขึ้นบันไดหินไป สตรี

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 627

    สตรีกลุ่มหนึ่งในห้องด้านนอกเห็นนางก็รีบลุกขึ้น แต่ซ่งซีซีไม่แม้แต่จะมองพวกนาง นางเปิดม่านแล้วเข้าไปข้างใน เสิ่นว่านจือตามเข้าไปด้วยเมื่อเห็นสภาพของหลานเอ่อร์ ซ่งซีซีก็หายใจเข้าลึกๆ ทำไมถึงมีบาดแผลที่หน้าผาก? ทำร้ายหน้าผากอีกแล้วเหรอ?"หงเชวี่ย เกิดอะไรขึ้น" นางจับมือหลานเอ่อร์ จากนั้นนั่งบนขอบเตียง เช็ดเหงื่อและน้ำตาจากใบหน้าของหลานเอ่อร์ด้วยแขนเสื้อของนางหงเชวี่ยกำลังฝังเข็ม ผ้าทอถูกคลุมไว้ที่สูง และท้องของนางก็เต็มไปด้วยเข็มหงเชวี่ยถอนหายใจ "มันไม่ใช่แค่ท้องได้รับผลกระทบ คงเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ยากระตุ้นให้เกิดการเจ็บครรภ์ก็ไปต้มแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าจะคลอด นี่มันสามชั่วยามแล้ว"ใบหน้าของหลานเอ่อร์บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด "ท่านพี่... ข้ารู้สึกเจ็บปวดมาก""ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว พี่อยู่นี่" ซ่งซีซีปลอบใจนาง แล้วหันไปถามหงเชวี่ย "หมอมหัศจรรย์ดันไม่อยู่ในเมืองหลวงหรือ?""ไปรักษาคนไข้ที่ชานเมือง ซือโซไปตามหาแล้ว หวังว่าจะมาทัน" แม้ว่าหงเชวี่ยจะพยายามสงบเพื่อให้ทุกคนสบายใจ แต่เสียงสั่นของนางก็ฟังออกว่านางกำลังกังวลด้วยเสิ่นว่านจือหันหลังกลับเดินออกไป ศิษย์พี่หลัวยืนอยู่นอกป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 628

    สาวใช้ที่อยู่ข้างๆ หลานเอ่อร์ต่างก็หลั่งน้ำตาด้วยความโศกเศร้าและความขุ่นเคืองหลังจากได้ยินสิ่งที่คุณนายใหญ่พูด เมื่อเห็นว่าพระชายากำลังจะออกไป นางรีบพูดว่า "พระชายา ท่านจวิ้นหม่าต้องการให้ท่านหญิงช่วยพูดให้เขาต่อหน้าฮ่องเต้เพื่อให้เขากลับมาดำรงตำแหน่งเดิม กลับมาเป็นซื่อจื่อ ท่านหญิงไม่เห็นด้วย และบอกว่าเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่ง เขาจึงโกรธเลยผลักท่านหญิง ไม่ใช่ความผิดของท่านหญิง คำพูดของคุณนายใหญ่ทำร้ายจิตใจของท่านหญิงมากเกินไป"ซ่งซีซีโกรธมากจนเปิดม่านแล้วเดินออกไป ดวงตาที่เย็นชาของนางจับจ้องไปที่คุณนายใหญ่ คุณนายใหญ่ก็หวาดกลัวกับสายตาอันดุเดือดของนาง แต่คิดดูอีกทีว่าตนเองแก่แล้วและมียศด้วย ต่อให้นางเป็นพระชายาก็ไม่สามารถแทรกแซงกิจการของจวนเฉิงเอินป๋อได้นางจึงยืดหลังให้ตรงทันทีแล้วพูดว่า "พระชายาอยากทำอะไร?"ซ่งซีซีจ้องมองนาง แล้วพูดอย่างเย็นชา "ถ้าให้ได้ยินคำดูถูกท่านหญิงจากปากของเจ้าอีก ข้าจะมัดตัวเจ้าด้วยคำกล่าวหาว่าดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์""กล้าดียังไง..."ซ่งซีซีเตะเก้าอี้ออกไป เก้าอี้ชนประตูและล้มลงกับพื้นจนแตกเป็นชิ้นๆ เสียงแตกมาพร้อมกับเสียงเย็นชาของนาง "คอยดูว่าข้าจะกล้าไหม หาก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 629

    ฮูหยินเฉิงเอินป๋อเกือบล้มลงกับพื้น นางมองไปที่ยายผดุงครรภ์เพื่อขอความช่วยเหลือเช่นกัน แต่ยายผดุงครรภ์ก็หมดหนทาง นางเคยเห็นเหตการณ์อันตรายที่สตรีคลอดลูก มีเยอะมาก แต่พอเกิดอันตรายขนาดนั้น ทั้งผู้ใหญ่และเด็กก็ต่าก็ไม่รอดชีวิต"ควรทำอย่างไร ทำอย่างไรดี" ฮูหยินเฉิงเอินป๋อร้อนใจมากจนน้ำตาไหล แต่นางก็ไม่ลืมที่จะเช็ดเหงื่อให้หลานเอ่อร์ "ต้องทนทุกข์ทรมานจริงๆ ท่านหญิงต้องทนทุกข์ทรมานมากเกินไป""มันเจ็บ…" หลานเอ่อร์พูดสองคำนี้ตลอด มองขอความช่วยเหลือจากทุกคน แต่ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบ นั่นคือพระชายาอ๋องฮวย นางรีบเข้าไปในห้องคลอด ผลักซ่งซีซีออกไป และจับมือของหลานเอ่อร์ "หลานเอ่อร์ เสด็จแม่มาแล้ว เสด็จแม่มาแล้วนะ เสด็จแม่อยู่ที่นี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?""เจ็บ…" หลานเอ่อร์ไม่รู้สึกมีความสุขแม้แต่น้อยเมื่อเห็นนางมา ถึงขนาดรู้สึกหวาดกลัวจนอยากจะผละตัวออกจากนาง นางตามห่ท่านพี่"อดทนหน่อย ผู้หญิงคลอดบุตรก็ต้องเจ็บ ตอนที่เสด็จแม่คลอดเจ้าก็เจ็บปวดเช่นกัน แต่ก็ผ่านมันมาได้แล้วนี่ไม่ใช่หรือ" พระชายาอ๋องฮวยนั่งยองและพูดเบาๆ "หายใจเข้าช้าๆ และหายใจออก แบบนี้ก็จะหายเจ็บปวด

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1514

    อันเฟิงชินอ๋องกล่าวว่า “การเดินทางครั้งนี้ มิใช่เพียงเพื่อซีจิงและแคว้นซาง แต่ก็เพื่อเป่ยถังของเราด้วย มิจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณ ระหว่างแคว้นต่อแคว้น สิ่งที่มาก่อนคือผลประโยชน์ มีเพียงความสัมพันธ์ส่วนตัวเท่านั้น ที่จะสามารถปฏิบัติต่อกันด้วยใจจริง”ซ่งซีซีรับคำสอน แต่ก็นึกสงสัย จึงเอ่ยถามว่า “ท่านเคยรู้จักอาจารย์เหรินหยางอวิ๋นของข้าหรือไม่?”อันเฟิงชินอ๋องหัวเราะเบาๆ “รู้จัก เขาเคยมาเยือนเป่ยถัง และเคยพำนักอยู่ที่ไจ้ซิงโหลวอยู่ช่วงหนึ่ง แม่ทัพองครักษ์เงาของข้า ‘เฮยอิ่ง’ สนิทสนมกับอาจารย์ของเจ้ามาก พวกเขามักดื่มสุราด้วยกันเป็นประจำ”“เช่นนี้เองหรือ” ซ่งซีซีนึกถึงบรรดาผู้สวมชุดดำพวกนั้น ไม่รู้ว่าคนไหนคือเฮยอิ่ง หากไม่ได้พบหน้าสักครั้ง คงเป็นเรื่องน่าเสียดายอันเฟิงชินอ๋องคล้ายจะมองออกถึงความคิดของนาง ยิ้มพลางกล่าวว่า “อีกสามปี หรืออาจห้าปี พวกเราจะไปเยือนแคว้นซาง ถึงตอนนั้น ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเฮยอิ่ง”ซ่งซีซีกำลังจะกล่าวขอบคุณ ทว่าเสิ่นว่านจือก็ถามขึ้นก่อน “เหตุใดต้องเป็นสามปีหรือห้าปี? ไปเร็วกว่านี้ไม่ได้หรือ? พวกเราตั้งตารอให้ท่านกับพระชายามาเยือน”อันเฟิงชินอ๋องเพียงยิ้ม แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1513

    หลังจากเดินสำรวจอยู่สองวัน ซูลันจีก็กล่าวกับซ่งซีซีว่า “แคว้นของท่านมีหมอเทวดาผู้หนึ่ง นามว่าหมอมหัศจรรย์ดัน เขาได้คิดค้นยาชนิดหนึ่งชื่อว่ายาดันเสวี่ย ซึ่งมีสมุนไพรสำคัญชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบ นั่นคือเสวี่ยเหอฮวา ทว่าแคว้นของท่านผลิตได้น้อยมาก หนานเจียงเองก็มี แต่เติบโตอยู่บนยอดเขาหิมะ เก็บเกี่ยวได้ยากยิ่ง และมีปริมาณน้อย แต่ในซีจิงของเรา เสวี่ยเหอฮวามิใช่ของหายาก บนภูเขาสูงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป หมอมหัศจรรย์ดันที่ใช้สมุนไพรชนิดนี้ ต้องลักลอบซื้อจากพ่อค้ายาในซีจิง ราคาจึงแพงมาก ด้วยต้นทุนขนาดนี้ ขายยาดันเสวี่ยไปหนึ่งเม็ด เขาก็ขาดทุนหนึ่งเม็ด”ซ่งซีซีทราบดีว่ายาดันเสวี่ยเป็นยาที่หายาก เนื่องจากมีสมุนไพรบางชนิดที่หาไม่ครบ แต่ท่านลุงดันก็ไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าสมุนไพรตัวใดที่ขาดอย่างไรก็ตาม หากเขาต้องซื้อยาจากพ่อค้าชาวซีจิง ก็สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงต้องปิดเป็นความลับ เพราะก่อนหน้านี้ ซีจิงและแคว้นซางมิได้มีการค้าขายกันโดยตรง โดยเฉพาะสมุนไพร ยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษซูลันจีและจักรพรรดินีหยวนซินต่างคิดไปในทิศทางเดียวกัน พวกเขาสืบเรื่องนี้อย่างละเอียดขนาดนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขาต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1512

    ตำแหน่งที่เขานั่ง แสดงถึงจุดยืนของเป่ยถังในการเจรจาครั้งนี้!เป็นกลาง!ซ่งซีซีอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอีกครั้งว่า การที่แคว้นเข้มแข็งนั้นดีเพียงใดการเจรจาในช่วงแรกเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ คำพูดซ้ำไปซ้ำมา ถูกเน้นย้ำไม่รู้จบ ล่ามของทั้งสองฝ่ายทำหน้าที่แปล โดยส่วนใหญ่เป็นการกล่าวถึงปัญหาทางประวัติศาสตร์นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเริ่มต้นด้วยการยอมถอยแต่แรก ก็จะต้องถอยไปเรื่อยๆดังนั้น การเจรจาครั้งแรกจึงไม่ได้ข้อสรุปใดๆ เป็นเพียงการลองเชิงขีดจำกัดของกันและกันในวันรุ่งขึ้น การเจรจาครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น ตอนแรกก็ยังคงเน้นย้ำเรื่องเดิมสองรอบ จนกระทั่งอันเฟิงชินอ๋องเอ่ยขึ้นว่า “ถ่วงเวลาเช่นนี้ไม่มีความหมาย สองแคว้นของพวกเจ้าโต้เถียงกันเรื่องพรมแดนมาหลายสิบปีแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาที่จะสามารถแก้ไขได้ในวันเดียว เราพักเรื่องพรมแดนไว้ก่อน ข้าอยากรู้ว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจจะทำสัญญาสันติระหว่างสองแคว้นหรือไม่ และจะไม่ละเมิดต่อกัน?”ทุกคนล้วนให้คำตอบที่แน่ชัด ต่างกล่าวว่าตนมาโดยมีความหวังที่ดี อยากให้สองแคว้นยุติความขัดแย้งอันเฟิงชินอ๋องหยิบแผ่นรายการออกมาแผ่นหนึ่ง บนกระดาษระบุรายการสินค้าของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1511

    ทว่า ซ่งซีซีสังเกตเห็นว่าบรรดาญาติวงศ์ตระกูลและขุนนางของซีจิงดูเหมือนไม่รู้เรื่องที่เป่ยถังจะเข้ามาแทรกแซงการเจรจา พวกเขาล้วนเผยสีหน้าตกตะลึงหลังจากตกตะลึง พวกเขากลับแสดงความยินดีและมั่นใจออกมา คิดดูแล้วพวกเขาก็คงเห็นว่าการที่เป่ยถังเข้าร่วมเป็นการช่วยหนุนหลังซีจิงเห็นเช่นนี้ซ่งซีซีกลับรู้สึกวางใจขึ้นเล็กน้อยเพราะหากเป็นเช่นนั้นจักรพรรดินีหยวนซินย่อมสามารถแจ้งพวกเขาล่วงหน้าได้ อย่างน้อยก็ควรให้ขุนนางที่ร่วมเจรจารับรู้แต่นางเหตุใดจึงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้เล่าดูเหมือนว่ามีเพียงความเป็นไปได้หนึ่งเดียว นางเองก็หวังให้ต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนปรนกัน อีกทั้งบรรดาขุนนางในราชสำนักที่สนับสนุนนางนั้นมีไม่มาก ดังนั้นนางจึงเชิญเป่ยถังอันเฟิงชินอ๋องมา เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้เช่นนี้ก็สามารถอธิบายได้ว่าคืนก่อนที่จักรพรรดินีหยวนซินเรียกนางและเสิ่นว่านจือเข้าเฝ้าในวัง เหตุใดนางจึงกล่าวถ้อยคำว่าความปรารถนามิอาจเป็นจริง การสอบเข้ารับราชการของสตรีเป็นเพียงตัวอย่างที่ยกขึ้นมา นางต้องการสื่อว่าหลายๆ นโยบายล้วนผลักดันได้ยากหลังจากวิเคราะห์เหตุการณ์โดยละเอียดซ่งซีซีพลันรู้สึกมองโลกในแง่ดีขึ้นหลังจากง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status