Share

บทที่ 60

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อซ่งซีซีได้ยินดังนั้น นางคิดว่าน่าจะเป็นพวกสหายของนางมาแล้ว จึงรีบพูดว่า "รีบพาข้าไปดูหน่อยเร็วเข้า"

จางต้าจ้วงพานางไปทางด้านหลังของกองทัพ จากระยะไกล ซ่งซีซีเห็นร่างที่คุ้นเคยสองสามคน

นางถือหอกดอกท้อ ใช้วิชาตัวเบาบินออกไป และตะโกนเสียงดังว่า "กุ้นเอ๋อร์ หมั่นโถว อาเฉิน ว่านจือ"

ทันทีที่ทั้งสี่คนเงยหน้าขึ้นก็เห็นใครคนหนึ่งกำลังบินอยู่ในกลางอากาศ หอกดอกท้อแกว่งไปมา ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดสีเขียวถือดาบเพื่อสกัดกั้น กระโดดขึ้น และต่อสู้ในท่ามกลางอากาศหลายท่า

ทักษะดาบนั้นเร็วราวกับสายฟ้า หอกดอกท้อเคลื่อนตัวไวมาก และพู่แดงนั้นดูเหมือนดอกไม้ไฟที่กระจัดกระจาย ทหารทุกคนต่างตกตะลึงไป ทักษะดาบและทักษะหอกสุดยอดจริงๆ

ทันทีที่พวกเขายืมกัยพื้น ชายหนุ่มในชุดเขียวก็ตะคอก "ออกหอกช้าไปหน่อย"

"กุ้นเอ๋อร์ ทักษะดาบของเจ้าดีกว่าเมื่อก่อนแล้วนะ" ซ่งซีซีมองพิจารณาชายหนุ่มแล้วยิ้มอย่างสดใส "แล้วก็ สูงขึ้นด้วย"

กุ้นเอ๋อร์เป็นศิษย์ชายคนเดียวของนิกายกู่เยว่ ชื่อเมิ่งเทียนเซิง เขามีชื่อเล่นว่ากุ้นเอ๋อร์(มีความหมายว่าไม้) เพราะตอนแรกอาจารย์ของเขาไม่อนุญาตให้เขาใช้ดาบและหอกตัวจริง และปล่อยให้เขาฝึกดาบด้วยไม้เ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Kom Kom
ตอนมันสั้นจริง..แต่เราก็ติดซะงอมแงม555
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 61

    หลังจากสมัครเป็นทหารแล้ว จะเริ่มฝึกฝนในวันนั้นเลยพวกเขาทั้งห้าคนและกลุ่มทหารเกณฑ์ใหม่ถูกส่งไปยังสนามฝึก การฝึกขั้นพื้นฐาน เช่น การฝึกจับมีดและการฝึกตัดเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพวกเขาทั้งห้าคนการฝึกสิบรายการ พวกเขาใช้เวลาแค่แป๊บเดียวก็ผ่านการทดสอบแล้ว ซึ่งทำให้ผู้มาใหม่ทุกคนต้องตกตะลึงอย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาฟังทฤษฎีสนามรบ พวกเขาก็นั่งฟังอย่างเงียบๆยกเว้นซ่งซีซีที่คุ้นเคยกับการออกศึกแล้ว อีกสี่คนนั้นไม่มีความรู้เดี่ยวกับเรื่องสงครามเลยเนื่องจากซ่งซีซีมีค่ายส่วนตัว แม้ว่ามันมีขนาดเล็ก แต่ก็พอจะให้ทุกคนได้พักผ่อนด้วยกันเมื่อกลับมาที่ค่ายในตอนเย็น พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะถามซ่งซีซีเกี่ยวกับการแต่งงานของนางซ่งซีซีกอดเข่าแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ใช่ ข้าแต่งงานแล้ว แต่ก็หย่าโดยสันติแล้ว ยามนี้ข้าโสดอยู่""เยี่ยมมาก!" เฉินเฉินปรบมืออย่างตื่นเต้น "เมื่อศิษย์พี่หลิวรู้เรื่องการแต่งงานของเจ้าณ เขาเสียใจมานานเลย ตอนนี้เจ้าหย่าโดยสันติแล้ว เจ้าสามารถแต่งงานกับศิษย์พี่หลิวนี่น่ะ"ซ่งซีซีใช้นิ้วไปแตะที่หน้าผากของนาง "ข้าไม่เอา ศิษย์พี่หลิวดุขนาดนั้น""จะดุกว่าอาจารย์ของเจ้าได้หรือ? เมื่ออ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 62

    ใต้เท้าซุน เสนาบดีช่วยขวากล่าวว่า "ฝ่าบาท ข้าเกรงว่ามันสายเกินไปที่จะส่งกำลังเสริมในเวลานี้ ข่าวนี้สายลับของเรากลับไม่ได้สืบมาให้รู้ล่วงหน้า จะเห็นได้ว่าสายลับของเราทั้งหมดในแคว้นซาและเมืองซีจิงถูกฆ่าตายหมดแล้ว"จักรพรรดิ์ซูชิงจำได้ว่า ซ่งซีซีได้เข้าเฝ้าเพื่อรายงานเรื่องนี้เมื่อสิบวันก่อน ในเวลานั้น นางได้ทำจดหมายปลอมโดยบอกว่าเป็นข่าวที่เสิ่นชิงเหอ ศิษย์พี่ของนางสืบมาแต่ในเวลานั้น เขาคิดว่านางยังติดใจกับเรื่องความรัก ทนเห็นจ้านเป่ยว่างกับยี่ฝางแต่งงานกันไม่ได้ เขาจึงดุนางยกใหญ่ และสั่งกัหขังนางไว้ที่จวนไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่นางพูดนั้นจะเป็นความจริงหากเขาเชื่อใจนางเมื่อสิบวันก่อน ส่งกำลังเสริมไปช่วยทันที และสั่งให้ผู้คนรวบรวมอาหารและหญ้าด้วย ด้วยความสามารถของเสด็จน้องในการเป็นผู้นำกองทัพ ก็หาใช่ว่าไม่สามารถสู้กับกองกำลังพันธมิตรระหว่างเมืองซีจิงกับแคว้นซาได้ยี่ฝางและจ้านเป่ยว่างมองหน้ากัน ในที่สุดโอกาสที่พวกเขารอคอยก็มาถึงแล้วชัยชนะที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาใช้ผลงานนั้นมาสู่ขอพระราชทานอภิเษกสมรส ตราบใดที่พวกเขาเอาชนะศึกที่เขตหนานเจียง งั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นคนโปรดที่ทุกคนชื่นชมแ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 63

    หลังจากที่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางออกไป จักรพรรดิ์ซูชิงและเสนาบดีได้หารือเกี่ยวกับการคัดเลือกผู้ตรวจงาน และจำเป็นต้องร่วมรวมเสบียงอาหารเพื่อส่งไปยังสนามรบเขตหนานเจียงชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ขึ้นอยู่กับสงครามครั้งนี้แล้ว ได้ยึดเมืองมาแล้ว 23 แห่งติดต่อกัน หากพ่ายแพ้ในเวลานี้ จักรพรรดิ์ซูชิงจะไม่ยอมหลังจากที่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางออกจากวังแล้ว จ้านเป่ยว่างก็ขมวดคิ้วพูดว่า "เจ้าจะไปรับประกันได้อย่างไรว่ากองทหารของเราจะมาถึงสนามรบก่อนกองทัพเมืองซีจิงเล่า ชาวเมืองซีจิงออกเดินทางมานานกว่าสิบวันแล้ว และเราก็ยังไม่ได้ออกเดินทาง เลย แม้ว่าจะเดินทางเร่งด่วนยังไง ก็ไม่สามารถถึงก่อนชาวเมืองซีจิงอยู่ดี"ยี่ฝางมีความมั่นใจในตัว "ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ตราบใดที่เราทุ่มเทอย่างเต็มที่ ต้องทำได้อย่างแน่นอน"จ้านเป่ยว่างโกรธจัด "เจ้าว่าอย่างสบายมากเลย ก่อนหน้านี้ที่เรานำกองทัพหลวงไปที่ชายแดนเฉิงหลิงเพื่อสนับสนุนที่นั่น และเราใช้เวลาสองเดือนเต็มๆ กว่าจะไปถึงนั่น ยามนี้เรากำลังจะไปเขตหนานเจียง เรามีเวลาเพียงยี่สิบวันเท่านั้น เจ้าจะไปทันได้ยังไง?"ยี่ฝางพูดอย่างไม่พอใจ "มีเวลามาพูดไร้สาระ สู้กลับจวนจั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 64

    จ้านเป่ยว่างกลับไม่คิดเช่นนั้นเมื่อก่อนเขาอยากไปสนามรบเขตหนานเจียงก็จริง แต่เฉพาะตอนที่มีทหารแคว้นซาเท่านั้น บัดนี้ มีกแงทัพตั้งสามแสนนายจากเมืองซีจิงเข้าสู่เขตซีม่อนและเขตอีลี่ และแคว้นซาจะเพิ่มกองกำลังอีกหรือไม่ยังไม่ทราบด้วยซ้ำบัดนี้กองกำลังของศัตรูมีจำนวนห้าแสนนาย เขานำกองทัพหลวงรวบรวมได้ไม่ถึงหนึ่งแสนสองหมื่นนาย บวกกับกองกำลังในมือของเป่ยหมิงอ๋องที่ไม่ถึงสองแสนนาย พอรวมๆ กันแล้วก็แค่สามแสนเองยิ่งไปกว่านั้นกองทหารปัจจุบันของเป่ยหมิงอ๋องต่างก็เหนื่อยล้ามาก มีทหารบาดเจ็บมากมาย อาหารและหญ้าขาดแคลน กำลังอดกินรอเสบียงอยู่ ยามนี้พวกเขาย่อมไม่มีทางไปเอาชนะเขตอีลี่ได้ ทำได้แค่รอกองทัพเสริมมาที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เป็นฤดูหนาว ทางเขตหนานเจียงมัน หนาวมากทีเดียว ไม่เอื้ออำนวยต่อการสู้รบ แต่ชาวแคว้นซามักจะเป็นคนหยาบคาย ขึ้นชื่อว่าทหารหมีดำ พวกเขาไม่กลัวความหนาว ในฤดูหนาวพวกเขายังสามารถเล่นเปลือยกายบนน้ำแข็งด้วยซ้ำดังนั้นความแข็งแกร่งของทั้งสองประเทศจึงแตกต่างกันมาก การรบครั้งนี้จะรับมือยากมาก โดยเฉพาะหากแคว้นซายังคงส่งทหารเพิ่มเพื่อยึดเมืองที่สูญหายไปกลับคืนมาในรวดเดียว และควบคุมเขตหน

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 65

    ข่าวที่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางกำลังจะออกศึกที่เขตหนานเจียง ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าจ้านทั้งตื่นเต้นและเป็นกังวลนางรู้ว่าการไปออกศึกถือเป็นพรก็เป็นหายนะด้วย หากได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ย่อมสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่โดยธรรมชาติ หากายแพ้ งั้นต้องเสียชีวิตในสนามรบอย่างไรก็ตาม หลังจากคิดซับซ้อนมาสักพักหนึ่ง นางก็ยังเชื่อในตัวลูกชายของนางและยี่ฝางด้วย เพราะถึงยังไงในสงครามชายแดนเฉิงหลิง ยี่ฝางเป็นคนได้สร้างผลงานที่ใหญ่ที่สุดนางมีความสามารถยิ่งไปกว่านั้น ทั้งคู่ยังเป็นแม่ทัพ ดังนั้นพวกเขาจึงแค่ออกคำสั่งเท่านั้น เรื่องต่อสู้นั้นเป็นหน้าที่ของพวกทหารพอคิดถึงเช่นนี้ ความสุขก็กลบความกังวลไปแล้ว เลยสั่งคนให้ช่วยจัดเตรียมเรื่องที่พวกเขาจะออกเดินทางเพียงไม่กี่วันหลังจากที่จ้านเป่ยว่างและยี่ฝางนำกองกำลังออกจากเมืองหลวง ในที่สุดสายลับที่ซ่อนตัวอยู่ในแคว้นซาก็รายงานข่าวกลับไปที่ราชสำนักข่าวลับที่พวกเขารายงานนั้นเหมือนกับข่าวที่ส่งกลับมาโดยเป่ยหมิงอ๋องในเขตหนานเจียงทุกประการและเหมือนกันกับข่าวที่ซ่งซีซีรายงานตอนที่นางเข้าวังเมื่อครึ่งเดือนที่แล้วด้วยจักรพรรดิหนุ่มที่มีรูปหล่อฉีกรายงานลับด้วยความโกรธ ห่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 66

    จักรพรรดิ์ซูชิงกล่าวว่า "นางได้ทำโทษอะไร นางไปที่เขตหนานเจียงเพื่อรายงานข่าว เสด็จน้องอาจเตรียมการล่วงหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้โจมตีโดยไม่ตั้งตัว บางครั้งข่าวกรองทางทหารจะส่งให้เร็วกว่าหนึ่งวันหรือหนึ่งชั่วยาม มันก็มีผลต่างการ นางได้สร้างผลงานไว้ เป็นข้าที่ไม่เชื่อใจนาง"จักรพรรดิ์ซูชิงกล่าวพลางหันไปด้านข้างเล็กน้อย "ข้าได้ส่งองครักษ์หลวงไปจับตาดูนางไว้ นางยังสามารถหนีออกไปได้กลางดึก ดูเหมือนว่าวิชาตัวเบาของนางได้เก่งมาก"อู๋ต้าปั้นยิ้มและกล่าวว่า "ฝ่าบาท ถึงยังไงนางได้เรียนศิลปะการต่อสู้ในสถาบันว่านซงเหมินมาเจ็ดแปดปีแล้ว สถาบันว่านซงเหมินเป็นนิกายที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นซางของเรา ได้ยินมาว่า นาง เป็นศิษย์ที่มีศักยภาพมากที่สุดของนิกายเลย""จริงเหรอ?" ความรู้ที่จักรพรรดิ์ซูชิงมีต่อสถาบันว่านซงเหมินนั้นจำกัดแค่เสิ่นชิงเหอ เขาไม่รู้ว่าซ่งซีซีทรงพลังขนาดนี้ด้วย "ข้าแปลกใจเล็กน้อย ทำไมตอนนั้นซ่งฮูหยินถึงเลือกจ้านเป่ยว่างเป็นสามีของนางเล่า ด้วยด้วยภูมิหลังของตระกูลซ่ง จะเลือกผู้ชายชนชั้นสูงแบบไหนก็ได้นี่ ทำไมถึงเลือกจวนแม่ทัพที่ตกอับไป?"อู๋ต้าปั้นลังเลอยู่นานแล้วพูดเบาๆ "ได้ยินมาว่าคนที่ไปสู่ข

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 67

    การไม่รู้อะไรเลยคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดอู๋ต้าปั้นสะบัดแขนเสื้อ ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ข้าน้อยไม่ทราบ แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้นพะยะค่ะ"คำว่าทำตามคำสั่งเท่านั้น ทำให้อ๋องฮวยไม่กล้าถามอะไรอีก จักรพรรดิทรงมีอานุภาพมากจนการลงโทษยังถือว่าเป็นรางวัลได้ด้วยหลังจากที่อู๋ต้าปั้นจากไป ทั้งคู่ก็มองหน้ากัน พวกเขาดูแลเสด็จแม่ในเมืองหลวง ฮ่องเต้เองยังทรงโปรดอนุญาตให้ไท่เฟยออกจากวังและอาศัยอยู่กับพวกเขาในจวนอ๋องฮวยด้วย โดยปกติแล้วพระองค์ค่อนข้างเป็นมิตร แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงมาลงมาโดยไม่มีเหตุผลล่ะ?พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่กล้าทำอะไรอีกด้วยมันแปลกจริงๆในช่วงกลางฤดูหนาว หิมะตกหนักขัดขวางทางที่จ้านเป่ยว่างจะเดินทางไปเดิมทียามที่ออกจากเมืองหลวงก็เร่งให้เดินเร็วอยู่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าหิมะตกหนักติดต่อกันสองวัน มีหิมะตกทุกที่ จะหนาวจัดก็ไม่ว่าอะไร แต่ความคืบหน้าก็ชะลอตัวลงอย่างมากพอก้าวเท้าออกไป ต้องใช้เวลาดึงเท้าออก มันยากอยู่แล้วที่เขตหนานเจียงก็มีหิมะตกด้วย แต่โชคดีที่ไม่หนักมากนัก การฝึกทหารใหม่ก็ถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว ได้รับสมัครทหารใหม่เป็นสามหมื่นนาย นอกจากนี้ยังมีการผลิตอาวุธและชุดเกราะในเมือ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 68

    "เมื่อนับถึงสามสิบคนก็ไม่ได้นับต่อเลย"ซ่งซีซียกแขนขึ้นแล้วรู้สึกว่าหอกดอกท้อหนักมาก และการออกศึกเป็นเรื่องเหนื่อยมากจริงๆ"ข้านับแล้ว ข้าฆ่าไปห้าสิบคน" หมั่นโถวกระโดดขึ้นอย่างสง่างามราวกับปลา แต่กระโดดแล้ว สุดท้ายก็ล้มกับพื้น อาวุธที่เขาใช้คือดาบ แต่เนื่องจากมีคนมากเกินไป ดาบจึงถูกโจมตีจนหลุดไป ต่อมาเขาฆ่าคนด้วยหมัดและเท้า สุดท้ายได้หยิบดาบของตัวเองกลับมาเสิ่นว่านจือกล่าวว่า "ข้าฆ่าคนไปหกสิบสามคน"จางต้าจ้วง รองแม่ทัพของเป่ยหมิงอ๋องเดินเข้ามา เขามีเลือดเต็มตัวเช่นกันซ่งซีซีลุกขึ้นนั่งก่อน จากนั้นจึงใช้หอกดอกท้อพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน "รองผู้บัญชาการจาง""ซ่งซีซี!" รองผู้บัญชาการจางมองนางด้วยความประหลาดใจและตื่นเต้น "เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าได้ฆ่าศัตรูไปกี่คน?""ไม่รู้สิ ข้าไม่ได้นับ"รองผู้บัญชาการจางแปะมือ และดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น "ผู้บัญชาการนับจำนวนคนที่เจ้าฆ่าให้เจ้าเอง เจ้าใช้หอกดอกท้อแทงคอของศัตรู นับแค่ส่วนนี้ ก็มีมากกว่าสามร้อยคน มันไม่ยังไม่รวมถึงคนที่ถูกปิดกั้นคอด้วย เจ้านี่สุดยอดจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าออกศึกจริงหรือ แม่ทัพทุกคนชื่นชมว่าเจ้าสมเป็นลูก

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1500

    ฉินอ๋องหลับยาวจนถึงบ่ายวันรุ่งขึ้น ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะความหิวเมื่อลืมตาขึ้นมา รู้สึกว่าร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดไปทุกส่วนความอ่อนล้ากัดกินลึกถึงกระดูก แม้แต่จะยกมือขึ้นยังแทบไม่มีแรงในบรรดาคนรับใช้ที่ติดตามเขามา มีขันทีคนสนิทชื่อเสี่ยวจี๋จื่อ ยืนอยู่ข้างเตียง รายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายาเป่ยหมิงอ๋องมีเรื่องจะหารือกับท่าน นางรอท่านมาครึ่งวันแล้ว”เดิมทีฉินอ๋องตั้งใจจะกินข้าวบนเตียงแล้วนอนต่อ เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะขยับตัวแต่เมื่อได้ยินว่าซ่งซีซีรอเขามาครึ่งวันแล้ว เขาก็รีบเปิดผ้าห่มออกทันที สั่งเสียงเร่งรีบ “เปลี่ยนเสื้อผ้า เร็วเข้า”ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา เขาได้เห็นความสามารถของซ่งซีซีกับตาตัวเอง นางเป็นสตรี แต่ไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยแม้แต่คำเดียว ภายใต้การบัญชาของนาง ขบวนเดินทางหลีกเลี่ยงอันตรายมาได้หลายครั้ง ผู้คนมากมายล้มป่วยระหว่างทาง แต่นางกลับแข็งแรงราวกับวัวกระทิงคนที่มีความสามารถเช่นนี้ จะไม่มีวันเสียเวลามาหยอกล้อกับใครแน่ หากมาหาเขา ย่อมมีเรื่องสำคัญแน่นอนแม้เขาจะหิวจนไส้แทบกิ่ว แต่ก็รีบล้างหน้าแต่งตัว จากนั้นก็ดื่มโจ๊กหนึ่งชามแล้วรีบไปพบนาง “น้องสะใภ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1499

    หลังจากจุดธูปเคารพเสร็จแล้ว เมื่อกลับมายังเรือนหลัง ทุกคนก็ซับน้ำตา เก็บซ่อนความโศกเศร้า แล้วพากันล้อมวงถามไถ่ซ่งซีซีเกี่ยวกับชีวิตคู่ของนางแต่คำถามที่ถูกถามมากที่สุดก็คือเป่ยหมิงอ๋องปฏิบัติต่อนางดีหรือไม่ครอบครัวก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะรู้ว่านางเป็นคนเก่งเพียงใด แต่ก็ยังคงหวังให้คู่ครองของนางรักและเอ็นดูนางจากใจจริงซ่งซีซีมีลูกพี่ลูกน้องหญิงมากมาย ล้วนเป็นบุตรสาวของบรรดาลุงและน้าของนาง แม้ไม่เคยพบหน้ากันมากนัก แต่เมื่อได้เจอซ่งซีซี ต่างก็พากันตื่นเต้นยินดีพี่สาวทั้งหมดล้วนแต่งงานมีครอบครัวแล้ว ครั้งนี้พากันกลับบ้านพร้อมสามีและลูกๆ พวกนางได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซ่งซีซีมากมาย ทั้งรู้สึกนับถือและเห็นใจนางในหมู่พี่สาวเหล่านั้น มีอยู่คนหนึ่งชื่อเซียวเซียงอวี่ เป็นบุตรสาวคนโตของลุงสอง นางแต่งงานกับแม่ทัพหวงเฉิน ซึ่งเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เซียว แต่ยังไม่ถึงปี สามีก็สละชีพในสนามรบ ทิ้งลูกในครรภ์ไว้ให้บัดนี้ เด็กคนนั้นอายุสิบสองปีแล้วนางตั้ง สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าขึ้นที่ชายแดนเฉิงหลิง เพื่อช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ตอนนี้มีเด็กอยู่ในความดูแลกว่าสามสิบคน แต่ชีวิตกลั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1498

    พอเร่งเดินทางอย่างสุดกำลัง ในที่สุดวันที่สามเดือนแปด พวกเขาก็มาถึงชายแดนเฉิงหลิงตลอดยี่สิบวันที่เดินทางมา เนื่องจากอากาศร้อนจัด ผู้คนมากมายต่างล้มป่วยลงทีละคน แต่โชคดีที่ซ่งซีซีเตรียมตัวมาดี นางนำยามามากมาย และยังมีหมอหลวงจินติดตามมาด้วย จึงไม่เกิดปัญหาใหญ่อันใดฉินอ๋องนั้นถึงกับหมดเรี่ยวแรงโดยแท้เขาเคยลำบากเช่นนี้มาก่อนที่ไหนกัน ตั้งแต่วันที่สิบของการเดินทาง เขาก็แทบเอ่ยปากพูดไม่ได้ สีหน้าและริมฝีปากซีดขาวตลอดเวลา ความอิดโรยฉายชัดบนใบหน้า ไม่อาจปกปิดได้ครั้นเดินทางมาถึงเขตแดนเฉิงหลิง มองเห็นทหารสกุลเซียวที่นำทัพมาต้อนรับ เขาก็ถึงกับทรุดฮวบลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนแตกตื่น รีบหามเขากลับไปทันทีซ่งซีซีเมื่อได้พบกับท่านตาและบรรดาท่านลุง นางจะไปสนใจฉินอ๋องได้อย่างไร นางพุ่งตัวเข้าหาอ้อมกอดของท่านตา น้ำตาไหลพรากมิอาจหยุดยั้งแม่ทัพใหญ่เซียวมองหลานสาวด้วยสายตาเอ็นดู ลูบศีรษะนาง น้ำเสียงสั่นเครือ เขาเคยคิดว่าเมื่อแยกจากกันที่เมืองหลวง บางทีคงไม่มีโอกาสได้พบกันอีก ที่ไหนได้กลับได้พบหน้านางอีกครั้งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวเสียงอ่อนโยน “พอแล้ว อย่าให้ทุกคนเห็นเป็นเรื่องขบขัน ไปพบลุงของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1497

    วันที่สิบสองเดือนเจ็ด คณะทูตแคว้นซางออกเดินทางจากเมืองหลวงอย่างยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังซีจิงเซี่ยหลูโม่ควบม้าส่งขบวนไปถึงยี่สิบลี้ จนกระทั่งจางต้าจ้วงและอาจารย์หยูกล่าวว่าเพียงพอแล้ว เขาจึงจำใจรั้งบังเหียนม้าเอาไว้ซ่งซีซีหันกลับมาส่งยิ้มให้เขา ใบหน้างามราวกับบุปผา ไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อยเซี่ยหลูโม่จ้องมองนาง สายตาอบอุ่นอ่อนโยน แต่กลับบ่นพึมพำเสียงต่ำว่า “ช่างเป็นสตรีไร้หัวใจเสียจริง”ดวงตะวันขึ้นสูงแล้ว ถนนหลวงไร้ลมพัด อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก เขายืนรออยู่จนขบวนท้ายสุดลับสายตาไป จึงยอมหมุนม้ากลับอย่างเสียดายครั้งนี้ที่เดินทางไปซีจิง ซ่งซีซีนำกองทัพซวนเจียจำนวนสามร้อยนาย พร้อมทั้งกุ้นเอ๋อร์ เสิ่นว่านจือ และผู้ติดตามอื่นๆ ไปด้วยแม้สองแคว้นจะอยู่ในช่วงสงบชั่วคราวหลังสงคราม แต่เรื่องราวเกี่ยวกับองค์รัชทายาทซีจิงถูกซูลันซือเปิดเผยออกมา เวลานี้ชาวเมืองซีจิงมากมายยังคงมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อแคว้นซาง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องนำทหารติดตามไปมากขึ้น เพื่อรับรองความปลอดภัยของฉินอ๋องและเหล่าทูตสำหรับฉินอ๋องนี้ ซ่งซีซีมีปฏิสัมพันธ์กับเขาน้อยมาก ที่ถูกต้องกว่านั้นคือ นางแทบไม่ติดต่อกับฉินอ๋

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1496

    ในค่ำคืนก่อนออกเดินทาง ซ่งซีซีพาเซี่ยหลูโม่ไปถวายบังคมลาฮุ่ยไทเฟย เนื่องจากวันรุ่งขึ้นต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ หากมาลาในตอนนั้นเกรงว่าฮุ่ยไทเฟยจะยังไม่ตื่น จึงเลือกมาขอลาในค่ำคืนนี้แทน ฮุ่ยไทเฟยทรงทราบมาก่อนแล้วว่าซ่งซีซีจะเดินทางไปซีจิง ตอนแรกยังไม่ทรงเข้าใจนัก มองว่าราชโองการของฮ่องเต้นั้นเกินไปหรือไม่ การเดินทางที่ยาวไกลเช่นนี้ จำเป็นต้องเป็นนางเพียงผู้เดียวจริงหรือ? แต่เมื่อเสิ่นว่านจืออธิบายว่านี่เป็นโอกาสให้นางได้กลับไปพบญาติฝ่ายมารดา พระนางก็ได้แต่ทอดถอนพระทัย แย้มสรวลบางเบาแล้วตรัสว่า "ความเจ็บปวดที่สุดในชีวิต คือการต้องพลัดพรากจากครอบครัว แต่ความสุขที่สุด ก็คือการได้พบกันอีกครั้งหลังจากจากกันไปเนิ่นนาน" พระนางตรัสกับเสิ่นว่านจือเช่นนี้ มิได้กล่าวต่อหน้าซ่งซีซี เพราะหากกล่าวกับผู้อื่นก็เป็นเพียงการรำพึงถึงชีวิต แต่หากกล่าวกับซ่งซีซี ก็คงไม่ต่างจากการราดเกลือลงบนบาดแผล บัดนี้ พระนางก็รักและเอ็นดูลูกสะใภ้ผู้นี้แล้ว ย่อมไม่อยากให้ต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย เมื่อมองดูซ่งซีซีที่มาขอลา พระนางก็อดคิดไม่ได้ เมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนแรกพระนางคัดค้านการแต่งงานนี้อย่างถึงที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1495

    เดือนเจ็ดอันร้อนระอุ ราชสาส์นจากซีจิงก็มาถึง จักรพรรดิ์ซีจิงทรงสละราชบัลลังก์ องค์หญิงผู้สูงศักดิ์เหลิ่งอวี้ขึ้นครองราชย์ ทรงใช้อำนาจบริหารแผ่นดินและเปลี่ยนชื่อแคว้นเป็นหยวนซิน พระนางมีพระราชโองการเชิญแคว้นซางส่งทูตเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเจรจาเรื่องเขตแดนร่วมกัน แท้จริงแล้ว หยวนซินฮ่องเต้ได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว พิธีราชาภิเษกเป็นเพียงข้ออ้าง สิ่งที่ต้องเจรจากันจริงๆ ก็คือปัญหาเขตแดน เมื่อครั้งที่คณะทูตซีจิงมาเยือนแคว้นซาง จุดประสงค์หลักก็คือปัญหาเขตแดน แต่เนื่องจากเกิดความวุ่นวายภายในแคว้น ทำให้เรื่องนี้ต้องถูกระงับไว้ชั่วคราว และนี่คงเป็นเรื่องที่ติดค้างอยู่ในพระทัยของหยวนซินฮ่องเต้มากที่สุด ดังนั้น ทันทีที่พระนางขึ้นครองราชย์ ก็ทรงรีบเร่งดำเนินการเปิดการเจรจาขึ้นอีกครั้ง ในที่ประชุมราชสำนัก ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า บัดนี้ความบาดหมางระหว่างสองแคว้นได้คลี่คลายลงแล้ว การเจรจาในขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น สิ่งใดที่ต้องรักษาไว้ ก็ต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อรักษามันไว้ ปัญหาเขตแดนอาจไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ตราบใดที่สามารถรักษ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1494

    ที่จวนเป่ยหมิงอ๋อง ซ่งซีซีและเฉินเฉินก็กำลังสอนเสี่ยวหมิงซีและหวังจืออวี่ฝึกวรยุทธ์ โดยส่วนใหญ่เป็นเฉินเฉินที่สอนเสี่ยวหมิงซี ส่วนซ่งซีซีกับหวังจืออวี่ก็เพียงอยู่ร่วมฝึกด้วย จวนกองกำลังเมืองหลวงแม้จะยุ่งวุ่นวาย แต่ดูเหมือนว่าวันเวลาจะค่อยๆ ช้าลง ทำให้จิตใจของผู้คนสงบลงตามไปด้วย ไม่ว่าเวลาที่ปราศจากความระแวงเช่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ตราบใดที่ยังมี ก็จงใช้มันให้คุ้มค่าทุกวัน สิ่งเดียวที่นางกังวลคือสุขภาพของศิษย์น้อง แม้ว่าร่างกายของเขาจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ก็เคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน การทำงานหนักเช่นนี้ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้งกินอาหารไม่เป็นเวลา กินยาก็ไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ทำให้นางอดเป็นห่วงไม่ได้ หมั่นโถวเดินมาตามระเบียง มาหยุดข้างซ่งซีซีแล้วกล่าวว่า "จือจือบอกว่า คืนนี้ไม่กลับมา" "อืม" ซ่งซีซีพยักหน้า แม้จะไม่ได้กล่าวอะไรโดยตรง แต่ซ่งซีซีรู้ว่า นางกลับไปทำสิ่งที่เคยทำอีกครั้ง เรื่องนี้ พวกนางจะไม่พูดคุยกันโดยตรง มีเพียงประโยคเดียวที่เคยกล่าวกันไว้ ในเมื่อมือเคยเปื้อนเลือดแล้ว ก็ควรปล่อยให้เลือดของคนชั่วหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณให้แดงฉานยิ่งขึ้น

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1493

    บัดนี้ เรื่องขององค์ชายทั้งหลาย จักรพรรดิ์ซูชิงมักปรึกษากับเซี่ยหลูโม่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เซี่ยหลูโม่มักจะมาสอนหนังสือในช่วงค่ำ หลังจากสอนเสร็จก็จะอยู่เป็นเพื่อนระหว่างที่พระองค์ฝังเข็ม เมื่อสนทนากันมากขึ้น ความเป็นพี่น้องก็แน่นแฟ้นขึ้น ความหวาดระแวงลดลง และความเข้าใจก็มีมากขึ้น แน่นอนว่าสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เซี่ยหลูโม่เป็นคนเปิดเผย ซื่อสัตย์ในถ้อยคำ ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับซ่งซีซี เขาก็มักจะพูดตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังอะไร เมื่อได้อยู่ใกล้กัน จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น หากมีปัญหาใดก็สามารถพูดคุยกันได้โดยตรง มิใช่ต่างฝ่ายต่างคาดเดาไปเองเช่นแต่ก่อน แต่ถึงอย่างนั้น จักรพรรดิ์ซูชิงก็ทรงตระหนักว่า สิ่งที่ทำให้พระองค์สามารถเปลี่ยนแนวคิดเช่นนี้ได้ เป็นเพราะซ่งซีซีดุด่าให้พระองค์ตื่นจากความคิดของตัวเอง พระองค์จึงเรียนรู้ที่จะใช้สายตาของพี่ชายมองเซี่ยหลูโม่ มิใช่เพียงแค่จักรพรรดิ์มองขุนนาง เมื่อหมอมหัศจรรย์ทำการฝังเข็มเสร็จแล้วก็ขอตัวกลับไปพักผ่อน เซี่ยหลูโม่จึงพยุงจักรพรรดิ์ซูชิงให้ลุกขึ้นเดินช้าๆ โดยมีอู๋ต้าปั้นติดตามอยู่ห่างๆ ยามค่ำคืนในอุท

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1492

    ฮองเฮาเสด็จกลับตำหนักฉางชุน แต่ยังมิทันได้กระวนกระวายนาน จักรพรรดิ์ซูชิงก็เสด็จมาถึง พระองค์ทรงนำเหล่าองครักษ์เหล็กดำมาด้วย และตรัสสั่งให้ปิดล้อมตำหนักฉางชุนโดยสิ้นเชิง มีเพียงหลานเจี่ยนกูกูที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในตำหนัก อู๋ต้าปั้นถือของสองอย่างเข้ามา หนึ่งในนั้นคือผงพิษขับแมลงที่ฮองเฮาให้แก่องค์ชายใหญ่ในวันนั้น เมื่อวางไว้บนโต๊ะต่อหน้าฮองเฮาแล้วเชิญให้ทอดพระเนตร นางพลันชะงักค้างอยู่กับที่ ทั้งพระทัยเย็นเยียบจนหนาวสะท้านทั่วร่าง ริมพระโอษฐ์สั่นระริกมิอาจเอื้อนเอ่ย หลานเจี่ยนกูกูเห็นเช่นนั้นก็ทรุดกายลงคุกเข่า เสียงร้องไห้สั่นเครือ "ฝ่าบาท โปรดอภัยให้บ่าวด้วยเพคะ ทั้งหมดนี้เป็นการกระทำของบ่าวแต่เพียงผู้เดียว พระนางหาได้ล่วงรู้ไม่" จักรพรรดิ์ซูชิงมิได้เหลือบแลหลานเจี่ยนกูกูแม้แต่น้อย พระองค์เพียงประทับบนพระเก้าอี้แล้วตรัสกับอู๋ต้าปั้นว่า "ให้ฮองเฮาทอดพระเนตรราชโองการ ไม่ต้องประกาศ" อู๋ต้าปั้นรับคำ จากนั้นจึงคลี่ราชโองการออกเป็นสิ่งที่สอง เมื่อโองการถูกนำไปเบื้องหน้าฮองเฮา พระเนตรของพระนางจับจ้องเพียงสองบรรทัดก็ราวกับได้เห็นปีศาจร้าย นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง "ไม่!" ร่า

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status