Share

บทที่ 565

Author: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
เมื่อถึงโรงเตี้ยม ลงจากเรถม้า หลี่จิ้งก็คุกเข่าลงกับพื้น เท้าของนางทั้งชาและอ่อนแรง นางหมดแรงแล้วจริงๆ ทนทุกข์มามากแล้ว

ซ่งซีซีช่วยพยุงนางให้ลุกขึ้น นางพูดว่า "เร็วเข้า พาข้าไปหาเขาหน่อย"

สิ่งที่ทรมานที่สุดสำหรับนางในระหว่างทางไม่ใช่อาการเมารถหรืออาการไม่สบายจากการกระแทก แต่เป็นความกังวล กังวลว่าอาการของเขาจะเกิดอะไนไม่คาดคิด

ซ่งซีซีประคองนางเข้าไป เซี่ยหลูโม่ก็เข้ามาหา ทั้งคู่มองหน้ากัน เซี่ยหลูโม่พยักหน้าให้นางซึ่งเป็นการบอกซ่งซีซีเป็นนัยๆ ว่าจางเลี่ยเหวินยังมีชีวิตอยู่

ซ่งซีซีถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วมองดูเขาอย่างลึกซึ้ง ผอมแล้ว

นางช่วยพยุงหลี่จิ้งขึ้นบันไดหินแล้วเดินไปที่ประตูห้องพัก ทุกคนขยับออกไปให้พ้นทาง หลี่จิ้งยืนอยู่ที่ประตูและเห็นคนนอนอยู่บนเตียง

นางไม่ก้าวไปข้างหน้า ปิดปากด้วยมือทั้งสองข้าง น้ำตาพร่ามัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตกลงไปเป็นหยดใหญ่

เมื่อทุกคนคิดว่านางจะร้องไห้จนสติแตก แต่คิดไม่ถึงว่านางปาดน้ำตาออก ปาดให้สะอาด หลังจากพยายามหลายครั้ง ในที่สุดก็สามารถบีบรอยยิ้มที่สั่นเทาเล็กน้อยออกมาแล้วเดินไปหาสามีของนาง

นางนั่งอยู่บนขอบเตียงและจ้องมองใบหน้าของเขาก่อน หลังจ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 566

    เซี่ยหลูโม่ส่ายหัว น้ำเสียงของเขายังคงตื่นเต้น "ไม่ใช่ ชีซื่อไม่ใช่คนๆ เดียว และไม่ใช่เจ้าสิบเอ็ดฝาง แต่เป็นสิบเอ็ดคน... เดี๋ยว คนนั้นคือใคร?"ทันใดนั้นเขาก็เห็นม้าตัวหนึ่งเดินไปมาข้างนอก มีคนนอนอยู่บนหลังม้า ผมยุ่งเหยิงจนมองไม่ออกว่าเป็นใครซ่งซีซีคร่ำครวญเสียงหนึ่งและรีบเข้าไป "คือจือจือ นางป่วยมาตลอดทาง และข้าก็ลืมนางไปเสียสนิทแล้ว"นางช่วยพยุงเสิ่นว่านจือลงมาอย่างระมัดระวัง ตอนที่ลงมาจากม้านั้นเสิ่นว่านจือก็เช่นเดียวกับหลี่จิ้ง เกือบจะคุกเข่าลงกับพื้น แต่นางยังคงสาปแช่ง "ไอ้คนใจร้าย ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามาตลอดทาง เจ้ากลับลืมข้าไป รอให้ข้าหายดีคอยอยู่ว่าข้าจะเอาคืนเจ้ายังไง"นางพิงไหล่ของซ่งซีซ โดยไม่มีแรงใดๆ อีก ซ่งซีซีกล่าวขอโทษ "มันเป็นความผิดของข้า เข้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าก็รีบร้อนที่จะพาหลี่จิ้งไปหาจางเลี่ยเหวินไง"เสิ่นว่านจือไม่มีแรงไปดุนาง และรีบถามว่า "เขาเป็นยังไงบ้าง ยังดีอยู่ไหม เฮอะ ข้าก็อยากไปดูพวกเขาสองสามีภรรยารวมตัวกันอย่างมีความสุขนี่ แต่ไม่ได้การ แม่ทัพจางได้รับบาดเจ็บและข้าเป็นหวัด ข้าเข้าไปไม่ได้""อาการของเขาไม่ค่อยดีนัก แต่เชื่อว่าหมอมหัศจรรย์ดันจะรักษาเขาให้หา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 567

    หลังจากนั้นไม่นาน จางไท่ก็ถามว่า "แล้วภรรยาของข้าล่ะ?"ตอนที่เขาออกเดินทางไปออกศึก เขาแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้นเสิ่นว่านจือรู้จักนายน้อยสามของตระกูลจาง จากนั้นพูดด้วยความรู้สึกเสียใจ "นางแต่งงานใหม่แล้ว"จางไท่ไม่สามารถซ่อนความผิดหวังได้ แต่ก็ยังถามอีกว่า "นางเป็นยังไงบ้าง"เสิ่นว่านจือส่ายหัว "ไม่รู้เลย ไม่ได้ถาม"จางไท่มีน้ำตาไหลออกมา "ข้าทำผิดต่อนาง ข้าทำผิดต่อนางจริงๆ"หลูหงก็ถามว่า "คุณหนูเสิ่น ไม่ทราบว่าภรรยาของข้า... "พ่อของหลูหงเป็นลูกน้องของซ่งฮวยอัน เขามาออกศึกที่เขตหนานเจียงพร้อมกับท่านพ่อ พ่อของเขาเสียชีวิตก่อน ต่อมาเขาถูกจับเสิ่นว่านจือไม่ทราบสถานการณ์ของตระกูลลู่ เพราะหงเซียวไม่ได้สอบสวนมาก่อนแต่ซ่งซีซีกลับรู้เรื่องตระกูลลู่ นางพูดว่า "ภรรยาของเจ้าป่วยหนักเมื่อสองปีก่อน และหมอมหัศจรรย์ดันเป็นคนรักษาให้หายดี แต่ท่านแม่ของเจ้าเพราะท่านพ่อเจ้าและเจ้าได้...นางเสียใจมากเกินไปเลยส่งผลต่อจิตใจ บัดนี้คงจำคนไม่ค่อยได้ จินเชวี่ยเป็นคนไปรักษา เรื่องรายละเอียดเจ้าไปถามจินเชวี่ยได้"หลูหงปิดหน้าด้วยมือของเขา รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งฉีฟางไม่ได้ถาม เพราะเขารู้เรื่องนี้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 568

    สนมฮุ่ยไทเฟยเพิ่งออกไปได้สักพัก จักรพรรดิ์ซูชิงก็มาถึง หลังจากคุกเข่าข้างหนึ่งเพื่อกราบไหว้ จากนั้นไทเฮาก็มอบกระดาษให้เขา "เมื่อคืนซีซีออกไปนอกเมือง และสั่งให้เสด็จน้าของเจ้ามาส่งกระดาษนี้มาให้เพื่อรายงานกับเจ้า"จักรพรรดิ์ซูชิงมองดูมันแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "นางออกจากเมืองท่ามกลางดึกย่มมีเรื่องเร่งด่วน ก็ไม่จำเป็นต้องมารายงานข้าสิ"ไทเฮาตรัสว่า "นางเป็นสตรี ออกจากเมืองหลวงกลางดึกพร้อมป้ายรองผู้บัญชาการ แน่นอนว่าต้องการแจ้งให้เจ้าทราบ"จักรพรรดิ์ซูชิงตอบรับอืมด้วยความกังวล "หวังว่าจางเลี่ยเหวินจะกลับมาอย่างปลอดภัย"ที่แท้ชีซื่อก็คือเขา จะว่าไปจวนโหวเซวียนผิงก็ยังเป็นตระกูลทหารนี่น่ะ แม้ว่าลูกหลานของพวกเขาในสองชั่วอายุคนจะเลือกเส้นทางเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นเป็นส่วนมาก แต่มักจะมีคนสองคนยังสืบทอดศักดิ์ศรีและความดื้อรั้นของแม่ทัพไว้บ้างไทเฮามองดูเขาและอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เลือกจะไม่พูด คำบางคำที่นางพูดออกไปอาจทำให้บุตรชายคนนี้ยิ่งเกิดความสงสัยขึ้นจดหมายของหวังเบียวถูกส่งไปยังโต๊ะเสนาบดี โดยบอกว่าเป่ยหมิงอ๋องหายตัวไปหลังจากมาถึงซีม่อน เสนาบดีมู่เก็บจดหมายนั้นไว้ เป่ยหมิงอ๋องไปทำอะไรที่ซ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 569

    แม้ว่าเขาจะรู้สึกงุนงง แต่ก็เชิญเสนาบดีมู่ไปที่ห้องโถงด้านหลังซึ่งให้บริการด้วยน้ำชาเสนาบดีมู่ยิ้ม ซึ่งทำให้เจ้ากรมฉินรู้สึกโล่งใจ "ไม่ทราบว่าท่านเสนาบดีมีเรื่องส่วนตัวอะไรจะพูดกับข้าหรือ""ขอแสดงความยินดี" เสนาบดีมู่วางถ้วยชาลงแล้วมองดูเขาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเรื่องนี้ควรพูดมาเร็วๆ แต่ความประหลาดใจนั้นยิ่งใหญ่เกินไป และกลัวว่าเจ้ากรมฉินจะรับไม่ได้กับเรื่องน่ายินดีนี้ในชั่วขณะ ดังนั้นเขาจึงพูดช้าๆ"แสดงความยินดี?" เจ้ากรมฉินยิ่งสับสน เขาซึ่งเป็นเจ้ากรมกระทรวงพิธีการแล้ว ไม่น่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปได้อีกแล้ว "ขอถามท่านเสนาบดี ยินดีเรื่องอะไรหรือ"เสนาบดีมู่กล่าวว่า "คิดว่าทำของหายแต่สุดไม่ได้หาย"เจ้ากรมฉินยิ่งสับสนมากขึ้น "คิดว่าทำของหายแต่สุดไม่ได้หาย ข้าไม่ได้ทำของหายในช่วงนี้ขอรับ""ฮ่องเต้มีพระราชกฤษฎีกาให้กระทรวงพิธีการเตรียมต้อนรับวีรบุรุษจากเขตหนานเจียง วีรบุรุษสองคนในนั้นมาจากตระกูลฉินของเจ้า"หัวใจของเจ้ากรมฉินโดนกระแทกแรง ใบหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาหายใจเข้าลึกๆ "คือ...คือพบศพของลูกข้าได้แล้วหรือ?"เสนาบดีมู่เหลือบมองเขา "ศพอะไรกัน คนเป็นนี่น่ะ คุณชายสองคนจากตระกูลฉิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 570

    ในเวลานี้เองที่จวนป๋อผิงซีได้รับจดหมายจากหวังเบียวจดหมายส่งถึงฮูหยินป๋อผิงซีนางจี หลังจากนางอ่านแล้ว ก็นำจดหมายไปหาแม่และสองสามีภรรยาหวังเชียงหวังเชียงเป็นน้องชายของหวังเบียว เขาทำงานในกระทรวงโยธาธิการ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดี อย่างไรก็ตามเขาอยู่ในตำแหน่งนี้มาสี่ปีแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งใดๆนางหลาน ฮูหยินของหวังเชียงเป็นลูกสาวของพ่อค้า ถือได้แต่งงานเข้าตระกูลชั้นสูงแล้ว ในอดีตหวังชิงหลูไม่ชอบพี่สะใภ้รองคนนี้มา รังเกียจนางรู้แต่เรื่องเงินทองเท่านั้นหลังจากอ่านจดหมายแล้ว สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีเปลี่ยนไป "ลูกเขยยังมีชีวิตอยู่หรือ และได้สร้างผลงานด้วย นี่…"นางจีเตือนว่า "ท่านแม่ บัดนี้จะเรียกลูกเขยไม่ได้อีกแล้ว"ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีถอนหายใจ "พูดหลุดปากไป เขายังมีชีวิตอยู่ คิดไม่ถึงเลย"หวังเชียงอ่านจดหมายและพูดว่า "ท่านแม่ พี่สะใภ้ นี่เป็นสิ่งที่ดี เราควรดีใจ ถึงยังไงการมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าอะไรทั้งนั้น""มันคุ้มค่าที่จะมีความสุข" ใบหน้าของนางจีแสดงความเมตตา "วันนั้นที่เจ้าสิบเอ็ดเสียชีวิต และแม่สามีของ... เฮอะ แม้แต่ข้าก็เรียกผิดเสมอ ฮูหยินผู้เฒ่ารองของตระกู

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 571

    ฝนตกปรอยๆ มาหลายวันแล้ว หวังชิงหลูลงจากรถม้าด้วยความใจลอยและเหยียบลงบนแอ่งน้ำ ทำให้รองเท้าอันนุ่มของนางเปียกจนชุ่ม"ฮูหยิน!" สาวน้อยที่เพิ่งซื้อมาชื่อหงเอ๋อร์ นางซุ่มซ่ามไม่รู้จักกฎเกณฑ์ใดๆ เลย "ขอโทษจริงๆ ข้าน้อยไม่ได้ช่วยพยุงท่านให้ดี"หวังชิงหลูสะบัดมือของนางออกไปแล้วตะโกน "แค่ติดตามข้ามาก็พอ"หงเอ๋อร์ติดตามนางอย่างหวาดกลัว เพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นานและยังไม่ได้อบรมสั่นสอนกฎให้ดี ดังนั้นเมื่อเข้าไปในจวนป๋อผิงซี เมื่อเห็นว่าจวนป๋อหรูหรากว่าจวนแม่ทัพมาก ก็อดไม่ได้มอบออกไปทุกที่หวังชิงหลูดูถูกท่าทางที่นางไม่เคยเห็นลูกมาก่อนมากที่สุด "แค่เดินตามข้าให้ดีๆ เจ้ามองไปทุกที่ไปทำไม?"แม่ยายข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม "คุณหนูสาม จะไปอารมณ์เสียกับสาวน้อยทำไมล่ะ คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะแค่ค่อยๆ สั่งสอนก็ได้แล้วนี่ อย่าเสียท่าเพราะนางเลยเจ้าค่ะ"หวังชิงหลูจัดทรงผมให้เรียบร้อยอีกครั้ง และรู้ว่าแม่ยายคนนี้กำลังเตือนนางอย่าหัวเสีย เดี๋ยวโดนคนอื่นว่าไร้ความอบรมสั่งสอนแต่ในจวนแม่ทัพ จะไม่สามารถอยู่รอดได้หากมีความอบรมสั่งสอนนางไม่รู้ว่าตนเองตกลงไปในหล่มอะไรมา กลับให้นางสูญเสียศัก

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 572

    นางจีฟังการสนทนาระหว่างสองแม่ลูกอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า "คราวนี้ที่ให้เจ้ากลับมาไม่ใช่คุยเรื่องเหล่านั้น ตอนนั้นเจ้าสิบเอ็ดเสียชีวิต ทางตระกูลฝางได้ให้จดหมายปล่อยตัวเจ้า เจ้ากลับบ้านพ่อแม่เป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเจ้าไม่มีลูก และตระกูลฝางไม่ยอมให้เจ้าเป็นแม่หม้ายตลอดชีวิต ก่อนที่เจ้ากลับมา เจ้าก็ร้องห่มร้องไห้ที่ตระกูลฝางว่าจะไม่แต่งงานใหม่เด็ดขาด ทางตระกูลฝางถึงยอมมอบเงินทำขวัญของเจ้าสิบเอ็ดและร้านค้าสองแห่งแก่เจ้า บัดนี้เจ้าแต่งงานใหม่แล้ว ข้าว่าเราไม่ควรเอาเปรียบพวกเขา เงินทำขวัญเราจะคืนให้พวกเขา ส่วนร้านค้าสองแห่งนั้นจะคิดเป็นเงินให้พวกเขา เจ้าว่ายังไง"สมองของหวังชิงหลูยังคงมึนงง หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่สะใภ้ใหญ่พูดนั้น นางก็ส่ายหัวด้วยจิตใต้สำนึก "ไม่ ทำไมต้องคืนล่ะ? ข้าไม่ได้ทำผิด และเขาก็ไม่ตาย ทำไมไม่ส่งข่าวมาบอก แม้ว่าข้าจะกลับบ้านพ่อแม่ แต่ข้าก็เป็นแม่หม้ายมาหลายปีถึงแต่งงานใหม่""ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าออกเงินหรอก ข้ากับท่านแม่จะช่วยจ่ายแทนให้เจ้า" นางจีขึ้นเสียง "แต่เจ้าต้องแสดงทัศนคติด้วย เรื่องนี้จะให้ท่านแม่กับข้าออกหน้าเป็นสองคนไม่ได้""ให้ข้าออกหน้ายังไง ข้าเป็นลูกสะใภ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 573

    ความคิดเห็นทั้งลูกสะใภ้และแม่สามีสามคนตรงกัน ส่วนหวังชิงหลูเห็นว่าไม่ต้องให้นางออกเงินเอง ทางครอบครัวออกเงินให้ หลังจากยืนกรานอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงแล้วนางจีไม่ได้ให้นางออกหน้า เพราะตอนนี้นางเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้านแล้ว ดังนั้นเพียงให้นางเขียนจดหมายถึงนางลู่ และลงท้ายด้วยนางหวังจ้านนางหวังจ้าน หมายความว่านางเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าน ดังนั้นมาคืนเงินทำขวัญให้หลังจากที่หวังชิงหลูเขียนจดหมายเสร็จก็มอบให้นางจี และพูดอย่างไม่เต็มใจว่า "จริงๆ แล้วทำไมต้องทำอะไรไร้สาระล่ะ? ทำเหมือนกับที่ข้าแต่งงานใหม่มันทำผิดไปอย่างไรอย่างนั้น"นางจีกล่าวว่า "ตอนที่เจ้าแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง เจ้าเป็นคุณหนูสามจากจวนป๋อผิงซี ไม่มีใครว่าเจ้าเรื่องแต่งงานใหม่ ข้าขอบอกตรงๆ กับเจ้า ที่ข้าทำแบบนี้เพราะอยากให้เจ้าอยากคิดอะไรไม่ควรคิด"หวังชิงหลูโกรธมากจนหัวเราะ "ข้าจะคิดอะไรได้อีกล่ะ หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะหย่ากับจ้านเป่ยว่างและกลับไปคบกับเจ้าสิบเอ็ดหรือ เจ้าคิดว่าข้า หวังชิงหลูเป็นคนแบบไหนกัน?""เป็นการดีที่สุดที่เจ้าไม่คิดอย่างนั้น เจ้าเป็นคนแบบไหนข้ารู้ดี"หวังชิงหลูหงุดหงิดมาก "พี่สะใภ้ใหญ่ คนเราเป็นมนุ

Latest chapter

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1604

    สุดท้ายข้าก็ทำได้เพียงลอบเฝ้าติดตามแม่นางสุ่ยในเงามืดข้าคิดว่า ฆาตกรที่ฆ่าล้างครอบครัวนาง ย่อมต้องมีแรงจูงใจเป็นแน่หากโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ ไม่เพราะรัก ก็ต้องเพราะแค้น หรือไม่ก็เพราะเงินทอง อย่างไรเสียย่อมต้องมีสักอย่างแม่นางสุ่ยยังมีชีวิตอยู่ แล้วฆาตกรจะสามารถหลบหนีไปได้อย่างสงบเช่นนั้นหรือ?มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า พอเรื่องราวเงียบไปแล้ว ฆาตกรจะย้อนกลับมาฆ่านางอีกครั้ง?การคาดคะเนนี้ดูจะมีเหตุผล แต่ประเด็นสำคัญคือ ข้าไม่อาจหาทิศทางอื่นได้อีกแล้วเถ้าแก่สวีเดิมทีจ้างแม่นมมาคอยดูแลแม่นางสุ่ย แต่แม่นางสุ่ยนั้นหวาดกลัวคนแปลกหน้าอย่างยิ่ง ดังนั้นเถ้าแก่สวีจึงได้แต่ขอร้องให้เพื่อนบ้านโดยรอบแวะเวียนมาดูบ้าง ส่งอาหารมาให้บ้างมารดาของหลิวเซิ่งจะมาทุกวันเว้นวัน เพื่ออาบน้ำล้างหน้าให้แม่นางสุ่ย คอยดูแลให้สะอาดเรียบร้อยข้าพบว่าตระกูลหลิวยังปฏิบัติต่อนางด้วยดี เพียงแต่หลิวเซิ่งผู้นั้นกลับไม่เคยมา หนึ่งคือเขาต้องกลับไปยังโรงเรียน สองคืออาจเพราะในใจก็ยังมีความคับแค้นอยู่บ้าง เพราะคำกล่าวหาของแม่นางสุ่ยที่ทำให้เขาต้องติดคุกอยู่ช่วงหนึ่งชายหนุ่มผู้เป็นบัณฑิตย่อมมีความเย่อหยิ่งในใจบ้าง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1603

    ก่อนจะไปยังหนานเจียง ข้าไม่เคยมีแผนการใดในชีวิต ไม่มีเป้าหมาย ไม่เคยมีสิ่งใดที่อยากทำเป็นพิเศษเมื่อยึดหนานเจียงกลับคืนมาแล้วเดินทางกลับสู่เมืองหลวง เสียงโห่ร้องยินดีจากราษฎรทำให้ข้ารู้สึกว่า หากมนุษย์ใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายไปวันๆ เช่นนั้นจะไม่สูญเปล่าหรือ?ข้าจึงเริ่มครุ่นคิดถึงความหมายของชีวิตจากการติดตามย่างก้าวของซีซี ข้าก็ได้ทำสิ่งต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรงงานช่างไปจนถึงสถาบันการศึกษาหย่าจวินหญิงมากหลายล้วนประสบชะตาน่าเวทนา และข้ามีความสามารถที่จะช่วยพวกนางได้ ข้าคิดว่า นี่คงเป็นหนึ่งในความหมายของชีวิตว่าเป็น “หนึ่ง” ก็หมายความว่ายังอาจมี “สอง” และ “สาม” ตามมาได้มิใช่ข้าจะโอ้อวดตนเอง แต่เนื้อแท้ของข้าคือคนที่ชังความชั่วโดยสันดานดังนั้น เมื่อได้ยินว่ามีฆาตกรฆ่าคนจำนวนมาก แต่กลับลอยนวลเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ไม่อาจเอาผิดได้ ข้าย่อมโกรธเคืองนัก ข้าเห็นว่า คนฆ่าย่อมต้องชดใช้ด้วยชีวิตแรกเริ่ม ข้าไม่ได้กระทำการอันใดหุนหันพลันแล่น เพียงแต่เดินตามแนวทางของสำนักเขตจิงจ้าว สืบสาวเรื่องราวต่อไป และส่งมอบหลักฐานที่ได้มาให้แก่เจ้ากรมแห่งสำนักเขตจิงจ้าวจนกระทั่งข้าได้พบกับคดีหนึ่งที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1602

    ดอกเหมยบนภูเขาเหม่ยชานบานแล้ว ร่วงโรยแล้วเช่นกันในใจข้าย่อมอดเคืองนางไม่ได้ กลับบ้านไปแล้ว ก็จะทอดทิ้งพวกข้าด้วยหรือ? ไม่นึกถึงน้ำใจไมตรีที่มีต่อกันตลอดหลายปีมานี้เลยหรือ?เฉินเฉินก็ด่านางว่าไร้หัวใจ ไปก็แล้วไป ไยจึงไม่แม้แต่จะส่งจดหมายมาสักฉบับ?นานวันเข้าพวกข้าก็เลิกพูดถึงนางเสียเอง ราวกับว่าการไม่เอ่ยชื่อนางเลย คือการแก้แค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อผู้ละทิ้งพวกข้าต่างก็ตกลงกันไว้ว่า หากนางกลับมายังภูเขาเหม่ยชานอีกครั้ง ไม่ว่าใครก็จะไม่ไปพบนาง ไม่พูดกับนางสักคำ แม้นางจะให้คนส่งจดหมายมา ข้าก็จะไม่ตอบกลับ แม้แต่จะอ่านยังไม่อ่านวันเวลาผ่านไปกลางดาบคมและเงาเย็น พวกข้าทุกคนต่างฝึกฝนวิชาให้แกร่งกล้า ราวกับได้ตกลงกันไว้แล้วว่า หากยังไม่ตาย ก็จะฝึกจนสุดกำลังแม้ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา แต่ข้าย่อมรู้ว่าในใจของทุกคนคิดไม่ต่างกัน ย่อมไม่มีวันเป็น ‘นางที่ยิ้มแย้ม’ ได้อีกแล้ว เพราะเจ้าหวังห้าเล่าว่า ตั้งแต่นางจากเขาลงไป ท่านอาจารย์ก็ไม่เคยยิ้มอีกเลย มีแต่สีหน้าเคร่งเครียดทุกเมื่อเชื่อวันพวกข้าไม่รู้ว่านางประสบเรื่องราวใด แต่ข้าก็ฝึกฝนจนกล้าแข็ง เพียงรอวันที่นางต้องการข้า ดาบในมือย่อมพร้อมชักออกจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1601

    เพียงแต่ ข้ากับซีซีพบกันแทบทุกวัน หากนางไม่มาหาข้าที่สถาบันชื่อเยียน ข้าก็จะไปหานางที่สำนักว่านซง ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงยังคงได้พบหวังเยว่จางอยู่เสมอทว่า ทุกคราที่เขาเห็นข้า ก็จะส่งสายตาเคียดแค้นมาให้ ราวกับข้าเป็นผู้ล่วงเกินเขากระนั้นครั้งหนึ่งข้าทนไม่ไหว เอ่ยถามเขาว่าจะมองเขม่นข้าไปถึงไหน เขากลับว่าข้าเป็นคนแพร่ข่าวลือ ว่าเขาไปเที่ยวหอนางโลมข้าก็โกรธแทบขาดใจ! เขาประพฤติเสียเอง ไม่รู้จักสำนึก กลับมาโทษคนที่บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้แพร่ข่าวลือเสียหน่อย!ข้าแค่เล่าเรื่องนี้ให้สหายสนิทของข้าฟัง แล้วจะนับว่าแพร่ข่าวลือได้อย่างไร?ข้าโมโหจนต่อยเขาไปหนึ่งหมัด แล้วก็ประกาศตัดขาดกับเขาเสียเลยต่อมา ซีซีกลับบ้าน ข้าคิดว่าไม่นานนางก็คงกลับมาเช่นเคย แต่ครานี้ นางกลับหายไปเนิ่นนาน มิได้กลับสำนักภูเขาเหม่ยชานอีกเลยข้าไปที่สำนักว่านซงเพื่อถามหา แต่มิมีผู้ใดยอมปริปากแม้แต่คนเดียวด้วยความร้อนใจ ข้าคิดจะพาเฉินเฉินกับมันโถวออกเดินทางไปเมืองหลวงตามหานาง ก่อนออกเดินทาง หวังเยว่จางก็มาหาเราครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นเขามีสีหน้าเคร่งขรึม เขาบอกพวกเราว่า ซีซีมีเรื่องในบ้าน บิดาและพี่ชายล้วนเสียชีวิ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1600

    แต่จะว่าไปแล้ว สตรีเช่นข้า ก็เป็นที่โปรดปรานของบุรุษไม่น้อยที่ภูเขาเหม่ยชาน มีบุรุษมากมายชื่นชอบข้า เด็กหนุ่มวัยกำลังขึ้นหนวดอ่อนส่งจดหมายรักให้ข้าเขินๆ อายๆ ส่งมาครั้งแล้วครั้งเล่าข้าก็ไม่เคยเปิดดู ต่อหน้าพวกเขาก็ฉีกมันทิ้งเสียเลยในเมื่อยามนั้น ข้ายังไม่ได้เข้าใจตรรกะของคำปฏิญาณที่ตนตั้งไว้ดีนัก ในใจก็ยังมีคำว่า "ไม่แต่ง" ขวางอยู่เต็มอกข้าฉีกจดหมายรักต่อหน้าพวกเขา ข้ารู้ว่าตนโหดร้าย แต่ขอโทษเถิด ในเมื่อข้าคือสตรีที่ตั้งใจว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ชั่วชีวิต ข้าย่อมต้องใจแข็ง ไม่ปล่อยให้พวกเขามีแม้แต่นิดเดียวของความหวังร้องไห้เสียในตอนนี้ ยังดีกว่าติดบ่วงในวันหน้า จนเจ็บปวดปานฉีกหัวใจแม้พวกเขาจะบอกหน้าตาเศร้าว่าให้ข้าช่วยส่งจดหมายรักให้ซ่งซีซีก็ตาม ข้าก็ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อยหึๆ ยังไม่ทันได้เป็นบุรุษเต็มตัว ก็รู้จักใช้เล่ห์กลยั่วยวนหญิงเสียแล้วที่ภูเขาเหม่ยชาน เพื่อนเล่นที่ดีที่สุดของข้าก็คือพวกซีซี หมั่นโถว เฉินเฉิน และกุ้นเอ๋อร์อ้อ เคยมีอยู่ช่วงหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่ของเฉินเฉินก็มาเล่นกับพวกเราด้วย แต่น่าเสียดาย ต่อมาเขาก็ลงเขาไปผดุงคุณธรรมเสียแล้ว แต่เฉินเฉินบ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1599

    ข้า...เสิ่นว่านจือคนดีคนเดิม ยังคงอยากจะบ่นอยู่ บ่นถึงบุรุษของข้าหวังเยว่จาง เจ้านี่ช่างสมกับเป็นบุตรของท่านฮูหยินผู้เฒ่าหวังเสียจริงก่อนแต่งงานเราก็ตกลงกันไว้ชัดเจนแล้วว่า ต่อแต่นี้ไปไม่ว่าข้าจะทำสิ่งใด เขาห้ามแทรกแซง ห้ามห้ามปราม และห้ามเข้าร่วมโดยเด็ดขาดผลสุดท้าย เพิ่งแต่งได้ปีเดียว เขาก็ฉีกสัญญาทิ้งหมดสิ้น จะทำด้วยทุกเรื่องตามข้าสิ่งที่ข้าทำนั้น เขาเกี่ยวข้องได้หรือ? ย่อมไม่ได้ สำนักว่านซงมีกฎเข้มงวด อีกทั้งยังมีอาจารย์อาผู้เหี้ยมโหดนั่งประจำอยู่ หากรู้ว่าข้าพาหวังเยว่จางไปตัดหัวคน เกรงว่าจะบดกระดูกข้าเป็นผุยผงไปแล้วแต่เขาว่า เดิมเขาก็เป็นคนในยุทธภพ คนในยุทธภพล้วนถือความสะใจเป็นใหญ่ ทั้งบุญคุณและความแค้น ไม่ว่าเป็นของผู้ใด ก็ล้วนต้องตอบแทนอีกทั้งเราทำอย่างลับๆ สถาบันว่านซงเหมินย่อมไม่รู้เรื่องแต่พี่ห้า ท่านเข้าสังกัดกรมกลาโหมไปแล้วนะ ท่านก็เป็นขุนนางแล้ว จะยังพูดเรื่องยุทธภพสะใจล้างแค้นอะไรอีกเล่า?สิ่งที่ข้าทำ แม้แต่ซ่งซีซีก็ยังไม่รู้ทั้งหมด หรือหากนางรู้ นางก็คงเลือกที่จะปิดหูปิดตาเสีย เพราะว่ามันขัดแย้งกับสถานะ เข้าใจหรือไม่?ข้า...เสิ่นว่านจือ ไม่ย่างกรายเข้าสู่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1598

    บางครั้งข้าก็สอนศิษย์ทั้งหลายให้กล้าเผชิญหน้ากับชีวิต กล้าเผชิญหน้ากับความผิดพลาด แต่ตัวข้าเองกลับมิอาจกระทำได้เช่นนั้นหลายปีมานี้ ข้าแทบไม่ได้พบหน้าเขาเลย หากรู้ว่าเขาจะไปที่ใด ข้าย่อมหลีกเลี่ยงไม่ไปเมื่อครั้งที่ข้ายังดื้อดึงอยู่ เคยถูกพี่สะใภ้ตำหนิว่าข้ายังติดหนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางอยู่ แต่ในใจข้ากลับไม่ยอมรับนัก ยังรู้สึกน้อยใจอยู่บ้างแต่ตอนนี้เมื่อคิดย้อนกลับไป ข้าน้อยใจไปเพื่ออะไรเล่า? ใครเป็นคนที่ติดหนี้ข้ากัน? ฟ้าดินเมตตาข้าไม่มากพอแล้วหรือ? ทุกสิ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของข้าเองทั้งสิ้นหลายครา ข้าเปิดกระดาษเขียนจดหมาย ตั้งใจจะเขียนถึงเขาเพื่อขอขมาจากใจจริงแต่ยามจับพู่กันลงหมึก พอหมึกหยดลงกระดาษกลับเขียนไม่ออกแม้แต่คำเดียวข้ากลัวว่าจดหมายขอขมานั้นจะดูแปลกประหลาดเกินไป ทำให้ภรรยาของเขาระแวง หรือแม้แต่ทำให้จ้านเป่ยว่างคิดมากแม้ว่าตอนนี้ ข้ากับจ้านเป่ยว่างจะมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ แล้วก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ต้องการทำลายความสงบเช่นนี้ระหว่างนั้น จ้านเป่ยว่างเคยกลับมาสองสามครั้ง อาจเพราะเห็นกองกระดาษที่ถูกขยำทิ้งในห้องหนังสือของข้า เขาจึงสั่งให้เตรียมเหล้าหนึ่งเหยือก กับกับข้า

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1597

    ข้ามาอยู่ชายแดนเฉิงหลิงได้หนึ่งเดือนแล้ว ก็กำลังครุ่นคิดว่าจะทำสิ่งใดดีในนามแล้ว ข้าคือภรรยาของจ้านเป่ยว่าง ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากลับมีน้อยนัก เขามักพำนักอยู่ในค่ายทหาร มีเพียงบางครั้งที่กลับมามองข้าสองสามตาด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมีเวลาว่างมากมาย พอจะทำกิจการเล็กๆ ได้ชายแดนเฉิงหลิงนั้นต่างจากที่ข้าคาดไว้เล็กน้อย เดิมทีข้าคิดว่าดินแดนชายขอบย่อมแร้นแค้น ขาดแคลนสิ่งของ แต่เหนือความคาดหมาย ที่นี่แทบจะมีทุกอย่างขาย ยกเว้นเพียงเครื่องประดับล้ำค่าและผ้าไหมชั้นดีจากแคว้นสู่เท่านั้นสิ่งเหล่านี้ก็หาใช่ว่าไม่มีไม่ เพียงแต่ว่าหลังจากพ่อค้าเดินทางนำมาถึงแล้ว ก็มักเก็บไว้รอส่งไปขายแก่พวกขุนนางมั่งคั่งในซีจิงชาวบ้านที่ชายแดนเฉิงหลิงซื้อเครื่องประดับเพียงเพื่อความสวยงาม ไม่ได้ใส่ใจว่าล้ำค่าหรือไม่ข้ากำลังตรองว่าจะค้าขายสิ่งใดดี เพียงแต่ไม่ว่าคิดจะค้าขายอะไร สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือต้องซื้อร้านก่อนมิใช่หรือ?ดังนั้น ข้าจึงพาบ่าวชายและสาวใช้เดินไปตามตรอกซอกซอย ค้นหาร้านค้าที่เหมาะสมการมาครั้งนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ให้เงินติดตัวข้ามาด้วย พี่สะใภ้รองกับว่านจือก็ให้มาบ้าง รวมกับเงินที่ข้าเก็บไว้เอง ที

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1596

    นายท่านป๋ออันถูกหวังเยว่จางเหน็บแนมอยู่ไม่น้อย ท้ายที่สุดก็ยอมปล่อยเส้าหมิ่นออกมา ให้เส้าหมิ่นไปขอความเห็นใจ ถึงได้ช่วยชีวิตคุณชายเส้าเอาไว้เรื่องราวคลี่คลาย พวกเขาก็กล่าวขอบคุณหวังเยว่จางอย่างสุดซึ้ง แม้จะรู้ว่าถูกจงใจบีบไว้ แต่จะทำเช่นไรได้เล่า ใครใช้ให้บุตรชายของตนประพฤติผิด ไร้คุณธรรม ถูกจับได้คาหนังคาเขาเล่า?เส้าหมิ่นรู้ว่ามารดาของตนเคยกลั่นแกล้งเสี่ยวอวี่ เขาจึงอดทนไว้ก่อน รอจนแต่งงานแล้วจึงกล่าวขอแยกเรือนทันทีเขามิได้ทะเลาะกับทางบ้าน เพราะราชสำนักแคว้นซางสอบคุณธรรมข้าราชการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณธรรมแห่งความกตัญญู หากมีตราบาปว่าอกตัญญู วันหน้าอย่าหวังจะยืนหยัดในวงราชการเหตุผลที่เขาขอแยกเรือนก็สมเหตุสมผล กล่าวว่าสำคัญต่ออนาคต การสอบใกล้เข้ามาแล้ว คนในเรือนมากเกินไปย่อมรบกวนสมาธิ หากแยกเรือนไปจะได้เตรียมสอบอย่างสงบเพราะเขาเป็นบุตรที่กตัญญูมาโดยตลอด อีกทั้งฮูหยินเส้าเพิ่งก่อเรื่องใหญ่ขึ้นมา รู้ดีว่าเบื้องหลังของหวังจืออวี่มั่นคงนัก จึงมิได้ขัดขวางมากนัก อนุญาตให้พวกเขาแยกเรือนไปเรื่องนี้ถูกจัดการอย่างเงียบเชียบ มิได้ก่อผลกระทบอันใด ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำซุบซิบนินทาเด

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status