Share

บทที่ 403

Penulis: ปาเย่วเซิ่งเซี่ย
ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น สมาชิกสตรีรวมตัวพูดคุยกัน ส่วนฮ่องเต้ก็พูดคุยกับสมาชิกบุรุษกัน

องค์หญิงหมิ่นชิงนั่งข้างซ่งซีซี แล้วพูดว่า "ตแนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่ ร่างกายของข้าไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้ไปเข้าร่วมงานด้วยตนเอง แค่ส่งคนไปส่งของขวัญแทน พี่อยากให้เจ้ายกโทษให้พี่ด้วยนะ"

ซ่งซีซีรู้ว่านิสัยขององค์หญิงคนนี้ ไม่ใช่ว่าคนที่ชอบดูถูกคนอื่น ยามนี้นางยังเรียกตนเองว่าพี่ ซ่งซีซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ทำไมท่านพี่ต้องพูดเช่นนั้นล่ะ ท่านพี่ได้ส่งของขวัญมาให้ ข้าต้องกล่าวขอบคุณถึงจะถูก ตอนนี้สุขภาพของท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ"

"ยังมีอาการไอ และมีไข้สูงอยู่สองสามวันแล้ว ตอนที่เจ้าแต่งงานกับน้องโม่นั้น ข้าลงจากเตียงไม่ได้เลยจริงๆ" องค์หญิงหมิ่นชิงไอออกมาอีกสองสามเสียงขณะที่นางพูด สาวใช้ก็รีบนำน้ำดำส้มมา นางจิบไปสองสามคำ อาการถึงดีขึ้นหน่อย แต่ใบหน้าของนางก็แดงก่ำจากการไอ

"ท่านพี่ต้องดูแลตัวเองด้วยนะ" ซ่งซีซีกล่าว

"อืม" องค์หญิงหมิ่นชิงพยักหน้า "ซีซีมีน้ำใจจริงๆ"

องค์หญิงฮุ่ยเจิงได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน และนางก็หัวเราะเบาๆ ด้านข้าง "ท่านไม่รู้ว่าคืนนั้นน้องโม่ได้ห่วงใยมากแค่ไหน เขาไม่แม้แต่ให้
Bab Terkunci
Lanjutkan Membaca di GoodNovel
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 404

    คำพูดของสนมฮุ่ยไทเฟยทำให้ทุกคนในงานต่างมองพระชายาอ๋องฮวยด้วยสายตารังเกียจพระชายาอ๋องฮวยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และละอายใจมาก นางมองไปยังซ่งซีซี โดยหวังว่าซ่งซีซีจะช่วยพูดให้นางสักหน่อย แต่ซ่งซีซีมีสีหน้าเย็นชา และไม่เห็นอารมณ์ใดๆ อยู่ในดวงตาของนาง นางได้แต่ยอมแพ้ แต่แอบแค้นอยู่ในใจ เป็นถึงท่านน้าของตนเองแท้ๆ ยังไม่ช่วย จะไม่ทำให้แม่ของนางผิดหวังหรือหลังจากพูดคุยกันสักพัก องค์หญิงใหญ่ถึงกลับมา หลังจากไหว้ให้ทุกคนเสร็จแล้วก็กลับนั่งลงอีกครั้งซ่งซีซียังไหว้ให้นางราวกับว่าทั้งสองคนนี้ไม่เคยมีเรื่องอะไรมาก่อนอย่างไรอย่างนั้นองค์หญิงใหญ่แสร้งเก่งกว่านางตั้งเยอะ ยังเหลือบมองนางอย่างให้ความสนใจและอบอุ่นอีกด้วยฮองไทเฮาถามถึงไทเฟยหรง และองค์หญิงใหญ่ก็กล่าวว่า "เสด็จแม่รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว แต่คืนนี้จะไม่มาฉลองปีใหม่กับทุกคน คืนนี้อากาศหนาว กลัวว่าเดี๋ยวโดนลมพัดจะเป็นหวัดเอาได้""อืม อีกเดี๋ยวข้าจะหาหมอหลวงดูแลนางให้เป็นพิเศษ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงมาก" ฮองไทเฮากล่าว"ขอบพระทัยพี่สะใภ้" องค์หญิงใหญ่กล่าวใกล้ถึงเวลาเปิดงานแล้ว นางกำนัลมาเชิญพวกเขา ทุกคนทยอยลุกขึ้น และล้อมรอบฮองไทเฮาไปที่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 405

    ลูกชายของเขาได้รับแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋อง และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในศักดินา ไม่ใช่ว่าเขาต้องการกลับไปยังเมืองหลวงเพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว เขาเองก็อยากมีลูกและหลานอยู่รอบตัวเขาด้วยเพียงแต่ว่าเมื่อผู้คนแก่ตัวลง พวกเขามักจะกลับบ้านเกิดของตนเอง ในเวลาเดียวกันก็แสดงให้ฮ่องเต้ดูว่ามีคนแก่อยู่ในเมืองหลวง ลูกหลานของเขาจะคิดอะไรไม่ซื่อสัตย์แน่ๆเขาไม่กังวลบลูกหลานของตนเอง แต่มีบางสถานการณ์เนี่ย เขาที่เป็นผู้เฒ่ามองออกแล้ว แค่กลัวว่าคนบางคนมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่ และจะไปซื้อเจ้าเมืองและจวิ้นอ๋องเป็นพวก ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนที่จะกลับเมืองหลวงเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณของเขาคืนนี้เขาลากเซี่ยหลูโม่ออกไป จงใจอาศัยมีอาการเมาและพูดคำพูดพล่อยๆ ออกไป จะว่าเป็นคำเตือนก็ได้ หรือเป็นบอกใบ้ก็ได้ สุดท้ายแล้วสิ่งที่คนแก่อย่างเขาสามารถทำได้นั้นก็มีเพียงเท่านี้สุดท้าย เขาก็ตบไหล่เซี่ยหลูโม่ แล้วพูดว่า "ภรรยาของเจ้าน่ะ ข้าดูแล้วค่อนข้างชอบ หาเวลาว่างๆ พานางมากราบไหว้ข้าสักหน่อย"เซี่ยหลูโม่ยิ้มและพูดว่า "ขอรับ จะพาไปเยี่ยมแน่นอน""เอาล่ะ ข้าจะกลับแล้ว!" ท่านอ๋องฮุยลูบเคราพลางหัวเราะ จากนั้นก็เดินจา

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 406

    หลังจากสนุกสนานกันทั้งคืน เมื่อเฝ้าเวลาจนถึงยามจืน ทุกคนก็กลับห้องพักของตนเองไปแล้วรุ่ยเอ๋อร์ง่วงนอนตั้งนานแล้ว แต่เพียงพยายามที่จะฝืนเอาไว้ กุ้นเอ๋อร์อุ้มเขากลับไปห้องนอนเซี่ยหลูโม่อุ้มซ่งซีซีไว้ในอ้อมแขนของเขา ผ้าห่มนั้นอบอุ่น และเขาแค่หวังว่าทำให้หัวใจของนางอบอุ่นขึ้นเช่นกันเดิมทีเขาคิดว่านางจะพูดอะไรสักอย่าง แต่นางไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย นางนอนเงียบๆ ในอ้อมแขนของเขา หายใจปกติ โดยไม่รู้ว่านางหลับไปจริงๆ หรือเปล่าแน่นอนว่าซ่งซีซีไม่ได้หลับไป นางนอนไม่หลับและไม่อยากขยับหรือพูดอะไรเรื่องบางเรื่องต้องผ่านให้ได้ ผ่านด้วยความอดทนและเข้มแข็ง เวลาจะนำพาฝุ่นมาและปิดผนึกความเจ็บปวดทั้งหมดนี่เป็นวิธีที่นางแก้ปัญหาแต่สิ่งที่ดีกว่าเมื่อก่อนคือตอนนี้นางมีคนที่รักและปกป้องนางอย่างแท้จริงเซี่ยหลูโม่รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่เขารู้สึกห่วงใยนางมากกว่าเวลานางนางมีความสุขนางจะยิ้มให้เขา แต่เมื่อนางเสียใจนั้น นางจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าเขานางมักจะซ่อนด้านมืดและความเศร้าของตนเองเอาไว้เสมอ และมอบความสงบและรอยยิ้มให้เขาเสมอซีซีไม่เคยบอกว่านางชอบใจเขา มีอยู่แค่ครั้งเดียวที่พูดกับรุ่ยเอ๋อร์ แต่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 407

    ซ่งซีซีตอบกลับอืม "ถ้าเป็นผู้หญิงธรรมดาคิดแบบนี้ข้าพอจะเข้าใจได้ แต่ตระกูลเสิ่นของเจ้าเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองเจียงหนาน สืบทอดมาตั้งหนึ่งศตวรรษมไม่เคยตกอับด้วยซ้ำ แค่เป็นเพราะเรื่องของท่านอาของเจ้า ส่งผลทำให้พวกนางหาคู่ครองได้ยากหน่อย แต่พวกเจ้าก็เป็นคนชั้นสูงอยู่แล้ว ทำไมต้องไปหาคู่เป็นคนใหญ่คนโตด้วยล่ะ แต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำกว่า ก็สามารถกุมอำนาจในครอบครัวฝ่ายชายได้ ชีวิตแบบนี้จะไม่สบายกว่าหรือ""ดังนั้นข้าด่าว่านางโง่ไง" เสิ่นว่านจือใส่ต่างหูไข่มุกตงจูให้นาง "อ๋องเยี่ยนมุ่งเป้าไปที่ตระกูลเสิ่น มันผิดปกติหรอก เขาออกจากเมืองหลวงตั้งแต่เช้านี้ ไม่รู้ว่าเขาจะจัดงานศพของท่านป้าของเจ้ายังไง""ส่งคนไปจับตาดูหรือยัง" ซ่งซีซีถาม"จับตาดูอยู่" เสิ่นว่านจือบีบแก้มของนาง "ยิ้มให้หน่อย หลายวันมานี้เจ้าก็ไม่ค่อยยิ้มเลย หากข้ามีลูกหลาน หลังจากข้าจากไป ข้าจะหวังว่าลูกหลานของข้าจะยิ้มทุกวัน"ซ่งซีซีตบมือนาง "เจ้าไม่แม้แต่มีสามีด้วยซ้ำ แล้วจะมีลูกหลานได้อย่างไร""คางคกสามขามันหายาก แต่ผู้ชายเนี่ยนะหาง่ายจะตาย" แม้ว่าเสิ่นว่านจือพูดแบบนี้ แต่ความเป็นจริงนางก็หมดอารมณ์นางไม่มีความปรารถนาที่จะแต่งง

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 408

    ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเห็นน้ำชาอุ่นๆ และข้าวต้มร้อนๆ จากจวนอ๋อง นางจึงกินข้าวต้มเนื้อสับไปสองชามใหญ่แล้วยังถามว่าขออีกชามได้ไหมซ่งซีซีวางตัวเงินหนึ่งหมื่นตำลึงและข้าวต้มลงบนโต๊ะ ฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังก็เบิกตากว้าง และเงยหน้าขึ้นมองซ่งซีซี นางประหลาดใจมากจนมือและริมฝีปากของตนเองต่างก็สั่นเทานางเหนื่อยหน่ายมาสองวัน และหาเงินได้เพียงเจ็ดร้อยตำลึงเท่านั้นในขณะที่นางตื่นเต้นเกินกว่าจะพูดอะไรได้นั้น สนมฮุ่ยไทเฟยก็พูดจากด้านข้างว่า "คนใช้ หยิบกล่องที่บรรจุตัวเงินของข้ามา และมอบตัวเงินสองหมื่นตำลึงให้ฮูหยินผู้เฒ่า"สิ่งที่ลูกสะใภ้ต้องการทำ นางจะให้ความสนับสนุนอยู่แล้ว แท้ยังต้องสนับสนุนเป็นสองเท่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังลุกขึ้นยืนทันทีด้วยความตื่นเต้นและแทบจะน้ำตาไหล"อย่าตื่นเต้นไปเลย อย่าตื่นเต้นนะ ฮูหยินผู้เฒ่ากรุณานั่งลง" ซ่งซีซีกลัวว่าถ้านางลิงโลดเกินไป เดี๋ยวจะทำเอาเลือดขึ้นสมอง งั้นเรื่องทำเพื่อความหวังดีจะกลายเป็นเรื่องร้ายเข้าหลานสะใภ้ของฮูหยินผู้เฒ่าหลายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาหนึ่งในนั้นควบคุมตนเองไม่ได้และพูดด้วยดวงตาแดงๆ ว่า "วันนี้เราไปถึ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 409

    จะว่าไป ไม่ได้สนใจเรื่องทางฝั่งจวนแม่ทัพมานานแล้วจริงๆตอนนี้ฮูหยินสองคนของจ้านเป่ยว่างต้องสามารถดูแลฮูหยินผู้เฒ่าเป็นอย่างดีมากสนมฮุ่ยไทเฟยกล่าวว่า "ใช่ หลังจากทะเลาะกับคนอื่นแล้ว มักจะพูดอะไรไม่ใช้สมอง ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ล้วนจะด่าไปหมด อีกอย่างพูดคำหยาบคายที่รุนแรงที่สุดเสมอ"เวลาที่สนมฮุ่ยไทเฟยพูดนั้น นางก็หดคอกลับ เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกร้อนตัวอยู่บ้างเสิ่นว่านจือถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจสินะ"สนมฮุ่ยไทเฟยยิ้มเบาๆ "คราวก่อนที่ข้าทะเลาะกับพระสนมเด๋อกุ้ยเฟย ข้าพ่ายแพ้ พอฝ่าบาทมาก็มาปลอบใจข้า แต่ข้าก็ด่าเขาไปด้วย เกิดเป็นเรื่องใหญ่เข้า โชคดีที่ท่านพี่มาช่วย ไม่งั้นข้าคงถูกส่งตัวไปขังที่วังเย็นแล้ว"ซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือมองหน้ากันและยิ้ม แม่สามีของนางคนนี้เนี่ย บางครั้งพูดจาไม่ดูสถานการณ์จริงๆแต่ไทเฮาก็ตามใจและเอ็นดูนางมากทีเดียว บัดนี้กลายเป็นแม่สามีคนแล้ว ถึงยอมกล่าวหาว่านางสักหน่อย แต่ช่วงปีใหม่ได้พักที่วังเป็นเวลาหลายวัน ก็คงสอนนางให้รู้ว่าการเป็นแม่สามีคนควรทำอะไรบ้างกล่าวโดยสรุปว่าหลังจากกลับมาจากวัง เสด็จแม่ก็ปฏิบัติต่อนางได้ดีขึ้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 410

    อย่างไรก็ตาม แต่ก็มีคนบางคนพูดว่าซ่งซีซีเป็นพระชายาเป่ยหมิงอ๋อง ตัวตนเดิมเป็นถึงบุตรีของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดีกั๋วกงด้วย มีทรัพย์สินของครอบครัวเยอะ มีเงินทองนับไม่ถ้วน แค่บริจาคเงินนับหมื่นตำลึงมันไม่เห็นจะมีอะไรเลยในทางกลับกัน ทางจวนแม่ทัพยากจน และฮูหยินผู้เฒ่าป่วยมานาน ที่จวนไม่สามารถหาเงินมาบริจาคก็พอเข้าใจได้แต่ความคิดเห็นดังกล่าวนี้ก็ถูกโต้เถียงกลับทันที"เจ้ามีความเข้าใจผิดกับคำว่ายากจนหรือเปล่า ตอนนั้นที่จ้านเป่ยว่างแต่งงานกับยี่ฝาง ได้ยินว่าค่าหมั้นก็หมื่นสองหมื่นตำลึงแล้ว ไหนจะหวังฮูหยินคนนั้นที่แต่งเข้าไป สินเดิมมีมากเท่าไรเจ้าไม่เห็นหรือไง""ว่าเขายากจน เงินเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาออกให้นั้นก็มากพอที่เจ้าใช้ชีวิตได้เป็นปีแล้ว""ถึงจะยากจน ไม่บริจาคก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องด่าฮูหยินผู้เฒ่าโหวเจี้ยนคังเป็นขอทานล่ะ ปีนี้นางอายุเกินเก้าสิบปีแล้ว นางไปขอบริจาคในท่ามกลางอากาศหนาวจัดไปเพื่อผู้ใด เพื่อผู้ประสบภัยนี่น่ะ ทำไมนางต้องโดนด่าว่าเป็นขอทานล่ะ""อีกอย่าง ที่จวนเป่ยหมิงอ๋องมีเงินก็จริง เจ้ามีเงินไหม เงินสิบตำลึงมีอยู่ใช่ไหม จะให้เจ้าบริจาควักหนึ่งตำลึงเจ้ายินยอมไหมล่ะ ไม่ยินยอมใ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 411

    ซ่งซีซีหัวเราะแต่ก็ต้องถามให้ชัดเจนกว่านี้ เลยให้เสิ่นว่านจือจับนางกลับมา แล้วผลักนางนั่งลงบนเก้าอี้"เจ้าเคยเจอเขามาเหรอ?"ดวงตาของเซียนหนิงเป็นประกาย "อืม ตอนที่เขาเข้าวังไปคารวะให้หวงโฮ่ว ข้าได้เห็นแล้ว""เจ้าชอบอะไรในตัวเขา" ซ่งซีซีถาม"ไม่รู้สิ แค่มองก็ชอบแล้ว"ซ่งซีซีไม่รู้ว่าฉีลิ่วมีหน้าตาเป็นอย่างไร ชอบแบบนี้ก็เรียกได้ว่าชอบตั้งแต่แรกพบ มันมักจะเพราะรูปร่างหน้าตา"อืม งั้นให้พี่ส่งคนไปถามให้ไหม?""เรื่องนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้ ต้องขึ้นอยู่กับเสด็จแม่และพี่สะใภ้นะ" เซียนหนิงอดไม่ได้ที่ยกยิ้มขึ้นมา "แต่ก็ได้นะ ลองถามดูก็ได้"ที่จริงแล้ว เรื่องแต่งงานขององค์หญิง ไม่จำเป็นต้องถามก็ได้ หากนางชอบใจผู้ใด ก็แค่ไปขอพระราชโองการเท่านั้นอย่างไรก็ตาม ซ่งซีซียังคงต้องการทราบความคิดเห็นของฉีลิ่ว หากถูกบังคับให้แต่งงานเพียงเพราะความกดดันจากราชวงศ์ งั้นแต่งงานไปก็คงใช้ชีวิจอย่างไม่มีความสุขอยู่ดีนางรู้ความตั้งใจของหวงโฮ่ว ลูกหลานของตระกูลฉีต่างโดดเด่น หากให้เลือกคนจากบรรดาพวกเขาเพื่อแต่งงานกับองค์หญิง งั้นฉีลิ่ว ลูกชายจากบ้านที่สามที่ถือว่าไม่เอาไหนก็เหมาะสมที่สุด จะไม่ทำให้บุรุษอื่

Bab terbaru

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1510

    ในสถานการณ์เช่นนี้ ปกติแล้วทุกคนมักจะไม่มีความอยากอาหารมากนัก อาหารแต่ละจานมักจะถูกชิมเพียงคำเดียวก่อนจะให้คนยกออกไปแต่สำหรับคนของเป่ยถัง พวกเขาดูเหมือนให้ความเคารพต่ออาหารอย่างแท้จริง ไม่ว่าอาหารจะเป็นอะไร พวกเขากินจนหมดสิ้น ไม่มีการเหลือทิ้ง แม้แต่จอกสุราที่รินเต็ม ก็หมดลงในพริบตา ข้ารับใช้ที่ดูแลพวกเขาคงจะเหนื่อยไม่น้อยเสิ่นว่านจือนึกถึงมื้ออาหารที่หอชุนหม่าน วันนั้นพวกเขาก็กินจนเกลี้ยงจาน ไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลืออยู่นางอยากพูดอะไรกับซ่งซีซี แต่ในห้องโถงแห่งนี้นอกจากเสียงเคี้ยวอาหารแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกเลย นางจึงพูดออกไปไม่ได้ทว่า เพียงสบตากันหนึ่งครั้ง พวกนางก็เข้าใจความคิดของกันและกันเสิ่นว่านจืออยากจะบอกว่า การที่คนของเป่ยถังปรากฏตัวในที่นี้ อาจเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกซ่งซีซีเองก็คิดเช่นนั้นแต่ยังไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามาเพื่อเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หรือมาเพื่อช่วยฝ่ายซีจิง หากเป็นอย่างแรก การเจรจาก็คงสำเร็จลุล่วงได้โดยง่าย และอาจลงนามข้อตกลงกันได้ในเวลาไม่นานแต่หากเป็นอย่างหลัง นั่นหมายความว่านี่จะกลายเป็นศึกยืดเยื้อ เพราะหากเป่ยถังหนุนหลังซีจิงอยู่ แคว้นซางก็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1509

    งานเลี้ยงในวังในวันรุ่งขึ้นเริ่มขึ้นในเวลาบ่ายสามโมง โดยซูลันจีเป็นผู้มารับพวกเขาเข้าไปในวังด้วยตนเองเช่นเคยดังที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พิธีราชาภิเษกได้จัดขึ้นไปนานแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อการเจรจาที่แนวชายแดนเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อพวกเขาเข้าสู่วัง ก็ไม่ได้พบเห็นทูตจากอาณาจักรอื่นๆภายในท้องพระโรงเต็มไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์และเหล่าขุนนางฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋น แม้พวกเขาจะไม่ได้แสดงความเป็นปฏิปักษ์ต่อคณะทูตจากแคว้นซาง แต่ท่าทีของพวกเขาก็ไม่ได้เป็นมิตรนักทว่า ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีล่ามแปลภาษา ดังนั้นการสนทนาของทุกฝ่ายจึงไม่ได้มากไปกว่าการทักทายทั่วไปพวกเขานึกว่าคงไม่มีทูตจากอาณาจักรอื่นแล้ว ทว่าในขณะเข้าที่ประทับ จักรพรรดิ์​หยวนซินก็ตรัสกับคณะทูตจากแคว้นซางว่า “วันนี้ยังมีแขกผู้ทรงเกียรติจากเป่ยถัง พวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว เราเชื่อว่าเจ้าทั้งหลายจะเข้ากันได้ดี”หลี่เต๋อฮวยถึงกับตื่นเต้นขึ้นมาทันที “แขกจากเป่ยถังหรือ? ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด?”เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา เพราะอาวุธอย่างปืนหกตาของเหรินหยางอวิ๋น รวมถึงปืนตาหกนัดและเกวียนระเบิดล้วนเป็นอาวุธที่ดัดแปลงมาจากต้นแบบของเ

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1508

    จักรพรรดิ์​หยวนซินกล่าวต่อ “น่าขันนัก ในอดีตเราคือองค์หญิงใหญ่ จึงสามารถประกาศเรียกร้องให้สตรีเข้าสู่วงราชการได้ แต่บัดนี้เราคือฮ่องเต้ กลับต้องค่อยเป็นค่อยไป เพื่อถ่วงดุลอำนาจทุกฝ่าย ลดความเป็นปรปักษ์และความหวาดระแวงที่มีต่อเรา อีกทั้งภาระที่เราต้องพิจารณาก็มีมากขึ้น บางคราใจร้อนจนอยากจะตัดศีรษะพวกที่ต่อต้านให้หมดสิ้น”ซ่งซีซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ที่จริงแล้ว ไม่ว่าผู้เป็นฮ่องเต้หรือขุนนาง ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี เป้าหมายของฝ่าบาทล้วนเหมือนกัน ท้ายที่สุดก็เพื่อความสงบสุขมั่นคงของแผ่นดิน เพื่อให้ประชาราษฎร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี เมื่อแผ่นดินรุ่งเรือง ปราศจากศึกสงคราม เมื่อนั้นฝ่าบาทจะทรงปฏิรูปเช่นไร ก็มิใช่เรื่องยากเกินไปนัก ส่วนตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือฝ่าบาทต้องทรงมั่นคงเสียก่อน”คำพูดนั้นคลุมเครือ ทว่าจักรพรรดิ์​หยวนซินเข้าใจความหมายของนาง บัดนี้แผ่นดินยังคงวุ่นวาย มีกลุ่มอำนาจมากมายขวางกั้น แค่รักษาความมั่นคงของราชสำนักก็ยากเย็นยิ่งแล้วหากนางปฏิรูปอย่างหุนหัน องค์จักรพรรดิ์เองก็คงไม่อาจประคองราชบัลลังก์ให้มั่นคง ต่อให้คิดถึงอนาคตก็คงไร้ประโยชน์เสิ่นว่านจือเห็

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1507

    พระราชวังแห่งซีจิงตระการตาโอ่อ่าหรูหรา ตั้งตระหง่านท่ามกลางรัตติกาล แผ่รัศมีแห่งความศักดิ์สิทธิ์และสงบน่าเกรงขามเมื่อผ่านประตูพระราชวังชั้นแรก รถม้ายังคงแล่นไปบนถนนภายในวังที่กว้างขวาง ไม่ได้คับแคบนักทว่าที่นี่ใช้ตะเกียงน้ำมันราวกับไม่ต้องเสียเงิน ที่ใดที่หนึ่งล้วนจุดไฟส่องสว่างไสว เมื่อก้าวลงจากรถม้าแล้วเดินไปตามระเบียงทางเดิน ค่ำคืนที่มืดมิดกลับสว่างราวกับกลางวัน บนต้นไม้ใหญ่สองข้างทางแขวนโคมไฟลมไว้มากมาย หากใครคิดซ่อนตัวอยู่บนนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเพียงปรายตาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนซูลันจีเดินนำอยู่เบื้องหน้า เมื่อมาถึงด้านหน้าตำหนักแห่งหนึ่ง นางกำนัลในวังสองนางก้าวออกมา พูดคุยกับซูลันจีเป็นภาษาซีจิงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพลางค้อมกายคารวะซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือซูลันจีกล่าวว่า “ใต้เท้าซ่ง แม่นางเสิ่น ฝ่าบาททรงเชิญทั้งสองท่านเข้าสู่ตำหนัก”นางกำนัลทั้งสองเดินนำไปข้างหน้า พาซ่งซีซีและเสิ่นว่านจือเข้าไปภายในภายในตำหนักโอ่อ่าตระการตา เสาสลักลวดลายสองต้นขนาบข้าง หนานแน่นจนดูเหมือนพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ให้ความรู้สึกหนักแน่นกดดันจักรพรรดิ์หยวนซิน ประทับอยู่บนพระเก้าอี้ไม้จันทน์ส

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1506

    เมื่อเดินทางมาถึงเมืองหลวงของซีจิง ก็เป็นวันที่สิบสามเดือนแปดแล้ว ระยะเวลานับจากที่พวกเขาออกจากแคว้นซาง ผ่านไปครบหนึ่งเดือนพอดียามบ่าย แสงแดดอบอุ่นกำลังดีฉินอ๋องนอนเอนอยู่ในรถม้า ขณะเข้าสู่ตัวเมืองนับตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนซีจิง พวกเขาถูกลอบสังหารถึงเจ็ดครั้ง ครั้งสุดท้ายมาอย่างดุดัน ควรเป็นกลุ่มนักฆ่าที่ถูกฝึกมาเพื่อสละชีพ กองทัพซวนเจียได้รับบาดเจ็บไม่น้อย แม้แต่เสิ่นว่านจือเองก็ถูกฟันเข้าที่ไหล่ เคราะห์ดีที่ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็นฉินอ๋องตกใจแทบสิ้นสติ ก็เพราะตอนที่กลุ่มนักฆ่าบุกเข้ามา เขาเพิ่งจะออกจากห้องส้วมได้ไม่นาน ดาบของนักฆ่าพุ่งเข้าปักอกเขาไปแล้ว และกำลังจะทะลุเข้าไปอีก ทว่า…ซ่งซีซีพบเห็นทัน นางพลิกกายคว้าหอกยาว ตวัดแทงเข้ากลางอกของนักฆ่าก่อน จากนั้นใช้ตะขอที่ปลายหอกพาดเกี่ยวแล้วกระชากร่างของนักฆ่าล้มไปด้านหลัง ฉินอ๋องจึงรอดชีวิตมาได้เขาบาดเจ็บเพียงผิวเผิน ทว่ากลับทำราวกับได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่ำร้องโอดครวญอยู่ครึ่งคืนกว่าจะสงบลงซูลันจีนำข้าราชบริพารมาออกต้อนรับ บัดนี้ เขาเป็นเสนาบดีแห่งซีจิงทันทีที่มองเห็นซ่งซีซี เขาก็จำได้ในทันที ค้อมกายคารวะแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ทั

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1505

    ฉินอ๋องได้รับความหวาดกลัว จึงให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาทเพื่อบรรเทาอาการซ่งซีซีไปเยี่ยมดูอาการของเขา หน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ ไร้สีเลือด ริมฝีปากยังสั่นระริก เอ่ยถามด้วยเสียงสั่นเครือว่า “พวกมือสังหารไปหมดแล้วหรือยัง?”ซ่งซีซีบอกเขาว่า มือสังหารจากไปแล้ว เขาถึงค่อยหยุดสั่นไปบ้างที่จริง คนรอบตัวเขาต่างบอกไปแล้วว่าศัตรูถูกขับไล่ไปหมดแล้ว แต่เขากลับไม่เชื่อ ต้องให้ซ่งซีซีเป็นคนพูดเองถึงจะรู้สึกปลอดภัยซ่งซีซีกำชับให้เขาพักผ่อนดีๆ แล้วจึงออกมาหลี่เต๋อฮวยกำลังปลอบขวัญผู้คนอื่นๆ ในฐานะเสนาบดีกรมทหาร เขาผ่านประสบการณ์มามาก ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นอันใด เขาเชื่อมั่นในตัวพระชายาและกองทัพซวนเจีย มิได้เห็นว่าเป็นเรื่องน่ากลัวอะไรนัก อย่างมากก็แค่เสียหัวหนึ่งขณะเดียวกัน กลุ่มคนจากภูเขาเหม่ยชานรวมตัวกันสนทนา เริ่มสงสัยว่ากลุ่มคนชุดดำที่พบเจอที่ชายแดนเฉิงหลิง อาจจะเป็นกลุ่มเดียวกับมือสังหารในคืนนี้ข้อสันนิษฐานนี้เป็นเสิ่นว่านจือที่กล่าวขึ้นมา นางคิดว่าพวกเขาหายตัวไปได้อย่างลึกลับเกินไป น่าจะมีเส้นทางลับที่ใช้หนีออกไป และพวกนั้นต้องมีแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้ายิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองกลุ่มล้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1504

    เช้าตรู่ กองคณะทูตออกเดินทางไปยังซีจิงซ่งซีซีมิได้รู้สึกอาลัยอาวรณ์มากนัก เพราะขากลับก็ยังต้องผ่านชายแดนเฉิงหลิงอยู่ดี นางยังมีโอกาสได้พบกับครอบครัวของท่านตาอีกหลังจากออกจากชายแดนเฉิงหลิง เส้นทางก็เริ่มขรุขระมากขึ้น หลายจุดเต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือไม่ก็ถูกทำลายโดยเจตนา ทำให้รถม้าวิ่งไปได้ยากทว่าฉินอ๋องกลับไม่ต้องการขี่ม้าอีกแล้ว แม้จะได้พักฟื้นอยู่หลายวัน แต่บาดแผลที่ต้นขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่มาก ถึงแม้จะเดินได้ แต่เมื่อต้องนั่งบนอานม้า ความเจ็บปวดยังคงสร้างความลำบากให้แก่เขาดังนั้น ฉินอ๋องผู้ที่เพิ่งสร้างความดีความชอบในชายแดนเฉิงหลิง และเป็นผู้ก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็เอ่ยปากว่าเขาจะนั่งรถม้าเมื่อรถม้าติดหล่ม กองทัพซวนเจียก็ลงจากหลังม้าช่วยกันเข็นอย่างยากลำบากดีที่ว่าตอนนี้เส้นทางระหว่างสองแคว้นเปิดให้สัญจร ไม่มีการปิดกั้น ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมาใหม่ได้หากต้องปีนข้ามภูเขาสูงลิบลิ่ว เกรงว่าบั้นท้ายอันสูงศักดิ์ของฉินอ๋องคงต้องรับเคราะห์ไปอีกมากเมื่อเข้าสู่เขตแดนของซีจิง ขบวนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่เปินเอ่อร์ ซึ่งมีขุนนางและทหารของซีจิงมาคอยต้

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1503

    นายท่านเซียวแปดออกคำสั่งให้ไปสืบหาเรื่องนี้ โดยมอบหมายให้จ้านเป่ยว่างเป็นผู้นำกำลังไปสืบข่าวตามที่ต่างๆเรื่องที่ซ่งซีซีเดินทางมายังชายแดนเฉิงหลิงนั้น จ้านเป่ยว่างรู้ดี วันนั้นตอนที่คณะทูตเดินทางมาถึงเขตเมือง เขายืนดูอยู่ห่างๆ แต่ไม่ได้เข้าไปต้อนรับเขายืนอยู่ไกลมาก ถึงขั้นที่ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้ชัดเจน เห็นเพียงเงารางๆ คล้ายกับเป็นนางเท่านั้นเขาเองก็รู้สึกว่าตัวเองช่างทำเรื่องเปล่าประโยชน์ นางกับเขายังมีความเกี่ยวข้องอันใดกันอีก? เรื่องราวของเมืองหลวง เขาสมควรอยู่ให้ห่างที่สุดในระหว่างที่คณะทูตพักอยู่ที่ชายแดนเฉิงหลิง พวกเขาต่างก็ใช้เวลาหารือเกี่ยวกับกลยุทธ์การเจรจา รวมถึงจำลองสถานการณ์หลายครั้งทุกคนต่างเข้าใจดีว่าการเจรจาครั้งนี้ แม้จะง่ายกว่าครั้งก่อน แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายอย่างแท้จริงนี่คือเรื่องที่จักรพรรดิ์​นีใส่พระทัยเป็นอย่างยิ่ง นางจะไม่ยอมประนีประนอมง่ายๆ แน่นอนทางตระกูลเซียวเองก็เป็นกังวลว่าฝ่ายตรงข้ามอาจส่งคนเข้ามาสืบความลับเกี่ยวกับกลยุทธ์ของคณะทูต หากพวกเขาล่วงรู้แผนการ ก็สามารถรับมือได้ทันการณ์ ซึ่งจะทำให้แคว้นซางเสียเปรียบดังนั้น นายท่านเซียวแปดจึงสั่

  • สตรีขี่ม้าออกศึก   บทที่ 1502

    หอชุนหม่านในวันนี้เต็มแน่นไปหมดเดิมทีโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก ปกติก็มีแขกมารับประทานอยู่บ้าง แต่เมื่อสตรีผู้นั้นพาคนชุดดำเข้ามา พวกเขาก็จับจองที่นั่งที่เหลือทั้งหมดซ่งซีซี เสิ่นว่านจือ และกุ้นเอ๋อร์ทั้งสามคน ถูกเจ้าของร้านเรียกให้ไปนั่งที่โต๊ะเล็กๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาเป็นการชั่วคราว แยกออกจากพวกเขาเสียงของบุรุษผู้นั้นดังขึ้นข้างหูนาง แฝงแววขอโทษเล็กน้อย ทั้งยังฟังดูอบอุ่นน่าฟังยิ่งนัก “พวกเขาทั้งหมดเป็นสหายของข้า เช่นเดียวกับข้า ยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนเลย หากแม่นางไม่สบายใจ ข้าจะให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู แล้วแต่ละคนรับหมั่นโถวไปคนละลูกก็พอ”เสิ่นว่านจือถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว “ไม่จำเป็นหรอก นั่งตามสบาย อยากกินอะไรก็สั่งมาเถิด”บุรุษคนนั้นเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “แม่นางทั้งงดงามและมีจิตใจเมตตานัก เช่นนั้นพวกข้าก็จะสั่งอาหารตามสบายแล้วกัน ขอมากหน่อย”“ได้…ได้สิ” เสิ่นว่านจือพยักหน้า แล้วกวาดตามองคนชุดดำที่เต็มร้าน พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่มีเครื่องหมายบางอย่างที่แขนเสื้อ ดูเหมือนจะเป็นตัวอักษร แต่เพราะเสื้อเหล่านั้นยับย่นและเปรอะเปื้อนจนมองแทบไม่อ

Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status