จ้านเป่ยว่างรู้ว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางยังมีชีวิตอยู่ รวมถึงหวังชิงหลูคืนเงินทำขวัญและร้านค้าของเจ้าสิบเอ็ดฝางด้วยอย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่าเป็นทางจวนป๋อผิงซีจ่ายเงินคืนให้นางนับตั้งแต่เหตุการณ์การลอบสังหารและหวังชิงหลูถามจี้เขาว่าได้รักนางบ้างไหม พวกเขาแทบไม่ได้คุยกันอีกเลยตอนนี้เมื่อรู้ว่าเจ้าสิบเอ็ดฝางยังมีชีวิตอยู่ จ้านเป่ยว่างลังเลอยู่นานก่อนจะเข้าไปในเรือนเหวินซีหวังชิงหลูนั่งอยู่บนที่นั่งผ้านุ่มด้วยจิตใจว่างเปล่า เมื่อเห็นเขาเข้ามาพร้อมกับแสงไฟ นางก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและเกือบจะโพล่งชื่ออีกคนหนึ่งออกมา ซึ่งเป็นชื่อที่นางคิดอยู่ในใจในเมื่อกี้ตลอดเมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นจ้านเป่ยว่าง ใบหน้านางก็นิ่งลง "ข้ายังคิดว่าเจ้าจำประตูเรือนเหวินซีเปิดไปทางไหนไม่ได้แล้ว เห็นยากจริงๆ สินะ"จ้านเป่ยว่างให้สาวใช้ออกไปหมด และนั่งลง "ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าสิบเอ็ดแล้ว"หวังชิงหลูพูดอย่างเย็นชา "แล้วไงล่ะ?"จ้านเป่ยว่างกล่าวว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าผิดหวังในตัวข้า และไม่พอใจกับจวนแม่ทัพ ตอนนี้เจ้าสิบเอ็ดกลับมาแล้ว ถ้าเขาไม่รังเกียจที่เจ้าได้แต่งงานใหม่ ส่วนเจ้าก็มีใจให้เขา ข้ายอมเติมเต็มความต้องการของพ
คืนนั้น จ้านเป่ยว่างไม่ได้ออกจากเรือนเหวินซี เขายังค้างคืนที่ที่พักของหวังชิงหลูเป็นเวลาหลายคืนติดต่อกันยี่ฝางเริ่มตกแต่งลานบ้านของนาง แน่นอนว่าทางจวนจะไม่มีเงินให้นาง ดังนั้นนางจึงใช้เงินส่วนตัวในการตกแต่งมันประตูและหน้าต่างทั้งหมดทำจากไม้ที่แข็งแรงที่สุด ไม้เหล็กไม่มีจำหน่ายชั่วคราว นางจึงขอให้พ่อค้าไม้ช่วยหามันให้ ถ้าได้พบมัน นางยอมซื้อมันในราคาที่สูงนางยังเปลี่ยนชื่อเรือนเป็นเรืองมงคล ซึ่งแปลว่าทุกอย่างจะโชคดีเนื่องจากนางออกจากกองทัพแล้ว และไม่มีชุดเกราะ นางจึงแอบขอให้พ่อค้าทำเกราะป้องกันหน้าอกและสวมมันทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะกลัวว่ามือสังหารจะบุกเข้ามาอีกสำหรับความสนิทสนมระหว่างจ้านเป่ยว่างและหวังชิงหลูในทุกวันนี้ นางไม่สนใจเลย ชายที่เปลี่ยนใจแล้ว นางไม่สนนางเคยบอกว่าจะไม่ติดอยู่กับการแย่งชิงฝ่ายใน และนางจะไม่มีวันใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองเกลียดที่สุดแล้วจ้านเป่ยว่างมีใจให้หวังชิงหลูจริงๆหรือ? นางไม่เชื่อ ไม่เชื่อแม้แต่น้อยเลยสายตาที่จ้านเป่ยว่างมองนาง ไม่มีแววบ่งบอกความรักเลยแม้แต่น้อย เขาถึงขนาดไม่ถนัดเรื่องเสแส้รงด้วย มันมองออกอย่างง่ายดาย มีแต่หวังชิงหลูที่โง่ขน
ซ่งซีซีรู้ว่านางได้รับความโปรดปรานมาก แต่รู้สึกว่าไม่ใช่เพียงเพราะความโปรดปรานเท่านั้นตระกูลเสิ่นเป็นตระกูลที่ใหญ่โตในเมืองเจียงหนาน เป็นพ่อค้าของจักรพรรดิ และยังมีธุรกิจอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่าไม่มีใครในแคว้นซางจะไม่รู้ตระกูลเสิ่นพวกเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดในแคว้นซาง แต่เป็นจุดโดดเด่นก็มักมีอันตรายอยู่รอบตัวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พวกเขาเลี้ยงม้าศึกและปลอมแปลงชุดเกราะและอาวุธให้กับทางราชสำนัก กระทรวงกลาโหมจับตาดูพวกเขาอยู่สายตาของฮ่องเต้อย่างน้อยมีครึ่งหนึ่งจับจ้องไปที่ตระกูลเสิ่นหัวหน้าตระกูลเสิ่นคนปัจจุบันคือท่านปู่ของเสิ่นว่านจือ แต่คนที่รับผิดชอบจริงๆ คือท่านพ่อของนาง ถึงยังไงท่านปู่ของนางแก่แล้ว และไม่สามารถดูแลอะไรได้มากมายขนาดนี้"แล้วการแต่งงานของเจ้าล่ะ? เคนคิดบ้างไหม?" ซ่งซีซีถามเสิ่นว่านจือพูดอย่างเกียจคร้าน "ไม่ได้คิด จะแต่งกับคนมีฐานะก็ไม่ได้แต่งกับคนมีฐานะต่ำกว่าก็ไม่ได้ คนที่พวกเขาแนะนำข้าไม่ชอบเลย ทำไมต้องแต่งงานด้วย อยู่คนเดียวจะไม่อิสระกว่าหรือ ข้าอยากไปไหนก็ไป อยากทำอะไรก็ทำ"ซ่งซีซีคิดว่านางเป็นคนประเภทนี้จริงๆ เป็นคนชอบอิสระ จะให้ขังนางอยู่ในจวนทำง
แต่ระหว่างทางกลับ มีไข่ตุ๋นสีดำมากมาย แต่ละคนก็ดำบี๊บี๋ ทุกครั้งมีเรื่องอะไรก็มาหาเขา ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาอยู่ตามลำพังกับซีซีมากเลยแม้แต่ตอนกลางคืนก็ไม่ได้ เพราะซีซีต้องอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันกับเสิ่นว่านจือ และเขาอยู่ในห้องเดียวกันกับจางต้าจ้วง เขาทนไม่ได้กับเสียงกวน เพราะจางต้าจ้วงเสียงการกรนของเขาดังมากเลย เขาจะเตะเตียงในกลางดึกของเขา แต่เขาแค่พลิกตัวแล้วนอนต่อไปเขารอคอยที่จะให้พวกคนนี้กลับเมืองหลวงโดยเร็วเมื่อหลุ่มคนมาถึงตงโจว รถม้าคันหนึ่งปรากฏขึ้นบนถนนหลวง รถม้าพลิกคว่ำกีดขวางถนนหลวงไปส่วนใหญ่ สามารถขี่ม้าผ่านไปได้ แต่รถม้าของจางเลี่ยเหวินไม่สามารถผ่านได้จางต้าจ้วงเดินไปข้างหน้าทันทีและเห็นคนสองคนกำลังช่วยยกรถม้าอยู่ ม้านอนอยู่ข้างๆ ราวกับเป็นลมไปมีผู้หญิงคนหนึ่งสวมหมวกม่านยืนอยู่ที่ส่วนข้างในสุดของถนนหลวง โดยมีสาวใช้คนหนึ่งยืนอยู่ข้างกายกำลังพัดให้นางรูปร่างหน้าตาของสตรีคนนั้นมองเห็นไม่ชัดเจนเนื่องจากนางสวมหมวกอยู่ เห็นแต่นางสวมกระโปรงสีแดงดอกทอ และเอวก็บางมาก นางน่าจะล้มลงจากม้า บนร่างกายเต็มไปด้วยโคลน มีสภาพน่าอเนจอนาถ แต่น่าสงสารมากกว่าจางต้าจ้วงก้าวไปข้างหน้าแ
กู้ชิงหลาน?ซ่งซีซีนึกถึงเยียนหลิวของเหลียงเส้า ซึ่งเป็นบุตรีอนุขององค์หญิงใหญ่เช่นกัน เยียนหลิวชื่อกู้ชิงหวู่นางเหลือบมองอย่างรวดเร็ว และพบว่าสาวใช้ของนางไม่ได้ให้ความเคารพแก่นางมากนัก แต่ดูเหมือนเป็นคนมีวรยุทธ์ส่วนองครักษ์และคนขับนั้น มักจะมองกวาดกู้ชิงหลานอยู่บ้าง อย่างน้อย มองจากภายนอกก็รู้สึกว่ากู้ชิงหลานโดนพวกเขาจับตาดูเอาไว้ซ่งซีซีมองไปที่กู้ชิงหลานอีกครั้ง นางดูประหม่าเล็กน้อย กำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้าง เหงื่อหยดจากหมวกม่านจากนั้นนางถึงนึกขึ้นเอาผ้าเช็ดหน้าไปปาดเหงื่อจากนั้น จู่ๆ เห็นร่างกายของนางแข็งทื่อราวกับว่านางกำลังเจ็บปวดอยู่ ซ่งซีซีถึงสังเกตเห็นว่ามือของสาวใช้ดูเหมือนกำลังทำอะไรอยู่ด้างหลังนางเนื่องจากหันหลังมห้ แน่นอนว่ามองไม่เห็นเลยซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือต่างก็สวมหมวกที่มีม่านทั้งคู่ ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกนางจากภายนอกได้ แต่พวกนางกลับมองเห็นด้านนอกจากด้านในได้ ดังนั้นเสิ่นว่านจือและซ่งซีซีดูเหมือนกำลังมองไปที่รถม้า แต่จริงๆ แล้วพวกนางมองดูกู้ชิงหลานและสาวใช้อยู่มองได้จากปฏิกิริยาบางอย่างระหว่างกู้ชิงหลานและสาวใช้ สาวใช้คงต้องการบีบบังคั
ขณะที่รถม้าออกเดินทาง ลมแรงและมีแดดจัด และความร้อนที่แผดจ้า สาวใช้คนนั้นกลับไม่รู้สึกไม่สบายแต่อย่างใดเลย ดูเหมือนนางจะมีความอดทนสูงโดยทั่วไปแล้ว สาวใช้ที่อยู่ข้างกายคุณหนู แค่คอยรับใช้อยู่ข้างกาย ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักใดๆ ดังนั้นจึงต้องอ่อนแอเป็นพิเศษแต่นางไม่ใช่เคล็ดลับนี้ดูถูกคนอื่นมากเกินไปหรือเปล่า?เจ้าสิบเอ็ดฝางถอนหายใจและหยุดมองอีกเลยพวกเขาคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอย่างอันตรายสุดๆ ดังนั้นจึงดูถูกเล่ห์เหลี่ยมเหล่านี้จริงๆในรถม้า กู้ชิงหลานถอดหมวกม่านของนางออก เผยให้เห็นใบหน้าที่คล้ายกับเยียนหลิวมาก มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม แต่ค่อนข้างเย็นชาเนื่องจากสาวใช้อยู่ข้างนอก นางจึงพูดเบาๆ ว่า "ท่านพระชายา โปรดช่วยท่านแม่ของข้าด้วย"ซ่งซีซีก็พูดเบาๆ ว่า "แต่เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่จุดประสงค์ที่พวกเจ้าหยุดพวกเราในครึ่งทาง""ไม่ใช่!" กู้ชิงหลานส่ายหัว ใบหน้าที่งดงามของนางเผยสีหน้าอับอาย "ท่านแม่ใหญ่ให้ข้ามาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเป่ยหมิงอ๋อง"นางนั่งยองๆ ลงครึ่งหนึ่ง เงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตา "ท่านพระชายาทรงเมตตาให้""เหตุใดข้าจึงต้องช่วยเจ้า" ซ่งซีซีมองนางพลางถาม เมื่อเห็นน้
ซ่งซีซีแกล้งทำเป็นปรึกษากับเซี่ยหลูโม่ พวกเขาพูดด้วยเสียงต่ำจนไม่มีใครได้ยิน ถึงแม้ว่าพวกสาวใช้และองครักษ์พยายามตั้งใจฟังก็ไม่ได้ฟัง ดูเหมือนใจร้อนมากหลังจากนั้นไม่นาน ก็เห็นเซี่ยหลูโม่พยักหน้า และซ่งซีซีพูดว่า "เอาล่ะ งั้นตามพวกเรากลับเมืองหลวงกัน"สาวใช้ถอนหายใจโล่งอกแล้วพูดว่า "ขอบคุณแม่นางเจ้าค่ะ แม่นางใจดีจริงๆ""เจ้าชื่ออะไร" ซ่งซีซีถามสาวใช้คารวะ "ข้าน้อยชื่อเซียงกุ้ย""แล้วเจ้าล่ะ?" ซ่งซีซีถามองครักษ์"ข้าชื่ออู๋ตง" น้ำเสียงขององครักษ์ดูแหบแห้ง เขามีรูปร่างที่แข็งแกร่งและดูซื่อสัตย์ แต่รูปร่างหน้าตามักจะไม่ตรงกับใจของเขาจากนั้นซ่งซีซีถามคำถามอีกสองสามข้อ แต่ไม่ได้อะไร เห็นได้ชัดว่า นางไม่ต้องการถามอะไรจากพวกเขาในกลางคืน หมอมหัศจรรย์ดันใช้ผงเล็กๆ ที่ไม่มีสีและไม่มีกลิ่นทำให้คนขับ องครักษ์อู๋ตง และสาวใช้เซียงกุ้ยให้สลบในห้องพัก กู้ชิงหลานคุกเข่าต่อหน้าซ่งซีซีและเซี่ยหลูโม่ ขณะที่เสิ่นว่านจือนั่งอยู่อีกด้าน และฟังดูเงียบๆกู้ชิงหลานเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเศร้าและวิตกกังวล "เดิมทีท่านแม่ใหญ่ต้องการให้ข้าอ่อยท่านอ๋อง เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของพวกท่าน ให้ท่านอ๋องและพระช
เสิ่นว่านจือและซ่งซีซีตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินคำพูดนี้ โยนทารกที่เพิ่งเกิดให้ตายทั้งอย่างนั้นหรือ? ต้องมีจิตใจที่ชั่วร้ายถึงขนาดไหนถึงจะทำเรื่องแบบนี้ได้กู้ชิงหลานยิ้มอย่างเศร้าหมอง "เรื่องแบบนี้ ภายในจวนองค์หญิงเรื่องโหดเหี้ยมเช่นนี้ไม่รู้มีมากแค่ไหนเลย เดิมทีข้ามีน้องชายคนหนึ่ง ตอนที่ท่านแม่ตั้งครรภ์อยู่ นางก็คิดว่าเด็กในท้องเป็นน้องชาย นางรู้ว่าท่านพ่อปกป้องนางไม่ได้ นางเลยอยากหนี เพราะนางรู้ว่าองค์หญิงไม่ยอมให้มีเด็กชายอยู่ หากเป็นทารกชายก็ต้องตายหมด แต่องค์หญิงส่งคนมาเฝ้าดูนาง หลังจากเข้าไปฝ่ายในจวนองค์หญิง งั้นก็อย่าคิดจะออกไปได้อีก นอกเหนือจากศพเท่านั้น""ท่านพ่อบอกว่าจะช่วยนางหลบหนี" กู้ชิงหลานปาดน้ำตา "ท่านแม่เชื่อใจนาง และรอให้เขาหาโอกาส เมื่อรอจนถึงนางใกล้จะคลอดแล้วก็พบโอกาสที่ดีในที่สุด งั้นก็คือท่านแม่ใหญ่ออกไปเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงและจะกลับมาดึกมาก""หนีไม่สำเร็จเหรอ?" เสิ่นว่านจือทั้งโกรธและประหม่ามาก"หลบหนีออกไปแล้วแต่โดนจับได้ระหว่างทาง ได้คลอดบนรถม้า สายสะดือยังไม่ได้ถูกตัดก็ถูกนำตัวกลับมาจวนองค์หญิง ท่านแม่และน้องชายของข้าโดนลากลงบนพื้นเช่นนั้น ลางกลับไปเรืองชุนเซ