ในเวลานี้เองที่จวนป๋อผิงซีได้รับจดหมายจากหวังเบียวจดหมายส่งถึงฮูหยินป๋อผิงซีนางจี หลังจากนางอ่านแล้ว ก็นำจดหมายไปหาแม่และสองสามีภรรยาหวังเชียงหวังเชียงเป็นน้องชายของหวังเบียว เขาทำงานในกระทรวงโยธาธิการ ซึ่งถือว่าเป็นตำแหน่งที่ดี อย่างไรก็ตามเขาอยู่ในตำแหน่งนี้มาสี่ปีแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งใดๆนางหลาน ฮูหยินของหวังเชียงเป็นลูกสาวของพ่อค้า ถือได้แต่งงานเข้าตระกูลชั้นสูงแล้ว ในอดีตหวังชิงหลูไม่ชอบพี่สะใภ้รองคนนี้มา รังเกียจนางรู้แต่เรื่องเงินทองเท่านั้นหลังจากอ่านจดหมายแล้ว สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีเปลี่ยนไป "ลูกเขยยังมีชีวิตอยู่หรือ และได้สร้างผลงานด้วย นี่…"นางจีเตือนว่า "ท่านแม่ บัดนี้จะเรียกลูกเขยไม่ได้อีกแล้ว"ฮูหยินผู้เฒ่าป๋อผิงซีถอนหายใจ "พูดหลุดปากไป เขายังมีชีวิตอยู่ คิดไม่ถึงเลย"หวังเชียงอ่านจดหมายและพูดว่า "ท่านแม่ พี่สะใภ้ นี่เป็นสิ่งที่ดี เราควรดีใจ ถึงยังไงการมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าอะไรทั้งนั้น""มันคุ้มค่าที่จะมีความสุข" ใบหน้าของนางจีแสดงความเมตตา "วันนั้นที่เจ้าสิบเอ็ดเสียชีวิต และแม่สามีของ... เฮอะ แม้แต่ข้าก็เรียกผิดเสมอ ฮูหยินผู้เฒ่ารองของตระกู
ฝนตกปรอยๆ มาหลายวันแล้ว หวังชิงหลูลงจากรถม้าด้วยความใจลอยและเหยียบลงบนแอ่งน้ำ ทำให้รองเท้าอันนุ่มของนางเปียกจนชุ่ม"ฮูหยิน!" สาวน้อยที่เพิ่งซื้อมาชื่อหงเอ๋อร์ นางซุ่มซ่ามไม่รู้จักกฎเกณฑ์ใดๆ เลย "ขอโทษจริงๆ ข้าน้อยไม่ได้ช่วยพยุงท่านให้ดี"หวังชิงหลูสะบัดมือของนางออกไปแล้วตะโกน "แค่ติดตามข้ามาก็พอ"หงเอ๋อร์ติดตามนางอย่างหวาดกลัว เพราะเพิ่งซื้อมาได้ไม่นานและยังไม่ได้อบรมสั่นสอนกฎให้ดี ดังนั้นเมื่อเข้าไปในจวนป๋อผิงซี เมื่อเห็นว่าจวนป๋อหรูหรากว่าจวนแม่ทัพมาก ก็อดไม่ได้มอบออกไปทุกที่หวังชิงหลูดูถูกท่าทางที่นางไม่เคยเห็นลูกมาก่อนมากที่สุด "แค่เดินตามข้าให้ดีๆ เจ้ามองไปทุกที่ไปทำไม?"แม่ยายข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม "คุณหนูสาม จะไปอารมณ์เสียกับสาวน้อยทำไมล่ะ คนที่ไม่รู้จักกาลเทศะแค่ค่อยๆ สั่งสอนก็ได้แล้วนี่ อย่าเสียท่าเพราะนางเลยเจ้าค่ะ"หวังชิงหลูจัดทรงผมให้เรียบร้อยอีกครั้ง และรู้ว่าแม่ยายคนนี้กำลังเตือนนางอย่าหัวเสีย เดี๋ยวโดนคนอื่นว่าไร้ความอบรมสั่งสอนแต่ในจวนแม่ทัพ จะไม่สามารถอยู่รอดได้หากมีความอบรมสั่งสอนนางไม่รู้ว่าตนเองตกลงไปในหล่มอะไรมา กลับให้นางสูญเสียศัก
นางจีฟังการสนทนาระหว่างสองแม่ลูกอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดว่า "คราวนี้ที่ให้เจ้ากลับมาไม่ใช่คุยเรื่องเหล่านั้น ตอนนั้นเจ้าสิบเอ็ดเสียชีวิต ทางตระกูลฝางได้ให้จดหมายปล่อยตัวเจ้า เจ้ากลับบ้านพ่อแม่เป็นเรื่องปกติ เพราะพวกเจ้าไม่มีลูก และตระกูลฝางไม่ยอมให้เจ้าเป็นแม่หม้ายตลอดชีวิต ก่อนที่เจ้ากลับมา เจ้าก็ร้องห่มร้องไห้ที่ตระกูลฝางว่าจะไม่แต่งงานใหม่เด็ดขาด ทางตระกูลฝางถึงยอมมอบเงินทำขวัญของเจ้าสิบเอ็ดและร้านค้าสองแห่งแก่เจ้า บัดนี้เจ้าแต่งงานใหม่แล้ว ข้าว่าเราไม่ควรเอาเปรียบพวกเขา เงินทำขวัญเราจะคืนให้พวกเขา ส่วนร้านค้าสองแห่งนั้นจะคิดเป็นเงินให้พวกเขา เจ้าว่ายังไง"สมองของหวังชิงหลูยังคงมึนงง หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่สะใภ้ใหญ่พูดนั้น นางก็ส่ายหัวด้วยจิตใต้สำนึก "ไม่ ทำไมต้องคืนล่ะ? ข้าไม่ได้ทำผิด และเขาก็ไม่ตาย ทำไมไม่ส่งข่าวมาบอก แม้ว่าข้าจะกลับบ้านพ่อแม่ แต่ข้าก็เป็นแม่หม้ายมาหลายปีถึงแต่งงานใหม่""ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าออกเงินหรอก ข้ากับท่านแม่จะช่วยจ่ายแทนให้เจ้า" นางจีขึ้นเสียง "แต่เจ้าต้องแสดงทัศนคติด้วย เรื่องนี้จะให้ท่านแม่กับข้าออกหน้าเป็นสองคนไม่ได้""ให้ข้าออกหน้ายังไง ข้าเป็นลูกสะใภ้
ความคิดเห็นทั้งลูกสะใภ้และแม่สามีสามคนตรงกัน ส่วนหวังชิงหลูเห็นว่าไม่ต้องให้นางออกเงินเอง ทางครอบครัวออกเงินให้ หลังจากยืนกรานอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลงแล้วนางจีไม่ได้ให้นางออกหน้า เพราะตอนนี้นางเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้านแล้ว ดังนั้นเพียงให้นางเขียนจดหมายถึงนางลู่ และลงท้ายด้วยนางหวังจ้านนางหวังจ้าน หมายความว่านางเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลจ้าน ดังนั้นมาคืนเงินทำขวัญให้หลังจากที่หวังชิงหลูเขียนจดหมายเสร็จก็มอบให้นางจี และพูดอย่างไม่เต็มใจว่า "จริงๆ แล้วทำไมต้องทำอะไรไร้สาระล่ะ? ทำเหมือนกับที่ข้าแต่งงานใหม่มันทำผิดไปอย่างไรอย่างนั้น"นางจีกล่าวว่า "ตอนที่เจ้าแต่งงานกับจ้านเป่ยว่าง เจ้าเป็นคุณหนูสามจากจวนป๋อผิงซี ไม่มีใครว่าเจ้าเรื่องแต่งงานใหม่ ข้าขอบอกตรงๆ กับเจ้า ที่ข้าทำแบบนี้เพราะอยากให้เจ้าอยากคิดอะไรไม่ควรคิด"หวังชิงหลูโกรธมากจนหัวเราะ "ข้าจะคิดอะไรได้อีกล่ะ หรือว่าเจ้าคิดว่าข้าจะหย่ากับจ้านเป่ยว่างและกลับไปคบกับเจ้าสิบเอ็ดหรือ เจ้าคิดว่าข้า หวังชิงหลูเป็นคนแบบไหนกัน?""เป็นการดีที่สุดที่เจ้าไม่คิดอย่างนั้น เจ้าเป็นคนแบบไหนข้ารู้ดี"หวังชิงหลูหงุดหงิดมาก "พี่สะใภ้ใหญ่ คนเราเป็นมนุ
นางจีไม่สนใจว่าแม่จะคิดอย่างไร แต่ต้องทำสิ่งนี้ให้เรียบร้อยก่อนตอนนี้เจ้าสิบเอ็ดฝางไม่ได้ตาย งั้นทางตระกูลฝางจะคืนเงินทำขวัญให้กับราชสำนักอย่างแน่นอน อย่างมากฮ่องเต้จะมอบเงินก้อนนี้ให้เขาในนามอื่น แต่มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีคนที่ยังมีชีวิตอยู่จะรับเงินทำขวัญเสียชีวิตไว้ มันไม่ดีนางจีรีบพานางหลานไปที่ ชตระกูลฝาง เมื่อพบกับนางลู่ หลังจากที่นางรู้ข่าวดีนี้ ก็ดีใจจนเป็นลมไปครั้งหนึ่ง บัดนี้ได้นอนพักฟื้นอยู่บนเตียงเมื่อได้ยินว่านางจีต้องการคืนเงินทำขวัญและยังเอาร้านคิดเป็นจำนวนเงินคืนให้ด้วย ทางตระกูลฝางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ถึงยังไงพวกเขาก็ไม่คิดที่จะขอพวกนั้นคืนนางจีพูดด้วยรอยยิ้ม "เราดีใจมากที่ได้ยินว่าเจ้าสิบเอ็ดยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อเขาไม่ตาย เงินทำขวัญนี้จึงต้องคืนให้กับทางทางราชสำนัก เป็นเพราะตระกูลฝางของพวกเจ้าเมตตาให้เงินก้อนนี้แก่คุณหนูสามของเรา ตอนนี้นางแต่งงานใหม่แล้ว ย่อมรับมันไว้ไม่ได้ และเป็นความต้องการของนาง นางยังเขียนจดหมายมาฉบับหนึ่งเพื่อทักทายท่านฮูหยินผู้เฒ่ารองด้วย"นางจีหยิบจดหมายออกมาแล้วมอบให้ฮูหยินของฝางเทียนสวี ตอนนี้ฝางฮูหยินรับผิดชอบเรื่องฝ่ายในขอ
จ้านเป่ยว่างรู้ว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงหวังชิงหลูคืนเงินทำขวัญและร้านค้าของเจ้าสิบเอ็ดฝางด้วยอย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าเป็นทางจวนป๋อผิงซีจ่ายเงินคืนให้นางนับตั้งแต่เหตุการณ์การลอบสังหารและหวังชิงหลูถามจี้เขาว่าได้รักนางบ้างไหม พวกเขาแทบไม่ได้คุยกันอีกเลยตอนนี้เมื่อรู้ว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางยังมีชีวิตอยู่ จ้านเป่ยว่างลังเลอยู่นานก่อนจะเข้าไปในเรือนเหวินซีหวังชิงหลูนั่งอยู่บนที่นั่งผ้านุ่มด้วยจิตใจว่างเปล่า เมื่อเห็นเขาเข้ามาพร้อมกับแสงไฟ นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเกือบจะโพล่งชื่ออีกคนหนึ่งออกมา ซึ่งเป็นชื่อที่นางคิดอยู่ในใจในเมื่อกี้ตลอดเมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นจ้านเป่ยว่าง ใบหน้านางก็นิ่งลง "ข้ายังคิดว่าเจ้าจำประตูเรือนเหวินซีเปิดไปทางไหนไม่ได้แล้ว เห็นยากจริงๆ สินะ"จ้านเป่ยว่างให้สาวใช้ออกไปหมด และนั่งลง "ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าสิบเอ็ดแล้ว"หวังชิงหลูพูดอย่างเย็นชา "แล้วไงล่ะ?"จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าผิดหวังในตัวข้า และไม่พอใจกับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เจ้าสิบเอ็ดกลับมาแล้ว ถ้าเขาไม่รังเกียจที่เจ้าได้แต่งงานใหม่ ส่วนเจ้าก็มีใจให้เขา ข้ายอมเติมเต็มความต้องการของพ
คืนนั้น จ้านเป่ยว่างไม่ได้ออกจากเรือนเหวินซี เขายังค้างคืนที่ที่พักของหวังชิงหลูเป็นเวลาหลายคืนติดต่อกันยี่ฝางเริ่มตกแต่งลานบ้านของนาง แน่นอนว่าทางจวนจะไม่มีเงินให้นาง ดังนั้นนางจึงใช้เงินส่วนตัวในการตกแต่งมันประตูและหน้าต่างทั้งหมดทำจากไม้ที่แข็งแรงที่สุด ไม้เหล็กไม่มีจำหน่ายชั่วคราว นางจึงขอให้พ่อค้าไม้ช่วยหามันให้ ถ้าได้พบมัน นางยอมซื้อมันในราคาที่สูงนางยังเปลี่ยนชื่อเรือนเป็นเรืองมงคล ซึ่งแปลว่าทุกอย่างจะโชคดีเนื่องจากนางออกจากกองทัพแล้ว และไม่มีชุดเกราะ นางจึงแอบขอให้พ่อค้าทำเกราะป้องกันหน้าอกและสวมมันทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะกลัวว่ามือสังหารจะบุกเข้ามาอีกสำหรับความสนิทสนมระหว่างจ้านเป่ยว่างและหวังชิงหลูในทุกวันนี้ นางไม่สนใจเลย ชายที่เปลี่ยนใจแล้ว นางไม่สนนางเคยบอกว่าจะไม่ติดอยู่กับการแย่งชิงฝ่ายใน และนางจะไม่มีวันใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองเกลียดที่สุดแล้วจ้านเป่ยว่างมีใจให้หวังชิงหลูจริงๆหรือ? นางไม่เชื่อ ไม่เชื่อแม้แต่น้อยเลยสายตาที่จ้านเป่ยว่างมองนาง ไม่มีแววบ่งบอกความรักเลยแม้แต่น้อย เขาถึงขนาดไม่ถนัดเรื่องเสแส้รงด้วย มันมองออกอย่างง่ายดาย มีแต่หวังชิงหลูที่โง่ขน
ซ่งซีซีรู้ว่านางได้รับความโปรดปรานมาก แต่รู้สึกว่าไม่ใช่เพียงเพราะความโปรดปรานเท่านั้นตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลที่ใหญ่โตในเมืองเจียงหนาน เป็นพ่อค้าของจักรพรรดิ และยังมีธุรกิจอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครในแคว้นซางจะไม่รู้ตระกูลเสิ่นพวกเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นซาง แต่เป็นจุดโดดเด่นก็มักมีอันตรายอยู่รอบตัวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พวกเขาเลี้ยงม้าศึกและปลอมแปลงชุดเกราะและอาวุธให้กับทางราชสำนัก กระทรวงกลาโหมจับตาดูพวกเขาอยู่สายตาของฮ่องเต้อย่างน้อยมีครึ่งหนึ่งจับจ้องไปที่ตระกูลเสิ่นหัวหน้าตระกูลเสิ่นคนปัจจุบันคือท่านปู่ของเสิ่นว่านจือ แต่คนที่รับผิดชอบจริงๆ คือท่านพ่อของนาง ถึงยังไงท่านปู่ของนางแก่แล้ว และไม่สามารถดูแลอะไรได้มากมายขนาดนี้"แล้วการแต่งงานของเจ้าล่ะ? เคนคิดบ้างไหม?" ซ่งซีซีถามเสิ่นว่านจือพูดอย่างเกียจคร้าน "ไม่ได้คิด จะแต่งกับคนมีฐานะก็ไม่ได้แต่งกับคนมีฐานะต่ำกว่าก็ไม่ได้ คนที่พวกเขาแนะนำข้าไม่ชอบเลย ทำไมต้องแต่งงานด้วย อยู่คนเดียวจะไม่อิสระกว่าหรือ ข้าอยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ"ซ่งซีซีคิดว่านางเป็นคนประเภทนี้จริงๆ เป็นคนชอบอิสระ จะให้ขังนางอยู่ในจวนทำง