ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น สมาชิกสตรีรวมตัวพูดคุยกัน ส่วนฮ่องเต้ก็พูดคุยกับสมาชิกบุรุษกันองค์หญิงหมิ่นชิงนั่งข้างซ่งซีซี แล้วพูดว่า "ตแนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่ ร่างกายของข้าไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปเข้าร่วมงานด้วยตนเอง แค่ส่งคนไปส่งของขวัญแทน พี่อยากให้เจ้ายกโทษให้พี่ด้วยนะ"ซ่งซีซีรู้ว่านิสัยขององค์หญิงคนนี้ ไม่ใช่ว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่น ยามนี้นางยังเรียกตนเองว่าพี่ ซ่งซีซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ทำไมท่านพี่ต้องพูดเช่นนั้นล่ะ ท่านพี่ได้ส่งของขวัญมาให้ ข้าต้องกล่าวขอบคุณถึงจะถูก ตอนนี้สุขภาพของท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ""ยังมีอาการไอ และมีไข้สูงอยู่สองสามวันแล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่นั้น ข้าลงจากเตียงไม่ได้เลยจริงๆ" องค์หญิงหมิ่นชิงไอออกมาอีกสองสามเสียงขณะที่นางพูด สาวใช้ก็รีบนำน้ำดำส้มมา นางจิบไปสองสามคำ อาการถึงดีขึ้นหน่อย แต่ใบหน้าของนางก็แดงก่ำจากการไอ"ท่านพี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ" ซ่งซีซีกล่าว"อืม" องค์หญิงหมิ่นชิงพยักหน้า "ซีซีมีน้ำใจจริงๆ"องค์หญิงฮุ่ยเจิงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน และนางก็หัวเราะเบาๆ ด้านข้าง "ท่านไม่รู้ว่าคืนนั้นน้องโม่ได้ห่วงใยมากแค่ไหน เขาไม่แม้แต่ให้
คำพูดของสนมฮุ่ยไทเฟยทำให้ทุกคนในงานต่างมองพระชายาอ๋องฮวยด้วยสายตารังเกียจพระชายาอ๋องฮวยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และละอายใจมาก นางมองไปยังซ่งซีซี โดยหวังว่าซ่งซีซีจะช่วยพูดให้นางสักหน่อย แต่ซ่งซีซีมีสีหน้าเย็นชา และไม่เห็นอารมณ์ใดๆ อยู่ในดวงตาของนาง นางได้แต่ยอมแพ้ แต่แอบแค้นอยู่ในใจ เป็นถึงท่านน้าของตนเองแท้ๆ ยังไม่ช่วย จะไม่ทำให้แม่ของนางผิดหวังหรือหลังจากพูดคุยกันสักพัก องค์หญิงใหญ่ถึงกลับมา หลังจากไหว้ให้ทุกคนเสร็จแล้วก็กลับนั่งลงอีกครั้งซ่งซีซียังไหว้ให้นางราวกับว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นองค์หญิงใหญ่แสร้งเก่งกว่านางตั้งเยอะ ยังเหลือบมองนางอย่างให้ความสนใจและอบอุ่นอีกด้วยฮองไทเฮาถามถึงไทเฟยหรง และองค์หญิงใหญ่ก็กล่าวว่า "เสด็จแม่รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่คืนนี้จะไม่มาฉลองปีใหม่กับทุกคน คืนนี้อากาศหนาว กลัวว่าเดี๋ยวโดนลมพัดจะเป็นหวัดเอาได้""อืม อีกเดี๋ยวข้าจะหาหมอหลวงดูแลนางให้เป็นพิเศษ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมาก" ฮองไทเฮากล่าว"ขอบพระทัยพี่สะใภ้" องค์หญิงใหญ่กล่าวใกล้ถึงเวลาเปิดงานแล้ว นางกำนัลมาเชิญพวกเขา ทุกคนทยอยลุกขึ้น และล้อมรอบฮองไทเฮาไปที่
ลูกชายของเขาได้รับแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในศักดินา ไม่ใช่ว่าเขาต้องการกลับไปยังเมืองหลวงเพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว เขาเองก็อยากมีลูกและหลานอยู่รอบตัวเขาด้วยเพียงแต่ว่าเมื่อผู้คนแก่ตัวลง พวกเขามักจะกลับบ้านเกิดของตนเอง ในเวลาเดียวกันก็แสดงให้ฮ่องเต้ดูว่ามีคนแก่อยู่ในเมืองหลวง ลูกหลานของเขาจะคิดอะไรไม่ซื่อสัตย์แน่ๆเขาไม่กังวลบลูกหลานของตนเอง แต่มีบางสถานการณ์เนี่ย เขาที่เป็นผู้เฒ่ามองออกแล้ว แค่กลัวว่าคนบางคนมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ และจะไปซื้อเจ้าเมืองและจวิ้นอ๋องเป็นพวก ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนที่จะกลับเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณของเขาคืนนี้เขาลากเซี่ยหลูโม่ออกไป จงใจอาศัยมีอาการเมาและพูดคำพูดพล่อยๆ ออกไป จะว่าเป็นคำเตือนก็ได้ หรือเป็นบอกใบ้ก็ได้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถทำได้นั้นก็มีเพียงเท่านี้สุดท้าย เขาก็ตบไหล่เซี่ยหลูโม่ แล้วพูดว่า "ภรรยาของเจ้าน่ะ ข้าดูแล้วค่อนข้างชอบ หาเวลาว่างๆ พานางมากราบไหว้ข้าสักหน่อย"เซี่ยหลูโม่ยิ้มและพูดว่า "ขอรับ จะพาไปเยี่ยมแน่นอน""เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว!" ท่านอ๋องฮุยลูบเคราพลางหัวเราะ จากนั้นก็เดินจา
หลังจากสนุกสนานกันทั้งคืน เมื่อเฝ้าเวลาจนถึงยามจืน ทุกคนก็กลับห้องพักของตนเองไปแล้วรุ่ยเอ๋อร์ง่วงนอนตั้งนานแล้ว แต่เพียงพยายามที่จะฝืนเอาไว้ กุ้นเอ๋อร์อุ้มเขากลับไปห้องนอนเซี่ยหลูโม่อุ้มซ่งซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา ผ้าห่มนั้นอบอุ่น และเขาแค่หวังว่าทำให้หัวใจของนางอบอุ่นขึ้นเช่นกันเดิมทีเขาคิดว่านางจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย นางนอนเงียบๆ ในอ้อมแขนของเขา หายใจปกติ โดยไม่รู้ว่านางหลับไปจริงๆ หรือเปล่าแน่นอนว่าซ่งซีซีไม่ได้หลับไป นางนอนไม่หลับและไม่อยากขยับหรือพูดอะไรเรื่องบางเรื่องต้องผ่านให้ได้ ผ่านด้วยความอดทนและเข้มแข็ง เวลาจะนำพาฝุ่นมาและปิดผนึกความเจ็บปวดทั้งหมดนี่เป็นวิธีที่นางแก้ปัญหาแต่สิ่งที่ดีกว่าเมื่อก่อนคือตอนนี้นางมีคนที่รักและปกป้องนางอย่างแท้จริงเซี่ยหลูโม่รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่เขารู้สึกห่วงใยนางมากกว่าเวลานางนางมีความสุขนางจะยิ้มให้เขา แต่เมื่อนางเสียใจนั้น นางจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าเขานางมักจะซ่อนด้านมืดและความเศร้าของตนเองเอาไว้เสมอ และมอบความสงบและรอยยิ้มให้เขาเสมอซีซีไม่เคยบอกว่านางชอบใจเขา มีอยู่แค่ครั้งเดียวที่พูดกับรุ่ยเอ๋อร์ แต่
ซ่งซีซีตอบกลับอืม "ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคิดแบบนี้ข้าพอจะเข้าใจได้ แต่ตระกูลเสิ่นของเจ้าเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงหนาน สืบทอดมาตั้งหนึ่งศตวรรษมไม่เคยตกอับด้วยซ้ำ แค่เป็นเพราะเรื่องของท่านอาของเจ้า ส่งผลทำให้พวกนางหาคู่ครองได้ยากหน่อย แต่พวกเจ้าก็เป็นคนชั้นสูงอยู่แล้ว ทำไมต้องไปหาคู่เป็นคนใหญ่คนโตด้วยล่ะ แต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า ก็สามารถกุมอำนาจในครอบครัวฝ่ายชายได้ ชีวิตแบบนี้จะไม่สบายกว่าหรือ""ดังนั้นข้าด่าว่านางโง่ไง" เสิ่นว่านจือใส่ต่างหูไข่มุกตงจูให้นาง "อ๋องเยี่ยนมุ่งเป้าไปที่ตระกูลเสิ่น มันผิดปกติหรอก เขาออกจากเมืองหลวงตั้งแต่เช้านี้ ไม่รู้ว่าเขาจะจัดงานศพของท่านป้าของเจ้ายังไง""ส่งคนไปจับตาดูหรือยัง" ซ่งซีซีถาม"จับตาดูอยู่" เสิ่นว่านจือบีบแก้มของนาง "ยิ้มให้หน่อย หลายวันมานี้เจ้าก็ไม่ค่อยยิ้มเลย หากข้ามีลูกหลาน หลังจากข้าจากไป ข้าจะหวังว่าลูกหลานของข้าจะยิ้มทุกวัน"ซ่งซีซีตบมือนาง "เจ้าไม่แม้แต่มีสามีด้วยซ้ำ แล้วจะมีลูกหลานได้อย่างไร""คางคกสามขามันหายาก แต่ผู้ชายเนี่ยนะหาง่ายจะตาย" แม้ว่าเสิ่นว่านจือพูดแบบนี้ แต่ความเป็นจริงนางก็หมดอารมณ์นางไม่มีความปรารถนาที่จะแต่งง
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเห็นน้ำชาอุ่นๆ และข้าวต้มร้อนๆ จากจวนอ๋อง นางจึงกินข้าวต้มเนื้อสับไปสองชามใหญ่แล้วยังถามว่าขออีกชามได้ไหมซ่งซีซีวางตัวเงินหนึ่งหมื่นตำลึงและข้าวต้มลงบนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังก็เบิกตากว้าง และเงยหน้าขึ้นมองซ่งซีซี นางประหลาดใจมากจนมือและริมฝีปากของตนเองต่างก็สั่นเทานางเหนื่อยหน่ายมาสองวัน และหาเงินได้เพียงเจ็ดร้อยตำลึงเท่านั้นในขณะที่นางตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดอะไรได้นั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดจากด้านข้างว่า "คนใช้ หยิบกล่องที่บรรจุตัวเงินของข้ามา และมอบตัวเงินสองหมื่นตำลึงให้ฮูหยินผู้เฒ่า"สิ่งที่ลูกสะใภ้ต้องการทำ นางจะให้ความสนับสนุนอยู่แล้ว แท้ยังต้องสนับสนุนเป็นสองเท่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นและแทบจะน้ำตาไหล"อย่าตื่นเต้นไปเลย อย่าตื่นเต้นนะ ฮูหยินผู้เฒ่ากรุณานั่งลง" ซ่งซีซีกลัวว่าถ้านางลิงโลดเกินไป เดี๋ยวจะทำเอาเลือดขึ้นสมอง งั้นเรื่องทำเพื่อความหวังดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายเข้าหลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาหนึ่งในนั้นควบคุมตนเองไม่ได้และพูดด้วยดวงตาแดงๆ ว่า "วันนี้เราไปถึ
จะว่าไป ไม่ได้สนใจเรื่องทางฝั่งจวนแม่ทัพมานานแล้วจริงๆตอนนี้ฮูหยินสองคนของจ้านเป่ยว่างต้องสามารถดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอย่างดีมากสนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวว่า "ใช่ หลังจากทะเลาะกับคนอื่นแล้ว มักจะพูดอะไรไม่ใช้สมอง ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ล้วนจะด่าไปหมด อีกอย่างพูดคำหยาบคายที่รุนแรงที่สุดเสมอ"เวลาที่สนมฮุ่ยไทเฟยพูดนั้น นางก็หดคอกลับ เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกร้อนตัวอยู่บ้างเสิ่นว่านจือถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจสินะ"สนมฮุ่ยไทเฟยยิ้มเบาๆ "คราวก่อนที่ข้าทะเลาะกับพระสนมเด๋อกุ้ยเฟย ข้าพ่ายแพ้ พอฝ่าบาทมาก็มาปลอบใจข้า แต่ข้าก็ด่าเขาไปด้วย เกิดเป็นเรื่องใหญ่เข้า โชคดีที่ท่านพี่มาช่วย ไม่งั้นข้าคงถูกส่งตัวไปขังที่วังเย็นแล้ว"ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมองหน้ากันและยิ้ม แม่สามีของนางคนนี้เนี่ย บางครั้งพูดจาไม่ดูสถานการณ์จริงๆแต่ไทเฮาก็ตามใจและเอ็นดูนางมากทีเดียว บัดนี้กลายเป็นแม่สามีคนแล้ว ถึงยอมกล่าวหาว่านางสักหน่อย แต่ช่วงปีใหม่ได้พักที่วังเป็นเวลาหลายวัน ก็คงสอนนางให้รู้ว่าการเป็นแม่สามีคนควรทำอะไรบ้างกล่าวโดยสรุปว่าหลังจากกลับมาจากวัง เสด็จแม่ก็ปฏิบัติต่อนางได้ดีขึ้
อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีคนบางคนพูดว่าซ่งซีซีเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ตัวตนเดิมเป็นถึงบุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงด้วย มีทรัพย์สินของครอบครัวเยอะ มีเงินทองนับไม่ถ้วน แค่บริจาคเงินนับหมื่นตำลึงมันไม่เห็นจะมีอะไรเลยในทางกลับกัน ทางจวนแม่ทัพยากจน และฮูหยินผู้เฒ่าป่วยมานาน ที่จวนไม่สามารถหาเงินมาบริจาคก็พอเข้าใจได้แต่ความคิดเห็นดังกล่าวนี้ก็ถูกโต้เถียงกลับทันที"เจ้ามีความเข้าใจผิดกับคำว่ายากจนหรือเปล่า ตอนนั้นที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง ได้ยินว่าค่าหมั้นก็หมื่นสองหมื่นตำลึงแล้ว ไหนจะหวังฮูหยินคนนั้นที่แต่งเข้าไป สินเดิมมีมากเท่าไรเจ้าไม่เห็นหรือไง""ว่าเขายากจน เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาออกให้นั้นก็มากพอที่เจ้าใช้ชีวิตได้เป็นปีแล้ว""ถึงจะยากจน ไม่บริจาคก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องด่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังเป็นขอทานล่ะ ปีนี้นางอายุเกินเก้าสิบปีแล้ว นางไปขอบริจาคในท่ามกลางอากาศหนาวจัดไปเพื่อผู้ใด เพื่อผู้ประสบภัยนี่น่ะ ทำไมนางต้องโดนด่าว่าเป็นขอทานล่ะ""อีกอย่าง ที่จวนเป่ยหมิงอ๋องมีเงินก็จริง เจ้ามีเงินไหม เงินสิบตำลึงมีอยู่ใช่ไหม จะให้เจ้าบริจาควักหนึ่งตำลึงเจ้ายินยอมไหมล่ะ ไม่ยินยอมใ