Share

บทที่ 585

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
วันหนึ่งทุกคนพักผ่อนอยู่ในป่าเล็กๆ ข้างถนนหลวง ห่างจากป่าเล็กๆ ประมาณหนึ่งลี้ มีลำธารน้ำใสแจ๋ว อากาศร้อนแบบนี้ ทุกคนก็วิ่งเข้าไปลำธาร

กู้ชิงหลานก็ล้างมือในลำธาร โดยธรรมชาติแล้ว นางไม่สามารถกระโดดลงไปแช่ตัวเหมือนพวกผู้ชายเหล่านั้นได้

แต่เมื่อเห็นพวกผู้ชายกำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน นางหยิบกิ่งไม้มาและเริ่มเต้นรำข้างพวกเขา

แม้ว่าการเคลื่อนไหวจะไม่แข็งแกร่งเท่าไร แต่ก็มีความสวยงาม กระโดดขึ้นไปบนเขย่งเท้าและหมุนตัวออกไป เป็นการผสมผสานระหว่างการเต้นรำและศิลปะการต่อสู้ซึ่งสะดุดตามาก

ด้วยความสนุกสนาน ทุกคนก็กระโดดขึ้นจากน้ำและเริ่มแสดงศิลปะการต่อสู้ของตนเองออกมา

เซียงกุ้ยมองไปที่เซี่ยหลูโม่ และเห็นเซี่ยหลูโม่มองดูชิงหลานด้วยสายตาที่ประหลาดใจ

นางแลกสายตากับองครักษ์อู๋ตงอย่างมีสีหน้าพึงพอใจ ตามอย่างที่คาดไว้จริงๆ เป่ยหมิงอ๋องให้ความสนใจกับสตรีที่รู้ศิลปะการต่อสู้เป็นพิเศษ

หลังจากนั้นพักใหญ่ เซี่ยหลูโม่ก็ละสายตาออก จากนั้นเหลือบมองซ่งซีซีที่กำลังนั่งด้านข้างและพูดคุยกับเสิ่นว่านจืออย่างร้อนตัว จากนั้นจึงเดินไปหาพวกนาง

เซียงกุ้ยย่อมไม่พลาดท่าทีรู้สึกผิดของชายคนนี้ แม้ว่าครั้งนี้ได้เจอกับเหต
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
รุ่งทิวา
หมดไปสองพันห้าร้อยแล้วยังไม่จบเล่มเลย เป็นหนังมือที่ราคาแพงจริงๆค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 586

    ซ่งซีซีหันหน้าออกไปโดยมีรอยยิ้มปรากฏที่ดวงตาของนาง แน่นอนว่าต้องการให้หมอมหัศจรรย์ดันช่วยสอบสวนให้ ผู้ชายในโลกนี้ คนที่ไม่ออกนอกลู่นอกทางนั้นไม่ค่อยมีเซี่ยหลูโม่กัดฟัน "เจ้ากลับสงสัยว่าข้าเป็นโรคเหล่านั้นเหรอ? ข้าอยู่ในสนามรบตลอดเวลา เจ้าคงไม่ได้สงสัยจริงๆ เลยใช่ไหม"พวกหนุ่มๆ กลับมาจากว่ายน้ำ และซ่งซีซีก็เดินไปจับมือเสิ่นว่านจือ โดยไม่ตอบคำถามของเขาเซียงกุ้ยเห็นเซี่ยหลูโม่กำลังโกรธเล็กน้อย และซ่งซีซีก็ลุกขึ้นจากไปอย่างเร่งรีบ ทั้งสองดูเหมือนจะขัดแย้งกันตลอดทางกลับเมืองหลวงก็ไม่มีเรื่องอย่างอื่นเกิดขึ้นเมื่อกลับถึงเมืองหลวงก็เกือบจะถึงเดือนสิงหาคมทางกระทรวงพิธีการรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะมาถึงเมื่อใด และประกาศข่าวดีไปทั่วเมืองหลวงแล้วความรู้สึกของสามัญชนทั่วไปจะจริงใจที่สุดเมื่อวีรบุรุษกลับมา แน่นอนว่าทุกถนนก็อัดแน่นไปด้วยผู้คนก่อนที่ซ่งซีซีจะเข้าเมืองได้มอบม้าให้กับกู้ชิงหลานแล้ว และให้พวกเขาคืนม้าในวันอื่นกู้ชิงหลานขอบคุณพลางคารวะ "มิทราบว่าแม่นางใหญ่พักอยู่ที่ไหน?"ซ่งซีซีกล่าวว่า "จวนเป่ยหมิงอ๋อง"กู้ชิงหลานแสดงสีหน้าประหลาดใจ "จวนเป่ยหมิงอ๋อง งั้นท่านก็คือพระชายาเป

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 587

    วันนี้จ้านเป่ยว่างเข้าเวร เขาและกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยเมืองหลวงช่วยรักษาความเรียบร้อย เมื่อพวกเขาขี่ม้าผ่านเขาไปทีละคน เขาได้เดินเข้าไปและเห็นทุกคนได้ชัดเจนเมื่อเห็นเจ้าสิบเอ็ดฝางกลับพบว่าเขาไม่หล่อเหลาและสดใสเหมือนเมื่อก่อนอีก เลยเกิดความรู้สึกซับซ้อน จู่ๆ ก็รู้สึกละอายใจตัวเองอยู่ครู่หนึ่งวีรบุรุษ ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นวีรบุรุษ เมื่อเขากลับมาจากชายแดนเฉิงหลิง ประชาชนก็ต่างส่งเสียงไชโยเช่นนี้ทุกวันนี้ เขากลับถูกลดตำแหน่งเป็นองครักษ์ที่กระจอกๆ คนหนึ่ง ไม่ใช่ขุนนางผู้สูงส่ง ไม่มีงานสำคัญอีก เมื่อมองดูพวกเขา เขารู้สึกถึงความอัปยศอดสูที่แตกต่างราวฟ้ากับเหวหากเขาต้องการก้าวหน้าในชีวิตนี้คงต้องอาศัยการสนับสนุนจากพี่ชายของภรรยา ไม่เช่นนั้นมีแต่เกิดสงครามอีกครั้ง เขาถึงมีโอกาสสร้างผลงานอีกเมื่อก่อนโง่มากจริงๆ มองโลกสวยเกินไปเลย จะสร้างผลงานทางทหารง่ายๆ ได้อย่างไร ที่ชายแดนเฉิงหลิงมีชแม่ทัพเซียวช่วยขวางมีดให้เขา และแขนก็ถูกตัดออกเมื่อเขาไปถึงสนามรบเขตหนานเจียง และเห็นความโหดร้ายของการโจมตีเมือง กองศพราวกับภูเขาและสภาพนองเลือดทุกที่ เขาถึงตระหนักว่าการสร้างผลงานทางทหารไม่ใช่แค่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 588

    สนมฮุ่ยไทเฟยกำลังปาดน้ำตาและฟังคนรับใช้รายงานถึงสถานการณ์อันยิ่งใหญ่ด้านนอก นางเพียงเสียใจที่ตนไม่ใช่สามัญชนธรรมดาคนหนึ่งและไม่สามารถออกไปร่วมสนุกได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เรื่องราวที่นักเล่าเรื่องเล่านั้นคนรับใช้ได้กลับมาเล่าให้ฟัง ทำเอานางก็สะเทือนใจอย่างลึกซึ้งเพียงแต่ว่าเหตุผลที่นางร้องไห้ตอนนี้ไม่ใช่เพราะความตื่นเต้นและความสุขข้างนอก แต่เป็นเพราะได้ยินว่าซ่งซีซีขังตัวเองอยู่ในห้องหลังจากที่นางกลับมาและไม่ได้ออกมาเป็นเวลานานสนมฮุ่ยไทเฟยเข้าใจดีว่าทำไมนางถึงรู้สึกไม่สบาย การกลับมาพบกันอีกครั้งไม่มีนาง เพราะทั้งพ่อและพี่ชายของนางไม่ได้เสียชีวิตในสงครามครั้งเดียวกันกับพวกเขา"มานี่!" สนมฮุ่ยไทเฟยมองดูลูกสะใภ้ที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเพื่อคารวะนาง และโบกมือให้นาง "มานั่งข้างๆ เสด็จแม่สิ"ซ่งซีซียืนขึ้นและเดินไปข้างหน้านาง แต่กลับถูกสนมฮุ่ยไทเฟยลากเข้าไปในอ้อมแขนของนางสนมฮุ่ยไทเฟยนั่งอยู่ นางดึงไปแบบนั้นทำให้ซ่งซีซีต้องคุกเข่าแล้วซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอีกฝ่าย จากนั้นร่างก็ถูกกิดแน่น และเสียงของแม่สามีก็ดังขึ้นจากเหนือศีรษะ "เจ้าสามารถเห็นข้าเป็นท่านแม่ของเจ้าไปตลอด เป็นญาติเจ้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 589

    จวนองค์หญิงเซียนหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ตระกูลขุนนางมารวมตัวกันมากที่สุดในเมืองหลวง ผู้คนเรียกสถานนี้ว่าถนนแห่งอำนาจ และอยู่ห่างจากถนนอวี่เจียเพียงสามสี่ลี้ยิ่งกว่านั้น จวนองค์หญิงและจวนเป่ยหมิงอ๋องไม่ได้อยู่ห่างไกลนัก และเดินไปก็ไม่นาน แน่นอนว่าไทเฟยไม่ต้องการเดินอยู่แล้ว ดังนั้นทุกคนจึงไปที่นั่นด้วเกี้ยวมีคนประจำอยู่ในจวนองค์หญิงแล้ว ซึ่งเป็นคนที่ไทเฮามอบให้ทำหน้าที่ทำความสะอาดและจัดการสวน ไม้กระถาง ดอกไม้และต้นไม้ที่ปลูกได้โดยตรงมีไม่น้อยแล้วจักรพรรดิ์ซูชิงปฏิบัติต่อเซียนหนิงถือว่าไม่เลวเลย คฤหาสน์มีขนาดใหญ่มาก อาคารในลานหน้าดูหรูหรามาก และเรือนลานหลังก็เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสว่างไสวมีการขุดทะเลสาบในสวน โดยมีศาลา หินภูเขาและสะพาน มีน้ำไหลเชี่ยว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขมากสถานที่แห่งนี้ไม่ได้เย็นชาและแข็งกระด้างอย่างกับอาคารต่างๆ ในเมืองหลวง แต่มีเสน่ห์เหือนภาคใต้มากกว่าเรือนของเซียนหนิง ตั้งชื่อว่าเรือนฝูเฟิงซึ่งเป็นชื่อที่ดี เพราะฉายาของฉีลิ่วคือเฟิง ฝูเฟิง แปลว่าสามีและภรรยาที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน (ฝูมีความหมายช่วยเหลือกัน)พอเดินเข้าไปก็เห็นว่า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 590

    หลังจากความครึกครื้นข้างนอกหยุดลง นอกจากชายหนุ่นจากซูโจวสองคนนั้น คนอื่นๆ ก็กลับบ้านของตนเองไปหมด ส่วนหวังเอ๋อและหวังหวู่ อาจารย์หยูพาพวกเขาไปพักที่จวนเสนาบดีกั๋วกงเพื่อพักชั่วคราว รอพรุ่งนี้ฮ่องเต้เรียกให้ไปเข้าเฝ้าพอเจ้าสิบเอ็ดฝางก้าวเข้าไปในตระกูลฝาง น้ำตาของนางลู่ก็ไม่หยุดไหล กอดลูกพลางร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า เกือบจะเป็นลมอีกครั้งทุกคนร้องไห้ในขณะเดียวกันก็ชักชวน และในที่สุดก็ช่วยพยุงนางลู่ให้นั่งดีๆ เพื่อให้ทุกคนพูดคุยกันได้ดีๆตระกูลฝางเหลือบุรุษไม่มากแล้ว ทั้งสามบ้านได้สละชีวิตคนไปไม่น้อย การกลับมาของเจ้าสิบเอ็ดฝางเป็นการปลอบใจทุกคนในครอบครัวฝางเขาคำนับผู้ใหญ่ในบ้านทีละคน ผู้เฒ่ามีอายุสูงสุดคือคนท่านผู้เฒ่าจากบ้านสาม เขาร้องไห้ และทุกคนก็หลั่งน้ำตาไปพร้อมกับเขาได้ถามถึงสถานการณ์คร่าวๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฝางฮูหยินพาลูกกลับห้องเพื่อพูดคุยกันต่อ มีเรื่องหนึ่งต้องบอกกับเจ้าสิบเอ็ดให้ชัดเจนหลังจากที่นางลู่กลับถึงห้อง นางให้คนข้างๆ ออกไปหมด มองดูบุตรชายก็ยังคงรู้สึกไม่จริงอยู่นางถอนหายใจยาวๆ "เรื่องภรรยาของเจ้า ท่านพี่ของเจ้าน่าจะได้บอกเจ้าที่เขตหนานเจียงมาก่อน แต่แม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 591

    วันรุ่งขึ้น กู้ชิงหลานและสาวใช้มาคืนม้าถึงที่และยังมอบรางวัลให้ด้วย หัวหน้าลู่ได้พบกับพวกนาง พวกนางรออยู่พักหนึ่งแต่ไม่เห็นซ่งซีซี จากนั้นก็ลุกขึ้นจากไปตอนที่จากไปนั้นก็เจอกับเสิ่นว่านจือพอดี เสิ่นว่านจือกล่าวกับกู้ชิงหลานอย่างเป็นมิตร "คุณหนูหลินมาคืนม้าหรือ ช่วงนี้ที่จวนอ๋องค่อนข้างยุ่ง ไว้หาเวลาว่างๆ ค่อยคุยกับเจ้า และหารือเรื่องศิลปะการต่อสู้ด้วย"กู้ชิงหลานคารวะ "ขอบคุณคุณหนูเสิ่นที่ไม่รังเกียจข้า อีกสักพักข้าจะหาเวลากลับมาเยี่ยมใหม่เจ้าค่ะ"เสิ่นว่านจือยิ้มพลางยกมือขึ้น "เจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าก็ยุ่งเหมือนกัน"เซียงกุ้ยและกู้ชิงหลานจากไปแล้วขึ้นรถม้า เซียงกุ้ยพึมพำ "ทำไมต้องอ้อมแบบนี้ด้วยล่ะ วันนี้พระชายาเป่ยหมิงอ๋องไม่พบเจ้า แต่คุณหนูเสิ่นดูค่อนข้างกระตือรือร้น ข้าว่าเจ้าควรเริ่มจากนางก่อน จากนั้นก็สามารถเข้าออกจวนอ๋องอย่างตามอำเภอใจ งั้นก็ถือว่าเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จ"นี่ต้องอ้อมไปอ้อมมา ทำให้เซียงกุ้ยไม่พอใจมาก และพูดอย่างใจเย็น "แม้ว่าพี่สาวของเจ้าจะไม่เชื่อฟัง แต่นางก็ทำอะไรอย่างเด็ดขาด ทว่าดูเจ้าสิทำอะไรได้ช้ามาก เจ้ายังจะให้แม่ของเจ้าออกมาหรือไม่"กู้ชิงหลานพูดขอ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 592

    ในวันที่แปดของเดือนสิงหาคม เซียนหนิงได้ออกเรือนการที่องค์หญิงออกเรือนแตกต่างจากสตรีตระกูลชั้นสูงทั่วไป เซียนหนิงและสนมฮุ่ยไทเฟยได้กลับวังในคืนก่อนวันแต่งงาน ส่วนซ่งซีซีก็ติดตามไปด้วยเช่นกันองค์หญิงฮุ่ยเจิงและองค์หญิงหมิ่นชิงคอยอยู่เป็นเพื่อนกัน โดยพยายามบรรเทาความเครียดเรื่องการแต่งงานของน้องเซียนหนิง และยังสอนเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีเข้ากับฝู้หม่าและครอบครัวของฝู้หม่าอีกด้วยองค์หญิงฮุ่ยเจิงกล่าวว่า "ตระกูลฉีและตระกูลเหยียนเป็นตระกูลนักวิชาการที่มีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นซางของเรา เป็นพวกนักวิชาการ มองจากภายนอกจะมีความสามัคคีกันมาก แต่มีกฎเกณฑ์มากมาย แต่ถ้าพูดถึงกฎเกณฑ์มันจะมีอำนาจเหนือกว่าในวังหรือ อีกอย่างเจ้าเป็นองค์หญิง มีจวนของตนเอง ไม่ต้องคอยระวังสีหน้าและคำพูดของพวกเขา แม้ว่าแม่สามีและพ่อสามีของเจ้าเป็นคนใจดีทีเดียว พ่อสามีเจ้าเหมือนกับเด็ก ตราบใดที่เจ้าอยากกลับไปพักอาศัยที่ตระกูลฉีสักพักก็ได้ ไม่มีใครขัดขวางเจ้า"เซียนหนิงรู้เรื่องทั้งหมดนี้ดี พ่อสามีของนางได้รับบาดเจ็บที่สมองเมื่อเขาอายุแปดเก้าขวบ แม่สามีของนางรู้จักกับเขามาตั้งแต่เด็ก ไม่รังเกียจที่เขาเป็นคนโง่เลยแต่งงานกับ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 593

    ในวันแต่งงานของเซียนหนิง ตระกูลฉีคึกคักเป็นพิเศษสินเดิมทั้งหมดถูกส่งไปยังจวนองค์หญิงตั้งแต่เช้าเมื่อวานแล้ว แต่พิธีแต่งงานจัดขึ้นที่ตระกูลฉี และงานเลี้ยงก็จัดขึ้นที่ตระกูลฉีด้วยขนาดเกณฑ์ประตูของตระกูลฉีก็จะถูกแขกเข้าๆ ออกๆ เหยียบจนจะพังแล้วก่อนที่องค์หญิงใหญ่จะไปร่วมงานเลี้ยงที่ตระกูลฉี ได้อนุญาติให้กู้ชิงหลานกลับมาครั้งหนึ่งหลินเฟิ้งเอ๋อยังคงถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของจวนองค์หญิง ข้างในคุกใต้ดินมีกลิ่นเหม็นมาก แต่ละวันจะเปิดประตูเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเพื่อกระจายกลิ่น โดยบอกว่ามันเป็นเพราะความเมตตาขององค์หญิงใหญ่ถึงยอมปฏิบัติต่อพวกนางอย่างกรุณาคือพวกนางที่นี่ไม่เพียงแต่หลินเฟิ้งเอ๋อเท่านั้น แต่ยังมีอนุภรรยาและคนรับใช้ที่เคยทำผิดอีกหลายคนด้วยเมื่อคนรับใช้เข้าไปที่นี่แล้วก็จะไม่สามารถออกไปได้อีกกลิ่นคาวนี้ก็คือกลิ่นคาวเลือดพอกู้ชิงหลานเข้าไปในนี้ก็รู้สึกคลื่นไส้และไม่สบายตัวอย่างมากแต่นางต้องอดทนเอาไว้แล้วรีบวิ่งตรงไปยังห้องขังที่ท่านแม่ถูกควบคุมตัวห้องขังเหล่านี้ไม่ได้ถูกคั่นด้วยแท่งเหล็ก แต่ด้วยกำแพงเพื่อไม่ให้ทุกคนเห็นหน้ากันเลย มีประตูบานหนึ่ง ข้างล่างประตูมีช่องเล็ก

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status