แชร์

บทที่ 559

ผู้เขียน: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เสิ่นว่านจือเคาะประตูร้านขายยาเย่าหวังตอนดึก หมอมหัศจรรย์ดันอาศัยอยู่บนชั้นสองของร้านขายยาเย่าหวัง

หมอมหัศจรรย์ดันเข้านอนแล้ว เขาเป็นคนเข้านอนเร็วและตื่นเช้าอยู่เสมอ เมื่อเสิ่นว่านจือมาหา เขานอนหลับไปเกือบครั่งชั่วยามแล้ว

หมอมหัศจรรย์ก็อารมณ์เสียหลังจากถูกปลุกให้ตื่นเช่นกัน ลูกศิษย์ของเขารายงานว่าเป็นเสิ่นว่านจือจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาหา เขาสวมเสื้อผ้าและจ้องมองไปที่เสิ่นว่านจือ "ทางที่ดีอย่ามีเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่ออกไปพบคนไข้"

เสิ่นว่านจือยกมือไหว้ "มารบกวนหมอมหัศจรรย์แล้ว แต่ท่านอ๋องส่งจดหมายมา ให้ซีซีเชิญหมอมหัศจรรย์ไปซีหนิงด้วยกันเพื่อช่วยจางเลี่ยเหวิน"

"จางเลี่ยเหวิน?" หมอมหัศจรรย์ดันสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนึกถึงคุณชายรองที่เสียชีวิตของจวนโหวเซวียนผิง เขาไม่ลังเลรีบสั่งว่า "หลานเชวี่ย จินเชวี่ย เก็บข้าวของติดตามไป เอายาที่ดีที่สุดไปด้วย เข็มทองด้วย และก็..."

เขาหยุดชั่วคราว แสดงความเจ็บปวดใจเล็กน้อย "นำโสมพันปีนั้นติดตัวไปด้วย"

เป็นหมอเลยทำอะไรได้เร็ว หมอมหัศจรรย์ดันมาถึงจวนเป่ยหมิงอ๋องก่อนซ่งซีซีและนั่งรออยู่ที่นั่น

ก่อนที่ซ่งซีซีจะออกเดินทาง นางก็หยิบจดหมายนกพิราบไปให้แม
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 560

    รถม้าสั่นและถนนหลวงไม่ราบรื่น บวกกับต้องเดินทางเร่งรีบแบบนี้ สำหรับหลี่จิ้งแล้วมันทรมานจริงๆหลังจากเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม ซ่งซีซีก็เห็นว่าใบหน้าของนางซีดและเอามือปิดหน้าอกราวกับอยากจะอาเจียน นางถามว่า "เมารถม้าหรือเปล่า จะให้คนขับเดินช้าหน่อยไหม""ไม่ ไม่ ไม่จำเป็นต้องช้า" หลี่จิ้งโบกมือ "เอาเร็วที่สุด ข้าอยากจะให้ม้าตัวนี้มีปีกสามารถบินไปที่ซีหนิงด้วยซ้ำ ท่านพระชายาอย่ามองว่าข้าอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วข้าไม่กลับความยากลำบาก""ก็ได้" ซ่งซีซีหยิบสัมภาระออกมาแล้วนำผลไม้แห้งที่เป่าจูเตรียมไว้ออกมา เมื่อพบว่ามีลูกพลัมแห้ง จึงพูดว่า "รีบอมไว้ลูกหนึ่ง มันจะสบายหน่อย""ขอบคุณ!" หลี่จิ้งหยิบมันลูกหนึ่งใส่ปาก รสเค็มและเปรี้ยวกระจายอยู่ในปากซึ่งช่วยขจัดอาการคลื่นไส้ได้ไปบ้างทางด้านซีม่อน เซี่ยหลูโม่สั่งคนดัดแปลงรถม้าให้ รถจึงรองรับจางเลี่ยเหวินให้นอนได้ และมีการวางเบาะนุ่มๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการกระแทกหมอทหารก็นั่งอยู่ในรถม้ากับเขา และพัดลมให้เขา จากนั้นตรวจสอบสถานการณ์ได้ตลอดเวลาส่วนคนที่เหลือ หวังเบียวได้เตรียมม้าที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาหวังเบียวไม่ปรากฏตัวมาตลอด พอรู้ว่าพวกเขาจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 561

    ระหว่างทางทุกคนต่างเป็นกังลวมากจริงๆจางเลี่ยเหวินไข้สูงไม่เคยลดเลย หมอทหารนำเตาสำหรับต้มยาและถุงยามาด้วย และให้ยาลดไข้และขจัดแผลเน่า แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเลยยาจากหมอมหัศจรรย์ดันก็ไม่มีผลกับเขาเท่าไรแล้ว แต่เมื่อเทียบกับสมุนไพรพวกนั้นงั้นก็ยังมีผลกว่าจางเลี่ยเหวินตื่นขึ้นมาอย่างมึนงงหลายครั้ง และต้องถามทุกครั้งว่า "นี่คือดินแดนของเราหรือเปล่า?"หลังจากได้รับคำตอบว่าใช่ รอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขา จากนั้นเขาก็ยังคงสลบต่อไปหมอทหารบอกว่าหากยังมีไข้เช่นนี้ต่อไปจะมีผลเสียต่อสมองของเขา แล้วเป็นเรื่องปกติที่เขาขี้ลืมต่อมา เซี่ยหลูโม่ก็ให้จางต้าจ้วงจูงม้าของเขาไปด้วย ส่วนเขาก็ขึ้นรถม้าเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขาแม้ว่าตอนที่เขาอยู่สภาพมึนงง เซี่ยหลูโม่ก็จับมือเขาเบาๆ และพูดคุยกับเขา บอกว่าเขตหนานเจียงสวยงามแค่ไหน เล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของเขาให้ฟัง และบอกว่าภรรยาของเขากำลังเดินทางมาหา อีกไม่นานพวกเขาจะเจอหน้ากัน เขาสามารถเจอภรรยาของตนเองได้แล้วเมื่อใดก็ตามที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ การหายใจของจางเลี่ยเหวินจะราบรื่นขึ้น และเขาจะลืมตาขึ้น ลึกๆ ในดวงตามีแสงสว่าง ไม่ได้ว่างเปล่าอีกเขาพยายา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 562

    อาจารย์หยูและจางต้าจ้วงนอนอยู่บนรถม้า และมีที่นอนนุ่มๆ ปูอยู่บนตัวพวกเขา ทุกคนวางจางเลี่ยเหวินลงไป ส่วนจางเลี่ยเหวินและอาจารย์หยูก็ยื่นมือออกมาคนละข้างเพื่อจับจางเลี่ยเหวินไว้การพนันครั้งใหญ่เริ่มแล้ว ออกเดินทางเลยเนื่องจากในรถมีคนอยู่สามคนแล้ว เพื่อเร่งความเร็ว หมอทหารจึงต้องลงรถด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้น อาจารย์หยูจะหยุดรถทันทีเพื่อให้หมอทหารขึ้นมาข้างในรถม้านั้นร้อนจัด ทั้งสองคนถูกคลุมด้วยเบาะนุ่มๆ จางเลี่ยเหวินยังนอนอยู่ข้างบนด้วย ไม่นานนักเสื้อผ้าของพวกเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ อีกทั้งผมเปียกเช่นกัน มันทั้งเหนียวและคัน แต่กลับเกาไม่ได้ มันทรมานอย่างยิ่งคนขับรถข้างนอกก็เปิดม่านให้ลมผ่านบ้างแต่ไม่สามารถเปิดนานเกินไป คนเป็นไข้จะโดนลมไม่ได้ม้าถูกเฆี่ยนแรงและความเร็วก็เพิ่มขึ้น เมื่อเดินบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มันก็โซเซและกระแทกอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อทั้งสองคนพัวพันกับแขนของพวกเขา ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อจางเลี่ยเหวินอาจารย์หยูจะตรวจชีพจรให้เขาเป็นครั้งคราว ตราบใดที่ชีพจรยังเต้นอยู่ เขาก็รู้สึกสบายใจหน่อยในเวลาเดียวกัน กุ้นเอ๋อร์ได้พาหมอมหัศจรรย์ดันและคนอื่นๆ ไปที่ซีหนิง พ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 563

    หมอมหัศจรรย์ดันถูกอุ้มขึ้นบนหลังม้า และถูกแบกไว้บนไหล่ของอีกฝ่าย เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน และตาพร่ามัว เมื่อเขาตั้งสติ เขาก็ถูกวางตัวลงและยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของจางเลี่ยเหวินแล้วเขาหันกลับไปเพื่อดูว่าใครเป็นคนอุ้มเขา แต่กลับได้ยินเสียงเร่งด่วนของเซี่ยหลูโม่ "ท่านลุงดัน รีบๆ ดูเขาหน่อย"สายตาที่คาดหวังและน้ำตาคลอเบ้ากำลังจ้องมองหมอมหัศจรรย์ดัน เขาคือหมอมหัศจรรย์ดัน และเขามาแล้วคนสิบคนคุกเข่าลงและสำลักสะอื้น "ได้โปรดขอให้หมอมหัศจรรย์ดันช่วยชีวิตเขาด้วย"จินเชวี่ยเข้ามาพร้อมกล่องยาบนหลังของเขาแล้ว และหมอมหัศจรรย์ดันไม่จำเป็นต้องตรวจชีพจร เขาแค่มองดูอาการของจางเลี่ยเหวิน ก็รู้ว่าสิ่งแรกในตอนนี้คือการรักษาลมหายใจของเขาให้คงที่เขาหยิบโสมพันปีออกมา ปอกออกมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้เซี่ยหลูโม่ "บีบสักหน่อย"เซี่ยหลูโม่รับมันมาบีบด้วยมือของเขา และโสมที่แข็งเป็นชิ้นก็แตกออก และหมอมหัศจรรย์ดันรีบยัดมันเข้าไปในปากของจางเลี่ยเหวินโสมอายุพันปีสามารถยกยื้อชีวิตได้ดีจริงๆ แต่ก็ได้แต่ยื้อลมหายใจของเขาได้เท่านั้นจินเชวี่ยยื่นกระเป๋าเข็มให้ หมอมหัศจรรย์ดันหยิบเข็มออกมาและสั่งคนให้ถอดเสื้อผ้าของ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 564

    คืนนั้น นอกจากอูโซเว่ย ทุกคนก็ไม่ได้นอนจริงๆ แล้วพวกเขาเหนื่อยมาก แต่ หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าคืนนี้สำคัญมาก ถ้าเขาผ่านคืนนี้ไปได้ อย่างน้อยมีโอกาสหนึ่งส่วนที่รอดชีวิตได้โอกาสหนึ่งส่วนนั้นน้อยมาก และทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นทุกข์ใจมากหมอมหัศจรรย์ดันหลับไปบนพื้น ต้องเดินทางอย่างเร่งด่วนมากตลอดทาง เขาเหนื่อยมากจริงๆส่วนหลานเชวี่ยและจินเชวี่ยผลัดกันเฝ้าดู เปลี่ยนเวรคนละชั่วยามคืนหนึ่ง ได้ป้อนยาห้าครั้ง จากแรกๆ ที่สามารถป้อนได้เพียงสองช้อนเล็กๆ เท่านั้น เมื่อถึงครั้งที่ห้าก็ป้อนได้ครึ่งชามแล้วค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกิน ทุกๆ ยามก็อยู่ทรมานมาก พวกเขาออกไปมองดูท้องฟ้านับครั้งไม่ถ้วน หวังว่าพระอาทิตย์จะขึ้นในช่วงปลายยามโชว หมอมหัศจรรย์ดันลุกขึ้น หลังจากสัมผัสชีพจรแล้วจึงพ่นแป้งเข้าจมูกโดยบอกว่าเป็นยาลดไข้หมอมหัศจรรย์ดันมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ และเขาดูซีดเซียวมาก ได้ยินจางซุนเหวินบอกว่า พวกเขาเดินทางอย่างเร่งด่วน ไม่กล้ารอช้าเลย ระหว่างทางในขณะที่เปลี่ยนม้านั้นได้พักที่โรงเตี้ยมมาหนึ่งชั่วยามกว่าจากนั้นก็เดินทางต่อ คนหนุ่มๆ ยังพอไหว แต่หมอมหัศจรรย์ดันก็อายุห้าสิบหกสิบแล้ว เขาจะไม่ไหวจริงๆก่อ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 565

    เมื่อถึงโรงเตี้ยม ลงจากเรถม้า หลี่จิ้งก็คุกเข่าลงกับพื้น เท้าของนางทั้งชาและอ่อนแรง นางหมดแรงแล้วจริงๆ ทนทุกข์มามากแล้วซ่งซีซีช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น นางพูดว่า "เร็วเข้า พาข้าไปหาเขาหน่อย"สิ่งที่ทรมานที่สุดสำหรับนางในระหว่างทางไม่ใช่อาการเมารถหรืออาการไม่สบายจากการกระแทก แต่เป็นความกังวล กังวลว่าอาการของเขาจะเกิดอะไนไม่คาดคิดซ่งซีซีประคองนางเข้าไป เซี่ยหลูโม่ก็เข้ามาหา ทั้งคู่มองหน้ากัน เซี่ยหลูโม่พยักหน้าให้นางซึ่งเป็นการบอกซ่งซีซีเป็นนัยๆ ว่าจางเลี่ยเหวินยังมีชีวิตอยู่ซ่งซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วมองดูเขาอย่างลึกซึ้ง ผอมแล้วนางช่วยพยุงหลี่จิ้งขึ้นบันไดหินแล้วเดินไปที่ประตูห้องพัก ทุกคนขยับออกไปให้พ้นทาง หลี่จิ้งยืนอยู่ที่ประตูและเห็นคนนอนอยู่บนเตียงนางไม่ก้าวไปข้างหน้า ปิดปากด้วยมือทั้งสองข้าง น้ำตาพร่ามัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตกลงไปเป็นหยดใหญ่เมื่อทุกคนคิดว่านางจะร้องไห้จนสติแตก แต่คิดไม่ถึงว่านางปาดน้ำตาออก ปาดให้สะอาด หลังจากพยายามหลายครั้ง ในที่สุดก็สามารถบีบรอยยิ้มที่สั่นเทาเล็กน้อยออกมาแล้วเดินไปหาสามีของนางนางนั่งอยู่บนขอบเตียงและจ้องมองใบหน้าของเขาก่อน หลังจ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 566

    เซี่ยหลูโม่ส่ายหัว น้ำเสียงของเขายังคงตื่นเต้น "ไม่ใช่ ชีซื่อไม่ใช่คนๆ เดียว และไม่ใช่เจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่เป็นสิบเอ็ดคน... เดี๋ยว คนนั้นคือใคร?"ทันใดนั้นเขาก็เห็นม้าตัวหนึ่งเดินไปมาข้างนอก มีคนนอนอยู่บนหลังม้า ผมยุ่งเหยิงจนมองไม่ออกว่าเป็นใครซ่งซีซีคร่ำครวญเสียงหนึ่งและรีบเข้าไป "คือจือจือ นางป่วยมาตลอดทาง และข้าก็ลืมนางไปเสียสนิทแล้ว"นางช่วยพยุงเสิ่นว่านจือลงมาอย่างระมัดระวัง ตอนที่ลงมาจากม้านั้นเสิ่นว่านจือก็เช่นเดียวกับหลี่จิ้ง เกือบจะคุกเข่าลงกับพื้น แต่นางยังคงสาปแช่ง "ไอ้คนใจร้าย ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามาตลอดทาง เจ้ากลับลืมข้าไป รอให้ข้าหายดีคอยอยู่ว่าข้าจะเอาคืนเจ้ายังไง"นางพิงไหล่ของซ่งซีซ โดยไม่มีแรงใดๆ อีก ซ่งซีซีกล่าวขอโทษ "มันเป็นความผิดของข้า เข้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าก็รีบร้อนที่จะพาหลี่จิ้งไปหาจางเลี่ยเหวินไง"เสิ่นว่านจือไม่มีแรงไปดุนาง และรีบถามว่า "เขาเป็นยังไงบ้าง ยังดีอยู่ไหม เฮอะ ข้าก็อยากไปดูพวกเขาสองสามีภรรยารวมตัวกันอย่างมีความสุขนี่ แต่ไม่ได้การ แม่ทัพจางได้รับบาดเจ็บและข้าเป็นหวัด ข้าเข้าไปไม่ได้""อาการของเขาไม่ค่อยดีนัก แต่เชื่อว่าหมอมหัศจรรย์ดันจะรักษาเขาให้หา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 567

    หลังจากนั้นไม่นาน จางไท่ก็ถามว่า "แล้วภรรยาของข้าล่ะ?"ตอนที่เขาออกเดินทางไปออกศึก เขาแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้นเสิ่นว่านจือรู้จักนายน้อยสามของตระกูลจาง จากนั้นพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ "นางแต่งงานใหม่แล้ว"จางไท่ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้ แต่ก็ยังถามอีกว่า "นางเป็นยังไงบ้าง"เสิ่นว่านจือส่ายหัว "ไม่รู้เลย ไม่ได้ถาม"จางไท่มีน้ำตาไหลออกมา "ข้าทำผิดต่อนาง ข้าทำผิดต่อนางจริงๆ"หลูหงก็ถามว่า "คุณหนูเสิ่น ไม่ทราบว่าภรรยาของข้า... "พ่อของหลูหงเป็นลูกน้องของซ่งฮวยอัน เขามาออกศึกที่เขตหนานเจียงพร้อมกับท่านพ่อ พ่อของเขาเสียชีวิตก่อน ต่อมาเขาถูกจับเสิ่นว่านจือไม่ทราบสถานการณ์ของตระกูลลู่ เพราะหงเซียวไม่ได้สอบสวนมาก่อนแต่ซ่งซีซีกลับรู้เรื่องตระกูลลู่ นางพูดว่า "ภรรยาของเจ้าป่วยหนักเมื่อสองปีก่อน และหมอมหัศจรรย์ดันเป็นคนรักษาให้หายดี แต่ท่านแม่ของเจ้าเพราะท่านพ่อเจ้าและเจ้าได้...นางเสียใจมากเกินไปเลยส่งผลต่อจิตใจ บัดนี้คงจำคนไม่ค่อยได้ จินเชวี่ยเป็นคนไปรักษา เรื่องรายละเอียดเจ้าไปถามจินเชวี่ยได้"หลูหงปิดหน้าด้วยมือของเขา รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งฉีฟางไม่ได้ถาม เพราะเขารู้เรื่องนี้

บทล่าสุด

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1435

    ฮองเฮาตกพระทัย รีบก้มหน้าลง ดวงตาที่หม่นหมองฉายแววไม่พอใจ นางไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ผู้คนในวังหลังพูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้กลับปกป้องซ่งซีซีก่อน และความพิโรธของพระองค์นั้นมีเพื่อซ่งซีซีเพียงผู้เดียว หากเรื่องนี้มิได้เกิดจากความคิดที่ไม่เหมาะสมของซ่งซีซี ก็ย่อมเป็นฮ่องเต้ที่ทรงกระทำเอง พระองค์จึงรับความผิดทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว ฮองเฮารู้สึกสับสน เพราะฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของพระองค์เองเป็นที่สุด เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เหตุใดพระองค์จึงไม่ฉวยโอกาสผลักความผิดไปที่ซ่งซีซี เพื่อรักษาพระเกียรติของตน? เหตุใดจึงต้องปกป้องซ่งซีซีก่อน? หากพระองค์ตรัสแบบเดียวกันนี้ต่อเหล่าขุนนางในราชสำนัก ก็ย่อมจะถูกกล่าวหาว่าฮ่องเต้ทรงกระทำการอันเหลวไหล ความคิดหลากหลายประการถาโถมเข้าสู่จิตใจของฉีฮองเฮา นางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องในอดีตที่ฮ่องเต้เคยตรัสว่าอยากให้ซ่งซีซีเข้าวัง หรือว่าฮ่องเต้จะมีใจให้ซ่งซีซีจริง? หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือว่าน่าหัวเราะสิ้นดี ตั้งแต่วันที่นางแต่งงานกับฮ่องเต้ นางก็รู้ว่า ผู้ชายคนนี้จะไม่มีวันเป็นของนางเพียงผู้เดียว ความรักหรือความชื่นชอบล้วนไม่สำคั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1434

    ดังที่อาจารย์หยูวิตกไว้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยพยายามลอบถามจากเหล่าข้ารับใช้ในจวนเป่ยหมิงอ๋อง โชคดีที่ได้เตือนล่วงหน้าไว้แล้ว ข้ารับใช้เหล่านั้นจึงตอบกลับไปเพียงว่าไม่ทราบในทุกคำถาม แต่ยิ่งจวนเป่ยหมิงอ๋องปิดปากเงียบ ก็ยิ่งทำให้ผู้อื่นสงสัย เพราะเหตุการณ์นี้ดูผิดปกติอย่างยิ่ง การเสด็จออกจากวังของฮ่องเต้ มิใช่เรื่องเล่าที่สามารถเกิดขึ้นง่ายๆ ด้วยการนำคนเพียงไม่กี่คนออกไปตรวจเยี่ยมบ้านเมือง แม้จะเป็นงานมงคลในจวนของขุนนางชั้นสูง หากฮ่องเต้จะเสด็จด้วยพระองค์เอง ย่อมต้องมีพระราชโองการล่วงหน้าเพื่อให้เจ้าของบ้านเตรียมการรับเสด็จ บางครั้งถึงขั้นต้องซ่อมแซมบ้าน ปูพรม หรือตกแต่งด้วยดอกไม้ เตรียมอาหารและข้าวของต่างๆ แต่การเสด็จไปยังจวนของขุนนางกลางดึก โดยมีเพียงเกี้ยวหนึ่งหลังและคนไม่กี่คน ย่อมเป็นสิ่งที่แทบเป็นไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เป่ยหมิงอ๋องเองก็อยู่ที่หนานเจียงในขณะนี้ แต่ปัญหาใหญ่คือ พระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ซึ่งในตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการซ่ง กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่จวน และก่อนหน้านี้ ฮ่องเต้มักทรงเรียกให้นางไปยังห้องพระอักษรเพื่อร่วมปรึกษา ใครจะทราบว่าพวกเขาหารือกันจริงหรือไม

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1433

    ในห้องหนังสือ โคมไฟยังคงส่องสว่าง หลังจากฟังคำพูดของเสิ่นชิงเหอแล้ว ซ่งซีซีถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก "เช่นนี้ ข้าจะได้หายไวๆ เสียที ข้ารู้สึกอึดอัดแทบบ้าแล้ว" อาจารย์หยูกล่าว "คืนนี้ช่างน่าหวาดเสียวเสียจริง" เสิ่นชิงเหอมองซ่งซีซี พลางถอนหายใจเบาๆ "หากเขาเอาอย่างเยี่ยนอ๋องจริงๆ เกรงว่าศิษย์น้องคงต้องทำตามแบบเซี่ยถิงเหยียนแล้วกระมัง" "เขารู้จักชั่งน้ำหนักผลลัพธ์" อาจารย์หยูกล่าว ซ่งซีซีรู้สึกหงุดหงิด "ข้าว่าเขาช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก ตอนข้ายังเล็ก เขาสนิทสนมกับพี่ชายทั้งสองของข้าและมองข้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ต่อมาพอข้าเข้าราชสำนัก เขาก็ปฏิบัติต่อข้าในฐานะขุนนางโดยแท้ แล้วเหตุใดจู่ๆ เขาถึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้?" อาจารย์หยูกล่าว "มันใช่จะเกิดขึ้นกะทันหันหรือ? พระชายาอ๋องลืมหรือไม่ว่า ตอนที่กลับมาจากการกอบกู้หนานเจียง เขาเคยคิดจะให้ท่านเข้าไปในวังเป็นสนมของเขา" "ข้าเข้าใจมาตลอดว่า เขาต้องการใช้ข้าเพื่อบังคับให้ศิษย์น้องสละอำนาจในกองทัพเสียอีก" อีกทั้งในตอนนั้น ด้วยความที่ข้าเป็นบุตรีของซ่งฮวยอัน การให้ข้าเข้าวังยังเป็นการป้องกันไม่ให้ใครที่มีจิตคิดร้ายแต่งข้าไปอีกด้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1432

    ภาพวาดของเสิ่นชิงเหอนั้นฝีมือประณีตยิ่งนัก ละเอียดอ่อนและสมจริงราวกับมีชีวิต ทุกคนมองดูภาพวาดบนกระดาษ จากนั้นจึงหันไปมองจักรพรรดิ์ซูชิงที่ยังประทับอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ทรงแสดงอาการอ่อนล้าแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระองค์ได้ก้าวเข้าไปอยู่ในภาพนั้นแล้ว แม้แต่สีพระพักตร์ก่อนหน้านี้ก็เหมือนถ่ายทอดออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน รายละเอียดต่างๆ ไม่ถูกมองข้าม แม้แต่ริ้วรอยบางๆ รอบดวงพระเนตร เส้นผมสีขาวที่ข้างพระเกศา ปานสีดำเล็กๆ ใต้ริมพระโอษฐ์ด้านขวา และร่องพระโอษฐ์ ทุกอย่างถูกถ่ายทอดไว้อย่างครบถ้วน แม้ว่าฉลองพระองค์จะยังไม่ได้ลงสี แต่ลวดลายบนฉลองพระองค์ก็ถูกวาดออกมาอย่างครบถ้วนไร้ข้อผิดพลาด จักรพรรดิ์ซูชิงทอดพระเนตรภาพของพระองค์เองอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก พระองค์ทรงนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะยกพระหัตถ์แตะพระพักตร์ของพระองค์เอง “ข้าดูแก่ขึ้นจริงๆ” ตามปกติพระองค์แทบไม่ได้ส่องคันฉ่อว แม้จะส่องก็ไม่ได้ชัดเจนเท่านี้ “ฝ่าบาทมิได้แก่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทยังดูเหมือนเพิ่งจะยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง” อู๋ต้าปั้นกล่าวประจบ จักรพรรดิ์ซูชิงทรงแย้มพระสรวล ทอดพระเนตรอู๋ต้าปั้นพร้อมส่ายพระพักตร์เล็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1431

    จักรพรรดิ์ซูชิงดูเหมือนจะทรงได้สติขึ้นมากกว่าตอนที่อยู่ในวัง ไม่ได้ทรงเลื่อนลอยเหมือนก่อนหน้านี้ พระองค์ทรงแย้มพระสรวล “ไม่ต้องเคร่งครัดนัก ทำตัวตามสบาย เฮ้อ ข้าเพียงรู้สึกอึดอัดในใจเลยอยากมาที่จวนอ๋องเพื่อสนทนากับอาจารย์เสิ่น” ซ่งซีซีจึงกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมคงไม่ขัดพระองค์และศิษย์พี่ ขออนุญาตกลับไปพักผ่อน” “ไม่ต้องรีบไป ในเมื่อมาแล้วก็มาร่วมพูดคุยกันเถิด” จักรพรรดิ์ซูชิงทรงมองนางด้วยสายพระเนตรที่ดูเป็นห่วง “อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” ซ่งซีซีที่เพิ่งยันตัวลุกขึ้นต้องวางมือลงอีกครั้ง ตอบว่า “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย กระหม่อมดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่หมอหลวงกำชับให้พักฟื้นบนเตียงสักระยะ” “อืม” จักรพรรดิ์ซูชิงพยักพระพักตร์ “บาดเจ็บกล้ามเนื้อและกระดูก ควรต้องพักรักษาให้ดี” แม้พระองค์จะตรัสเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ทรงอนุญาตให้นางกลับไป ทั้งห้องจึงมีทั้งผู้ที่นั่งและยืนอยู่เงียบๆ เพื่อรอพระราชดำรัส ผ่านไปสักพัก จักรพรรดิ์ซูชิงทรงทำลายความเงียบขึ้นก่อน “มีอาหารว่างหรือไม่? ข้าหิวแล้ว” อู๋ต้าปั้นเมื่อได้ยินรีบกล่าว “ฝ่าบาทยังมิได้เสวยอาหารค่ำ รีบจัดเตร

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1430

    ข่าวคราวเรื่องราวในห้องหนังสือและตำหนักฉือหนิงได้ถูกนำขึ้นกราบทูลถึงพระกรรณของจักรพรรดิ์ซูชิง ทำให้พระองค์ทรงรู้สึกกระวนกระวายและอึดอัดพระทัยยิ่งนัก รวมทั้งการวางแผนงานตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้พระอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พระองค์ทรงยกเลิกการกักบริเวณฮองเฮา โดยแท้จริงแล้วก็เพื่อเตรียมตัวให้องค์ชายใหญ่ หากจะทรงแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ตำแหน่งนี้ย่อมไม่อาจมีมารดาที่ถูกกักบริเวณได้ ตอนแรกทรงคิดว่า ช่วงเวลากักบริเวณนี้ ฮองเฮาคงจะได้สำนึกผิด ทราบดีว่าการตามใจบุตรไม่ต่างอะไรกับการผลักดันบุตรไปสู่ความตาย แต่ใครจะคาดคิดว่าฮองเฮาไม่เพียงไม่สำนึกผิด กลับยิ่งเชื่อว่าการมีพระโอรสอยู่ใกล้ตัวจะช่วยเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งพระมเหสีของนาง เนื่องจากไม่ค่อยอยากอาหาร พระกระยาหารค่ำในวันนั้น พระองค์เสวยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อประทังพระอุทร ก่อนเสวยยา พระองค์จำเป็นต้องเสวยยา เพราะแต่ละวันผ่านไปนับเป็นกำไร แต่ด้วยวันสุดท้ายของพระชนม์ชีพที่นับถอยหลังเข้ามาใกล้ หลังจากทรงวางแผนการ พระทัยกลับเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น พระองค์ทรงทราบดีว่าทุกคนล้วนต้องผ่านความตายนี้ แต

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1429

    ฮองเฮาเลือกเวลาอย่างเหมาะสม ไปยังห้องหนังสือเพื่อรับองค์ชายใหญ่ แล้วจึงพากันกลับไปยังตำหนักฉือหนิงเพื่อถวายพระพรไทเฮา กลุ่มคนที่ตามหลังมานั้นอลังการยิ่งนัก แม้แต่องค์ชายใหญ่ยังถูกข้ารับใช้ตัวน้อยอุ้มกลับมา พอมาถึงประตูตำหนักจึงวางเขาลง ฮองเฮาจัดระเบียบอาภรณ์ให้เรียบร้อย แล้วจูงมือองค์ชายใหญ่เข้าไปด้านใน ทำความเคารพด้วยการคุกเข่าตามธรรมเนียม ถวายพระพรไทเฮาอย่างครบถ้วน แต่ไทเฮากลับมิทรงอนุญาตให้นางลุกขึ้นทันที เพียงเรียกองค์ชายใหญ่เข้าไปใกล้ "วันนี้ไทฟู่ชมเจ้าหรือไม่?" องค์ชายใหญ่หดคอเล็กน้อย มองไทเฮาอย่างระมัดระวัง ก่อนตอบเสียงเบา "วันนี้ไทฟู่ลืมชมขอรับ" ฮองเฮาที่ยังคุกเข่าอยู่รีบเสริมว่า "เสด็จแม่ ไทฟู่เข้มงวดนัก มิชมผู้ใดง่ายๆ" แน่นอนว่าฮองเฮาหาได้ทราบไม่ว่า ไทเฮาเคยตกลงกับไทฟู่ว่าหากองค์ชายใหญ่ประพฤติดีและตั้งใจเรียน ไทฟู่จะกล่าวชมเมื่อตอนเลิกเรียน หากมิใช่ก็จะเงียบเสีย ด้วยเหตุนี้ ไทเฮาจึงทรงทราบถึงความประพฤติขององค์ชายใหญ่ในแต่ละวันโดยง่าย ไทเฮามิทรงตอบคำของฉีฮองเฮา เพียงตรัสกับองค์ชายใหญ่อย่างเรียบๆ ว่า "ยังจำกฎเกณฑ์ได้หรือไม่?" องค์ชายใหญ่หน้าซีด รีบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1428

    สองแม่ลูกพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรเกือบสองชั่วโมง หลังจากไทเฮาเสด็จกลับ จักรพรรดิ์ซูชิงมีพระราชโองการให้ปลดโทษกักบริเวณของฮองเฮา แต่ยังไม่คืนสิทธิ์การบริหารวังหลังให้ ฉีฮองเฮาเมื่อได้ยินคำประกาศจากอู๋ต้าปั้น ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ไฉนถึงยกเลิกโทษกักบริเวณอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่ในทันใดนั้น นางก็คิดได้ว่าคงเป็นเพราะคำพูดที่ให้นักเลงปากมอมแพร่ออกไปก่อนหน้านี้ได้ผล ฮองเฮายังมีชีวิตอยู่ แต่จะส่งรัชทายาทไปเลี้ยงดูในวังไทเฮา เช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล ดังนั้น หลังจากนางได้รับการปลดโทษ นางไม่ได้รีบไปขอบคุณพระมหากษัตริย์ แต่เลือกไปที่โรงเรียนหลวงเพื่อเยี่ยมองค์ชายใหญ่ เมื่อองค์ชายใหญ่เห็นฮองเฮา ทรงดีพระทัยจนสุดขีด ไม่สนใจว่าไทฟู่ยังสอนอยู่ รีบลุกขึ้นพุ่งตัวราวกับนกที่พ้นกรง กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของฉีฮองเฮา "เสด็จแม่ ลูกคิดถึงท่านเหลือเกิน ท่านจะพาลูกกลับไปเมื่อไหร่พ่ะย่ะค่ะ?" ฮองเฮาก้มลงจับบ่าของพระองค์ ลูบเส้นผม แล้วสังเกตดูอย่างถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าไม่ได้สวมเสื้อขนสัตว์ และตัวผอมลงมาก คางแหลม นางก็อดปวดใจไม่ได้ "เหตุใดเจ้าผอมเช่นนี้? ที่วังเสด็จย่าไม่ได้เลี้ยงดูอย่างดีหรือ?" องค์

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1427

    รุ่งขึ้น เสนาบดีมู่มาถึงสำนักหมอหลวง บรรดาหมอหลวงทั้งหมด รวมทั้งเจ้าสำนักอยู่พร้อมหน้า เสนาบดีมู่ประทับนั่งลงก่อนมองพวกเขาด้วยแววตาหนักอึ้ง "ข้าถามพวกเจ้าเพียงคำเดียว โรคของฝ่าบาท พวกเจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?" เหล่าแพทย์เงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่อู๋ย่วนเจิ้งจะเงยหน้าที่ตาแดงก่ำเพราะอดหลับอดนอนขึ้นมองเสนาบดีมู่แล้วส่ายหน้า "ไม่มีขอรับ" "ไม่มีเลยหรือ?" เสนาบดีมู่ถามด้วยท่าทีเหมือนไม่ยอมแพ้ "แม้แต่ความหวังเล็กๆ หรือวิธีการสักนิด?" ในความเงียบงันอีกครั้ง ดวงตาของเสนาบดีมู่ค่อยๆ หมองลงจนไร้แสง เขาถอนหายใจยาว "หากระดมกำลังจากสำนักหมอหลวงทั้งหมด จะยืดเวลาออกไปได้ถึงสองปีหรือไม่?" อู๋ย่วนเจิ้งมีสีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ท่านเสนาบดี โรคปอดทรุดนี้กำเริบอย่างรุนแรง อย่าว่าแต่สองปีเลย เพียงหนึ่งปีก็...ยากมากพ่ะย่ะค่ะ" ครั้งนี้ถึงคราวเสนาบดีมู่เงียบไปนาน ก่อนทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง "ระวังคำพูดของพวกเจ้าด้วย" เขาค่อยๆ เดินออกจากสำนักหมอหลวง พลางกระชับเสื้อคลุมให้แน่น ฤดูหนาวผ่านเข้ามาเร็วนัก อากาศยิ่งหนาวจนแทงกระดูก ไทเฮาดูเหมือนจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่แสงไฟในสำนักหมอหลวงสว่างตล

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status