เสิ่นว่านจือเคาะประตูร้านขายยาเย่าหวังตอนดึก หมอมหัศจรรย์ดันอาศัยอยู่บนชั้นสองของร้านขายยาเย่าหวังหมอมหัศจรรย์ดันเข้านอนแล้ว เขาเป็นคนเข้านอนเร็วและตื่นเช้าอยู่เสมอ เมื่อเสิ่นว่านจือมาหา เขานอนหลับไปเกือบครั่งชั่วยามแล้วหมอมหัศจรรย์ก็อารมณ์เสียหลังจากถูกปลุกให้ตื่นเช่นกัน ลูกศิษย์ของเขารายงานว่าเป็นเสิ่นว่านจือจากจวนเป่ยหมิงอ๋องมาหา เขาสวมเสื้อผ้าและจ้องมองไปที่เสิ่นว่านจือ "ทางที่ดีอย่ามีเรื่องเร่งด่วน ข้าไม่ออกไปพบคนไข้"เสิ่นว่านจือยกมือไหว้ "มารบกวนหมอมหัศจรรย์แล้ว แต่ท่านอ๋องส่งจดหมายมา ให้ซีซีเชิญหมอมหัศจรรย์ไปซีหนิงด้วยกันเพื่อช่วยจางเลี่ยเหวิน""จางเลี่ยเหวิน?" หมอมหัศจรรย์ดันสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนึกถึงคุณชายรองที่เสียชีวิตของจวนโหวเซวียนผิง เขาไม่ลังเลรีบสั่งว่า "หลานเชวี่ย จินเชวี่ย เก็บข้าวของติดตามไป เอายาที่ดีที่สุดไปด้วย เข็มทองด้วย และก็..."เขาหยุดชั่วคราว แสดงความเจ็บปวดใจเล็กน้อย "นำโสมพันปีนั้นติดตัวไปด้วย"เป็นหมอเลยทำอะไรได้เร็ว หมอมหัศจรรย์ดันมาถึงจวนเป่ยหมิงอ๋องก่อนซ่งซีซีและนั่งรออยู่ที่นั่นก่อนที่ซ่งซีซีจะออกเดินทาง นางก็หยิบจดหมายนกพิราบไปให้แม
รถม้าสั่นและถนนหลวงไม่ราบรื่น บวกกับต้องเดินทางเร่งรีบแบบนี้ สำหรับหลี่จิ้งแล้วมันทรมานจริงๆหลังจากเดินไปได้ครึ่งชั่วยาม ซ่งซีซีก็เห็นว่าใบหน้าของนางซีดและเอามือปิดหน้าอกราวกับอยากจะอาเจียน นางถามว่า "เมารถม้าหรือเปล่า จะให้คนขับเดินช้าหน่อยไหม""ไม่ ไม่ ไม่จำเป็นต้องช้า" หลี่จิ้งโบกมือ "เอาเร็วที่สุด ข้าอยากจะให้ม้าตัวนี้มีปีกสามารถบินไปที่ซีหนิงด้วยซ้ำ ท่านพระชายาอย่ามองว่าข้าอ่อนแอ แต่จริงๆ แล้วข้าไม่กลับความยากลำบาก""ก็ได้" ซ่งซีซีหยิบสัมภาระออกมาแล้วนำผลไม้แห้งที่เป่าจูเตรียมไว้ออกมา เมื่อพบว่ามีลูกพลัมแห้ง จึงพูดว่า "รีบอมไว้ลูกหนึ่ง มันจะสบายหน่อย""ขอบคุณ!" หลี่จิ้งหยิบมันลูกหนึ่งใส่ปาก รสเค็มและเปรี้ยวกระจายอยู่ในปากซึ่งช่วยขจัดอาการคลื่นไส้ได้ไปบ้างทางด้านซีม่อน เซี่ยหลูโม่สั่งคนดัดแปลงรถม้าให้ รถจึงรองรับจางเลี่ยเหวินให้นอนได้ และมีการวางเบาะนุ่มๆ เพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากการกระแทกหมอทหารก็นั่งอยู่ในรถม้ากับเขา และพัดลมให้เขา จากนั้นตรวจสอบสถานการณ์ได้ตลอดเวลาส่วนคนที่เหลือ หวังเบียวได้เตรียมม้าที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาหวังเบียวไม่ปรากฏตัวมาตลอด พอรู้ว่าพวกเขาจ
ระหว่างทางทุกคนต่างเป็นกังลวมากจริงๆจางเลี่ยเหวินไข้สูงไม่เคยลดเลย หมอทหารนำเตาสำหรับต้มยาและถุงยามาด้วย และให้ยาลดไข้และขจัดแผลเน่า แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลเลยยาจากหมอมหัศจรรย์ดันก็ไม่มีผลกับเขาเท่าไรแล้ว แต่เมื่อเทียบกับสมุนไพรพวกนั้นงั้นก็ยังมีผลกว่าจางเลี่ยเหวินตื่นขึ้นมาอย่างมึนงงหลายครั้ง และต้องถามทุกครั้งว่า "นี่คือดินแดนของเราหรือเปล่า?"หลังจากได้รับคำตอบว่าใช่ รอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากของเขา จากนั้นเขาก็ยังคงสลบต่อไปหมอทหารบอกว่าหากยังมีไข้เช่นนี้ต่อไปจะมีผลเสียต่อสมองของเขา แล้วเป็นเรื่องปกติที่เขาขี้ลืมต่อมา เซี่ยหลูโม่ก็ให้จางต้าจ้วงจูงม้าของเขาไปด้วย ส่วนเขาก็ขึ้นรถม้าเพื่ออยู่เป็นเพื่อนเขาแม้ว่าตอนที่เขาอยู่สภาพมึนงง เซี่ยหลูโม่ก็จับมือเขาเบาๆ และพูดคุยกับเขา บอกว่าเขตหนานเจียงสวยงามแค่ไหน เล่าเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวของเขาให้ฟัง และบอกว่าภรรยาของเขากำลังเดินทางมาหา อีกไม่นานพวกเขาจะเจอหน้ากัน เขาสามารถเจอภรรยาของตนเองได้แล้วเมื่อใดก็ตามที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ การหายใจของจางเลี่ยเหวินจะราบรื่นขึ้น และเขาจะลืมตาขึ้น ลึกๆ ในดวงตามีแสงสว่าง ไม่ได้ว่างเปล่าอีกเขาพยายา
อาจารย์หยูและจางต้าจ้วงนอนอยู่บนรถม้า และมีที่นอนนุ่มๆ ปูอยู่บนตัวพวกเขา ทุกคนวางจางเลี่ยเหวินลงไป ส่วนจางเลี่ยเหวินและอาจารย์หยูก็ยื่นมือออกมาคนละข้างเพื่อจับจางเลี่ยเหวินไว้การพนันครั้งใหญ่เริ่มแล้ว ออกเดินทางเลยเนื่องจากในรถมีคนอยู่สามคนแล้ว เพื่อเร่งความเร็ว หมอทหารจึงต้องลงรถด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้น อาจารย์หยูจะหยุดรถทันทีเพื่อให้หมอทหารขึ้นมาข้างในรถม้านั้นร้อนจัด ทั้งสองคนถูกคลุมด้วยเบาะนุ่มๆ จางเลี่ยเหวินยังนอนอยู่ข้างบนด้วย ไม่นานนักเสื้อผ้าของพวกเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ อีกทั้งผมเปียกเช่นกัน มันทั้งเหนียวและคัน แต่กลับเกาไม่ได้ มันทรมานอย่างยิ่งคนขับรถข้างนอกก็เปิดม่านให้ลมผ่านบ้างแต่ไม่สามารถเปิดนานเกินไป คนเป็นไข้จะโดนลมไม่ได้ม้าถูกเฆี่ยนแรงและความเร็วก็เพิ่มขึ้น เมื่อเดินบนถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มันก็โซเซและกระแทกอยู่พักหนึ่ง แต่เมื่อทั้งสองคนพัวพันกับแขนของพวกเขา ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อจางเลี่ยเหวินอาจารย์หยูจะตรวจชีพจรให้เขาเป็นครั้งคราว ตราบใดที่ชีพจรยังเต้นอยู่ เขาก็รู้สึกสบายใจหน่อยในเวลาเดียวกัน กุ้นเอ๋อร์ได้พาหมอมหัศจรรย์ดันและคนอื่นๆ ไปที่ซีหนิง พ
หมอมหัศจรรย์ดันถูกอุ้มขึ้นบนหลังม้า และถูกแบกไว้บนไหล่ของอีกฝ่าย เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน และตาพร่ามัว เมื่อเขาตั้งสติ เขาก็ถูกวางตัวลงและยืนอยู่ตรงหน้าเตียงของจางเลี่ยเหวินแล้วเขาหันกลับไปเพื่อดูว่าใครเป็นคนอุ้มเขา แต่กลับได้ยินเสียงเร่งด่วนของเซี่ยหลูโม่ "ท่านลุงดัน รีบๆ ดูเขาหน่อย"สายตาที่คาดหวังและน้ำตาคลอเบ้ากำลังจ้องมองหมอมหัศจรรย์ดัน เขาคือหมอมหัศจรรย์ดัน และเขามาแล้วคนสิบคนคุกเข่าลงและสำลักสะอื้น "ได้โปรดขอให้หมอมหัศจรรย์ดันช่วยชีวิตเขาด้วย"จินเชวี่ยเข้ามาพร้อมกล่องยาบนหลังของเขาแล้ว และหมอมหัศจรรย์ดันไม่จำเป็นต้องตรวจชีพจร เขาแค่มองดูอาการของจางเลี่ยเหวิน ก็รู้ว่าสิ่งแรกในตอนนี้คือการรักษาลมหายใจของเขาให้คงที่เขาหยิบโสมพันปีออกมา ปอกออกมาชิ้นหนึ่งแล้วยื่นให้เซี่ยหลูโม่ "บีบสักหน่อย"เซี่ยหลูโม่รับมันมาบีบด้วยมือของเขา และโสมที่แข็งเป็นชิ้นก็แตกออก และหมอมหัศจรรย์ดันรีบยัดมันเข้าไปในปากของจางเลี่ยเหวินโสมอายุพันปีสามารถยกยื้อชีวิตได้ดีจริงๆ แต่ก็ได้แต่ยื้อลมหายใจของเขาได้เท่านั้นจินเชวี่ยยื่นกระเป๋าเข็มให้ หมอมหัศจรรย์ดันหยิบเข็มออกมาและสั่งคนให้ถอดเสื้อผ้าของ
คืนนั้น นอกจากอูโซเว่ย ทุกคนก็ไม่ได้นอนจริงๆ แล้วพวกเขาเหนื่อยมาก แต่ หมอมหัศจรรย์ดันบอกว่าคืนนี้สำคัญมาก ถ้าเขาผ่านคืนนี้ไปได้ อย่างน้อยมีโอกาสหนึ่งส่วนที่รอดชีวิตได้โอกาสหนึ่งส่วนนั้นน้อยมาก และทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นทุกข์ใจมากหมอมหัศจรรย์ดันหลับไปบนพื้น ต้องเดินทางอย่างเร่งด่วนมากตลอดทาง เขาเหนื่อยมากจริงๆส่วนหลานเชวี่ยและจินเชวี่ยผลัดกันเฝ้าดู เปลี่ยนเวรคนละชั่วยามคืนหนึ่ง ได้ป้อนยาห้าครั้ง จากแรกๆ ที่สามารถป้อนได้เพียงสองช้อนเล็กๆ เท่านั้น เมื่อถึงครั้งที่ห้าก็ป้อนได้ครึ่งชามแล้วค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกิน ทุกๆ ยามก็อยู่ทรมานมาก พวกเขาออกไปมองดูท้องฟ้านับครั้งไม่ถ้วน หวังว่าพระอาทิตย์จะขึ้นในช่วงปลายยามโชว หมอมหัศจรรย์ดันลุกขึ้น หลังจากสัมผัสชีพจรแล้วจึงพ่นแป้งเข้าจมูกโดยบอกว่าเป็นยาลดไข้หมอมหัศจรรย์ดันมีถุงใต้ตาขนาดใหญ่ และเขาดูซีดเซียวมาก ได้ยินจางซุนเหวินบอกว่า พวกเขาเดินทางอย่างเร่งด่วน ไม่กล้ารอช้าเลย ระหว่างทางในขณะที่เปลี่ยนม้านั้นได้พักที่โรงเตี้ยมมาหนึ่งชั่วยามกว่าจากนั้นก็เดินทางต่อ คนหนุ่มๆ ยังพอไหว แต่หมอมหัศจรรย์ดันก็อายุห้าสิบหกสิบแล้ว เขาจะไม่ไหวจริงๆก่อ
เมื่อถึงโรงเตี้ยม ลงจากเรถม้า หลี่จิ้งก็คุกเข่าลงกับพื้น เท้าของนางทั้งชาและอ่อนแรง นางหมดแรงแล้วจริงๆ ทนทุกข์มามากแล้วซ่งซีซีช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น นางพูดว่า "เร็วเข้า พาข้าไปหาเขาหน่อย"สิ่งที่ทรมานที่สุดสำหรับนางในระหว่างทางไม่ใช่อาการเมารถหรืออาการไม่สบายจากการกระแทก แต่เป็นความกังวล กังวลว่าอาการของเขาจะเกิดอะไนไม่คาดคิดซ่งซีซีประคองนางเข้าไป เซี่ยหลูโม่ก็เข้ามาหา ทั้งคู่มองหน้ากัน เซี่ยหลูโม่พยักหน้าให้นางซึ่งเป็นการบอกซ่งซีซีเป็นนัยๆ ว่าจางเลี่ยเหวินยังมีชีวิตอยู่ซ่งซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วมองดูเขาอย่างลึกซึ้ง ผอมแล้วนางช่วยพยุงหลี่จิ้งขึ้นบันไดหินแล้วเดินไปที่ประตูห้องพัก ทุกคนขยับออกไปให้พ้นทาง หลี่จิ้งยืนอยู่ที่ประตูและเห็นคนนอนอยู่บนเตียงนางไม่ก้าวไปข้างหน้า ปิดปากด้วยมือทั้งสองข้าง น้ำตาพร่ามัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตกลงไปเป็นหยดใหญ่เมื่อทุกคนคิดว่านางจะร้องไห้จนสติแตก แต่คิดไม่ถึงว่านางปาดน้ำตาออก ปาดให้สะอาด หลังจากพยายามหลายครั้ง ในที่สุดก็สามารถบีบรอยยิ้มที่สั่นเทาเล็กน้อยออกมาแล้วเดินไปหาสามีของนางนางนั่งอยู่บนขอบเตียงและจ้องมองใบหน้าของเขาก่อน หลังจ
เซี่ยหลูโม่ส่ายหัว น้ำเสียงของเขายังคงตื่นเต้น "ไม่ใช่ ชีซื่อไม่ใช่คนๆ เดียว และไม่ใช่เจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่เป็นสิบเอ็ดคน... เดี๋ยว คนนั้นคือใคร?"ทันใดนั้นเขาก็เห็นม้าตัวหนึ่งเดินไปมาข้างนอก มีคนนอนอยู่บนหลังม้า ผมยุ่งเหยิงจนมองไม่ออกว่าเป็นใครซ่งซีซีคร่ำครวญเสียงหนึ่งและรีบเข้าไป "คือจือจือ นางป่วยมาตลอดทาง และข้าก็ลืมนางไปเสียสนิทแล้ว"นางช่วยพยุงเสิ่นว่านจือลงมาอย่างระมัดระวัง ตอนที่ลงมาจากม้านั้นเสิ่นว่านจือก็เช่นเดียวกับหลี่จิ้ง เกือบจะคุกเข่าลงกับพื้น แต่นางยังคงสาปแช่ง "ไอ้คนใจร้าย ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามาตลอดทาง เจ้ากลับลืมข้าไป รอให้ข้าหายดีคอยอยู่ว่าข้าจะเอาคืนเจ้ายังไง"นางพิงไหล่ของซ่งซีซ โดยไม่มีแรงใดๆ อีก ซ่งซีซีกล่าวขอโทษ "มันเป็นความผิดของข้า เข้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าก็รีบร้อนที่จะพาหลี่จิ้งไปหาจางเลี่ยเหวินไง"เสิ่นว่านจือไม่มีแรงไปดุนาง และรีบถามว่า "เขาเป็นยังไงบ้าง ยังดีอยู่ไหม เฮอะ ข้าก็อยากไปดูพวกเขาสองสามีภรรยารวมตัวกันอย่างมีความสุขนี่ แต่ไม่ได้การ แม่ทัพจางได้รับบาดเจ็บและข้าเป็นหวัด ข้าเข้าไปไม่ได้""อาการของเขาไม่ค่อยดีนัก แต่เชื่อว่าหมอมหัศจรรย์ดันจะรักษาเขาให้หา